Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปพิษฐาน : ตอนที่ 13-14 ติดต่อทีมงาน

สวัสดีครับมิตรรักนักอ่านทุกท่าน
        ขอบคุณสำหรับกิฟต์นะครับ คุณ แก้วกังไส, คุณนารีจำศีล, คุณkdunagin, คุณSetakan, คุณ Regenbogen ^_^,คุณ Friday Story, คุณ มานีโอลา, คุณอัญชา และคุณ Travel to the moon

ขอตอบคำถามก่อนแล้วกันนะครับ

คุณแก้วกังไส : ส่วนใหญ่บางทีอ่านหนังสือแล้วผมก็ชอบนำมา "จับแพะชนแกะ" เหมือนกันครับ ประวัติศาสตร์ กับ ตำนาน บางทีก็เกี่ยวโยงกัน และบางเรื่องก็ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จุดนี้ ทำให้รู้สึกว่าเป็น ส่วนที่เราอดจะจินตนาการต่อยอดออกไปเองไม่ได้ครับ

คุณ scottie : เรื่องนี้ข้อสันนิษฐานของขุนวิจิตรมาตราครับ โดยท่านได้นำมาโยงกับชีวประวัติของสุนทรภู่ ในการสร้างจินตนิยายเรื่องพระอภัยมณี ขึ้นมา ประเด็นเหล่านี้บางทีก็ยังไม่มีข้อยุติชัดเจนเหมือนกันครับ เหมือนเรื่องนางนพมาศ ที่มีข้อขัดแย้งว่าจริงๆแล้ว มีตัวตนจริงอยู่ในสมัยสุโขทัย หรืออยุธยากันแน่

คุณ กุลธิดา : เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ ผมเองก็ชอบอ่าน จนเคยคิดจะเรียนทางคติชนวิทยาอยู่เหมือนกันครับ

คุณkaburapat: มาถึงตอนนี้คงจะพอหายลุ้นไปบ้างแล้วนะครับ (เพื่อเตรียมลุ้นตอนต่อไปครับ แหะ แหะ)

คุณRegenbogen ^_^  : ใจจริงอยากลงทีเดียวให้จบเลยเหมือนกันครับ แต่ผมต้องมาจัดรูปแบบจากไฟล์เวิร์ดอีกทีครับ แล้วรู้สึกว่าอ่านเป็นตอนๆ เหมือนในนิตยสาร จะ "ลุ้น" มากกว่าครับ ยังไง จะลงทุกสัปดาห์จนกว่าจะจบ แน่นอนครับ
   ถ้าเดือนตุลาคม คุณRegenbogen ^_^ มีโอกาสมาเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือ แวะเวียนมาทักทายผมที่บู๊ท ณ บ้านวรรณกรรม ได้เลยนะครับ
ปล. ขอบคุณนะครับ พอดีพิมพ์ผิดจริงๆครับ

คุณ มานีโอลา ขอบคุณมากครับ

คุณ โตยธาร ขอบคุณเช่นกันครับ อย่าลืมช่วยลุ้นไปจนถึงตอนอวสานด้วยนะครับ

คุณมน ขอบคุณครับ เที่ยวสงกรานต์ให้สนุกนะครับ แล้วกลับมาอ่านต่อได้เลยครับ


วันนี้ขอนำลงสาปพิษฐานต่อ ตอนที่ 13-14 เลยนะครับ
สาปพิษฐาน ตอนที่ผ่านมาครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10435560/W10435560.html

บทที่ 13

             กายอกำลังเหนี่ยวไกปืน สหายร่วมทีมของมันสองคนหมดสภาพไปแล้วจากฝีมือยิงปืนของไอ้ผู้กองกระดูกเหล็กนั่น แต่มันมองเห็นวิธีการเอาชนะที่เหนือไปกว่า รู้ดีว่ายังมี “คนสำคัญ”อีกคนหลบซ่อนตัวอยู่ในรถคันนั้น แต่แรกมันไม่ทันมองเห็นหรอก นึกว่าคนในรถหนีออกไปหมดแล้ว แต่แสงวาบหนึ่งจากด้านในทำให้มันเฉลียวใจ

               ผู้หญิง!

        นังผู้หญิงที่ติดตามผู้กองพระแสงมาที่โรงพยาบาลนั่นเอง สายตาของมันบอกกับตัวเองไม่ผิดพลาดว่า นี่อาจจะเป็นจุดอ่อนจุดเดียวของพระแสงก็เป็นได้

          ถ้ามันจัดการนังผู้หญิงคนนี้ได้สำเร็จ นายตำรวจผู้นั้นก็จะต้องปรากฏตัวขึ้นด้วยความห่วงใย สายตาของมันไม่เคยผิดพลาด ผู้หญิงหน้าสวยคนนี้จะต้องมีความสำคัญไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อไอ้ตำรวจเดนตายผู้นี้ ถ้ามันคิดถูก... การใช้ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวต่อรองก็จะทำให้การแลกเปลี่ยน “ของ”เป็นไปได้ง่ายขึ้น... รวมทั้งการจัดการพวกมันให้หมดสิ้นพร้อมกันภายหลังจากนั้น

        ซึ่งง่ายกว่าการเก็บพวกมันทั้งสองคนในสภาพแบบนี้

         กายอตั้งใจจะยิงข่มขวัญเด็กสาวหน้าสะสวยที่ติดอยู่ภายในรถนี่ก่อน อย่างเบาะๆก็เอาแค่ให้มันเจ็บตัวพอจะส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือออกมา

         สายตาคมกล้าของมันมองผ่านปีกหมวก แล้วเล็งไปที่ร่างที่นั่งหมอบอยู่เป็นเป้านิ่งโดยแน่วแน่ ก่อนจะเหนี่ยวไก...

         แล้วอะไรบางอย่างก็พุ่งวาบผ่านเข้าหามันอย่างรวดเร็ว เร็วเกินกว่ามือปืนมือฉมังจะตั้งตัวได้ทัน คลื่นความร้อนพุ่งวาบฉกเข้าหากำมือของมันแล้วปล่อยพลังระอุร้อนฉ่าไม่ต่างกับการนาบฝ่ามือลงบนเปลวไฟ

        อ้ากซ์ซ์ซ์...

        บังยอหลุดปากร้องออกไปสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดสุดพรรณนา แรงในการกำด้ามปืนคล้ายถูกบิดกลับอย่างรวดเร็วจนปลายกระปืนสั่นสะท้าน ก่อนที่มันจะพลิกกลับร้อยแปดสิบองศา!

       เสียงกร๊อบดังขึ้นในความสงัด นั่นเป็นเสียงกระดูกข้อมือที่ถูกบิดพับด้วยแรงมหาศาล จนหักสะบั้น หากกระนั้นอุ้งมือของมันก็ยังหมุนเลื่อนอย่างช้าๆ เบนปลายกระบอกปืนหันกลับเข้าหาตัวเองอย่างเยือกเย็น... นอกเหนือจากคำสั่งของมันสมองตัวเอง

                “ไม่ม์ม์ม์ม์”

             คราวนี้มันรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตนเอง กายอมองมือของมันเหมือนกับเป็นอวัยวะอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่เหนือการควบคุม สายตาของมันไล่ขึ้นไปยังเงาขาวโพลนที่ค่อยๆรวมตัวขึ้นอย่าหนาแน่น จนกลายเป็นเรือนกายที่ชัดแจ้งกระจ่างจ้าเต็มสายตา

            ใครคนที่มันไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต แต่ได้มีโอกาสเห็นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต!

                  มือของมันพลิกหมุนด้วยความรวดร้าวเจียนขาดใจ กระดูกข้อต่อนิ้วทุกนิ้วลั่นบิดอย่างผิดรูป หากก็เคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิตเป็นของตัวเอง ค่อยๆเลื่อนกลับเข้าไปในไกปืนแล้วเหนี่ยวเข้าหาส่วนศีรษะของมัน

                 ด้วยนัยน์ตาเหลือกลานเมื่อมองเห็นความตายที่มือของมันเองเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้โดยมิพึงปรารถนา บังยอมองเห็นนัยน์ตาสีแดงก่ำราวอสุรกายจากขุมนรกเปล่งแสงวาบขึ้นเพียงวูบเดียว

             จากนั้นเสียงปืนในมือของมันก็ระเบิดขึ้นพร้อมสีแดงผุดกระจายไปทั้งจอภาพ และทุกอย่างก็มืดสนิทลง...

                ชั่วนิรันดร์!!

                   *********************
    ศาปานต์ไม่มีวันลืมภาพที่ปรากฏต่อหน้าไปอย่างเด็ดขาดตลอดชีวิต เมื่อมองเห็นเงาสีขาวโพลนค่อยๆหลอมรวมเป็นร่างๆหนึ่งผงาดเงื้อมและส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายท่อนแขนอันทรงพลังก็จับแขนของมือสังหารรวบเข้าหากัน แล้วหักมันกลับเข้าหาตัวเอง เสียงกร๊อบของกระดูกที่หักสะบั้นดังเหมือนกังวานไปทั้งโพรงประสาท ก่อนที่มันจะเหนี่ยวไกปืนเข้าใส่ศีรษะตนเองชนิดเผาขน

       หล่อนควรจะหลับนัยน์ตาลง เมื่อส่วนของกะโหลก มันสมองและโลหิต สาดกระจายไม่ต่างกับละอองฝนโปรยปลิวกระทบแผ่นกระจกหน้ารถจนเปรอะไปหมด สีแดงฉานปนด้วยสีเทาขาวขุ่นของเศษเนื้อสมองแตะแต้มอยู่เบื้องหน้าราวกับการสะบัดหมึกของจิตรกรเอกจากขุมนรก

      กระนั้นหญิงสาวก็ยังเบิกนัยน์ตาค้างโพลงมองปรากฏการณ์ส่วนที่เหลือเบื้องหน้าโดยไม่อาจแม้แต่กระพริบตา

        อณูมวลสารทวีความเข้มข้นก่อนการแปรรูปเป็นร่างขึ้นทีละน้อย อย่างชัดเจนเต็มนัยน์ตาเมื่อปรากฏเป็นกายาอันสะคราญโฉมด้วยรูปลักษณ์และเครื่องแต่งกายอันประหลาดตา หากใบหน้านั้นต่างหากที่โดดเด่นและกลับยิ่งชัดเจนในยามที่เบนกลับมาประจันกับหล่อนพอดี กระแสความห่วงใยชัดเจนจนมิอาจปิดบังได้

      ...เป็นใบหน้าของปรมา แสงบดินทร์!

       เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นที่ทุกสรรพส่วนเหล่านั้นก็แตกสลายออกจากกัน จนเหลือเป็นเพียงกลุ่มควันเจือจางหายลับไปกับบรรยากาศรายรอบ...

     สติของหล่อนวูบดับลงไปทันที

                    ***************************

      ชิงฉัตร ธารานพรัตน์ก้าวลงมาจากพาหนะคันงามเมื่อมันแล่นเข้ามาจอดสนิทอยู่หน้าศาลาการเปรียญองบริเวณวัดที่ค่อนข้างกันดารแห่งนั้น สายตาหลายคู่หันมามองโดยพร้อมกัน แต่นายหัวหนุ่มใหญ่ก็มิได้สนใจ เขาพยักหน้าให้กับคนขับรถ เดินอ้อมไปยังประตูด้านหลังแล้วหยิบพวงหรีดขนาดใหญ่ตามเข้ามาด้วย

        เจ้าภาพสูงวัยเดินเข้ามาต้อนรับและนายหัวคนดังก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมสุภาพ

       “ผมขอแสดงความเสียใจกับผู้กององอาจด้วยนะครับ”

     โดยมารยาทอีกฝ่ายจึงจำต้องเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปนั่งยังเก้าอี้รับรองด้านหน้าสุดแม้ว่าจะอดแปลกใจต่อการปรากฏตัวของนายหัวคนดังไม่ได้ ชิงฉัตรนั่งสนทนากับบิดาวัยชราของผู้กององอาจและบรรดาญาติพี่น้องของเขาอย่างเป็นกันเอง จนทำให้คนเหล่านั้นวางใจและคิดว่า โกฉัตรคงต้องการจะมาหาเสียงเพื่อเตรียมลงสมัครเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง ไม่มีใครสักคนที่จะแปรความหมายนั้นเป็นอย่างอื่น

        พระภิกษุสงฆ์เริ่มขึ้นสู่ธรรมาสน์ในเวลาไม่นานนัก หากยังไม่ทันที่จะเริ่มสวดบังสุกุล เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน อาคันตุกะใหญ่ยกมือขออภัยบรรดาเจ้าภาพแล้วเลี่ยงออกมานอกบริเวณศาลา เมื่อมองเห็นชัดเจนว่าปลายสายเป็นเบอร์ของใคร

       สีหน้ายิ้มแย้มอ่อนละมุนแต่แรก แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในยามอยู่เพียงลำพังปราศจากผู้อื่นพบเห็น

      “ว่าไง ราม?”

       เป็นสายตรงจากคนขับรถหมายเลขหนึ่ง ผู้ที่เขามอบหมายงานพิเศษให้ก่อนหน้านั่นเอง เสียงของบังรามกระหืดกระหอบมาตามสาย

       “นายหัวครับ ผมสืบหาคนที่นายหัวพูดถึงแล้วนะครับ”

       “สิงหบดี ปกาพงศ์?”

      “ครับนาย... แต่... เอ้อ...”

     “ทำไมวะ มัวอ้ำอึ้งหาหอกอะไร รึว่าแกทำไม่สำเร็จ?”

    เขาเกือบตวาดออกไปแล้วด้วยความเคยชิน เสียงปลายสายยิ่งสั่นมากขึ้นเหมือนกับรู้ในฤทธิ์เดชของนายหัวฉัตรเป็นอย่างดี

      “มีครับนาย... ผมค้นหาจนพบชื่อของสิงหบดี ปกาพงศ์ ตามข้อมูลที่นายต้องการทุกอย่าง แต่ว่า...”

      ประโยคต่อมานั่นเองที่ทำให้ชิงฉัตรถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ

     “มันเป็นชื่อแฝงครับนาย ชื่อจริงของมัน... เอ้อ ก็คือ เจ้าชายสิงหราปาตี ปาเดรี แห่งแคว้นกุรุงปักกา!”

                          ***********************

    บังรามวางสายลงตาม “สัญญาณ”ของผู้ที่ยืนประกบอยู่ข้างๆมัน ก่อนจะหันมาพยักหน้ารับด้วยท่าทางนอบน้อม กริ่งเกรง...

        “เรียบร้อยแล้วครับนาย”

      “นาย”เอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มกังวาน ทรงพลังอำนาจเหนือยิ่งไปกว่าที่รามเคยรู้สึกกับโกฉัตรนับร้อยพันเท่า

       “ปล่อยให้มันเข้าใจไปอย่างนี้แหละดีแล้ว ส่วนแกก็ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องนี้อีกเข้าใจไหม?”

        “เข้าใจครับผม”

         เขายกมือประสานกัน ทั้งเสียงและร่างกายสั่นสะท้านเกินควบคุม ตระหนักถึงพลังอำนาจของอีกฝ่ายที่มีอยู่เหนือกว่า จนแทบจะข่มร่างผอมบางให้ลีบเล็กลงไปจนไม่เหลือ

     “ดีมาก... แล้วปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามวิถีทางของมัน”

       ผู้เป็นนายโบกมือเป็นเชิงยุติการสนทนา และมันก็รีบลนลานออกไปจากที่แห่งนั้น ด้วยความโล่งใจ แทบไม่ต้องการจะอยู่เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแม้แต่สักเวลานาทีเดียวและถ้าเป็นไปได้... ตลอดชีวิต!

       มันรู้สึกถึงความกลัวที่แล่นขึ้นจับขั้วหัวใจในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ความกลัวอย่างไม่มีเหตุผล แม้แต่ในยามก้าวออกมาจากบริเวณนั้นแล้ว ก็ยังไม่วายรู้สึกเหมือนสายตาของอีกฝ่ายจับจ้องทะลุผ่านแผ่นหลังเข้าไปถึงหัวใจ รับรู้ถึงทุกความคิด และความหวาดกลัวของมัน...

      ลับร่างของสารถีนายหัวฉัตร “นาย”ผู้ที่บังรามเรียกขาน ก็เหยียดยิ้มขึ้นอย่างพึงใจ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปสู่เส้นทางที่รอคอยเบื้องหน้า

    ด้วยรอยยิ้มลึกลับของสิงหบดี ปกาพงศ์ นั่นเอง!

            **********************

   บังรามรู้แล้ว ถึงความหวาดกลัว อันเหนือกว่าความรู้สึกเกรงกลัวเฉกปกติสามัญ นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นภารกิจตามได้รับมอบหมายจากโกฉัตร มันไม่จำเป็นต้องตามหาบุรุษชื่อสิงหบดีคนนั้นเลย เพราะเขาเป็นฝ่ายมาหามันด้วยตัวเอง!

       ในเย็นวันนั้นหลังจากได้รับมอบหมายงานจากนายหัวฉัตร ทันทีเมื่อมันกลับมาถึงบ้านบังรามตั้งใจจะติดต่อกับสายที่รู้จักกันมาก่อน ให้ช่วยสืบหาข้อมูล มันพยายามนึกถึงชื่อและนามสกุลที่ได้รับมาจากโกฉัตรด้วยความพิศวง

      นักธุรกิจใหญ่แห่งเกาะนกยูง สิงหบดี ปกาพงศ์ แค่ชื่อและนามสกุลอย่างนี้คนที่เกิดในท้องถิ่นและอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตกลับไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ซ้ำไอ้เกาะนกยูงอะไรนี่อีก... มันเคยได้ยินแต่เกาะยูง และเกาะอื่นๆในแถบทะเลชายฝั่งกระบี่ แต่ชื่อเกาะนกยูงที่ว่า ไม่เคยได้ยินชื่อเช่นนี้ยินมาก่อนเด็ดขาด

    “สงสัยนายหัวจะถูกแหกตาเสียมากกว่าว่ะ”

   แต่ก็ไม่กล้าพูดมาก เพราะรู้ดีว่าโกฉัตรไม่ชอบให้ใครมาขัดคำสั่ง ทุกอย่างคือประกาศิตที่ห้ามปฏิเสธ

    รามเดินทางมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ เมื่อเห็นทาวน์เฮาส์ขนาดย่อมที่กำลังจะเปลี่ยนสภาพเป็นบ้านเดี่ยวหลังงามภายในไม่ช้านี้

   บ้าน...
   
    บ้านในความทรงจำแต่วัยเยาว์ของมันในอดีต ก็เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงหลังเล็กๆที่ต้องวิ่งเอากระป๋องมารองน้ำฝนที่รั่วจากหลังคาสังกะสีเก่าผุ แต่ภายหลังจากทำงานให้โกฉัตร... ทั้งหน้าที่สารถีมือหนึ่งและสมุนรับใช้ที่คอย “ตามเก็บกวาด” ในบางเรื่อง ฐานะของมันก็เริ่มดีขึ้นจนสามารถซื้อทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งได้ และเงินก้อนอีกจำนวนหนึ่งที่จะได้รับในงวดต่อๆไป ก็อาจจะทำให้มันมี “คฤหาสน์” เป็นของตนเองได้ในสักวัน

      ความฝันสีสวยเริ่มคลายลงเมื่อมันก้าวเข้าสู่เขตรั้วบ้าน บังรามเกิดความรู้สึกที่แปลกไปกว่าทุกวัน เย็นย่ำวันนี้ทุกอย่างในบ้านเงียบสนิท ราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่เลยสักคน

    “นิสา?”

    ตะโกนเรียกภรรยา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ รามตัดสินใจผลักประตูเข้าไปช้าๆ มันเปิดกว้างออกอย่างง่ายดาย และร่างทึบทะมึนในเงามืดที่เขาต้องการพบก็เป็นฝ่ายรอคอยอยู่แล้ว

     “แกใช่ไหมที่ต้องการพบกับข้า ไอ้ราม?”

     เสียงห้าวกระหึ่มทำให้บังรามถึงกับขนลุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ มันเคยเผชิญหน้ากับศัตรูมาหลายต่อหลายรายแล้วโดยไม่เคยพรั่นพรึง หากคนเบื้องหน้าเพียงแค่คนเดียวกลับมีพลังบางอย่างที่สามารถข่มให้เกิดความรู้สึกกริ่งเกรงได้อย่างน่าประหลาด

      “ใคร?”

      มันค่อยๆเลื่อนตัวแนบไปกับผนัง ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีอาวุธใดๆด้วยหรือไม่ ร่างทึบทะมึนในเงามืดนั้นเห็นแต่เพียงโครงร่างสูงใหญ่โดยมิอาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน มือของมันเลื่อนไปแตะสวิทช์ไฟเตรียมกด

       “สิงหบดี ปกาพงศ์...”

      แชะ!!

     มีความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความมืดหนาทึบทวีความเข้มข้นเหมือนตกอยู่ท่ามกลางทะเลน้ำหมึก บังรามชักปืนออกมา หากพริบตา มันรู้สึกเหมือนสายฟ้าขีดวูบในความมืดทมิฬรายรอบ ส่งกระแสพุ่งตรงเข้าสู่ข้อมือของมันเป็นเป้าหมาย

       ความเจ็บปวดรวดร้าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณบอกให้มันถอยหลังออกไปโดยอัตโนมัติ

    ปัง!

       บานประตูไม้ถูกมือที่มองไม่เห็นผลักปิดเข้าหากันอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือทางออกอีกต่อไป คราวนี้ความหวั่นกลัวพลุ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อร่างนั้นลุกขึ้นช้าๆและก้าวตรงเข้ามาหามันที่สะดุดขาตัวเองหงายล้มผลึ่งลงไปจำเบ้ากับพื้น

   “แก... แกจะทำอะไร?”

     ให้ตายเถอะ! เสียงของมันสั่นพร่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงหัวเราะกร้าวกระหึ่มดังลั่น ผ่านออกมาจากลำคออีกฝ่าย มันสัมผัสถึงพลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเรือนกายสูงตระหง่านเบื้องหน้า ไม่ต่างกับพญามัจจุราชกำลังทวงชีวิต

     “อย่าาาาาาาาาาาาา”

    บังรามหลับนัยน์ตาแนบแน่น หากเสียงที่เปล่งออกมากลับทำให้มันต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง

      “ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าทั้งสิ้น ถ้าหากเจ้าตกลงทำตามข้อเสนอของข้า”

    “ข้อเสนอ?”

     บังรามลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาทั้งคู่เบิกโพลง และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจาก “นายท่าน” ได้เอ่ยออกมาจนครบถ้วน มันก็รู้ตัวว่าไม่อาจปฏิเสธ “ข้อเสนอ” นั้นได้อีกต่อไป...

      ***********************

  “องค์ระเด่นสิงหราปาตี ปาเดรี แห่งแคว้นกุรุงปักกา?”

     ชื่อนั้นกลับสร้างความคุ้นเคยอย่างประหลาด จนถึงกับทำให้นายหัวชื่อดังต้องกลับมานั่งทบทวนความทรงจำอีกครั้งเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ส่วนตัวในเขตตัวเมืองกระบี่ หากก็เพียงคลับคล้าย... มิอาจระบุได้ว่ามันเกิดขึ้นมาจากความทรงจำในส่วนเสี้ยวใด ในหน้าประวัติศาสตร์ที่เคยค้นคว้ามาของแผ่นดินในคาบสมุทรมลายู อาณาจักรศรีวิชัย ตามพรลิงค์ หรือราชวงศ์ชวาแห่งราชอาณาจักรสิงหัดส่าหรีแห่งพระเจ้า เกอรตานาการา มาจนถึงยุคสมัยมัชฌปาหิต ลังกาสุกะ ล้วนมิเคยมีนามกุรุงปักกาปรากฏ ยิ่งเฉพาะชื่อรัฐต่างๆในปัจจุบันของทั้งชวาและมลายู กะลิมันตัน สุละเวสี กลันตัน ตรังกานู... หากทำไมเขาจึงกลับคุ้นเคยกับนามแห่งกุรุงปักกานั้นยิ่งนัก??

      ชิงฉัตรเอามือลูบคางครุ่นคิด ข้อมูลที่ได้รับมาจาก “สาย”อย่างบังรามทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว

   นอกเหนือจากการเฝ้าจับตาไอ้ผู้กองเดนตาย พระแสง สุริยภพ ยังมี เจ้าชายจากแคว้นชื่อประหลาดพระองค์นั้นเข้ามาเป็นตัวแปรแทรกอีกผู้หนึ่งด้วย

    กุรุงปักกา!!

      ขุมขนลุกชันขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ชื่อที่คล้ายจะปลุกความรู้สึกบางอย่างที่หลับไหลมายาวนานให้ฟื้นตื่นขึ้นมา สิงหราปาตี... กุรุงปักกา รวมถึงชื่อของเกาะนกยูงนั่นอีกด้วย!!

    “คิดวางแผนธุรกิจอะไรอยู่หรือเปล่าคะเฮีย?”

    รสลินนั่นเอง น้องสาวโกฉัตรแต่งกายกรุยกรายโฉมราวกับมิได้อยู่ในอาภรณ์สำหรับอยู่เพียงลำพังในบ้านพัก หญิงสาวรู้สึกเสมอว่าไม่อาจปล่อยให้ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางรองทับเอาไว้ และไม่อาจอยู่ในสภาพเสื้อผ้าเก่าๆธรรมดาๆเหมือนกับคนอื่นทั่วไป สำหรับรสลิน ธารานพรัตน์แล้ว ไม่ว่าจะต้องอยู่ต่อหน้าใครหรือแค่อยู่พียงลำพังในบ้าน หล่อนจะต้องสวยงามเฉิดฉายอยู่เสมอ...

      “เปล่า เฮียเพียงแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง แกล่ะอาหลิน เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?”

     รสลินนั่งลงไขว้ขาเรียวเนียนขึ้นอย่างสบายอารมณ์

     “แปลกดีนะคะ ปกติหลินไม่เคยเห็นเฮียมีอารมณ์สุนทรีมาคิดอะไรเล่นๆเรื่อยเปื่อยอย่างนี้เลย ไม่คร่ำเคร่งกับธุรกิจของเราก็ยุ่งกับการติดต่อนักการเมืองทั้งหลาย”

     ชิงฉัตรหัวเราะเบา ถามเล่นๆเป็นเชิงเย้าน้องสาวสุดที่รัก

     “ทำไมหรือ เฮียจะเปลี่ยนไปมั่งไม่ได้รึไง รึว่าแกมีปัญหา?”

   “ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ใครจะกล้ามีปัญหากับนายหัวชิงฉัตร? สำหรับเรื่อง“ที่ว่า”ยิ่งสบายมาก ขอแค่เฮียช่วยจัดเตรียมสถานที่เอาไว้ให้หลินเท่านั้นเองก็พอ... อีกแค่สองวันเท่านั้นไม่ใช่หรือคะ ว่าแต่โกติดต่อไปรึยังล่ะ?”

ชิงฉัตรพยักหน้า

     “เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว เรือมณีไพลินมีกำหนดจะออกจากท่าเรือส่วนตัวของบ้านโกยอดตอนทุ่มตรง พร้อมผู้โดยสารระดับวีไอพีที่เราคัดสรรมาโดยเฉพาะ กลุ่มหัวคะแนนและพ่อค้า คหปตานีของที่นี่ รวมทั้งท่านรัฐมนตรีที่จะมาเปิดงานเป็นเกียรติให้กับโกยอดโดยเฉพาะ”

      นัยน์ตาหญิงสาวพราวระยับ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำว่า แขกวีไอพี นั่นจะมีโอกาสทำให้หล่อนแสดงความโดดเด่นออกมาได้เต็มที่ ในฐานะน้องสาวของนายหัวฉัตร ผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนค่าใช้จ่ายงานแซยิดบันลือโลกครั้งนี้

     “แต่เฮียก็ต้องลงทุนมากนะคะ สำหรับงานนี้”

      ชิงฉัตรจุดบุหรี่ขึ้นสูบ นัยน์ตาหรี่ลงอย่างโกฉัตรคนเดิมที่มีหัวทางการเจรจาต่อรองระดับพระกาฬ

     “แน่นอน ทุกอย่างถือเป็นการลงทุน ถ้าเราไม่ยอม“เสีย”ไปก่อน ก็ยากที่จะ“ได้”กลับมา... หมดยุคที่จะหวังขุดทองโดยวิธีการหวังน้ำบ่อหน้า หรือ จับเสือมือเปล่าอีกต่อไปแล้ว”

    “แล้วจะเราไว้ใจโกยอดได้แค่ไหนคะ?”

     รอยยิ้มบางอย่างปรากฏบนใบหน้านายหัวหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาแตะคางผู้เป็นน้องสาวเบาๆอย่างเอ็นดูแกมพอใจในคำถามของอีกฝ่าย

     “ขอให้รู้ไว้อาหลิน... ว่านอกจากเราสองคนพี่น้องแล้ว เฮียไม่เคยไว้ใจใครทั้งสิ้น... แม้แต่ตัวของโกยอดเองก็ตาม!!”
                     **********************

ต่อตอนที่ 14 เลยครับ
หมอกมุงเมือง

จากคุณ : สามปอยหลวง
เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 13:40:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com