Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มณีนาคินทร์ ตอนที่ 36 - 37 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 36

   
    ...นครบาดาลเกิดสั่นไหว แกว่งไปมา ราวกับว่ามีมือขนาดใหญ่มาจับเขย่า นาคราชแสงขวัญและข้าราชบริวารล้มกลิ้งไม่เป็นท่า

“เกิดอะไรขึ้น?”    นาคราชแสงขวัญถามทันทีที่ลุกขึ้นยืน ข้าราชบริวารที่ล้มกลิ้มเมื่อครู่ พากันมายืนไม่ห่างพระวรกายของจอมนาคา

“ไม่ทราบด้วยเกล้าพระเจ้าข้า”   หนึ่งในข้าราชบริวารตอบ  เพียงครู่ทหารนาคาหนุ่มก็วิ่งเข้ามารายงานหน้าตาตื่น

“ขอเดชะพระเจ้าข้า บัดนี้พญาครุฑิการได้นำเหล่าพลครุฑยกทัพมาตีนครบาดาลของพวกเรา ตอนนี้กำลังไล่จับพวกนาคกินอยู่พระเจ้าข้า”

“บังอาจมาก! ทำไมพญาครุฑิการจึงลงมาระรานพวกเรา ไม่ได้ข้าต้องออกไปเจรจาให้รู้ความ”

โดยไม่ยอมฟังเสียงทัดทานจากข้าราชบริวาร พญานาคแสงขวัญรีบรุดออกไปที่เกิดเหตุทันที


    ทันทีที่มาถึง ภาพเบื้องหน้าพระพักตร์ทำให้จอมนาคาถึงกับโกรธจัด เหล่านาคที่พากันล้มตาย และบาดเจ็บ พญานาคราชแสงขวัญกลั้นความโกรธาไว้ไม่อยู่ ทรงคืนร่างเป็นสัญชาตินาคทันทีและทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อโผล่พ้นพื้นน้ำขึ้นมาก็พบกับพญาครุฑิการที่ทรงกางปีกสีทองอร่าม บินอยู่กลางอากาศรออยู่ก่อนแล้ว

“ขึ้นมาแล้วรึ เจ้าแสงขวัญ นึกว่าจะหดหัวอยู่แต่ใต้น้ำเท่านั้น วันนี้ข้าจะมาประกาศศึกกับเจ้า จงรับคำท้าของข้าเสียโดยดี”   พญาครุฑิการประกาศลั่น

“เราไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมท่านต้องทำร้ายบริวารของข้าด้วย?”     จ้าวแสงขวัญทรงตรัสด้วยสุรเสียงอันโกรธา

“เชอะ! ยังมีหน้ามาพูด เรากับเจ้าน่ะหรือไม่มีความแค้นต่อกัน เจ้าจำไม่ได้หรือ...เจ้าคือฆาตกรที่ฆ่าอนุชาของเรา”  พญาครุฑิการตวาดเสียงลั่นกลางอากาศด้วยความโกรธ

“อนุชาของท่าน?”     จ้าวแสงขวัญทรงนึก แล้วภาพของการต่อสู้ระหว่างแสงขวัญและพญาครุฑเกเรก็ปรากฏในมโนทวารของจอมนาคา

“อ๋อ...พญาครุฑเกเรตนนั้นนั่นเอง”   จอมนาคาตอบ

“เจ้านึกออกก็ดีแล้ว เพราะเจ้าฆ่าอนุชาของข้า ทำให้เทวีแห่งอนุชาของข้าที่กำลังอุ้มครรภ์ ต้องตรอมใจตาย เจ้าคือฆาตกร...วันนี้ข้าจะมาขอประกาศศึกกับเจ้าเพื่อล้างแค้นให้กับครอบครัวของอนุชาของข้า”    พญาครุฑิการเดือดดาล

“แต่นั่นเป็นการป้องกันตัว ข้าไม่ได้ตั้งใจฆ่าเขา เพราะเขาลอบกัดข้า เขาเข้าข่มเหงขนิษฐาของข้า ข้าเพียงเข้าช่วยเหลือนาง แต่อนุชาของท่านเองที่ทำร้ายข้าก่อน”     จ้าวแสงขวัญทรงอธิบาย

“ไม่มีเหตุจำเป็นใดต้องมาฟังคำแก้ตัวของเจ้า วันนี้เรามาสู้กันสักตั้ง ดูสิว่าข้าหรือเจ้าจะมีฤทธาเหนือกว่ากัน”  

ตรัสจบ พญาครุฑิการก็พุ่งทะยานลงมาหาพญานาคาที่ลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำทันที พญาครุฑกางกรงเล็บอันแหลมและคมกริบดั่งใบมีด พุ่งตรงเข้าจิกที่กลางลำตัวของจ้าวแสงขวัญ จอมนาคาไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกกรงเล็บของพญาครุฑิการจิกผ่านเกล็ดสีเขียวเข้าถึงเนื้อ ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส พญาครุฑิการไม่รอช้า ทรงรีบยกกลางลำตัวของพญานาคาขึ้นทะยานสู่เวหาทันที จ้าวแสงขวัญรู้ดี หากปล่อยให้พญาครุฑิการพาตนขึ้นไปสูงกว่านี้ พระองค์จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึงทรงรวบรวมกำลัง ผงกหัวขึ้นหันปากไปทางขาของพญาครุฑิการที่หิ้วลำตัวของพระองค์อยู่ พ่นเตโชนาคราชใส่ขาของพญาครุฑิการทันที เมื่อไม่ทันระวังองค์เช่นกัน พญาครุฑิการจึงถูกเตโชแห่งนาคาเข้าที่ขาของตน เตโชพิษร้ายได้ผล มันสร้างความเจ็บปวดให้กับพญาครุฑิการไม่ใช่น้อย พญาครุฑิการจึงกางกรงเล็บออก และปล่อยให้ร่างของจอมนาคาแสงขวัญหล่นร่วงจากเวหาลงสู่พื้นน้ำทันที  

โครม!!!!

เสียงน้ำดังแตกกระจายเป็นวงกว้าง สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วท้องน้ำ ชาวบ้านริมฝั่งโขงที่กำลังนั่งซักผ้า บ้างทำธุระส่วนตัวถึงกับตกใจ เพราะกระแสน้ำในแม่น้ำโขงปั่นป่วน ชาวบ้านต่างแตกตื่นหันหน้ามองออกไปนอกฝั่งน้ำโขงกัน แต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งใด เพราะตาหยาบของมนุษย์ธรรมดาทั่วไปนั้นไม่สามารถมองเห็นอีกภพหนึ่งที่กำลังวุ่นวาย ทุกคนมองเห็นแต่ความว่างเปล่าและเิวิ้งว้างเท่านั้น

“พ่อ พ่อ เสียงอะไรน่ะ?”    เด็กชายตัวคล้ำที่กำลังลอยคอเล่นน้ำกับเพื่อนเด็กวัยไล่เลี่ยกันตะโกนถามผู้เป็นพ่อ  

“ไม่รู้โว้ย กูว่าพวกเอ็งขึ้นจากน้ำกันได้แล้ว เร็วขึ้นมา!”  
ผู้เป็นพ่อตะโกนตอบ และรีบกวักมือเรียกเด็กๆ ให้ขึ้นมาจากน้ำ พวกเด็กๆ
พากันกรูขึ้นฝั่งกันหมดทันที


    พญาครุฑิการได้รับบาดเจ็บจากพิษของเตโชนาคา ทรงโกรธกริ้วอย่างยิ่ง ประกาศอาฆาตก่อนบินจากไปว่า

“จำไว้เจ้านาคราชแสงขวัญ วันนี้ข้าจะกลับไปก่อน แต่วันหน้าข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวด ตายก็ไม่ได้ตาย เป็นก็ไม่ได้เป็น ได้เห็นคนที่เจ้ารักตายอย่างช้าๆ จำเอาไว้”

แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องนภาอันกว้างใหญ่ หายไปในพริบตา ทิ้งไว้แต่ประกายสีทองที่เป็นละอองฟุ้งทั่วอากาศ


    จ้าวแสงขวัญได้รับบาดเจ็บสาหัส บาดแผลจากกรงเล็บของพญาครุฑลึกและเปิดกว้างที่กลางลำตัวของพระองค์ ทำให้จอมนาคาพาองค์มาล้มหมดสติหน้าพระที่นั่งของพระองค์เอง ข้าราชบริวารพากันกรูเข้าไปรับร่างของนายกันอย่างเป็นห่วง...


      กัญชพรนั่งฟังเรื่องราวและเหตุการณ์ที่อัญญานีเล่าให้ฟัง น้ำใสๆ ไหลล้นจากขอบตาคู่สวยลงอาบแก้มนวล นาคีสาวเอื้อมมือไปแตะแขนของนางมนุษย์น้อยเบาๆ เป็นเชิงปลอบและพูดว่า

“เจ้าวางใจเถอะ จ้าวไม่เป็นอะไรมากหรอก ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้ว”

“ทำไมต้องจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ กัญไม่เข้าใจ”    กัญชพรพูดพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลริน

“ข้าได้รับบัญชามา ให้มาคุ้มครองเจ้า ขณะที่ท่านยังรักษาตัวอยู่”   นาคีสาวบอก

“แสดงว่าพญาครุฑตนนั้น เค้าต้องการตัวกัญเพื่อไปต่อรองกับพี่แสงขวัญใช่มั้ยคะ?”    กัญชพถาม

“ใช่แล้ว จ้าวเป็นห่วงเจ้ามาก จึงต้องส่งให้ข้ามาดูแลและคุ้มครองเจ้าเป็นพิเศษ”   อัญญานีตอบ พร้อมยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลนองแก้มของกัญชพร

“แต่เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะคุ้มครองเจ้าด้วยชีวิตของข้า ข้าสัญญา”   อัญญานีให้สัญญาอย่างขึงขัง

“โธ่! เป็นเวรเป็นกรรมอะไรกันนี่?”      กัญชพรกล่าว


    พินทิพย์นั่งคุยกับตวงสิทธิ์ในรถที่จอดสนิทอยู่ใกล้แม่น้ำโขงหลังจากได้รับทราบข่าวจากตวงสิทธิ์ว่ากัญชพรจะจัดการแต่งงานให้เธอและตวงสิทธิ์ ยิ่งทำให้พินทิพย์ทุกข์ทรมานใจยิ่งขึ้น จนต้องระบายความอัดอั้นตันใจออกมาให้ชายคนรักฟัง

“ตวงคะ พินรู้สึกผิดต่อน้องกัญเหลือเกิน จนไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี”  

“มีอะไรหรือ?... ดูพินเป็นกังวลเหลือเกิน”   ตวงสิทธิ์ถามอย่างห่วงใย

“ตวงคะ พินมีเรื่องจะเล่าให้ตวงฟังค่ะ ตวงฟังพินแล้วอย่าหาว่าพินกับคุณลุงเป็นบ้านะคะ”    พินทิพย์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ว่ามาสิ ผมรับได้ทุกเรื่องแหละ”    ตวงสิทธิ์ตอบ และยิ้มให้แฟนสาว

“คือ...ตวงเห็นสร้อยที่ห้อยคอของน้องกัญมั้ยคะ?”    พินทิพย์เริ่มถามคำถามชายคนรักก่อน ตวงสิทธิ์ทำท่านึกตาม แล้วเขาก็ร้องว่า

“อ๋อ...ใช่...น้องกัญห้อยสร้อยอยู่เส้นหนึ่งติดตัวเป็นประจำไม่ยอมถอดเลย”   ตวงสิทธิ์นิ่ง แล้วขมวดคิ้ว และถามต่ออย่างสงสัยว่า

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสร้อยเส้นนั้น?”

“สร้อยไม่เกี่ยวหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ถูกแขวนที่สร้อยต่างหาก เจ้าลูกแก้วที่น้องกัญแขวนติดตัวตลอดเวลา คือ มณีนาคินทร์”  
ชื่อของลูกแก้วถูกเน้นด้วยเสียงดังฟังชัดจากปากของพินทิพย์

“มณีนาคินทร์”     บุตรชายของรัศมีทวนชื่อตาม ความสงสัยทวีคูณขึ้นบัดดล

“ค่ะ มณีนาคินทร์ ซึ่งครั้งหนึ่งคุณลุงบอกว่าเคยเป็นสมบัติของตระกูลของพินมาก่อน มันหายไปพร้อมกับพญานาคตนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ขโมยมันไป”    พินทิพย์ค่อยๆ เล่าอย่างช้าๆ

“เดี๋ยวนะ พินพูดว่า พญานาคเหรอ?”      ตวงสิทธิ์เอ่ยถามอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตนหูไม่ได้เพี้ยน

“ค่ะใช่ พญานาค”   พินทิพย์ยืนยัน

“มันเรื่องอะไรกันนี่พิน ตวงว่าไปกันใหญ่แล้วนะ...มณีนาคินทร์...พญานาค...แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับน้องกัญด้วย ผมงงไปหมดแล้ว”  
ตวงสิทธิ์สงสัยจนจับต้นปลายไม่ถูก

“ฟังพินให้จบก่อนสิคะ”   พินทิพย์ปราม ตวงสิทธิ์จึงหุบปากตน และเริ่มนั่งฟังพินทิพย์เล่าต่อว่า

“คุณลุงเล่าให้ฟังว่า คุณลุงรับปากกับคุณทวดผาก ซึ่งเคยเป็นพรานป่ามาก่อน ว่าจะนำมณีนาคินทร์ดวงนั้นกลับคืนสู่ตระกูลของเรา คุณลุงเฝ้าติดตามหามณีนาคินทร์มาหลายสิบปี จนกระทั่งพ่อและแม่ของพินได้ข่าวเกี่ยวกับพญานาคตนนั้นมีมณีนาคินทร์ครอบครองอยู่ พ่อกับแม่ของพินจึงออกเดินทางไป เพื่อไปเอามณีนาคินทร์จากพญางูตัวนั้น และพวกเขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ข่าวมาว่าพญางูใหญ่ฆ่าทั้งคู่ตาย คุณลุงโกรธแค้นมาก ท่านสาบานว่าจะจับพญางูตัวนั้นมาแก้แค้นให้หายแค้น วันนั้นพินไปกินข้าวกับคุณลุงที่ร้านอาหารในตัวเมือง เจอน้องกัญไปกับผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางของเขาสง่าและน่ากลัวบอกไม่ถูก และดูท่าทางคุณลุงจะสนใจผู้ชายคนนั้นมาก และที่สำคัญคุณลุงต้องการตัวน้องกัญมา เพื่อใช้ล่อพญานาคตนนั้นมาติดกับ คุณลุงบอกว่าไม่ใช่มีเพียงพญานาคตนนั้นตนเดียว ยังมีงูใหญ่อีกตัวคอยปกป้องน้องกัญอยู่ เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ”  

เมื่อเห็นชายคนรักนั่งนิ่ง มองหน้าเธอไม่ตอบอะไร เธอจึงรีบพูดว่า

“ตวงคะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะคะ พินเคยเห็นสิ่งที่ตวงไม่เคยได้เห็นมาแล้ว ตวงต้องเชื่อพินนะคะ เราต้องช่วยน้องกัญ ไม่งั้นแล้วพินว่าน้องกัญต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน”      

พินทิพย์เล่าเรื่องทุกอย่างให้ตวงสิทธิ์ฟังจนหมด เขาเองฟังแล้วก็ยังไม่ค่อยปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความรู้สึกทุกครั้งที่เข้าใกล้กัญชพร เขารู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคน ที่คอยจับจ้องมองเขาตลอดเวลา เมื่อเห็นชายคนรักยังนิ่งเงียบอีก พินทิพย์จึงพูดต่อว่า

“ตวงว่าไงคะ ทำไมคุณเอาแต่เงียบ คุณต้องเชื่อพินนะคะ ไม่งั้นน้องกัญต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ เพราะพินไม่รู้ว่าคุณลุงจะใช้วิชาใดจัดการกับน้องกัญ”

“คุณต้องให้เวลาผมบ้างนะพิน ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว เดี๋ยวนี้มันยุคไอที เขาบินกันไปนอกโลกได้แล้ว จู่ๆ คุณก็มาเล่าเรื่องเหมือนในตำนานให้ผมฟัง แล้วจะให้ผมเชื่อทีเดียว ผมบอกตรงๆ นะ ผมทำใจยากเหมือนกัน”    ตวงสิทธิ์พยายามอธิบาย พินทิพย์ถอนใจยาว ก่อนพูดต่อว่า

“แต่ถึงยังไง คุณก็ต้องเชื่อแน่ เพราะตอนนี้เรา้ต้องไปหาน้องกัญก่อน พินลืมไปว่าก่อนพินจะออกมากับคุณ พินเดินผ่านหน้าห้องของคุณลุง พินเห็นคุณลุงหยิบเจ้าำดำกับเจ้าเผือกออกมา น่ากลัวจะให้ไปจับตัวน้องกัญอีกแน่ เพราะครั้งที่แล้วส่งเจ้าหุ่นฟางไป มันไหม้ไฟกลับมาหาคุณลุง แต่คราวนี้ให้เจ้าดำกับเจ้าเผือกไป น้องกัญต้องเพลี่ยงพล้ำเจ้าสองตัวนั้นแน่ เรากลับกันเถอะค่ะ”    

พินทิพย์เร่งให้ตวงสิทธิ์ขับรถกลับบ้านพักของเขาด่วน ตวงสิทธิ์รีบออกรถตรงกลับบ้านพักตากอากาศทันที


ตอนที่ 37


    ลมพัดกรรโชกแรงเข้ามาทางระเบียงห้องนอนของกัญขพร อัญญานีสัมผัสได้ถึงศัตรูที่จะเข้ามา

“กัญชพร หลบเร็ว มีใครบางคนที่มีวิชาส่งสมุนมาหาเจ้า”    
อัญญนีเตือน  ยังไม่ทันจะขาดคำ ท้องฟ้าก็เกิดเมฆเข้าบดบัง เป็นกลุ่มเป็นก้อนลอยอยู่เหนือบ้านพักของกัญชพร ร่างของเจ้าดำและเจ้าเผือกปรากฏ มันยืนท้าวเอว ดวงตาโตจนปูดโปนออกมานอกเบ้า ปากของมันทั้งสองกว้างมาถึงใบหู ผิดกับจมูกที่เล็กนิดเดียว ร่างกายใหญ่โตเหมือนอสูรกายยักษ์ สูงกว่าคนธรรมดาถึงสามเท่า มืออันใหญ่โตผิดธรรมดาสามารถกวาดทุกสิ่งทุกอย่างให้ราบในพริบตา รูปร่างของเจ้าอสูรกายทั้งสองนั้นเหมือนกันอย่างกับคู่แฝด แตกต่างกันเพียงผิวกายที่ตนหนึ่งมีสีดำสนิทเหมือนถ่าน อีกตนนั้นตัวขาวอมม่วงสีเหมือนเผือกเท่านั้น สมกับชื่อของมันทั้งสองจริงๆ กัญชพรค่อยๆ หลบไปยืนอยู่ด้านหลังของอัญญานี

“ใครส่งพวกเจ้ามา?”    อัญญานีตะคอกถามอย่างเกรี้ยวกราด

“ส่งนังผู้หญิงคนนั้นมาให้พวกเรา”     มันสองตนขยับปากพูดพร้อมกัน

“มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ จู่ๆ พวกเจ้าก็บุกเข้ามาอย่างอุกอาจ แล้วยังคิดจะพาคนของจ้าวแสงขวัญไป มันไม่ง่ายนักหรอก”
อัญญานีประกาศลั่น

“เมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง เราก็ต้องฆ่าเจ้าก่อน”    อสูรกายแฝดสองตนพูดพร้อมกัน  แล้วพวกมันก็ตรงรี่เข้าจู่โจมอัญญานีพร้อมๆ กันทันที

“กัญชพร เจ้าถอยออกไป หลบให้ดี”    อัญญานี้เอ่ยกับหญิงสาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านหลัง  กัญชพรพยักหน้ารับและค่อยๆ เดินถอยหลังไปอีกมุมหนึ่งที่ห่างจากจุดที่ทั้งสองฝ่ายกำลังตรงเข้าประหัตประหารกัน


    การต่อสู้ระหว่างนาคีสาวกับเจ้าดำและเจ้าเผือกเริ่มต้นขึ้น ต่างฝ่ายต่างฟาดฟันกันอย่างไม่นับ  การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายระหว่างนาคีสาวกับอสูรกายสองตนทำให้บรรยากาศรอบๆ บ้านพักของกัญชพรแปรปรวน ทั้งพายุและฝนเริ่มตกกระหน่ำลงมา สายอสุนีบาตฟาดเปรี้ยงลงบริเวณรอบๆ บ้านพัก รัศมีตกใจกับอากาศที่แปรปรวน เธอรีบปิดประตู หน้าต่างห้องนอนของเธอทันที และรีบกระโดดตัวขึ้นคลุมโปงบนเตียงนอนของตัวเอง แม่นิ่มก็เช่นกัน


    รถยนต์ของตวงสิทธิ์ที่เช่ามา วิ่งเข้ามาใกล้บริเวณบ้านพัก ทั้งพินทิพย์และตวงสิทธิ์มองเห็นเมฆสีดำเป็นกลุ่มก้อนใหญ่รวมตัวกันลอยอยู่เหนือเฉพาะบ้านพักที่เขาพักอยู่เท่านั้น  ยิ่งเข้าใกล้บริเวณบ้านพัก ทั้งลมและพายุฝนเทกระหน่ำอย่างไม่ยั้ง

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”    ตวงสิทธิ์พยายามประคองพวงมาลัยของรถไว้ให้วิ่งฝ่าพายุฝนและลมเข้าไปให้ใกล้ตัวบ้านที่สุด

“ตวงคะ เราคงต้องจอดรถแล้วลงตรงนี้ เราต้องวิ่งฝ่าเข้าไปแทน พินกลัวจะไม่ทันการ”    

พินทิพย์พูดจบ เธอก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายของตัวเอง แล้วดึงผ้าแดงผืนสี่เหลี่ยมใหญ่เท่าผ้าเช็ดหน้า เธอคลี่ผืนผ้าแดงนั้นออก มีอักขระยันต์อยู่ตรงกลาง

“อะไรน่ะพิน?”     ตวงสิทธิ์ตะโกนถามแข่งกับพายุและฝน

“ยันต์พิรอด ลุงเพียรเสกให้พินพกติดตัวไว้ตั้งแต่เด็กค่ะ ตวงอย่ามันแต่ถามหรือสงสัยอะไรอยู่เลย พวกเรารีบลงจากรถเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณเกาะพินไว้นะคะ”    

พินทิพย์ตะโกนบอกแข่งกับเสียงลมพายุที่พัดเสียงดัง พินทิพย์เอาผ้ายันสีแดงพันรอบฝ่ามือขวาไว้ หันตัวยันต์ออกไว้กลางฝ่ามือ แล้วเปิดประตูรถก้าวลงมาก่อน เธอใช้มือขวาที่พันผ้าแดงไว้ยกขึ้นระดับหน้าผาก ทั้งลมและฝนก็แหวกออกจากกัน เป็นช่องให้หญิงสาวเดินผ่านอย่างง่ายดาย พินทิพย์เดินอ้อมมาประตูรถข้างคนขับ  ตวงสิทธิ์จ้องมองร่างของพินทิพย์ที่ไม่โดนแม้น้ำฝน เหมือนเธอถูกปกป้องไว้ด้วยสิ่งบางตาที่มองโปร่งแสง พินทิพย์เอื้อมไปเปิดประตูข้างคนขับ และตะโกนบอกว่า

“ลงมาสิคะตวง มัวนั่งตาค้างอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไม่ทันกันพอดี”

ตวงสิทธิ์ได้สติ เขารีบเอื้อมมือไปจับมือพินทิพย์ที่เอื้อมมือเข้าไปหาเขาในรถ เมื่อเขาก้าวลงจากรถ เขาก็อยู่ในสภาพเดียวกับพินทิพย์ คือน้ำฝนและลมพายุ หาได้ต้องถูกร่างทั้งสองได้เลย  พินทิพย์รีบจูงมือตวงสิทธิ์เดินฝ่าเข้าไปถึงในบ้านได้อย่างไม่ลำบาก


     การต่อสู้ของนาคีสาวและเจ้าอสูรกายสองตนเป็นไปอย่างดุเดือด ต่างผลัดกันแพ้กันชนะมาตลอด แต่เนื่องจากฝ่ายศัตรูมีกำลังมากกว่า ทำให้อัญญานีเริ่มอ่อนแรงลงไปบ้าง แล้วนั่นคือจุดอ่อน ให้เจ้าดำและเจ้าเผือกเข้าโจมตีเธอพร้อมกันโดยไม่ให้นาคีสาวได้ตั้งตัว อัญญานีพลาดท่าโดนทำร้ายสาหัส เจ้าดำและเจ้าเผือก สองอสูรกายเห็นคู่ต่อสู้ลงไปนอนบาดเจ็บสาหัส มันทั้งสองจึงรีบหันไปยังเหยื่อสาวทันที  แล้วพวกมันก็ย่างสามขุมเข้าหากัญชพร อัญญานีพยายามพยุงกายลุกขึ้น แต่พอจะลุกขึ้น เธอก็ต้องทรุดลงไปอีก และกระอักเอาเลือดสดๆ ออกมาทางปากทันที เป็นเพราะกายทิพย์ได้รับความกระทบเืทือนอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการบอบช้ำภายในอย่างหนัก อัญญานีก็ไม่คิดจะหยุดนิ่ง เธอก็ยังพยายามจะฝืนสังขารคลานเข้าไปหาตรงทิศทางที่เจ้าอสูรสองตนเดินเข้าหากัญชพร แต่กายสังขารนั้นมันไม่ยอมทำตามที่นาคีสาวต้องการ ร่างนั้นจึงทรุดฮวบสลบไปทันที กัญชพรเดินถอยหลังหนีจนกระทั่งหลังของเธอชนกับผนังห้องของตัวเอง เมื่อจวนตัวตกอยู่ในภาวะคับขัน เธอก็พลันได้ยินเสียงหลวงพี่แสงฟ้าเตือนเข้ามาในโสตทันที

“ใช้มณีนาคินทร์ไล่พวกมันไป”

กัญชพรได้สติ เธอหยิบดวงมณีนาคินทร์ขึ้นมา และกำหนดจิตไปที่ดวงแก้วที่อยู่ในมือ ก่อนที่เจ้าอสูรยักษ์ทั้งสองจะทันได้ก้าวเข้าใกล้กัญชพร ตวงสิทธิ์ก็พังประตูห้องเข้ามาพอดี อสูรกายต่างสีผิวทั้งสองหันมามองผู้ที่เข้ามาใหม่โดยไม่ได้รับเชิญอย่างขัดใจ ตวงสิทธิ์ถึงกับตะลึง พินทิพย์ยืนอยู่ด้านหลังของชายคนรัก

“ตัวอะไรวะ?”    เขาอุทานออกมาเสียงดัง

ก็แค่...มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น...เจ้าอสูรร้ายทั้งสองจึงละความสนใจจากผู้เข้ามาใหม่ทั้งสอง แล้วหันกลับไปจะเล่นงานกัญชพร เป้าหมายเดียวของพวกมันเหมือนเดิม ตวงสิทธิ์รวบรวมความกล้าหยิบแจกันใบใหญ่ที่ใส่ดอกไม้ติดมือและวิ่งเข้าไป ใช้แจกันฟาดเข้าที่ตัวของเจ้าดำทันที แจกันแตกกระจาย ทั้งน้ำและดอกไม้กระเด็น กระจายไปทั่ว แต่ร่างของเจ้าดำกลับนิ่งเฉย ไร้ความรู้สึก ไม่สะทกสะท้าน ตวงสิทธิ์ไม่รอช้า เขาออกหมัดเตะและต่อยเจ้าดำทันที แต่ก็ไร้ผล เพราะผลคือตวงสิทธิ์นั้นต้องเจ็บมือตัวเอง เพราะผิวหนังของเจ้าดำนั้นแข็งราวกับหิน ตวงสิทธิ์คิดว่ามือและขาของเขาต้องหักแน่ๆ  แล้วเจ้าดำก็หันกลับมาที่ตวงสิทธิ์ มันกางใบมืออันใหญ่โต และตบไปที่ร่างของตวงสิทธิ์ทันที ร่างของตวงสิทธิ์กระเด็นไปตามแรงตบของเจ้าดำ ลอยละลิ่วไปกระแทกกับข้างฝาห้องอย่างแรงทันที

“ตวง!”  พินทิพย์แผดเสียงเรียก และวิ่งเข้าไปประคองร่างของตวงสิทธิ์ทันที ทันทีที่พินทิพย์ประคองร่างของตวงสิทธิ์ไว้ เขาก็กระอักเลือดสดๆ ออกมาทันที

“พี่ตวง!”      กัญชพรเรียกเสียงหลง แล้วอสูรทั้งสองก็ตรงเข้าหมายเล่นงานกัญชพรทันที

“ฉันไม่ให้อภัยพวกแกอีกแล้ว ไอ้ผีเปรตทั้งสอง ไปลงนรกซะ”

กัญชพรโกรธจัด จบคำของกัญชพร มณีนาคินทร์ที่ห้อยอยู่ที่คอของกัญชพรก็เปล่งแสงสีเงินยวง แผ่ออกมาครอบร่างของเธอไว้ แล้วเธอก็ยื่นมือทั้งสองออกไปข้างหน้า และยกมือทั้งสองขึ้นช้าๆ ร่างของเจ้าอสูรยักษ์ทั้งสองก็ลอยตามขึ้นไป มันดิ้นกระแด่วๆ และเอามือทั้งสองจับที่คอของพวกมันเอง กัญชพรกำลังเต็มไปด้วยโทสะเข้าครอบงำ เธองอนิ้วทั้งสิบราวกับว่ากำลังบีบคอเจ้าอสูรร้ายทั้งสองไว้  มันทั้งสองดิ้นทรมานอยู่เหนือพื้นห้อง และเริ่มจะอ่อนแรง ก่อนที่กัญชพรจะทำลายวิญญาณทั้งสองให้แตกดับ เสียงหลวงพี่แสงฟ้าก็แทรกเข้ามาเตือนสติของเธออีกครั้ง

“หยุดได้แล้วกัญชพร!”

กัญชพรรู้สึกตัวขึ้นมา เธอมองร่างของอสูรทั้งสองที่กำลังดิ้นกระแด่วๆ ในอากาศ

“หลวงพี่”    เธอเอ่ยเรียกผู้เรียกสติของเธอเบาๆ

“จำไว้ อย่าสร้างบาป วิญญาณทั้งสองดวงตรงหน้าของเจ้า เขาถูกบังคับมา เจ้าทำลายเขา เจ้าก็เหมือนฆ่าสัตว์สองตัวพร้อมกัน ปล่อยเขาไป ปล่อยให้เขาไปเกิดตามวิบากกรรมของพวกเขา จงปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระเสีย”    

เสียงหลวงพี่แสงฟ้าเตือนสติเธอ  กัญชพรมองวิญญาณทั้งสองที่ดิ้นรนอยู่กลางอากาศ แล้วเธอก็ค่อยๆ ลดมือทั้งสองลง ร่างของเจ้าอสูรแฝดทั้งสองก็ค่อยลดต่ำลงมาจนกระทั่งแตะืถึงพื้นห้อง ทันทีที่กัญชพรลดมือลงข้างลำตัว ร่างของมันทั้งสองก็ล้มลงไปนอนฟุบเข้าหากันอย่างหมดแรง กัญชพรประนมมือขึ้นทันที แสงเงินยวงยังคงครอบร่างของเธออยู่ กัญชพรเริ่มเปล่งวาจาว่า

“ด้วยอำนาจแห่งมณีนาคินทร์และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าเคยสร้างสมมา ข้าพเจ้าขอปลดปล่อยดวงวิญญาณทั้งสองเบื้องหน้านี้ให้เป็นอิสระ และได้ไปเกิดใหม่ตามวิบากกรรมของพวกเขาด้วยเถิด”

จบคำอธิษฐานของเจ้าของมณีนาคินทร์ ร่างที่นอนฟุบอยู่ทั้งสองก็เรืองแสง และค่อยๆ หดเล็กลง กลายเป็นดวงไฟสีดำและสีขาว ค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือพื้นห้อง มันลอยสูงขึ้นกลางอากาศ และลอยอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น จนกัญชพรต้องเปล่าวาจากับดวงไฟทั้งสองว่า

“ไปสู่สุคติเถิด ฉันอโหสิกรรมให้”

จบคำอโหสิกรรมของกัญชพร ดวงไฟเล็กต่างสีทั้งสองก็ค่อยๆ ลอยออกไปทางหน้าต่างห้อง และพุ่งขึ้นไปหายกลืนไปในอากาศ เมฆที่ก่อตัวอยู่เหนือหลังคาบ้านพัก ก็ค่อยๆ สลายกระจายหายไป ไม่มีพายุ ไม่มีเม็ดฝนอีก ตวงสิทธิ์และพินทิพย์เห็นเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับตา ตวงสิทธิ์เองนั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่ได้เจอ พินทิพย์ประคองร่างระทวยของตวงสิทธิ์ไว้ เขาเริ่มไอ และมีเลือดกระเด็นออกมาทางปากอีก พินทิพย์ตกใจร้องไห้ฟูมฟาย

“ตวงคะ ตวงอย่าเป็นอะไรนะ”    พินทิพย์ฟูมฟาย กอดประคองร่างของตวงสิทธิ์ไว้

กัญชพรวิ่งเข้าไปประคองร่างของอัญญานีที่นอนฟุบหน้าอยู่ที่พื้นห้อง

“พี่อัญญานี เป็นยังไงบ้าง?”    

อัญญานีลืมตามองหน้ากัญชพรแล้วฝืนยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวนางมนุษย์นี้ปลอดภัย ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสทำให้อัญญานีถึงกับสลบไปในอ้อมแขนของกัญชพรทันที

“พี่อัญญานี พี่อัญญานี”

กัญชพรเขย่าเรียกร่างโสภาที่นอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเธอ กัญชพรไม่มีเวลาิคิดสิ่งใด กัญชพรวางร่างนาคีสาวลงนอนราบกับพื้นห้อง เธอเอามือข้างขวากำดวงมณีนาคินทร์ที่ห้อยที่คอของเธอไว้ กางฝ่ามือข้างซ้ายวางลงไปบนหน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของอัญญานีที่นอนสลบไสลอยู่ กัญชพรกำหนดจิตแห่งการรักษา ภาพที่ตวงสิทธิ์และพินทิพย์เห็นคือ...แสงสีเงินยวงที่เปล่งรัศมีออกมาจากร่างของกัญชพร ค่อยๆ ไหลผ่านมือข้างซ้ายสู่ร่างของนาคีสาวที่นอนสลบอยู่ เพียงครู่สีหน้าของอัญญานีก็กลับเปล่งปลั่งเหมือนเดิม อัญญานีค่อยๆ ลืมตาขึ้น กัญชพรดึงมือกลับออกมาช้าๆ เธอรู้สึกอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ทนฝืนยิ้มให้นาคีสาวที่เพิ่งรู้สึกตัว เมื่ออัญญานีรู้สึกตัวดีแล้ว กัญชพรจึงหันมองไปที่ร่างของตวงสิทธิ์ที่ถูกพินทิพย์ประคองไว้ ภายในของเขาบอบช้ำสาหัสเพราะแรงกระแทกมหาศาลของเจ้าดำเมื่อครู่ กัญชพรฝืนกายลุกขึ้นเดินตรงไปหาร่างของตวงสิทธิ์ที่ตอนนี้เขาต้องอาศัยร่างของพินทิพย์เพื่อพยุงให้ตัวเองนั่งได้ กัญชพรยอบตัวนั่งคุกเข่าลงข้างๆ ร่างของตวงสิทธิ์ และเงยหน้ามองพินทิพย์และพูดว่า
“พี่พินวางร่างของพี่ตวงลงนอนราบที่พื้นเถอะค่ะ”  

พินทิพย์รีบทำตามคำของกัญชพรอย่างว่าง่าย ตวงสิทธิ์เองเจ็บระบมทั่วร่างจนไม่สามารถขยับตัวได้เอง กัญชพรใช้มือขวากำดวงมณีนาคินทร์ที่คอไว้ และยื่นมือซ้ายไปวางไว้ที่กลางหน้าผากของตวงสิทธิ์ เขาหลับตาลง  กัญชพรเริ่มกำหนดจิตแห่งการรักษาอีกครั้ง อัญญานีลุกขึ้นเดินได้ปกติ เธอเดินมายืนไม่ไกลจากร่างกัญชพรนัก พลังแห่งมณีนาคินทร์แผ่เข้าไปรักษาอาการบอบช้ำภายในของตวงสิทธิ์ เขารู้สึกเหมือนความร้อนวิ่งวนไปทั่วร่าง และความร้อนนั้นก็เริ่มสลายไป กัญชพรยกมือออกมาจากหน้าผากของตวงสิทธิ์ เขาลืมตาขึ้นและกระพริบตาถี่ๆ อีกครั้ง

“ตวง”  พินทิพย์เรียกอย่างดีใจ ตวงสิทธิ์ลุกขึ้นนั่งได้เอง เขาเอามือจับหน้าตัวเองและแปะไปตามเนื้อตัว

“ผมไม่เจ็บแล้วพิน มหัศจรรย์จริงๆ”    ตวงสิทธิ์หันไปบอกพินทิพย์ พินทิพย์เองก็ดีใจเช่นกัน

กัญชพรใช้พลังมณีนาคินทร์เกินกำลังของร่างนางมนุษย์จะรับไหว ร่างของกัญชพรจึงล้มลงหมดสติบนพื้นห้องทันที

“กัญชพร กัญชพร เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ!”    อ้ัญญานีร้องเรียกทันทีที่เข้าถึงตัวหญิงสาวผู้ช่วยชีวิตเธอ ทั้งตวงสิทธิ์และพินทิพย์พลอยตกใจไปด้วย อัญญานีรีบช้อนอุ้มร่างอันบอบบางของกัญชพรขึ้นและวางลงบนเตียงนอนของเธอ อย่างเบามือ นางนาคีสาวเฝ้าบีบ นวดร่างกัญชพรไม่ต่างกับเคยปรนนิบัติจ้าวแสงมณี

“คุณครับ กัญจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”  ตวงสิทธิ์ยื่นหน้าไปถามอย่างเป็นห่วง

“ข้าไม่รู้ ต้องรอว่านางจะผ่านคืนนี้ไปได้หรือเปล่า?”   อัญญานีตอบเสียงสะบัด และหันมาจ้องตวงสิทธิ์ด้วยดวงตาที่ลุกวาว นางไม่ชอบหน้าตวงสิทธิ์เท่าไหร่

ตวงสิทธิ์และพินทิพย์รีบถอยห่างออกมานั่งที่เก้าอี้ด้วยกัน ทั้งสองยังมองเห็นร่างของกัญชพรที่นอนอยู่บนเตียง

“ตวงคะ ดูเหมือนคุณคนนั้นเขาไม่ค่อยชอบหน้าเราสองคนเท่าไหร่เลย”   พินทิพย์ตั้งข้อสงสัย

“ผมก็ว่า แต่ผมว่าผมคุ้นๆ กับเขายังไงก็ไม่รู้”   ตวงสิทธิ์ตอบ

อัญญานีได้ยินคำสนทนาของคนทั้งสองชัดเจน นางหันมามองคนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ ทำให้ทั้งสองหยุดปากทันที และนางก็หันไปเอาใจใส่ร่างของกัญชพรที่นอนสลบไสลอย่างเป็นห่วง ตวงสิทธิ์และพินทิพย์เองก็เป็นห่วงกัญชพรเช่นกัน ทั้งสองได้แต่ชะเง้อมองร่างนั้นอย่างเป็นห่วง

จากคุณ : ศรนรินทร์
เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 22:18:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com