Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 9 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10420159/W10420159.html

บทที่ 9

ในห้องอาหารเงียบมาก นอกจากเสียงช้อนกระทบจานเป็นบางคราวแล้ว ก็แทบไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกเลย

อ้อ ยังพอได้ยินเสียงกระแอมในลำคออีกเล็กน้อย เสียงขยับเก้าอี้ และ 'เสียงถอนหายใจหนัก' ตอนนี้ เจ้านายพ่อหม้ายก็รวบช้อน ให้แม่บ้านสาวทราบว่า 'อิ่มแล้ว'

"กินนิดเดียวจัง พริ้มเพราทำอยู่ตั้งนาน ตั้งอกตั้งใจด้วย มันไม่อร่อยหรือคะ"

'อ้าว ยังไงกันละนี่' วัสอรนิ่วหน้าไม่พอใจจริงๆ เลย เธอใช้น้ำเสียงนอบน้อมสำรวมเสียขนาดนี้แล้ว ทำไมเขาทำหูทวนลม ลุกไปเสียเฉยๆ ได้เล่า

อยากมีญาณวิเศษ หยั่งรู้อนาคตของตัวเอง อยากเห็นว่าพอออกจากเรือนริมน้ำหลังนี้ไปแล้ว เธอจะไปทำงานที่ไหนที่ดีกว่า อยากรู้ว่ามารดาหางานให้ได้บ้างแล้วหรือยัง อ้อ และอยากรู้ด้วยว่า เมื่อไหร่มารดาจะเลิกหน้ามืดตามัวหลงใหลสามีคราวลูกคนล่าสุดเสียที

ระหว่างช่วยพริ้มเพราเก็บสำรับลงถาด ในสมองของวัสอรก็ฟุ้งกระจายไปด้วยความคิด และไม่มีความคิดใดเลย ที่จะไม่พยายามพาตัวเองออกไปจากเรือนจากคนที่นี่

ก่อนหน้านี้ ยังเคยนึกสนุกเล็กน้อยว่า การมาสอดส่องพฤติกรรมของพ่อหม้ายหนุ่ม เป็นงานคึกคักมีสีสัน มันไม่ใช่หน้าที่แม่บ้านโดยตรงนัก แต่ออกแนวนักสืบเสียมากกว่า

ครั้นพอมาถึงวันแรก เจอดีกับผีเกเร ก็ยังหลงเหลือความคึกคักอยู่ เพราะคิดว่า นอกจากเป็นนักสืบแล้ว ยังต้องคะคานกับสิ่งเหนือธรรมชาติด้วย ตอนนั้น เธอก็ออกอาการกึ่งกลัวกึ่งกล้า

แต่สำหรับเดี๋ยวนี้ ขณะที่เธอมานั่งในครัวด้วยสีหน้าเซ็งจับจิต และมองพริ้มเพราล้านจานชามไปเงียบๆ เธออยากไปจากที่นี่เต็มแก่แล้ว รู้สึกเบื่อและเอือมกับพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ของปุราณ และบางขณะ ก็รู้สึกขยะแขยงกับวิถีสมสู่ระหว่างเขากับผีภรรยา

อีกอย่าง ทางฝ่ายผี ก็ดูจะหึงหวงรุนแรงจนแยกแยะเหตุผลไม่ออก ไม่มีได้ดูกันเลยว่าใครเป็นใคร มันคงไม่จำเป็นว่าต้องเป็นพริ้มเพราหรือเธอ เพราะขอเพียงมีสาวๆ วัยไม่เกินสามสิบมาป้วนเปี้ยนใกล้ชิดสามี ผีเกเรก็สามารถหึงหวงและทำร้ายได้หมด

"คิดอะไรนักหนาคะ ฉันเห็นคุณฝนเงียบตั้งแต่บ่ายแล้ว อืม หลังจากคุณปูกินของว่างเสร็จน่ะ"

"คิดหลายอย่าง" วัสอรยักไหล่ แล้วถอนใจเซ็งๆ ให้แม่ครัวสุดสวยยิ้มบาง หล่อนล้างจานชามเสร็จแล้ว จึงมานั่งคุยด้วย "พริ้มเพรา ฉันขอถามตรงๆ เถอะ เคยคิดจะไปจากที่นี่หรือเปล่า"

"ด้วยเหตุผลว่าโดนคุณสรัลเล่นงานหรือคะ"

"อืม เหตุผลนี้ก็ได้ เคยไหม"

"เคยค่ะ" พริ้มเพรายอมรับตามตรง "ตอนที่โดนดีใหม่ๆ ก็เกิดความกลัว ยิ่งตอนโดนขู่ว่า ให้ระวังชีวิตจะหายสาบสูญไปเฉยๆ ก็ยิ่งกลัวมาก ระบายให้ใครฟังก็ไม่ได้"

"แล้วทำไมถึงทนอยู่ที่นี่อีก ฝีมือทำอาหารของพริ้มเพราไม่เป็นสองรองใครสักนิด เอ้อ เอาอย่างนี้ไหม" วัสอรขยับตัวกระตือรือร้น ขณะเสนอความปรารถนาดีจากใจออกไป "ไปเป็นแม่ครัวในร้านอาหารใหญ่ๆ ในกรุงเทพเอาหรือเปล่า แม่ฉันรู้จักกับเจ้าของร้านอยู่หลายคนนา"

"หรือคะ"

"ฮื่อ อันที่จริง เธอก็หน้าตาสะสวยอยู่ หากให้ไปทำงานในผับในบาร์ที่แม่ทำอยู่ อนาคตก็อาจจะรุ่งในสังคมกลางคืน แต่ก็นั่นแหละ ฉันเองยังไม่ชอบสังคมแบบนั้น มันเต็มไปด้วยเหล่าเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น ไม่ว่าหญิงหรือชาย เราก็แยกไม่ค่อยออกว่าคนดีหรือคนร้าย แต่ละคนเขี้ยวยาวลากดินทั้งนั้น ฉันก็เลยไม่สนับสนุนให้พริ้มเพราไปทำที่นั่น"

พริ้มเพรายิ้มเศร้าระคนตื้นตัน หล่อนบอกตัวเองว่าโชคดีที่ได้มาเจอและรู้จักวัสอรในเวลาอันสั้น สาวใสคนนี้ มีความน่ารักอยู่ในตัวเอง บุคลิกของเธอมีทั้งสำรวมนอบน้อมและยโสถือดี บางครั้งก็ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนเอาเรื่องอยู่ แต่เท่าที่เห็น เธอก็ไม่เกเรและไร้เหตุผลในทุกสิ่งที่คิดและทำ

ดูแต่ตอนนี้สิ เธอคงอยากจะไปให้พ้นจากเรือนริมน้ำ ไปให้ไกลจากเจ้านายหนุ่มที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมไม่ปกติ อีกไม่นาน คนทางโน้นอาจจะเดินทางมาที่นี่ เพื่อพาตัวเขาไปรักษา

ถึงตอนนั้น เขาจะรู้สึกยังไง ในเมื่อคนที่ทราบว่าเขาไม่ได้ผิดปกติ ไม่ได้บ้า ก็มีเพียงหล่อนกับวัสอรเท่านั้น แต่จะให้พูดโพล่งออกไปหรือว่า 'เขาอยู่กินกับผี'

"ขอบคุณนะคะ สำหรับความปรารถนาดีของคุณฝน" ด้วยความรู้สึกตื้นตัน พริ้มเพราจึงกุมมือเล็กไว้อย่างขอบคุณ "แต่ฉันคงไม่ไปจากที่นี่อีกแล้ว ฉันตั้งใจแล้วว่า จะขออยู่รับใช้คุณปูไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่"

"โอ้โฮ มันไม่นานไปหน่อยหรือ นี่มันยุคไหนแล้ว ไม่ใช่บ่าวทาสใต้ถุนเรือนนะ ที่จะได้ภักดีต่อเจ้านายจนตัวตาย คุณปูเขามีบุญคุณอะไรกับพริ้มเพรานักหนาหรือ"

พริ้มเพราสั่นหน้า พลางยิ้มเหงาหงอย วัสอรเห็นแล้วก็รีบร้องสำทับ 'ก็นั่นน่ะสิ' หล่อนได้ยินเข้า ก็หัวเราะเบาๆ ออกมา ความขมขื่นที่ซ่อนลึกในทรวง ก็พลอยได้ถูกหันเหด้วยแรงปรารถนาดีของสาวใสตรงหน้าไปสักเล็กน้อย

"แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณคุณฝนนะคะ ที่หวังดีอยากช่วยเหลือ เพียงแต่ว่า ฉันเองที่โง่เง่า และไม่กล้าออกไปจากเรือนริมน้ำที่เปรียบเสมือนโลกที่ตัวเองคุ้นเคยดีแล้ว จึงไม่กล้าพอที่จะออกไปผจญกับโลกใบอื่นอีก"

"แม้ว่าวันดีคืนดี อาจต้องผจญกับผีน่ะหรือ"

สาวใช้อาภัพหัวเราะเบาๆ นึกขำที่วัสอรทำคอย่น เหลียวซ้ายเหลียวขวา แล้วห่อปากกระซิบกระซาบวาจาสำคัญ พอหล่อนพยักหน้ายอมรับ เธอก็ทำตาโต ก่อนจะโคลงศีรษะให้หล่อนอ่านว่า 'เป็นไปได้นะคนเรา'

"ในครัวคงไม่มีอะไรแล้ว เราแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีไหมคะ รู้สึกว่าตลอดวันนี้ เหมือนสภาพทั่วไปจะปลอดโปร่ง"

พริ้มเพราตัดบทกลั้วหัวเราะนุ่ม วัสอรเบะปาก ความหมายของคำว่า 'ปลอดโปร่ง' ก็คือ 'ผีไม่มาอาละวาด' เธอไม่ชื่นใจกับวันนี้วันเดียวหรอกนะ แล้วอีกอย่าง ใครจะไปเดาใจผีได้เล่าว่า พอตกดึกแล้ว หล่อนจะไม่โผล่มาเอะอะหึงหวงด้วยเหตุผลส่วนตัวอีก




แม่บ้านวัยใสออกมาเดินตรวจตราความเรียบร้อยทั่วเรือนริมน้ำอีกครั้ง ตามคำกำชับของคุณยาย เดินไปก็ถอนหายใจไป ตลอดทั้งวันนี้ ดูเหมือนว่าแดดจะแรงมาก

แต่พอตกค่ำ ทำไมมันออกอาการเย็นยะเยือกพิลึก ฟ้าก็มืดตื๋อ ดาวเดือนไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด สวนเล็กสวนใหญ่ในยามนี้ ก็แลเป็นเงาตะคุ่มกว้างๆ อยู่กลางแสงไฟตามเสาและตามพื้น

'เอ๊ะ' วัสอรทิ้งภวังค์ไร้สาระไปอย่างฉับพลัน ขณะในอกร้องอุทานตื่นเต้น ดวงตาเรียวเบิกกว้างคึกคักเชียวล่ะ ในทันทีที่ปะทะกับร่างสูงของปุราณกลางสะพาน หุ่นเพรียวของเขา กับชุดนอนสีทึมๆ มันสะดุดตาเหลือเกิน ยามถูกโลมไล้ด้วยแสงไฟบางๆ ที่สว่างเป็นระยะตลอดแนวราวสะพาน

'อุ๊ย เขาจะทำอะไร พายเรือเล่นป่านนี้น่ะหรือ ท่าจะบ้า' แม่บ้านนักสืบ เริ่มจะลืมเรื่องอยากไปจากเรือนริมน้ำเสียแล้ว สองขารีบสาวเท้าลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ อาศัยแสงสลัวอำพรางตัวเองมาเรื่อย

กระทั่งมานั่งยองๆ หลังพุ่มไม้ใหญ่ ซึ่งประดับเป็นแนวขนานกับขอบสระ ตรงมุมนี้ ช่วยให้วัสอรมองเห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของพ่อหม้ายหนุ่มได้อย่างถนัดถนี่เชียวล่ะ

มันเป็นเพราะตลอดครึ่งวันนี้ สรัลไม่มาปรากฏตัวให้ชื่นใจ ปุราณจึงรู้สึกผิดสังเกต โดยปกติแล้ว แม้หล่อนจะไม่มาป้วนเปี้ยนซิกซี้ชวนร่วมเสนหา แต่เงาของหล่อนก็ไม่เคยห่างหาย เขาต้องได้เห็นหล่อนลอยพลิ้วลอยโยกอยู่กลางอากาศ ตรงไหนสักแห่ง

หากมองออกนอกหน้าต่าง ก็อาจเห็นหล่อนเริงร่าอยู่กลางสระ ยืนอยู่บนสะพาน หรือบางครา หากเงยหน้าขึ้นจากงาน ก็จะพบหล่อนส่ายไหวอยู่หน้าประตู หรือนอนเลือนรางอยู่บนเก้าอี้ยาว

ซึ่งตลอดครึ่งวันของวันนี้ เขาไม่เห็น และมันทำให้เขาไม่หวั่นลึกๆ ในทรวง นอกเหนือจากไม่สบายใจมากเลย กับการได้รับรู้ว่า วัสอรก็เป็นอีกคนที่สามารถแลเห็นร่างเบาโปร่งของภรรยา

"ไม่ต้องมา สรัลอยากอยู่ตามลำพัง ไม่อยากพบหน้าใคร"

"ห้ามได้จริงหรือ ห้ามสิ"

วัสอรต้องไม่ได้ยินว่าสามีภรรยาสนทนากันผ่านเยื่อใยผูกพัน เธอเห็นปุราณพายเรือเนิบช้า แต่ไม่เห็นว่าสรัลนอนทอดกายเซื่องซึมเหนือแพบัวงดงาม สีหน้าของผีเกเรหมกมุ่นเคร่งเครียดจัด เธอก็ไม่อาจแลเห็น

แต่สามีเห็นแจ่มแจ้ง แล้วมีหรือจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจ มีหรือจะให้ยืนมองเฉยๆ อยู่บนสะพาน โดยไม่ลอยลำเรือมาถามไถ่สุดที่รักให้หายกังขา

"เป็นอะไรไปครับ แล้วครึ่งวันนี้หายไปไหนมา งอนอะไรผมหรือเปล่า" เขาหยุดลอยเรือ แล้วหลุบตามองแพบัวด้านข้าง พยักพเยิดเหมือนคาดคั้นให้ภรรยาตอบ

"สรัลอารมณ์ไม่ดี"

"เรื่องอะไรละครับ บอกผมสิ เกิดจากผมหรือเปล่า ที่รักของผม ไม่เอาน่า หยุดเดี๋ยวนี้ สรัล ผมบอกว่าหยุด"

'สรัล' คนแอบซุ่มมองตาโตเลย แถมยังรีบยกมือปิดปาก ปุราณเรียกภรรยาเสียงดังฟังชัดขนาดนั้นเลยหรือ เขาสั่งให้หยุดเสียด้วย หมายความว่า สรัลคงกำลังลอยไปลอยมาอยู่ละสิ วัสอรเลียปากตื่นเต้น รีบกระเถิบตัวเลียบไปตามแนวพุ่มไม้ ปุราณลอยเรือไปทางไหน เธอก็ตามกระชั้นชิดล่ะ

สรัลกำลังลอยไปลอยมาจริงๆ ร่างขาวโปร่งพลิ้วนุ่มนวลอยู่ในอากาศ ปุราณต้องเงยหน้ามองการเคลื่อนไหวสับสนของภรรยา หล่อนต้องมีปัญหากลุ้มใจบางอย่าง กายเบาจึงแลสั่นไหวรุนแรงตลอดเวลา

ตอนนี้ ก็ค่อยหย่อนโรยลงแทรกกับผืนแพของใบบัว หากมองผิวเผิน แลคล้ายว่าร่างใสจมหายลงใต้ผิวน้ำกว่าครึ่ง เท่าที่เห็น ก็เหลือเพียงท่อนอกขึ้นไป แต่ในความเป็นจริง หล่อนก็ยังคงความใสโปร่งของกายเบาไว้อย่างครบถ้วนนั่นล่ะ

"ที่รักของผม" ปุราณลอยเรือไปใกล้ มองหล่อนนอนแทรกอยู่ในแพบัว "อย่ามาแง่งอนอยู่ตรงนี้เลย ไปที่ห้องเถอะ ฟ้าร้องแล้วได้ยินไหม ฝนอาจจะตกก็ได้ อยากให้ผมตากฝนหรือไง"

"แล้วทำไม่ได้หรือ ตากฝนเพื่อสรัลสักคืน ทำไม่ได้ใช่ไหม ก็แน่ล่ะ สรัลมันใกล้จะตกกระป๋องแล้ว อีกหน่อย ปูก็คงลืมสรัล ทอดทิ้งสรัลให้อยู่อย่างเดียวดายในโลกมืดๆ ที่น่ากลัวที่สุด"

"พูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจเลย"

"ไม่ต้องมาเข้าใจ สรัลก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมาไง สรัลอยากอยู่ตามลำพัง ปูกลับไปก่อนเถอะค่ะ"

"ไม่กลับ ตากฝนทั้งคืนก็ได้ เชิญงอนไร้เหตุผลไปตามสบาย"

"แน่ใจหรือคะ ไม่เป็นห่วงแม่วัสอรนั่นหรือ"

ปุราณเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจว่าภรรยาประชดอะไรออกมา วัสอรมาเกี่ยวอะไรด้วย เขาไม่เคยคิดเลยเถิดกับเด็กคนนั้นสักหน่อย หรือต้องให้บอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เขาไม่เคยคิดพิศวาสผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว นอกจากสุดที่รักเท่านั้น

แม้หล่อนจะถูกพรากให้อยู่กันคนละโลกแล้ว แต่ความรักที่มีต่อกัน มันก็มีอานุภาพแรงกล้า มากพอที่จะเหนี่ยวรั้งและดึงหล่อนไว้ ให้อยู่กับเขาอย่างไม่มีวันห่างหายไม่ใช่หรือ

"อย่าพูดถึงคนอื่นเลยครับ คุณเองก็เลิกซน แล้วบอกผมมาตามตรงว่าเป็นอะไรไป มีเรื่องกลุ้มใจอะไร ผมเป็นสามีของคุณนะ ริอ่านปกปิดสามีหรือ"

สรัลพลิ้วร่างเบาลอยเลื้อยแทรกไปตามกอบัว ใบหน้าหม่นหมองแปดเปื้อนน้ำตาสีเลือด หล่อนจะบอกเขาได้ยังไงว่า อีกไม่นาน แม่นมอ่อนของเขาก็จะสิ้นอายุขัย นางมาที่นี่แล้ว ประจันหน้ากับหล่อน ทั้งเกลี้ยกล่อมวิงวอนให้หล่อนตัดรักตัดใจ แล้วคืนอิสระให้เขาได้ไปพบเจอกับ 'เนื้อคู่แท้'

"เหลวไหลอะไร เนื้อคู่แท้คู่เทียมอะไร ปูเป็นของสรัลนะคะ ไม่ว่าสรัลจะอยู่หรือตาย เขาก็เป็นของสรัลเท่านั้น สรัลนี่แหละ เนื้อคู่ของเขา จะแท้หรือไม่แท้ก็ช่าง แต่สรัลจะไม่ยอมให้เขาไปร่วมหอลงโรงกับผู้หญิงหน้าไหนอีก"

"ไม่มีใครฝืนชะตาฟ้าได้หรอกค่ะ เท่าที่คุณสรัลทำอยู่ทุกวันนี้ มันก็ผิดมากแล้วนะคะ"

"แม่นม อย่าถือดีว่าปูรักนะ สรัลจะไม่เกรงใจใครทั้งนั้น หากใครคนนั้น กล้ากำแหงมาออกคำสั่งให้สรัลไปจากเขา แม้แต่แม่นม สรัลก็จะไม่ยกเว้น"

แม่อ่อนส่ายหน้าถอนใจ คล้ายเวทนาหล่อนหรือยังไงก็ไม่ทราบ นางจวนสิ้นอายุขัยเต็มที แต่ก็น่าแปลกที่ กายเบาของนางแลผุดผ่อง ประกายขาวที่แผ่รายล้อม แลเจิดจ้าน่าเลื่อมใส หล่อนก็นึกรู้ในจิตแล้วละว่า นั่นคือ 'ประกายบุญ' และที่ต้องบอกว่าน่าแปลก ก็ตรงที่ 'หล่อนไม่มี'

"ฟ้าได้กำหนดแล้วว่า คุณปูแต่งงานได้ครั้งเดียว เรื่องนี้คุณสรัลคงทราบแล้วนะคะ"

"ก็นั่นน่ะสิ แล้วแม่นมยังมาเพ้อเจ้อเรื่องเนื้อคู่แท้คู่เทียมให้สรัลฟังอีกทำไม"

"นมไม่ได้เพ้อเจ้อหรอกค่ะ แต่ลิขิตของฟ้า มนุษย์ธรรมดาบนโลก ไม่อาจหลีกเลี่ยงพ้น ตามดวงชะตาของคุณปู เขาแต่งงานได้ครั้งเดียว แต่เนื้อคู่แท้ของเขา จะอยู่กินโดยไม่มีการแต่งงาน แล้วเวลานี้ เธอก็มาแล้ว"

"แม่นม หุบปากนะ จะไปไหนก็ไป ไม่แน่นะ ถ้ารีบกลับไปเข้าร่างเวลานี้ อาจจะยังมีหวัง ได้ยืดลมหายใจอยู่กับลูกหลานไปอีกสักหลายปี แทนการมาเพ้อ.. "

"ไม่หรอกค่ะ นมหมดอายุขัยแล้ว ไม่เกินสามวันนี้ นมก็คงต้องทิ้งกายหยาบอย่างถาวร ที่นมมาที่นี่ ก็เพื่อขอร้องและวิงวอน หากคุณสรัลรักคุณปูด้วยใจจริง ก็ขอให้ปล่อยเขาไปตามวิถีของคนปกติทั่วไป อย่าเหนี่ยวรั้งเขาไว้ด้วยอำนาจที่เหนือธรรมชาติเลยค่ะ มันจะกลายเป็นบาปหนักที่จะพันธนาการคุณสรัล จนอาจจะ.. "

"สรัลไม่กลัว"

หล่อนอยากรู้จริงๆ หากปุราณมาได้เห็นว่า หล่อนเกรี้ยวกราดไร้มารยาทต่อแม่นมอ่อนที่เขารัก เขาจะตำหนิหล่อนรุนแรงแค่ไหนหนอ แต่แม่นมอ่อนก็เพ้อเจ้อในสิ่งที่หล่อนหวาดกลัวอยู่ไม่ใช่หรือ

การให้หล่อนต้องพลัดพรากกับสามีชั่วนิจนิรันดร์ คือ ความพรั่นพรึงแรงกล้าที่หล่อนไม่อาจหาญพอจะเผชิญ แม่นมอ่อนก็น่าจะทราบดีอยู่แก่ใจ แต่ทำไมยังมาเกลี้ยกล่อมด้วยวาจาเชือดเฉือนเช่นนี้อีก

"เชื่อนมเถอะค่ะ อย่าฝืนลิขิตของฟ้าอีกเลย คุณสรัลกับคุณปูหมดพันธะต่อกันแล้ว คุณปูไม่ได้เกิดมาเพื่อครองคู่กับคุณสรัลนะคะ เขาเกิดมาเพื่อชดใช้บาปเพียงเล็กน้อย ที่เคยก่อไว้กับคุณในภพก่อนเท่านั้น"

"เหลวไหล"

"ภพก่อนนี้ แม้คุณปูไม่มีเจตนาทอดทิ้ง แต่การจากมาโดยไม่บอกกล่าว เพียงเพื่อจะไปเจรจากับผู้ใหญ่ในครอบครัวให้เข้าใจและยอมรับคุณสรัล ก็ทำให้คุณสรัลเข้าใจผิด และปลิดชีวิตตัวเองด้วยความเสียใจ"

"บ้าที่สุด"

หล่อนก้าวร้าวอย่างไร้มารยาทอีกครั้ง พร้อมกับตระหนกลึกไปด้วยว่า แม่นมอ่อนล่วงรู้อดีตชาติของหล่อนได้ยังไง ในเมื่อนางยังไม่สิ้นอายุขัยเลย แต่ในขณะที่หล่อนตายไปแล้วตั้งสามปี กลับไม่เคยระแคะระคายหรือแลเห็น

"เมื่อคุณปูย้อนกลับมาอีกที คุณสรัลก็จากไปแล้ว เขาจึงตั้งสัตย์ว่าจะขอพบเจอกับคุณสรัลอีกสักภพชาติ เพื่อไถ่บาปที่เขาไม่มีเจตนาก่อ เขากลับมาพร้อมกับข่าวดี โดยไม่เคยนึกรู้เลยว่า ข่าวดีของเขามันมาถึงล่าช้าเกินไป"

"เงียบนะแม่นม ถ้ายังขืนปากพล่อย สรัลจะเลิกเกรงใจจริงๆ "

"และนั่นก็คือบาปเดียวที่คุณปูผูกพันอยู่กับคุณ ยอมรับความจริงหน่อยนะคะ คุณไม่ใช่เนื้อคู่ของเขา จะอีกกี่ภพกี่ชาติก็ไม่ใช่ มันจึงต้องมีเหตุทำให้ต้องแคล้วคลาดพลัดพราก ยอมรับด้วยว่า ภพที่ผ่านมา คุณปูแต่งงานเพียงครั้งเดียวกับฝนของนม และภพนี้ คุณปูก็ยังถูกกำหนดให้แต่งงานเพียงครั้งเดียว และอยู่กินกับฝนของนมเช่นเดิม"

น้ำตาสีเลือดทะลักพรูเป็นสายเป็นริ้ว ปุราณไม่รับรู้ต่อภวังค์เงียบที่ภรรยาก่อขึ้น แต่เขาตกใจมาก เมื่อเห็นริ้วน้ำสีเลือดเส้นเล็กๆ กรีดกระจายไหลเนืองแทรกซ้อนอยู่ในกายโปร่งเบา

มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองเกินไป ตลอดกายโปร่งแลแดงฉานขึ้นมาทันที หรือแม้แต่ขณะที่หล่อนลอยร่างพลิ้วสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็ยังเห็นอีกว่า ริ้วน้ำสีเลือดเหล่านั้น แข่งกันร่วงพรูประหนึ่งสายฝน
 
"สรัล คุณเป็นอะไร ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นอย่างนี้มาก่อน สรัล เดี๋ยว สรัล อย่าไป สรัล อย่าไป"

จะด้วยความตระหนกหรือใจหายก็ช่างเถอะ แต่เอาเป็นว่า วัสอรต้องมีส่วนร่วมกับความรู้สึกนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เธอผลุงร่างที่นั่งยองอยู่นาน ปราดไปถึงกลางสะพาน ตาเบิกกว้างลนลาน และละล้าละลังเอาการ เมื่อคิดไม่ตกว่า ควรกระโจนลงสระไปตามลำพัง หรือว่าควรรีบไปตามคนสวนมาช่วยอีกแรง

แต่มันจะสายเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อเวลานี้ เรือน้อยลำนั้น คว่ำไม่เป็นท่าแล้ว และปุราณก็กำลังพยายามแหวกว่ายคล้ายติดตามใครสักคนไปอย่างกระหืดกระหอบ

เธอไม่เดาแล้วล่ะ ขอปักใจไปเลยว่า เขากำลังไล่ตามดวงวิญญาณของผีภรรยาเป็นแน่ แล้วเธอเล่า เธอจะยืนดูอยู่อย่างนี้ หรือว่าจะตามเขาไป

'เอาเถอะ เป็นยังไงก็เป็นกัน' วัสอรบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว แม้โดยส่วนตัว จะไม่ค่อยประทับใจเจ้านายพ่อหม้าย ด้วยว่าเขาไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอ หรือบางครั้ง ก็เอือมระอากับนิสัยเผด็จการและเจ้าอารมณ์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

แต่หากปล่อยให้เขาว่ายจ้วงอยู่ในสระอย่างนั้นต่อไป อีกประเดี๋ยว อาจจะโดนรากบัวพัวพันขา ทีนี้ก็จะว่ายต่อไปไม่ได้ และจากนั้น เขาก็อาจจะ 'ตาย'

เมื่อความพะวงว้าวุ่นไปสิ้นสุดที่คำคำนั้น วัสอรก็ไม่คิดหน้าคิดหลัง นอกจากตัดสินใจกระโจนลงเรืออีกลำ เธออาจจะพายไม่ค่อยเป็น แต่เชื่อว่าสามารถประคองมันไปจนถึงเป้าหมายได้อย่างตลอดรอดฝั่งแน่

เพราะในวูบนั้นเอง ที่เธอเพิ่งจะฉุกคิดว่า สรัลอาจกำลังต้องการคร่าชีวิตของสามี ให้ไปอยู่ร่วมโลกเดียวกัน หล่อนอาจกำลังแสดงมายาบางอย่างให้สามีแลเห็น และนึกหวาดกลัวว่าอาจต้องสูญเสียหล่อนไป สามีก็คงไม่ยอมล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตัดใจคว่ำเรือ แล้วพาตัวเองลงลอยคอกลางน้ำเย็นจัดเสียขนาดนี้

แล้วอีกวูบ ซึ่งเป็นวูบที่ประหลาดมาก วัสอรเกิดอาการหายใจขัดระคนโหยหารุนแรง มันอุบัติปุบปับและจู่โจมหนักหน่วง คล้ายจะกระทุ้งจิตใต้สำนึกอันเร้นลึก ให้รีบระลึกและตระหนักว่า 'ถ้าปุราณมีอันเป็นไป เธอเอง ก็ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้'

ยังมีอีกภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่า ในขณะที่วัสอรลอยลำเรือไปอย่างทุลักทุเล ร่างนวลที่เจิดจ้าไปด้วยรัศมีสีขาวผุดผ่อง ก็ค่อยปรากฏเนิบช้าบนสะพาน

แม่อ่อนยืนสำรวมเคร่งขรึม สองมือประสานสงบ แววตาอ่อนโยนกำลังทอดตามเรือลำน้อยของวัสอรไปอย่างอิ่มเอม แม้ในขณะเดียวกัน นางจะสามารถหยั่งรู้และเห็นความเศร้าสร้อยระคนว้าวุ่นของสรัล ในซอกอันเร้นและมืดสนิทของโลกอีกใบก็ตาม

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 09:18:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com