นิยายมันก็แค่....นิยาย บทที่ 43-44
|
 |
บทที่ 43 ผลกระทบ ครับผมออกมาจากที่นั้นด้วยเหตุผลเดิมๆครับผลประโยชน์และเงินอยู่เหนือทุกอย่างเพราะเขาคิดว่าคนที่อยู่ที่นั้นแม้ไม่มีการปรับปรุงก็อยู่ได้เพราะต้องมีคนมาโรงพยาบาลเขาเรื่อยๆ
เพราะเขาเน้นการตรวจไปต่างประเทศแล้วก็เอาแค่ถ่ายปอดเป็นหลักผลผิดก็จ่ายเงินไปใครมาตรวจเครื่องไม่มีนักรังสีก็จ่ายเงินไปไม่ต้องตรวจแค่บอกว่ากำลังจัดหาก็จบและยิ่งคนที่เป็นคนคุมสนิทกับหัวหน้าบุคคลก็จบและผมก็ไปลาพวกระดับบริหารเขาก็บอกว่าถ้าอะไรดีขึ้นค่อยเจอกันใหม่ ก็ว่างงานอยู่ซักพักครับแต่ก็ต้องรีบหาเพราะมีเรื่องของบัตรเครดิตเข้ามาทำให้ยิ่งต้องรีบรอพวกโรงพยาบาลใหญ่ๆดีๆที่มีการพิจารณาแบบนานๆไม่ไหวก็ไปได้ต่างจังหวัดอีกแล้ว
ตอนรับเขาก็บอกผมอีโก้แรงก็คิดว่าแรงตรงไหนแค่เราต้องทำงานเพื่อโรงพยาบาลคือทำให้ดีทำให้ครบถ้าพลาดด้วยเหตุสุดวิสัยก็ยอมรับและหาทางแก้ไขก็จบหนิครับ แต่สิ่งที่ได้รู้เกี่ยวกับตัวเองคือผมไม่อยากนั่งหน้าเครื่อง CT สแกนด้วยความรู้สึกดีได้อีกเพราะภาพรอยโรคของยุ้ยมันติดตาอยู่
และรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวซวยไงไม่รู้เพราะใครก็ตามที่ทำผมผิดหวังมักมีอะไรเป็นผลกระทบตลอดเลยคิดว่าจะไม่ให้ความรู้สึกกับใครที่ผมไม่ได้คบกับเขาจริงอีกเพราะเมื่อไม่ได้คบผมก็ไม่ใช่คนดูแลเขาถ้าเกิดเรื่องอะไรผมก็ต้องมานั่งเสียใจอีก จริงๆหัวหน้าที่นี้ที่รับผมเข้ามากำลังมีปัญหาหนักเหมือนกับที่ผมทำงานล่าสุดเพราะคนที่นี้ไม่ยอมรับกันแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะมันเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่และซับซ้อนในการบริหารคนที่เป็นหัวหน้าก็ต้องเน้นบริหารแล้วหาคนช่วยรับผิดชอบเป็นเรื่องๆไปก็เลยถือว่าช่วยกันแต่ผมก็ดูด้วยครับว่าการตอบแทนดีหรือเปล่าเพราะผมเน้นที่งานหนักเงินคุ้มครับถึงจะน่าอยู่ เรื่องแรกที่โดนให้รับผิดชอบก็เรื่องของการออกหน่วยครับผมว่าก็โอเคเพราะผมไม่อยากนั่งน่าเครื่องสแกนซักเท่าไหร่เพราะใช้มันมาทุกรุ่นทุกแบบแล้วเหลือแค่การใช้ทั่วไปคงไม่เท่าไหร่
งานออกหน่วยเหนื่อยมากและวุ่นเรื่องเอกสารมากเพราะคนที่รับผิดชอบก่อนหน้าไม่ทำอะไรเลยนอกจากจัดให้คนออกหน่วยแล้วก็งานใครงานมันผมก็ต้องนั่งเปลี่ยนระบบทั้งหมดครับแก้ทุกเรื่องเคลียงานย้อยหลัง 6 เดือนกว่าจึงเสถียรเหลือ งานไม่เกินย้อยหลัง 1 เดือนพอเหลือแค่ 1 เดือน
ก็เริ่มมีคนมาอิจฉาครับเพราะไม่ต้องทำอย่างอื่นนอกจากเอกสารเพราะผมมันพวกไม่บอกอะไรใครครับว่าผมยุ่ง เรื่องรักก็บังเอิญคราวนี้ไปแอบชอบหมอเข้าครับเป็นรังสีแพทย์นี่แหละตอนแรกก็ไม่รู้ทำไมอยู่ๆก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขาเฉยๆกลัวแบบไม่มีเหตุผลครับ
และเพื่อนผมที่เป็นฮีโร่ซึนามิที่ช่วยเพื่อนร่วมงานก็มีแฟนเป็นรังสีแพทย์ครับเจ้าหน้าที่เปลนี้แหละครับกับรังสีแพทย์ก็ต้องยินดีด้วยเพราะเพื่อนผมคนนี้มันดีมากจริงๆสมควรที่ได้คบกันครับ
แต่ก็มีเรื่องที่กระทบคือเพื่อนผมเป็นหัวหน้าเปลก็ต้องย้ายที่ทำงานเพราะเรื่องนี้เพราะในวงการแพทย์เรื่องหมอไปคบกับเจ้าหน้าที่ๆทำงานระดับต่ำกว่าไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับครับแต่ทำไงรักมันคุมไม่ได้หรอกเพื่อนผมมันดีจริงๆ แน่นอนครับผมเองก็ต้องระวังก็ได้แต่มองเขาห่างๆไม่กล้าเข้าใกล้เกิน 2 เมตรครับ
จะบอกว่าเป็นคนน่าสงสารมากเพราะหมอเจนเป็นรังสีแพทย์ที่ใหม่ที่สุดของที่นี้ก็เลยโดนให้ดูแลเวรบ่ายดึกก็ตามแบบเดิมๆครับต่างจังหวัดหมอผ่าตัดไม่ดูฟิล์มเองและหมอเวรดึกเป็นพวกหมอใช้ทุนมาพาสไทม์และไม่มีหมอระดับเก่าๆมาคุม
หมอเจนก็เลยโดนเรียกแทบตลอดจนไม่มีเวลาส่วนตัว
และเพราะหมอเจนเป็นหมอแบบค่อยๆอ่านผลครับ
แน่นอนอ่านละเอียดแต่ต้องใช้เวลาแต่ที่ผมทำก็เอกชนจ๋าเกินไปและหมอที่เป็นหัวหน้าหมอรังสีแกอ่านเร็วมากต่างแนวกันจนหมอเจนโดนแบบ
คนไข้กลับแผนกก็มาเร่งผลทันทีพอบอกไม่ว่างเพราะมีคิวอื่นอ่านอยู่ก็บอกจะรอผลก็ไม่รู้จะเอาไงดีเหมือนโดนแกล้งไงไม่รู้เพราะพอโดนเร่งมากก็อ่านขาดไปบางจุดจนหมอที่เฉพาะทางเดินมาบอก ก็ได้ข่าวเรื่องส่วนตัวก็เยอะแต่ไม่รู้จะเข้าไปช่วยยังไงอีกเรื่องที่ทำให้คนชอบมาแกล้งหมอเจนคือหมอเจนเป็นคนพูดตรงนอกจากตรงแล้วยังแรงอีกต่างหากขนาดผมเป็นคนที่ชินพอควรเพราะโดนบุ๋มมาที 2 ทียังเกือบอารมณ์ขึ้นเลย
แต่ด้วยผมเอาเหตุผลเป็นหลักก็เลยเข้าใจโดนด่าก็เลยไม่เป็นอารมณ์ครับ ข้อดีของหมอเจนเหรอครับก็คงเป็นที่จริงๆแกเป็นคนยิ้มสวยมากรักเด็กครับ
นั้นแหละ 2 สิ่งที่ผมชอบในตัวเจนอ้อรักครอบครัวอีกต่างหากนั้นแหละครบแล้วคุณสมบัติที่ผมชอบเพราะอย่างที่บอกครับเรื่องรักปิดไปแล้วเพราะไม่มีใครเท่าทิพย์ได้แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้เจนมากเพราะไม่อยากให้เกิน
โดนด่าก็เก็บไปคิดก่อนครับเพราะขืนเอาอารมณ์เข้าไปด้วยนี้เป็นเรื่องแน่ๆเรื่องงานที่คุมก็ได้หมอเจนนี้แหละครับช่วยได้มากโดนบ่นตามหน้าที่ก็รับครับเพราะรู้ว่าจริงๆเจนเป็นคนดีแม้จะปากร้ายแต่ก็รู้ครับถ้ามีคนที่คอยรับอารมณ์เขาก็คงจะมีเพื่อนมากขึ้น ก็ดูเหมือนหมอที่เป็นเพื่อนหมอเจนเริ่มจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมที่ชอบหมอเจน
ก็แบบเดิมๆครับลองโดยการบอกว่ามีคู่แข่งมาจีบครับบอกเป็นหมอดูอาการหึงผมก็ยอมรับครับว่าหงุดหงิดแต่ก็ต้องบอกว่าไงก็คงได้เป็นแค่หมามองเครื่องบินครับ มีอยู่วันหนึ่งกลับมาที่บ้านเป็นอะไรไม่รู้เหงามากๆพอดีมีหนังเรื่องหนึ่งฉายเกี่ยวกับคนๆหนึ่งค้นหาชื่อตัวเองในอินเตอร์เน็ตแล้วไม่พบอะไร(Wanted)ก็เลยนึกได้อยากรู้ว่าทิพย์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับก็เลยไปที่ร้านเนตดู ไปถึงก็พิมพ์ชื่อจริงของทิพย์เข้าไปก็พบเลยครับ ThaiLANew เป็นเวปเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวคนไทยในแอลเอเป็นข่าวการแต่งงานของทิพย์ครับสองจิตสองใจเอาไงดีแต่ก็อยากรู้ครับ ก็เลยเข้าไปดูครับก็เลื่อนลงไปดูเรื่อยๆก็เจอครับเป็นรูปงานแต่ง 2 รูป รูปคู่กับรูปรดน้ำสังข์ครับ
พอเห็นก็สับสนไปหมดความรู้สึกเป็นอะไรที่อธิบายได้ลำบากจริง
เพราะใจหนึ่งก็ดีใจและยินดีกับเขาเพราะผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นมานานมากแล้วจริงๆก็ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เราเจอกัน กับครั้งแรกที่เจอหลังจากบอกรักเขาครับ ก็ที่รู้สึกดีก็เป็นเรื่องนั้นแต่รู้อะไรไหมผมเสียใจมากที่คนที่อยู่ข้างๆเขามัน ไม่ใช่ผมได้แต่คิดครับว่าทำไมและก็ค้นหาต่อไปครับว่าเขาเป็นใครทำอะไรอยู่ที่ไหนดีพอกับทิพย์หรือเปล่า แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลยจากการค้นหาครับก็เลยต้องเลิกหาไป
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
21 เม.ย. 54 21:41:45
|
|
|
|