Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มิ่งแก้วจอมหทัย บทที่ ๗ : ความจริง ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๗ : ความจริง


“ม่วนแท้หนอ สหายข้า”

เสียงห้าวห้วนที่ร้องทักขึ้นนั้น ยังให้ร่างสูงใหญ่ชะงักฝีเท้าพลางหันไปทางต้นเสียงทันที เจ้าของเสียงยืนกอดอกพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งบนลานแสงดาว ที่นี่ไม่มีสมุนโจรคนใดกล้าขึ้นมาก็จริง แต่มิใช่คำแปง เขาไม่เคยสนใจว่าลานแสงดาวจักเป็นอาณาจักรห้ามหวงของสหายฤๅไม่ ที่ผ่านมาก็เคยขึ้นมาบนนี้หลายคาบครา อาศัยที่ว่าตนเป็นสหายสนิทเพียงคนเดียวแลนายโจรหนุ่มก็มิเคยออกปากห้ามปรามอันใด บ่อยครั้งที่แสนหลวงขึ้นมาแลพบคำแปงนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ก่อนหน้าแล้ว ครานี้ก็เฉกกัน แสนหลวงไม่ประจักษ์ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ ณ ที่นี้นานเท่าใดแล้ว ใบหน้าคร้ามแดดเรียบเฉยพอกันกับแววตาที่จ้องจับเขา หากเป็นผู้อื่นก็อาจคิดว่าไม่มีอันใดต้องวิตกกังวล แต่มิใช่ผู้ที่เป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกันมา คำแปงขยับตัวพร้อมลดแขนลงแล้วเดินเข้ามาหา ริมฝีปากหนาที่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยหนึ่งนั้นเมื่อรวมเข้ากับรอยแผลเป็นใหญ่ยาวบนแก้มซ้าย ก็ยิ่งทำให้แสนหลวงระวังตัวมากขึ้น จนเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว  

“จักมิเอ่ยความใดเลยฤๅ แสนหลวง”

“ข้ามิรู้ว่าเจ้าหมายความถึงสิ่งใด”

“ไม่รู้รึ แสนหลวง ข้าว่าเจ้ารู้แก่ใจ”

คำแปงว่าเสียงเรียบลึก ขณะที่แสนหลวงสูดลมหายใจลึกยาว กระแสเสียงเยี่ยงนี้บอกชัดแจ้ง สหายของเขารู้ความแล้ว แต่จักรู้ในสิ่งที่เขาใคร่จักให้เป็นฤๅไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็หวังใจว่าอีกฝ่ายจักเข้าใจในสิ่งที่เขาคิดทำอยู่เพลานี้ แสนหลวงฝืนหัวเราะเกลื่อนความกังวลที่ก่อตัวขึ้นในใจเพลานี้  

“เรื่องมิ่งแก้วน่ะรึ ข้าไปเดินเล่นด้วยนางไยจักไม่ม่วนเล่าหนา”      

“เดินเล่น แน่ใจรึว่าเดินเล่นเพียงประการเดียว มิใช่คิดการทรยศพวกเรา”

แสนหลวงแจ้งใจแล้ว สหายสนิทเข้าใจไปคนละทางแท้แล้ว ดวงตาสีเข้มก่ำด้วยเส้นเลือดนั้นบอกชัดถึงโทสะของคำแปงได้เป็นอย่างดี

“เมื่อราตรีเจ้าร่วมน้ำสาบานด้วยแม่ญิงนางนั้น แล้วเมื่อครู่นี้ยังพานางไปถึงเส้นทางเข้าออกชุมโจรอีกเล่า เจ้าจักว่าอย่างใดแสนหลวง จักให้ข้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำคือการสาบานรักด้วยนางกระนั้นรึ นางเป็นผู้ใดเจ้ายังมิแจ้งประจักษ์แท้ๆ”

“ขึ้นชื่อว่ารักแล้ว เลือกคนได้ฤๅเล่า”

“เจ้าจักบอกข้าว่า ที่เจ้าพยายามใกล้ชิดสนิทด้วยนางถึงขั้นจับไม้จูงมือนั่นเป็นเพราะรักกระนั้นรึ เฮอะ! หากเป็นคนอื่นก็คงเชื่อ แต่มิใช่ข้า ข้าอยู่กับเจ้ามานานเกือบเท่าชีวิต รู้ว่าเจ้ามิใช่คนที่จักปลงใจรักแม่ญิงใดได้โดยง่าย แต่น้อยคุ้มใหญ่แม่ญิงสองนางที่เจ้าจับมือจูงเดินคือแม่แลน้องสาวเจ้าเท่านั้น นางข้าหลวงงามๆ กี่นางชายตาหาเจ้า เจ้ายังมิสนใจ นี่กับแม่ญิงที่เพิ่งพบกันแท้ๆ”

แสนหลวงหน้าร้อนผ่าวกับวาจาของสหาย ความผิดพลาดครานี้จักโทษผู้ใดมิได้นอกจากตัวเอง ลืมได้อย่างใดว่าคำแปงรู้จักเขามากกว่าผู้ใด หรือเป็นเพราะคิดเห็นเอาเองว่าการกระทำทุกสิ่งคำแปงจักต้องเห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะขึ้นชื่อว่าสหายสนิทหรือเปล่าที่ทำให้เขาคิดไปเองว่าคำแปงจักต้องเข้าใจในสิ่งที่กระทำอยู่นี้ นายโจรหนุ่มไม่บ่ายเบี่ยงอันใดอีกสืบไป หากบอกเพียงว่า

“คำแปง ข้าทำเพื่อทุกคน”

นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับกลายๆ คนฟังถึงกับขบกรามแน่น สายตาที่มองนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังประสมโกรธฉายชัด คำแปงเงียบไปครู่ก่อนพูดเสียงลอดไรฟัน

“เพื่อทุกคนแน่รึ มิใช่เพื่อตัวเจ้าคนเดียวแน่รึ นางผู้นั้นทำเสน่ห์เล่ห์กลใส่เจ้าฤๅอย่างใด เจ้าจึงทำตามใจนางทุกสิ่งเยี่ยงนี้”

“อย่าลามถึงมิ่งแก้ว ข้าเป็นคนคิดแลตัดสินใจเพียงผู้เดียว”

นายโจรหนุ่มตวาดเสียงกร้าวจนคำแปงเป็นฝ่ายชะงักบ้าง สองคาบสองคราแล้วที่แสนหลวงตวาดใส่เยี่ยงนี้ มือใหญ่กำแน่นอย่างโกรธจัด สหายตนมิเคยเป็นดั่งนี้จวบจนแม่ญิงที่ชื่อมิ่งแก้วก้าวเข้ามา เรื่องมิให้นางเป็นศรีชุมโจรนั้นยังพอทำเนา แต่เพลานี้แสนหลวงแสดงออกชัดว่าปกป้องจนถึงขั้นเอาตนเองออกรับ ฝ่ายแสนหลวงเองก็ขุ่นเคืองสหายไม่แพ้กัน รู้ดีว่าคำแปงมุทะลุ แต่มิคาดว่าจักหมิ่นหยามแม่ญิงตัวน้อยๆ ได้ดั่งนี้ ถึงเขาจักมิรู้แจ้งว่ามิ่งแก้วแท้แล้วคือผู้ใด หากบางสิ่งในตัวนางนั้นเปี่ยมล้นด้วยเดชะแลอำนาจจนเขาต้องค้อมศีรษะให้โดยมิรู้ตนอยู่บ่อยครั้ง แล้วกระนี้ฤๅที่เขาจักยอมให้คำแปงเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ อันที่จริงถึงมิ่งแก้วจักไม่มีรัศมีกายเยี่ยงนั้น ทั้งเขา ทั้งคำแปง หรือแม้แต่ชายอื่นใดก็ไม่ควรแสดงกิริยาวาจาเช่นที่เกิดเพลานี้กับนางอยู่ดี

“เจ้าว่าเจ้าคิดคนเดียว หมายความว่าเจ้าลืมคำมั่นที่ให้ไว้แล้วใช่ฤๅไม่”

“ข้าไม่เคยลืม ข้าลั่นวาจาไว้ว่าจักกลับคืนเวียงตองเทียนเพื่อกุดหัวไอ้อัคนี เอาเลือดมาล้างเท้าให้จงได้”

“เจ้าลืม เจ้าลืมแท้แล้วแสนหลวง ลืมวาจาที่ลั่นไว้แท้แล้ว”

คำแปงหัวเราะเสียงปร่า นัยน์ตามองจับสหายที่กำลังจักกลายมาเป็นศัตรูด้วยสายตาคั่งแค้น ขณะที่แสนหลวงโคลงศีรษะ พยายามจักใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

“ข้ามิได้ลืม ข้าลั่นวาจาไว้เพียงนั้น ส่วนที่เหลือข้ามิได้รับปากเจ้าว่าข้าจักทำ เอาเถิด ข้ายอมรับว่าข้าคิดจักร่วมมือกับมิ่งแก้วทำลายชุมโจรนี้ มิใช่เพราะข้าทรยศ แต่เพราะข้าเห็นว่าการยอมเข้าร่วมกับนางจักเป็นการดีกว่า ลำพังคนของเราที่มีไม่ถึงพันนี้ เจ้าคิดฤๅว่าจักเอาชนะไอ้อัคนีมันได้ ข้าตรองแล้วข้าจึงทำเยี่ยงนี้”

“แต่ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำดั่งนั้น”

คำแปงสวนกลับเสียงกร้าว จนนายโจรหนุ่มระบายลมหายใจยาว

“ข้าจักทวงคืนเวียงตองเทียน แต่มิได้ต้องการนั่งเมือง ข้ายินดีให้เวียงตองเทียนเป็นเวียงหนึ่งในอาณาจักรเวียงภูแก้วนี้ มิใช่เวียงอิสระที่ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาจักรทั้งสอง เจ้าคิดรึว่าพวกเราจักประคองบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยกำลังของตนเอง”

“หึ! เจ้าลืมไปแล้วรึ ว่าสิ่งที่พวกเราต้องการแท้จริงคือสิ่งใด มิใช่เพียงเพื่อเป็นไทจากธาตวากร แต่ต้องเป็นไทจากทุกอาณาจักรมิเว้นกระทั่งเวียงภูแก้ว”

“ข้าไม่เคยลืม แต่ก็มิเคยเห็นพ้องด้วย”

“เจ้าจักยอมเป็นข้าเขาอยู่ร่ำไปรึแสนหลวง ตั้งอาณาจักรเสียเองมิดีกว่ารึ เวียงภูแก้วเองก็เริ่มต้นจากการเป็นเวียงเล็กมาก่อนเฉกกัน ข้าเชื่อว่าหากเรากำจัดเสี้ยนหนามแผ่นดินเสี้ยงแล้ว การสร้างเวียงใหม่มิใช่เรื่องยากเย็น”

“เจ้าคิดเยี่ยงนั้นรึ คำแปง”

แสนหลวงกดเสียงหนัก ถ้อยคำเจ็บแสบวิ่งมารออยู่ที่ริมฝีปากแล้ว ดีแต่เขาขบริมฝีปากเอาไว้เสียก่อน ความคิดฝันกับความเป็นจริงยังห่างไกลกันนัก อันใดทำให้คำแปงคิดว่าการสร้างเวียงสร้างอาณาจักรใหม่มิยากเย็นหนอ สหายเขาคิดว่ามันเป็นเพียงการปั้นดินเล่นฤๅอย่างใด  ภาพที่เจ้าหลวงบุญวงศ์รับสั่งอย่างมั่นพระทัยแกมทะนงนักว่าจักเอาชัยเหนือทัพของธาตวากรโดยไม่จำต้องขอความช่วยเหลือจากเวียงภูแก้วผ่านเข้ามาในความทรงจำ เพลานั้นคำแปงคุมพลตามนายไปตั้งมั่นที่ค่ายทางทิศเหนือ ส่วนเขาแลแม่ทัพตัวนายได้รับคำสั่งให้ตั้งรับอยู่ในเวียง


“ทัพธาตวากรหนุนเนื่องเข้ามาแล้วหนาเจ้า เจ้าหลวงทรงขอกำลังจากเวียงภูแก้วเถิดเจ้า”

แม่ทัพใหญ่ฝ่ายขวาทูลแนะอย่างร้อนรน การศึกที่ฝ่ายศัตรูเป็นต่ออยู่ทุกทางเยี่ยงนี้ทำให้เขามองไม่เห็นทางใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว ทั้งที่รู้ดีว่านายเหนือหัวทรงคิดการอันใดอยู่ เขาไม่เคยเห็นพ้องต้องด้วย แต่ไม่อาจสู้แรงสนับสนุนของข้าราชบริพารหนุ่มๆ ที่มีมากกว่าได้ จึงจำต้องปล่อยให้เป็นไปตามคนหมู่มาก เจ้าหลวงบุญวงศ์ทรงหนุ่มแน่นย่อมทะนงในความคิดตน นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี หากมันจักมิใช่เรื่องความอยู่รอดของบ้านเมือง  

“ไม่! ข้าจักไม่ยอมตัวอยู่ใต้ร่มเงาของเมืองแก้วอีกแล้ว เราจักต้องรบด้วยกำลังของเราเอง”

“กำลังของเราเหลือน้อยเต็มทีแล้วเจ้า ขอทรงตรองดูเถิดเจ้าว่าจักทรงเลือกอันใด บ้านเมืองฤๅศักดิ์ศรี”

เจ้าหลวงบุญวงศ์ทรงนิ่ง พระพักตร์ตึงบ่งชัดมิทรงยินยอมตามคำแนะนำนั้นแน่ ความปรารถนาที่จักเป็นอิสระรุนแรงเกินกว่าจักทรงยอมทำในสิ่งที่ทรงดำริว่าเป็นการลดศักดิ์ศรีของตน

“เราจักสู้ ท่านผาลั่น สู้ด้วยกำลังของเรา อย่างใดข้าก็ไม่ปรารถนาให้คนเวียงภูแก้วเข้ามาเด็ดขาด แม้นจักล่มก็ขอให้ล่มด้วยมือเรา เวียงตองเทียนจักต้องเป็นไท”

เมื่อทรงยืนกรานดั่งนั้น คนฟังก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ข้าราชบริพารที่ได้มาประชุมในท้องพระโรงเพลานั้นไม่มีใครกล้าขืนขัดแม้แต่คนเดียว  มิใช่เพราะเห็นพ้องด้วยองค์เจ้าหลวง หากรู้ว่าทรงดื้อดึงนักแลยากที่ผู้ใดจักเปลี่ยนพระทัยได้ ทั้งหมดจึงลอบปรึกษากันอย่างลับๆ แลร่างหนังสือขอกำลังจากเวียงภูแก้ว โดยยอมเสี่ยงกับราชภัยที่อาจได้รับ แต่นั่นยังดีกว่าที่จักยอมอยู่ดูดายให้บ้านเกิดเมืองนอนของตนต้องย่อยยับ ทว่ามิทันได้ส่งไป ทัพธาตวากรก็บุกยึดเวียงได้เสียก่อน เจ้าหลวงบุญวงศ์ถูกจับกุมแลปลงพระชนม์ในเพลาต่อมา นับแต่นั้นกงล้อชะตาเวียงตองเทียนก็หมุนสู่จุดต่ำสุด ทั่วทั้งเวียงราวตกอยู่ในนรก ที่ยอมตัวอยู่ใต้อำนาจมันก็มาก ที่หนีไปได้นั้นมีส่วนน้อย ด้วยอัคนีมิยอมให้ชาวเวียงตองเทียนผู้ใดออกจากเวียงได้ หูตาของมันมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง การจักเล็ดลอดออกมาได้มิใช่เพียงวางแผนให้รัดกุมเพียงอย่างเดียวแต่ต้องอาศัยโชคช่วยอย่างยิ่งยวด เพลานั้นเองที่กองกำลังลับได้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ แลเสี่ยงอันตรายอยู่ไม่น้อย ในชั้นแรกก็พอจักปิดความได้ด้วยการอาศัยเงินแลทรัพย์สินมีค่าที่ติดตัวต่างด้ายเย็บปาก เมื่อสิ้นทรัพย์แล้วก็ต้องอาศัยใบดาบแลคำสัตย์เป็นเดิมพัน กองกำลังลับดำรงอยู่ได้ราวสองเพ็ญเศษก็มีอันต้องสูญสลายไป  


“ข้าจำราตรีที่เราออกจากเวียงมาได้มิมีวันลืม จำแม้คำสัตย์ที่ให้ไว้แก่ผีฟ้าผีเมืองโดยมิตกหล่นสักครึ่งคำ”    

“ทั้งที่จำได้ แต่เจ้าก็ยังคิดทำลายชุมโจรนี่”

“อันที่จริงจักว่าทำลายก็เห็นจักไม่ถูกนัก เรียกว่ายอมเข้าร่วมด้วยผู้ที่อาจช่วยเราได้จักดีกว่า”

“แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างใด ว่าแม่ญิงนางนั้นจักช่วยเจ้าได้”

คำแปงสวนกลับเสียงลั่น เพลานี้เขาไม่ยอมฟังความใดอีก ด้วยใจเบื้องลึกเชื่อเสียแล้วว่าแสนหลวงคิดทรยศพวกพ้องแลตระบัดสัตย์ ลืมกระทั่งความปรารถนาที่หมายจักเป็นไท ส่วนแสนหลวงเองก็มิรู้ว่าจักชี้แจงอย่างใดให้อีกฝ่ายได้แจ้งใจ เขาเชื่อ เชื่อด้วยสังหรณ์แลความรู้สึกว่ามิ่งแก้วช่วยพวกเขาได้ แต่จักบอกคำแปงเยี่ยงใดเล่าหนา ความรู้สึกนั้นยากนักที่จักกลั่นออกมาเป็นคำได้ แม้นเป็นคำก็ใช่จักหมายความว่ากินความได้ตลอด ทางเดียวก็คือให้มิ่งแก้วมาบอกขานด้วยตนเอง แต่ก็อีกนั่นล่ะหนา คำแปงฤๅจักยอมฟัง ในเมื่อคนที่เป็นสหายสนิทกันมาแต่ยังเยาว์เยี่ยงเขายังมิยอมฟัง สำมะหาอันใดกับมิ่งแก้วเล่า

“ข้าแน่ใจ ขอเพียงเจ้าเชื่อใจข้าแลมิ่งแก้วเท่านั้น”

“เชื่อใจ เฮอะ! ยังจักเหลือความเชื่อใจอยู่ฤๅนั่น ข้าจักมิมีวันยอมให้เจ้าทำสำเร็จหรอก”

คำแปงทิ้งสายตาแค้นเคืองก่อนจักหมุนตัวเดินลิ่วลงไปจากลานแสงดาวราวกับพายุ นายโจรหนุ่มถอนใจแรง ไม่คิดจักตามสหายตนไปแต่อย่างใด ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าคล้ายคนสิ้นแรง

'บางคราเราต้องยอมสูญเสียเพื่อแลกกับสิ่งที่จักได้มา'

เขาจำไม่ได้ว่าผู้ใดเคยบอกไว้ดั่งนี้ ครั้งนั้นเขายังใค่หัวด้วยมิคิดว่ามันจักเป็นจริงไปได้ กระทั่งเพลานี้จึงรู้ซึ้ง สิ่งที่จักได้มาสูงค่าเพียงใด ก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน แต่ไยต้องจำเพาะเป็นสิ่งที่เรียกว่า 'มิตรภาพ' เล่าหนา ร่างสูงจ่อมจมอยู่ในห้วงความคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งจึงผุดลุกขึ้น เพลานี้มิใช่เพลาของการคร่ำครวญหวนไห้ หากต้องเร่งทำความเข้าใจกับสหายโจรทั้งหลายก่อนที่คำแปงจักทำการดั่งที่ลั่นวาจา ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือความปลอดภัยของมิ่งแก้ว ในเมื่อคำแปงรู้แล้วว่านางมาสู่ชุมโจรนี้ด้วยเหตุอันใด นั่นเท่ากับว่าตัวนางเองก็ตกอยู่ในอันตรายเฉกกัน


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 54 18:23:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com