นิยายมันก็แค่....นิยาย บทที่ 41
|
 |
บทที่ 41 มีประโยชน์อะไร ทันทีที่ผมได้ยินอย่างนั้นผมก็อึ้งไปเลยเพราะตอนสุดท้ายที่เจอยุ้ยบอกว่ากำลังรักษาแผลในคอที่ไม่รู้มาจากไหนตอนนั้นก็สงสัยว่าเพราะเครียดแล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องนอนโรงพยาบาลก็เลยถามเบอร์ห้องพักจากน้องที่แผนกเพราะอยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง สวัสดีค่ะ
ผมโทรไปที่ห้องแล้วมีคนรับสายเป็นเสียงยุ้ยแต่ว่าแหบมาก ยุ้ยเหรอนี้พี่แต้นะเป็นยังไงบ้าง อ้าวพี่แต้ ใครบอกเนี่ยยุ้ยถามมาแบบหอบๆ น้องที่แผนกบอกมา ก็ไม่เป็นอะไรนะเสียงแหบหายใจไม่ออกเข้าโรงบาลมา 2 รอบแล้วหมอยังหาสาเหตุกันไม่ได้เลยแต่วันแรกที่มาก็ไม่มีแรงเลยแล้วที่ใหม่เป็นไงบ้าง ผมก็คุยไปสัพเพเหระแต่ก็ห่วงยุ้ยมากกว่าแต่ยุ้ยก็คุยไม่ไหวแล้วจริงผมบอก จะไปเยี่ยมพรุ่งนี้ยุ้ยบอกไม่ต้องมาหรอกเดี๋ยวว่าจะออกจาโรงพยาบาลพรุ่งนี้แล้ว รุ่งขึ้นอีกประมาน 2 ชั่วโมงจะลงเวรผมก็โทรหาแจ๊คที่เป็นเพื่อนผมที่เป็นเภสัชเหมือนกันเพราะกะจะเอ็ดว่าทำไมไม่บอกกันบ้าง เฮ้ยแจ๊คน้องยุ้ยเข้าโรงพยาบาลไม่บอกกันวะ อ้าวก็นึกว่ารู้อยู่แล้วและคิดว่าไม่มีอะไรเลยไม่ได้บอก ก็เพิ่งโทรมาเมื่อวานตอนแรกก็จะไปเยี่ยมวันนี้แต่เห็นบอกว่าจะออกแล้วหนิ เฮ้ยน้องมันยังนอนโรงพยาบาลอยู่นะลองโทรไปเช็คดิ พอได้ยินอย่างนั้นก็บอกลากับเพื่อนเพราะกะโทรไปเช็คว่าเป็นอย่างไรจะได้ไปเยี่ยมพอโทรไปทีห้องก็ไม่มีคนรับก็โทรไปที่โอปเรเตอร์ว่าน้องย้ายไปหรือยังพอน้องที่อยู่โอปเรเตอร์รู้ว่าเป็นผมก็ลองต่อให้อีกทีแต่น้องก็บอกไม่มีคนรับผมเลยให้โอนไปที่แผนก เออนี่พี่แต้นะรู้ไหมน้องยุ้ยอยู่ไหน พี่แต้น้องยุ้ยเพิ่งมา CT สแกนเมื่อเช้านี้หายใจไม่ออกอีกแล้วตอนมาใส่ท่อช่วยหายใจมาด้วยพี่รีบมาดูดีกว่า ผมไม่เคยหนีงานขาดงานมาก่อนในชีวิตแต่ตอนนี้ไม่ว่ายังไงผมคงทำงานไม่ได้แล้วเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงผมเลยไปลากับหัวหน้าเพราะผมรอที่จะลงเวรไม่ไหวแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วตอนมาจ้างแท็กซี่มาด่วนเลยไม่สนเรื่องอะไรเพราะอยากแต่จะไปให้ถึงให้เร็วที่สุดคิดอะไรไปต่างๆนานา พอมาถึงก็เดินไปที่แผนกตัวเองก่อนครับเพราะจริงๆผมก็ฝึกตัวเองมาพอสมควรทีจะหารอยโรคเพื่อจะได้ช่วยลดเวลาแพทย์เลยทำให้พอที่จะอ่านผมได้พอสมควร พอเปิดหน้าจอมาก็ดูไปเรื่อยๆที่ปอดไม่มีอะไรมีแต่กล้ามเนื้อหัวใจที่โตกว่าปกติแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเพราะอาจเป็นไปได้ในบางคนไล่ไปจนถึงบริเวณคอครับที่ผมพบคือมีก้อนอะไรบางอย่างใหญ่มากเบียดเข้าไปที่เส้นเลือดที่คอของยุ้ยและกดทับหลอดลมบางส่วน ผมร้องไห้ที่หน้าเครื่องนั้นทันทีครับเพราะผมรู้แล้วว่ายุ้ยเป็นมะเร็งแต่ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้ทำไมผมไม่เคยนึกถึง
มันทำให้นึกถึงเรื่องที่หมอกระดูกคนหนึ่งบอกเอาไว้ว่าหมอไม่ว่าเก่งแค่ไหนถ้าไม่มีนักรังสีที่เก่งทำงานด้วยหมอก็ไม่สามารถรักษาได้ดีเหมือนกันมันทำให้ผมคิดว่าถ้าผมยังอยู่ที่นี้ผมคงจะขอหมอที่รู้จักตรวจหาแต่ตอนนั้นไม่ก็คงจะบังคับให้ยุ้ยตรวจมันแต่แรก พอออกมาด้านนอกก็มาเจอน้องๆบอกตอนมาตรวจน่าสงสารมากเพราะท่อช่วยหายใจครับผมคิดว่าต้องเจ็บอยู่แล้วเพราะก้อนกับท่อคงไปดันกันจนเจ็บน้องบอกว่าตอนนี้กำลังไปเจาะชิ้นเนื้ออยู่พอเสร็จน่าจะไปพักที่ ICU ผมก็เลยขึ้นไปที่แผนก ICU ครับก็เจอเพื่อนๆที่แผนก ICU ผมก็ขอดูฟิล์มหน่อยเพราะผมก็ถือว่าไม่ต่างจากญาติคนไข้คนหนึ่งเพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำไมยังต้องรอเจาะชิ้นเนื้อเพราะผมดูจากหน้าจอก็เป็นแบบที่เรียกว่าน่าจะเตรียมให้คีย์โมได้แล้ว ครับน้องทำตามแบบที่หมอคนหนึ่งบอกครับไม่สนที่จะถ่ายภาพให้เห็นรอยโรคชัดเจนครับแต่ใช้ค่าที่กำหนดเพราะยุ้ยเป็นคนที่ผอมอยู่แล้วถ้าเอาค่าที่กำหนดมาใช้ก็ดำจนแยกไม่ออกหรอครับอะไรโรคอะไรเนื้อแต่ภาพหลังฉีดยาก็เข้าที่ก้อนเนื้อก็น่าจะบอกได้ว่าให้คีย์โมจะทำให้ก้อนเล็กลงได้ช่วยน้องได้ก่อนก็เลยบอกแค่ว่าทำไมไม่เริ่มให้คีย์โมหรือเพื่อนที่เป็นพยาบาลบอกต้องรอผลชิ้นเนื้อก่อนอีก 3 วัน พอน้องออกมาผมก็แทบทรุดครับเพราะสภาพน่าสงสารมากเข็นออกมามีคนต้องคอยปั้มพอเพื่อนๆผมจัดเครื่องอะไรเสร็จผมก็เข้าไปจับมือแล้วบอกว่า มันต้องผ่านไปได้นะ
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
18 เม.ย. 54 21:35:46
|
|
|
|