นิยายมันก็แค่....นิยาย บทที่ 42
|
 |
บทที่ 42 เมื่อเขามาฉันก็จะไป ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆเพราะยุ้ยยังไม่ได้สติจากยาในห้องผ่าตัดแต่ผมก็ไม่ได้คิดฉวยโอกาสแต่อย่างใดนะครับเพราะคงส่งผ่านความรู้สึกได้แค่จากทางนี้ทางเดียว หลังจากนั้นพ่อกับพี่สาวยุ้ยก็มาครับผมก็สวัสดีและให้เขาอยู่กันไปและผมก็ลงไปข้างล่างครับเจอกับเพื่อนๆน้องๆก็ถามว่าเป็นยังไงบ้างก็บอกไปว่ายังไม่ได้สติแต่ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วก็ฝากเพื่อนที่อยู่เวรดูด้วยมีอะไรก็โทรบอกได้พรุ่งนี้เย็นจะมา พอตอนเย็นวันต่อมาผมก็ไปที่ ICU อีกก็ปรากฏว่าเริ่มให้คีย์โมแล้วเพราะพี่พยาบาลหัวหน้าแผนก ICU ที่แสนดีเอาเรื่องที่ผมถามไปบอกหมอก็เลยเอาฟิล์มไปให้โรงพยาบาลหลักช่วยดูเขาบอกว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชัดเจนให้รีบรักษาได้เลย
ก็ไม่เจอตอนได้สติอีกเหมือนเดิมและน้องอ่อนแอมากเลยไม่ให้เยี่ยม ก็เดินลงมาส่งข่าวให้เพื่อนๆที่แผนกก็ได้รู้ว่าจริงๆเข้ามา 2 รอบๆแรกก็ผลเลือดผิดปกติอย่างมากแต่น้องก็ดึงดันจะออกและไปหาโรงพยาบาลใกล้ๆก็โดนพวกแบบฟอร์มการคัดกรองอาการก็เลยทำให้หมอคิดว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนเพราะว่าตอนนั้นเป็นที่นิยมและเขาคิดว่าน้องผอมเพราะอดอาหาร กลับมาวันที่ 3 ก็โดนหมอที่เกี่ยวกับโรคปอดบ่นว่าเดียวนี้ที่แผนกคุณภาพลดลงตั้งแต่เธอที่เป็นหัวหน้าแผนกลาออกไป ผมบอกว่าผมไม่ใช่แต่จริงๆทุกคนก็ทำได้หนิครับถ้าพยายาม
เสร็จหมอก็บอกว่าไม่เชื่อก็ดูสิหมอก็เอาฟิล์มมาให้ดูครับก็เป็นฟิล์มที่ควรถ่ายใหม่จริงๆผมเลยขอดูฟิล์มยุ้ยอีกทีผมก็ย้อยดูมันมีอาการแปลกๆมานานแล้วแต่คุณภาพฟิล์มก็มีส่วน
เพราะยุ้ยมีอาการปอดขยายตัวมาตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลครั้งแรกแต่ด้วยการเอียงของอุปกรณ์และความดำที่มากเกินทำให้การแปรผลอาจสังเกตได้ยากและจริงๆไม่ควรผ่านไปให้หมอ ก็ยังคงเจอตอนไม่ได้สติอีกเหมือนเดิมแต่คราวนี้แม่ยุ้ยมาพร้อมแฟนยุ้ยครับก็เข้าใจว่าผมคงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วเพราะการรักษาก็ดำเนินต่อไปแล้วผมไม่มีประโยชน์
แต่ก่อนไปก็ไปเจอกับแจ๊คเพื่อนที่เป็นเภสัชครับก็คุยไปเรื่อยๆ แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ารักษาโรงพยาบาลกับประกันสังคมออกให้หมดแหละแจ๊คบอก ก็โอเคแต่ถ้าเขาเดือดร้อนก็บอกกูด้วยนะเพราะกูจะพยายามทุกทางหามาให้ได้ผมพูดด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆก่อนเดินจากไป หลังจากนั้น 2 วันผมกำลังจะไปเยี่ยมแต่แจ๊คบอกน้องไม่เป็นอะไรมากแล้วแต่จะไปเข้าโครงการทดลองของรามาเกี่ยวกับยารักษามะเร็งตัวใหม่ที่ราคาเข็มเป็นแสนเลยนะแต่เขาให้ใช่ฟรีเพราะหมอที่นี้บังเอิญรู้จักกับคนทำโครงการ ผมก็โล่งใจไปแต่ก็ไม่เข้าไปวุ่นวายกับชีวิตน้องเขาอีกแล้วรอแค่ว่าถ้าแฟนน้องทิ้งน้องไปจากช่วงที่รักษาผมจะไปดูแลเองเพราะเพื่อนคงจะไปบอกผมหากเกิดเหตุ
แต่จริงก็แปลดีเพราะเพื่อนบอกตอนคุยโทรศัพท์กับผมแฟนยุ้ยก็อยู่ข้างๆหนะแหละก็อย่างว่าผมมันอาจแค่พี่ชายสำหรับเขาแต่ก็พร้อมดูแลนะ หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ก็ได้ข่าวว่าหัวหน้าที่ทำงานเก่าโดนออกแบบเร่งด่วนเพราะอะไรไม่รู้แต่คงจะเป็นเพราะเรื่องเครื่องที่ซื้อใหม่หลังผมลาออกมาก็ได้เพราะบังเอิญไปเจอเครื่องตัวนี้ตอนไปเยี่ยมยุ้ยแล้วหัวหน้าคนก่อนมาพาสไทม์เขาเอามาใช้ก็ทักว่า
น่าอิจฉาไหมเครื่องใหม่
ผมบอกว่าไม่น่าอิจฉาหรอกเพราะเครื่องที่ว่าเป็นแบรนที่เขาไม่ใช้กันเพราะ 2 เดือนก็รวนแล้ว
ก็ตามผมบอกแหละครับแต่ไม่ถึง 2 เดือนนะก็คงโดนสอบสวนเรื่องการโกงมั้ง งานผมก็เริ่มแปล่งๆครับเพราะเปลี่ยนอะไรในระบบไม่ได้เลยเหมือนเป็นหัวหน้าแต่ไม่มีอำนาจเขากลัวเรื่องยอดของตัวเองกันครับ
เพราะเรื่องที่เป็นภาระแผนกต้องปล่อยก็ไม่ปล่อย และพยายามให้ผมทำเรื่องการขอนุญาตใช้เครื่องทางรังสีให้เสร็จไวๆ ผมก็ยื้อไปเรื่อยครับเพราะเรื่องที่ผมให้เปลี่ยนมันก็เกี่ยวกับเรื่องที่ขอเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและคนไข้ไม่อยากโดนยึดใบอนุญาตครับ
ยิ่งทำๆไปยิ่งเห็นภาพลางๆว่าเขาไม่อยากได้หัวหน้าแผนกแต่อยากได้คนทำเรื่องขอใบอนุญาตครับเพราะเขาเตรียมเรื่องจะให้ผมออกหลังเสร็จการทำเอกสารแน่ๆ
แต่ที่แน่ๆเหมือนกันคือผมไม่เซ็นครับเพราะใบอนุญาตปัจจุบันไม่ใช้ให้หมอขอครับต้องให้นักรังสีที่มีใบมาเซ็นครับ เรื่องที่ผมโดนเตรียมก็เรื่องการประเมินโบนัสครับเพราะมันเป็นหน้าที่ผมและก็มาบอกว่าให้ประเมินเท่าๆกันหมดแต่ผมก็คิดว่าไม่ได้ครับคนที่ทำงานมากก็ควรได้มากคนที่เอาเปรียบเพื่อนก็ควรให้คะแนนที่ต่ำครับ ผมก็ทำตามหน้าที่ทุกอย่างและแน่ๆก็คือไม่ให้ตกหล่นถ้าผมโดนบอกว่าทำงานไม่ดีผมก็จะออกครับเพราะมันคงจะแน่ชัดแล้วว่าเขาไม่อยากได้คนมาช่วยพัฒนาจริงๆต้องการแค่คนเชิดมากันหนังหน้าไฟเท่านั้นเอง ก็โดนจริงครับการประเมินว่าไม่ได้คุณภาพก็ไม่สนใจครับเพราะผมรู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่เพราะผมว่าผมหางานใหม่ได้
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
20 เม.ย. 54 22:38:30
|
|
|
|