Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงพริบตา 1 ติดต่อทีมงาน

เพลงพริบตา

1


“สำนักพิมพ์เรากำลังแย่”

นี่คือประโยคแรกของอิ่มอุ่น เจ้าของและบรรณาธิการสำนักพิมพ์อิ่มเอมเอ่ยกับหญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะทำงาน

“พี่อิ่มว่าอะไรนะคะ ?” คำถามทวนคล้ายไม่แน่ใจพร้อมการยกมือขึ้นขยี้ผมยาวซึ่งถูกรวบมัดอย่างไม่ใส่ใจจนดูชี้ฟูไม่เป็นทรงของหญิงสาวทำให้อิ่มอุ่นได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วง แทนคำตอบ สาวใหญ่ร่างอวบก็เปิดลิ้นชักออกควานหยิบหนังสือพ็อกเก็ตบุ้กหลายเล่มขึ้นมาวางเรียงบนโต๊ะ หยิบเล่มแรกขึ้นมาพลิกหน้ากระดาษไปช้า ๆ สายตาสลับมองหน้าหนังสือและหน้าหญิงสาวฝั่งตรงข้าม ปากก็เอ่ยคำ

“พี่อิ่มบอกว่า สำนักพิมพ์เรากำลังแย่...แย่กว่าตอนที่เราทำหนังสืออาหารเสียอีกนะ” อิ่มอุ่นว่าพลางถอนหายใจ คนฟังได้แต่ยิ้มแหยกับคำบอกเล่านั้น เพราะนอกจากจะสนิทสนมคุ้นเคยด้วยตำแหน่งทวดรหัสกับหลานรหัสแล้ว การทำงานร่วมกันมานานเรียกได้ว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขมาโดยตลอดจึงรู้ดีว่า ช่วงตลาดหนังสือซบเซา สำนักพิมพ์อิ่มเอมซึ่งผลิตหนังสือเกี่ยวกับการทำอาหารเป็นหลักระส่ำระสายเพียงใด ครานั้นเป็นหล่อนเองที่นำเสนอทางเลือกใหม่ นั่นคือการเปลี่ยนแนวไปทำหนังสือนิยายซึ่งกำลังอยู่ในกระแสนิยมมากกว่า

และเมื่อได้รับแรงสนับสนุนจากเจ้าของสำนักพิมพ์สองพี่น้องอย่าง อิ่มอุ่น และเอมใจ หล่อนก็ถูกคะยั้นคะยอกึ่งบังคับให้เป็นนักเขียนนวนิยายคนแรกของสำนักพิมพ์ แม้จะไม่ใช่งานถนัดเท่ากับเขียนตำราทำอาหาร แต่ประสบการณ์ในการอ่านผสานกับจินตนาการส่วนตัว ก็ทำให้นิยายรักหวานละมุนเล่มแรกของสำนักพิมพ์อิ่มเอมอวดโฉมอยู่บนแผงหนังสืออย่างไม่น้อยหน้าใคร

แม้ว่าจะมีนักเขียนหน้าใหม่ซึ่งอิ่มอุ่น เอมใจ จีบมาร่วมงานด้วยหลายคน แต่นักเขียนหลักของสำนักพิมพ์ก็ยังคงเป็นหล่อนเสมอ ร่วมห้าปีตั้งแต่ริเขียนนิยายรักมา กำลังจะถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งงั้นหรือ...

“แย่ยังไงคะพี่อิ่ม ยุงก็ยังเห็นว่าหนังสือเราติดอันดับขายดีบ่อย ๆ นักเขียนหน้าใหม่ก็ตบเท้าอยากร่วมงานกับเราเยอะแยะไป” โมเรศแย้งหน้ายุ่ง

“แต่ยุงรู้ไหม...หนังสือขายดีตอนนี้ แบบว่าขายดีมาก ๆ น่ะ ไม่ใช่แนวหวาน ๆ แล้วนะ” เสียงของอิ่มอุ่นยังคงเจือแววเคร่งเครียด

“แล้วมันแนวไหนล่ะคะพี่อิ่ม ?” แทนคำตอบ อิ่มอุ่นหยิบหนังสือในลิ้นชักยื่นส่งให้ โมเรศรับไปเปิดดูทั้งที่ยังงง ๆ เปิดอ่านไปได้สักพักคิ้วขมวดของหญิงสาวก็เริ่มคลาย ขณะเดียวกันใบหน้าก็เริ่มเจือจับสีเลือดฝาด หญิงสาวค่อย ๆ เหลือบตาขึ้นมองคนนั่งฝั่งตรงข้าม สะดุ้งน้อย ๆ เมื่อเห็นว่ามีแววตาเปี่ยมหวังชวนหวาดหวั่นจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว โมเรศอดขนลุกไม่ได้เมื่อนึกถึงคราวที่หล่อนต้องเปลี่ยนแนวการเขียนจากตำราอาหารมาเป็นนิยายหวานแหวว...สายตาของอิ่มอุ่นวันนี้เหมือนเมื่อห้าปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน ทันทีที่รู้สึกเช่นนั้น โมเรศปิดหนังสือพร้อมกับโยนทิ้งลงบนโต๊ะราวกับมันเป็นของร้อน

“ยุงไม่เอาด้วยนะพี่อิ่ม !”

แทบจะเรียกได้ว่าทันทีที่คำปฏิเสธล่วงพ้นริมฝีปากของโมเรศ ราวกับว่าอิ่มอุ่นรู้มาก่อนว่าต้องเป็นคำนี้ที่หลุดพ้น สาวใหญ่ร่างอวบก็ลุกพรวดก้าวตุบตับมายืนข้างเก้าอี้มืออวบอูมยื่นไปคว้ามือเรียวของหญิงสาวซึ่งยังนั่งนิ่งบนเก้าอี้มากุมไว้มั่น แม้ว่าโมเรศจะรู้ทันอยู่บ้าง แต่แรงของยุงหรือจะสู้แรงของยักษ์

“ยุง...ช่วยกันเถอะนะ...ได้โปรดดดดดดดดดดด” น้ำเสียงอ้อนวอนและสีหน้าออดอ้อนสุดฤทธิ์ที่อิ่มอุ่นเคยได้ยินคนบอกว่านี่คือท่าไม้ตายให้คนทำในสิ่งที่ต้องการของหล่อน ทว่าสำหรับโมเรศแล้วในตอนนี้กิริยานั้นทำให้หล่อนทั้งขนลุกและหวาดหวั่นเป็นที่สุด !

“พี่อิ่ม...จะให้ยุงบอกกี่ครั้งว่าถนัดเขียนตำราอาหารมากกว่า” โมเรศบอกเสียงละห้อยโหย สีหน้าเหมือนกลืนยาขมทั้งช้อน

“โธ่ ๆ ๆ ๆ น้องยุงคนสวย พี่อิ่มก็บอกน้องยุงอยู่นี่ไงจ๊ะว่าสำนักพิมพ์เรากำลังแย่ เราควรช่วยเหลือกันนะจ๊ะ เพราะเราเป็นสามสาวพาวเวอร์พัฟเกิล์ลแห่งอิ่มเอมไงจ๊ะ” พูดเสียงหวานดัด ๆ จบพร้อมกะพริบตาปุบปิบ คราวนี้โมเรศสะดุ้งโหยงดีดตัวขึ้นถอยหลบไปอยู่ห่างพร้อมกับลูบแขนตัวเองแรง ๆ สีหน้าของหล่อนตอนนี้เหมือนเจอผีหลอกกลางวันแสก ๆ

“พอ ๆ ๆ ๆ พี่อิ่ม ยุงบอกกี่ครั้งว่าอย่าทำเสียงแบบนี้ ! อย่าทำตาแบบนี้ ! มันน่ากลัวรู้มั้ย !” หญิงสาวแว้ดเสียงแหลมพลางลูบแขนแรง ๆ สายตาสยดสยองส่งไปให้สาวใหญ่ร่างอวบไม่ปิดบัง ทว่านอกจากจะไม่หยุดกิริยาทำตาปิ๊ง ๆ ให้แล้วอิ่มอุ่นยังยื่นมือค่อย ๆ ย่างก้าวเข้ามาใกล้ โมเรศก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติแม้จะรู้ว่าต้องจนมุมเพราะติดผนังห้องแต่ขอให้ได้หนีไว้ก่อนเป็นดี

“พี่อิ่มก็ไม่อยากทำ ถ้าน้องยุงอยากให้พี่อิ่มเลิกทำก็ตกลงเขียนนิยายให้พี่สิจ๊ะ”

“โธ่ พี่อิ่ม แค่ตอนที่เปลี่ยนแนวมาเขียนนิยายหวาน ๆ ยุงก็เกือบตายแล้วนะ...แล้วนี่...นี่...ให้มาเขียนนิยายติดเรทอย่างนี้ กะฝังยุงทั้งเป็นเลยใช่ไหม” โมเรศพ้อเสียงเหนื่อย สีหน้ายามพยักพเยิดไปยัง ‘หนังสือติดเรท’ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเต็มไปด้วยความสยดสยอง

“เอาน่า ลองดูสักตั้ง เดี๋ยวพี่อิ่มเพิ่มเปอร์เซ็นต์ให้อีกสองแต้มเลยเอ้า !” อิ่มอุ่นบอกอย่างใจป้ำ...เท่านั้นท่าทีหวาดหวั่นของโมเรศก็เปลี่ยนไป ไหล่ที่ห่อคู้ค้อมเมื่อครู่หยัดยืดตรง สีหน้าแสยงเริ่มมีรอยยิ้มนิด ๆ สายตามีแววครุ่นคิดก่อนยกมือขึ้นกางนิ้วทั้งห้า

“ห้าพี่อิ่ม...ยุงแต้มอยู่กับที่มาห้าปีแล้วนะอย่าลืม” หญิงสาวบอกเสียงเรียบ อิ่มอุ่นชะงักกิริยาเริงรื่นเช่นกัน หัวคิ้วเริ่มขมวดมุ่น

“เอ...พี่ว่าห้ามันมากไปนะ...เอางี้...เดี๋ยวพี่จะเพิ่มจำนวนเล่มให้ สามก็แล้วกันเนอะกันเอง ถือว่าช่วย ๆ กันนะยุงนะ” โมเรศยิ้มหวาน...เป็นยิ้มที่ทำให้อิ่มอุ่น...ขนลุก

“นั่นสิคะพี่อิ่ม คนกันเองถือว่าช่วย ๆ กัน...พี่อิ่มก็เคยบอกออกจะบ่อยว่าเห็นยุงเป็นน้องเป็นนุ่ง...กับการเพิ่มจำนวนเล่มแล้วก็เพิ่มแต้มอีกสี่แต้ม ให้น้องแค่นี้ไม่ได้หรือคะ ?” พูดจบหญิงสาวก็กะพริบตาปุบปิบ เลียนแบบกิริยาของสาวใหญ่ร่างอวบเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน อิ่มอุ่นได้แต่ทำหน้าเหนื่อย

“เฮ้อ ไอ้เราก็นึกว่าคราวนี้จะได้เป็นต่อบ้าง ที่สุดก็โดนแกต้อนด้วยน้ำลายตัวเองจนได้” สาวใหญ่ว่าพลางส่ายหน้า โมเรศหัวเราะเบา ๆ

“งั้นคราวหน้า พี่อิ่มก็เปลี่ยนให้พี่เอมมาพูดแทนสิคะ”

“โอ๊ย รายนั้นน่ะคงถอดใจไม่ตื้อตั้งแต่แกส่ายหน้าครั้งแรกนู่นแหละ” อิ่มอุ่นว่าพลางส่งตาค้อน ก่อนถอยกลับมานั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง โมเรศหัวเราะคิกคักกับท่าทีดูรู้ว่าแสร้งทำแกะตัวเองจากการเอนซบผนังห้องก้าวตามมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง “ตกลงรับว่าจะเขียนแล้วนะ อีกสองเดือนพี่ขอต้นฉบับได้ไหมยุง ?” คราวนี้คำถามเป็นการเป็นงาน โมเรศหุบยิ้มถอนหายใจหนัก ๆ

“แล้วเรื่องหวาน ๆ ที่ยุงกำลังเขียนนี่ล่ะพี่อิ่ม พี่อิ่มไม่เอาเหรอ ?” หญิงสาวถามเสียงเนือย

“ถ้ายุงคิดว่าเขียนสองเรื่องควบไหวก็เอา แต่ถ้าไม่ไหวพักหวานมาซบขอบเตียงก่อน” คำตอบของอิ่มอุ่นพร้อมการก้มลงเปิดลิ้นชักค้นหยิบของกุกกัก โมเรศได้แต่กลอกตามองเพดาน “แล้วก็นี่...เอาไปอ่านดูเป็นแนวว่าเขาเขียนกันประมาณไหน นี่พี่อิ่มเลือกมาเฉพาะที่ขายดีจริงจังเลยนะ บางเล่มพิมพ์ห้าครั้งแล้วด้วย” อิ่มอุ่นว่าพลางหยิบหนังสือสี่ห้าเล่มยื่นส่งให้ โมเรศรับไปพลิก ๆ ดูหน้าปกและอ่านคำโปรยแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหย...เหมือนจะง่ายแต่ท่าทางจะยาก...หญิงสาวคิดพลางเก็บหนังสือใส่กระเป๋าผ้าที่พกมาด้วย

“ก็ได้ งั้นช่วงเดือนสองเดือนนี่หวังว่าคงไม่มีอะไรไปกวนยุงนะ เพราะถ้ามียุงไม่รับรองว่าต้นฉบับจะเสร็จทัน” หญิงสาวขู่ เมื่อเห็นอิ่มอุ่นพยักหน้ารับรวดเร็วสีหน้ายิ้มรื่นหล่อนก็ได้แต่มองอย่างหมั่นไส้ ก่อนผุดลุกขึ้นยืน “งั้นยุงกลับก่อนนะคะ” เอ่ยลาพลางยกมือไหว้ก่อนเดินออกจากสำนักพิมพ์ด้วยความหนัก...หนักทั้งใจกับงานชิ้นใหม่ที่ได้รับ...หนักทั้ง...หนังสือนิยายในกระเป๋าที่ต้องหอบหิ้วกลับไปศึกษา แต่สิ่งที่โมเรศทำได้มีเพียงการถอนหายใจหนัก ๆ ให้กับตัวเอง

จากคุณ : แก้วชิงดวง
เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 15:08:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com