Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 10 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10462297/W10462297.html

บทที่ 10

ฟ้าไม่ใช่แค่ร้องครืนๆ กับเปล่งแสงวาววาบเป็นระยะ หากแต่ระเบิดเสียงเปรี้ยงลั่น ข่มขวัญคนพายเรือไม่ค่อยเก่งอย่างวัสอรให้หงอจนพายต่อไม่ได้ เธอกรีดร้องตระหนก เผลอทิ้งไม้พาย แล้วยกมืออุดหูลนลาน

ร่างที่นั่งคุดคู้เริ่มสั่นโยก ตามจังหวะโคลงเคลงรุนแรงของลำเรือ สำหรับสาวขวัญกระเจิงแล้ว คิดเพียงว่า เรือกระเพื่อมตามแรงคลื่นน้ำ เพราะเวลานี้ ฝนก็เทจั๊กๆ ลงมาแล้ว แต่สำหรับปุราณ ทุกอย่างที่เห็นมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

พ่อหม้ายหนุ่มใจหายวาบกับความโหดเหี้ยมของภรรยา เขามัวแต่ว่ายมุ่งไปข้างหน้า เพิ่งจะชะงักแล้วหมุนตัวกลับตอนได้ยินเสียงวัสอรกรีดร้องลั่นในจังหวะฝนตกกับฟ้าระเบิด

"หยุดนะ อย่าทำ สรัล หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าทำอย่างนั้นนะ ผมบอกว่าหยุดเดี๋ยวนี้"

คำสั่งของสามีไร้อานุภาพเกินกว่าจะกำราบฤทธิ์รักแรงหึงของผีภรรยาให้สยบแต่โดยดี ยามนี้ ร่างเบาโปร่งที่ปรากฏ แปรจากสีขาวเป็นดำทะมึน ขับวงหน้าขาวเผือดให้แลดูหลอนออกมา เท่านั้นก็น่าสะพรึงกลัวมากพอแล้ว

แต่ปุราณกลับสยดสยองยิ่งกว่า กับแววตาอำมหิตที่แดงก่ำและคั่งไปด้วยน้ำตาสีเลือด ผมซอยสั้นคล้ายถูกพลังลมยักษ์ผลักขึ้นมาจากเบื้องล่าง ทำให้มันซ่านสยายกรีดกระจายเป็นแพ หากแต่เส้นผมนั้นมันแข็งและชี้ทื่อน่ากลัวนัก

"สรัล หยุดเดี๋ยวนี้"

ปุราณยังตะเบ็งเสียงห้ามอย่างรุ่มร้อน แข่งแทรกไปกับเสียงหนักของฝนหนา สองแขนล้าลงด้วยความเหนื่อย เขาสงสารวัสอร เรือลำน้อยคว่ำไม่เป็นท่าแล้ว สรัลเป็นคนลงมือเอง แล้วร่างเสียหลักของสาวเคราะห์ร้ายก็ผุดๆ จมๆ ไม่ห่างกัน

เธอว่ายน้ำเป็น ปุราณมองเห็นท่าทางที่พยายามจะต้านฤทธิ์ของผีเกเร เธอว่ายมาได้สองสามช่วงแขน แต่สองขาข้างล่าง คงโดนยึดโดนรั้งไม่ให้เคลื่อนไหว เพียงไม่นาน ร่างของเธอก็จมลงใต้น้ำ

"ได้โปรดสรัล อย่าทำอย่างนั้น ปล่อยเธอไปเดี๋ยวนี้ สรัล ปล่อยเธอไป สรัล"

ทำไมสรัลของเขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ โอ.. ดูสิ วัสอรน่าสงสารเหลือเกิน เธอผุดตัวพรวดขึ้นด้วยท่าทางหอบฮั่กๆ พยายามอ้าปากเพื่อกวาดอากาศ แต่มันก็เพียงชั่วอึดใจเท่านั้น สรัลก็กดศีรษะเธอลงไปใต้น้ำผืนมืดอีกครั้ง

ฟองน้ำแตกซ่านเป็นฝอยให้เขารับรู้อย่างเวทนาว่า วัสอรพยายามอย่างที่สุดที่จะช่วยเหลือตัวเอง เธอคงกวาดแขนแกว่งมือ เท้าก็คงถีบทุลักทุเลแต่ไม่ยอมหยุด เพื่อส่งตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ ถ้าเธอหยุดสิ่งที่กำลังพยายามลงเพียงชั่วเสี้ยวนาที ร่างของเธอก็จะถูกดูดกลืนลงสู่ก้นสระทันที

จริงด้วย เธอเป็นคนธรรมดาเท่านั้น ต่อให้มีความพยายามจะยื้อชีวิตตัวเองมากแค่ไหน เรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่ฮึดเฮือกขึ้นจากแรงตระหนกสุดขีด ก็ย่อมไม่อาจต้านทานกระแสกร้าวแกร่งของผีร้ายที่มุ่งพิฆาตด้วยจิตเหี้ยมเกรียม

"คุณใจร้ายมาก"

ปุราณตะเบ็งเสียงตำหนิปนมากับเสียงหอบเหนื่อยหนัก เขาว่ายมาใกล้แล้ว น้ำฝนกับน้ำตามันทะลักปะปนกันจนแยกไม่ออก ในทันทีที่เห็นสรัลกระชากผมของวัสอรที่ผุดพรวดขึ้นอย่างเข้มแข็ง แล้วลากทวนกระแสน้ำ

ลำตัวระทวยกรีดผืนน้ำจนเกิดฟองฝอยสีขาว กอบัวและแพไม้น้ำต้องยอมแยกผืน เปิดเป็นช่องให้ศีรษะลอยไปตามมือผี แล้วค่อยถูกจับเหวี่ยงไปกระแทกกับลำเรือ พ่อหม้ายหนุ่มส่ายหน้ากับหลับตาสะทกสะท้อน เขาได้ยินเสียง 'ตึก'

ร่างของวัสอรจมลงแล้ว และคราวนี้ก็ปราศจากความพยายามใดๆ อีก เธออาจจะสลบไปแล้ว ผืนน้ำกลับสู่ความสงบ กอบัวและแพไม้น้ำเคลื่อนอ้อยอิ่งมาประกบเป็นผืนแน่นดังเดิม

เสียงฝนยังจั๊กๆ หนักหน่วง ปุราณว่ายมาถึงลำเรือคว่ำแล้ว เขาหายใจหอบหนัก หมุนคว้างเป็นวงกลม ปากที่เคยร่ำร้องเรียกหาสรัลในยามนี้ กลับกู่ก้องร้องหา 'ฝน'

"ได้ยินฉันไหม ได้ยินเสียงฉันไหม เธออยู่ตรงไหน ฝน เธออยู่ตรงไหน ส่งเสียงตอบฉันหน่อย ฝน.. ฝน"

เจ้าของเสียงร้องไห้คับแค้นให้กับความเสียใจและหวาดกลัว เขาจะปล่อยให้หลานสาวของแม่นมอ่อนจมน้ำตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ แต่ท้องน้ำมันมืดเหลือเกิน

ยิ่งเขาดำดิ่งลึกลงเท่าไหร่ เบื้องหน้ามันก็แผ่แต่ความมืดที่มืดทะมึนอย่างน่ากลัว มองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่มือที่กวาดไกวน้ำอย่างลนลานและร้อนรน

อึดใจต่อมา อึดใจต่อไป และอีกหลายอึดใจ ความพยายามในการควานหาร่างของวัสอรก็ยังคงล้มเหลว

สองขาเริ่มล้าและหนัก เพราะถูกพันกระหวัดด้วยรากอ่อนนุ่มของมวลบัวและแพไม้น้ำ แต่ปุราณก็ไม่ยอมละทิ้งความหวัง แม้ตลอดกายจะหนาวเหน็บ สองมือชาหนึบ หน้าขาวปากซีด เขาก็ไม่มีทีท่าจะล้มเลิกความตั้งใจ

แม่อ่อนลอยร่างอย่างสงบอยู่บนสะพาน นางระบายยิ้มนุ่มนวล พลางพริ้มตาลงอย่างสุขุม แล้วทันใดนั้น รัศมีสีขาวนวลที่แผ่รายล้อม ก็ค่อยเปล่งเจิดจ้าเป็นลำยาวลงจรดผืนน้ำ

ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ปุราณดำดิ่งลงควานหาร่างของวัสอรอีกครั้ง และคราวนี้ ความพยายามของพ่อหม้ายหนุ่มก็จะบรรลุผล เพราะประกายบุญของแม่อ่อนได้ทลายกำแพงความมืดเบื้องหน้าลงจนหมดสิ้น

ร่างน้อยที่ไร้สติโดยสิ้นเชิงแล้ว ค่อยลอยคว้างเข้ามาปรากฏในรัศมีสีขาวนวล ปุราณลิงโลดสุดขีด ขณะถีบตัวพุ่งไปหา แล้วคล้องรัดลำตัวนุ่มนิ่มไว้หมดสองแขน พลางพาตัวทะยานขึ้นเหนือน้ำ

"ฝน" เขาประคองร่างระทวย ร้องเรียกไปพลาง ตบหน้าซีดขาวเบาๆ "ฝน ได้ยินฉันไหม ใจแข็งไว้นะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นสาวอวดดี แล้วนิสัยอวดดี มันก็ต้องมีควบคู่กับความใจแข็งด้วยสิใช่ไหม ฝน.. ฝน"

ปุราณกลืนน้ำลาย อยากตะโกนขึ้นไปบนฝั่ง แต่ก็คิดว่าเปล่าประโยชน์ คนที่นี่เข้านอนกันแต่หัวค่ำ แล้วนี่มันก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว มิหนำซ้ำ ฟ้าก็ร้องเปรี้ยงๆ ฝนก็ตกหนักไม่ลืมหูลืมตา ใครที่ไหนจะมาได้ยินเสียงตะโกนจากกลางสระได้เล่า

เขากัดฟันต่อสู้กับความอ่อนล้าอย่างเต็มที่ ถีบตัวเองฝ่ากอบัวและแพไม้น้ำมาอย่างช้าๆ มันอาจจะถึงฝั่งเร็วขึ้น หากไม่ต้องคอยประคองร่างระทวยของวัสอรมาด้วย




แม่อ่อนไม่ได้ช่วยเหลือใดๆ อีก นอกจากลอยร่างยิ้มอิ่มเอม กับภาพประคับประคองชีวิตซึ่งกันและกันของ 'คู่แท้' ที่แม้จะเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติไปอีกสักกี่ครั้ง หากแต่ 'ความผูกพัน' ก็ยังคงชักนำ และพัดพาให้มาเจอเพื่อ 'รักกันใหม่'

"จะประกาศตัวเป็นศัตรูกับสรัลให้ได้ใช่ไหม"

เสียงยืดยานกรีดโหยหวนอยู่ในที่เร้น ร่างเบาโปร่งปรากฏเหนือท้องสระ แม่อ่อนส่ายหน้า พลางทอดถอนใจ เมื่อร่างนั้นลอยมาประจันหน้า ห่างเพียงแค่ราวสะพานกั้น

ดวงวิญญาณเสน่หาในยามถูกความเคียดแค้นชิงชังเข้าครอบงำ ไหวโยกอย่างเกรี้ยวกราด ตาไร้แววที่คงความแดงข้นด้วยน้ำตาสีเลือด จ้องถลึงอาฆาตแม่นมชรา

หล่อนอยากลอยเข้าไปปะทะกับร่างนวลให้รู้ดีรู้ชั่ว หากแต่ประกายบุญเจิดจ้าที่แผ่รัศมีโอบล้อมร่างสงบไว้ภายใน มันก็ทรงอานุภาพเกินกว่าจะต่อกรได้

"หยุดความผูกพันไว้เพียงเท่านี้เถอะค่ะ เชื่อนมเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่คุณสรัลจะฝืนโชคชะตาที่ฟ้ากำหนดแล้ว"

"ปูเป็นของสรัล เขาเป็นสามีของสรัล เท่าที่สรัลอายุสั้น ต้องพรากจากเขามาอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ มันก็เจ็บปวดมากพอแล้วนะคะ ทำไมนมไม่ยอมเห็นใจสรัล อ้อ แต่ก็ใช่ล่ะ สรัลไม่ใช่หลานสาวของแม่นมนี่ ใช่ไหม"

"ไม่เกี่ยวกันหรอกค่ะ เพราะความจริงที่เราต้องยอมรับก็คือ ฝนเป็นเนื้อคู่แท้ของคุณปู นมไม่เคยทราบชะตาฟ้ามาก่อน กระทั่งร่างของนม หลุดออกมาจากกายหยาบได้เมื่อวานนี้ มันเป็นสัญญาณเตือนให้นมต้องยอมรับว่า นมต้องทิ้งทุกคนที่นมรักในภพชาตินี้ไปแล้วจริงๆนมจึงไม่อยากเห็นคุณสรัลยื้อดวงวิญญาณของตัวเองไว้ที่นี่อีก"

"นมตายแล้ว จะไปไหนก็เชิญไป แต่สรัลจะอยู่ที่นี่ จะคอยปกป้องความรักของตัวเอง จะคอยกันท่าไม่ให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแย่งปูของสรัลไป เข้าใจไหมคะ"

"ทำไมดื้ออย่างนี้คะ ทำแบบนี้แล้ว มันมีแต่จะสร้างบาปแปดเปื้อนไปสู่ภพหน้าอีก"

"เงียบนะ"

สายลมกวัดแกว่งตามแรงกระชากของเสียงเกรียม ตาไร้แววแลเย็นเยียบขึ้น มันชวนสยดสยองนัก ยามกระทบกับแสงแปลบปลาบของสายฟ้าที่วาววาบขึ้น พร้อมกับเสียงเปรี้ยงของฟ้าผ่า

"ครั้งนี้ ถือว่าเราเปิดเกม แต่ครั้งหน้า แม่นมอย่าได้หวังว่าจะขัดขวางพลังอำนาจของสรัลได้"

"คุณสรัลกำลังจะลืมตัว และถลำลึกเข้าไปในโพรงบาป อย่าเดินเข้าไปเลยค่ะ โพรงร้อนแห่งนั้น มันมีแต่ทางเข้า"

"ไสหัวไป เรื่องของสรัล ก็ให้สรัลจัดการเอง จำไว้นะแม่นม ครั้งนี้ถือว่าสรัลยอมอ่อนข้อ แต่ไม่ใช่ครั้งหน้าแน่ๆ "

แล้วร่างดำทะมึนก็จางลง เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงยืดยานโหยหวน หากแต่แข็งกร้าวด้วยจิตพยาบาทอันหนักลึก

แม่อ่อนทอดถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะลอยร่างขาวนวลไปหยุดเหนือผิวน้ำ มองพ่อหม้ายหนุ่มที่นางอุ้มชูฟูมฟักมาอย่างรักแสนรัก ตะกายขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล เขานอนแผ่หลาสิ้นเรี่ยวแรง และข้างกัน ก็คือวัสอรผู้ไร้สติ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ไม่ใช่ภารกิจที่เกี่ยวข้องใดๆ กับแม่นมชราที่จวนหมดอายุขัย แต่ด้วยจิตผูกพันลึกซึ้ง นางจึงต้องมาปรากฏตัวขึ้นที่เรือนริมน้ำ

ความตั้งใจก็เพียงแค่อยากจะมาอำลาทั้งชายหนุ่มและหลานสาว แต่ก็ไม่นึกว่า เมื่อมาถึงแล้ว กลับต้องมาปะทะกับพลังอำนาจแรงกล้าของสรัลเข้า

นางเข้าใจดีว่า ภรรยาผู้ลาจาก ยังยึดติดอยู่กับความผูกพันในความรักที่มีต่อสามีหมดใจมากแค่ไหน แต่ความจริงก็ย่อมเป็นความจริง คนที่ตายแล้ว จะให้สมสู่อยู่กินกับคนที่ยังอยู่ มันเป็นพฤติกรรมที่วิปริตผิดวิสัย นางจึงจำต้องทักท้วง

เอาเถอะ เหตุการณ์ในคืนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้ว่านางจะยื่นมือเข้าช่วยบ้างเล็กน้อย ทั้งที่ไม่ใช่ธุระก็ตาม ที่เหลือหลังจากคืนนี้ไปแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้ดำเนินต่อไปตามรอยลิขิตที่ฟ้ากำหนด ไม่ว่าสรัลจะแข็งข้อ และมุ่งมาดฝ่าฝืนยังไงก็ตาม หล่อนก็จะไม่มีวันเอาชนะโชคชะตาได้




พริ้มเพราคือผู้ช่วยคนเก่งที่ปุราณนึกถึงเป็นคนแรก หล่อนกุลีกุจอช่วยเหลือแม่บ้านวัยใส ทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดตัว และประคองให้นอนห่มผ้ามิดชิดถึงลำคอ

จากนั้น ก็รีบลงครัวชงกาแฟมาให้เจ้านายหนุ่ม ซึ่งใช้เวลาจัดการตัวเองไม่ถึงสิบนาที ก็ย้อนกลับมานั่งข้างคนนอนไม่รู้สติด้วยท่าทางเป็นห่วงลึกซึ้ง

"กาแฟค่ะ" พริ้มเพราบอกเบาๆ ขณะยื่นส่งไปให้อย่างขลาดๆ

"ขอบใจนะพริ้มเพรา"

ปุราณรับมาคนพอเป็นพิธี แล้วดื่มเลย เขาไม่ต้องการดื่มด่ำกับรสชาติ แค่อยากให้มีอะไรสักอย่างตกถึงท้อง จะได้ช่วยหันเหความขื่นที่แน่นคั่งอยู่ในทรวงไปบ้าง

พริ้มเพราเม้มปากว้าวุ่น สองจิตสองใจว่าควรถามไถ่ที่มาที่ไปดีหรือไม่ หล่อนย้ายไปนั่งเก้าอี้ปลายเตียง มองเจ้านายหนุ่มเดินไปนั่งเก้าอี้หวายชุดเล็กชิดผนัง  หากแต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ทำไมถึงเปล่งแสงผิดหวังแกมอาดูรอย่างนั้นก็ไม่ทราบ

"เอ้อ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ" เมื่อความสงสัยมันกระตุ้นถี่ๆ พริ้มเพราก็ตัดใจทิ้งความกลัว แล้วอ้อมแอ้มถามออกไป

"อย่าเพิ่งถามเลย ฉันเหนื่อย"

แม่ครัวคนงามรีบพยักหน้าหงึกๆ ว่าเข้าใจ หล่อนก้มหน้ามองนิ้วสั่นบนตัก แล้วค่อยเหลือบไปมองคนนอนไร้สติบนเตียง จากนั้น ก็เหลือบกลับมามองคนหนุ่มดื่มกาแฟเนือยๆ ในใจก็ลอบคะเนไปเรื่อยเปื่อยว่า ทั้งสองอาจเจอดีเข้ากับฤทธิ์เดชร้ายกาจของผีเกเร

สักอึดใจต่อมา สาวแม่ครัวก็รีบปัดความคิดแรกทิ้งไป เหลือไว้เฉพาะวัสอรคนเดียวที่เจอดี เพราะผีเกเรคงไม่ทำร้ายสามีตัวเองเป็นแน่ และเท่าที่เห็น ฝ่ายที่บอบช้ำหนักก็เป็นวัสอรคนเดียวจริงเสียด้วย

"แผลที่หน้าผากเป็นยังไง กว้างลึกยาวแค่ไหน"

"เอ้อ เป็นแผลปริแตกไม่ใหญ่มากค่ะ เหมือนถูกกระแทกของแข็งแรงๆ ตอนนี้ก็แค่บวมปูด ตื่นมาก็คงเจ็บไม่น้อย"

ความเงียบอย่างน่าอึดอัด ถูกทำลายลงด้วยสองประโยคนั้น กาแฟหมดถ้วยแล้ว ปุราณถอนใจหนักจนพริ้มเพราลอบกลั้นใจเสียเอง เกรงว่าเขาจะอาละวาดอะไรก็ไม่ทราบ

หล่อนสะดุ้งให้อีกฝ่ายปรายตามองเหมือนรำคาญ ตอนเจ้าตัวลุกผลุงขึ้น แต่ก็ไม่ได้อาละวาดน่ากลัว นอกจากเดินไปหยุดกอดอกหน้าเตียง แล้วสำรวจสาวเคราะห์ร้ายจากหน้าลงเท้า แล้วจากเท้าขึ้นถึงหน้าอีก ทำอยู่อย่างนั้นหลายหน โดยไม่พูดไม่จาอีกเลย

สักพัก ร่างสูงเพรียวก็ขยับย้ายหันหลัง เดินมุ่งไปยังหน้าต่าง แต่แล้วอย่างฉับพลัน ร่างที่นอนนิ่งอยู่ดีๆ ของวัสอร ก็ดีดผลุงขึ้นมานั่ง พร้อมกับกรีดร้องตระหนก ปุราณเกือบจะถึงเป้าหมายอยู่แล้ว ก็พลอยตกใจ ถึงกับสะดุดปลายเท้ากันเอง

เขาหมุนร่างขวับ และสาวเท้าเร็วย้อนกลับ แต่ก็ยังช้ากว่าพริ้มเพราที่ผลุงขึ้นไปกอดร่างสั่นเทา ทั้งเป็นห่วงไปด้วย ทั้งตกใจไปด้วย แต่ทั้งสองก็ได้ยินวัสอรละเมอลิ้นรัวเหมือนกันว่า

"อย่าไป คุณปู อย่าไป มันอันตรายนะ ฝนตกแล้วด้วย กลับมา คุณปู กลับมาเดี๋ยวนี้ ฝนพายเรือไม่เก่งนะ คุณปู"

แค่นั้นเอง แล้วเธอก็เงียบไป คออ่อนคอพับอยู่ในอ้อมอกของพริ้มเพรา ปุราณกลืนน้ำลายสะทกสะท้อน ไม่นึกเลยว่าสาวแม่บ้านจะห่วงใยตนถึงขนาดยอมเสี่ยงลงเรือตามไปห้ามปราม ทั้งที่เจ้าตัวก็ละเมอบอกปาวๆ ว่า 'พายไม่เก่ง'

สาวใช้อาภัพสับสนไปหมด ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หล่อนประคองสาวละเมอลงนอน ห่มผ้าให้มิดชิดถึงคอดังเคย แล้วกระเถิบถอยมานั่งชิดปลายเท้า

พอลองลูบดูก็ค่อยตกใจว่า ฝ่าเท้าสองข้างเย็นเฉียบทีเดียว จึงค่อยเลื่อนไปอังหน้าผาก แล้วพบว่า มันร้อนจี๋ ปุราณเห็นเข้า ก็เลิกคิ้ว แล้วถามว่า

"ทำไมหรือ"

"สงสัยจะมีไข้นะคะ หน้าผากร้อนจี๋เลยค่ะ"

"จริงหรือ"

พอสิ้นคำถาม เจ้าตัวก็มาหย่อนมือพิสูจน์เองอีกที คราวนี้สีหน้าสะทกสะท้อนก็แปรเปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้มกังวล มันก็ควรให้ไข้ขึ้นอยู่หรอก โดนผีกดหัวจมน้ำเสียขนาดนั้น

กำลังคิดว่าจะสั่งสาวใช้กลับออกไปหาน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูมาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวไล่ไอร้อนเสียหน่อย คนไข้ขึ้นก็ดีดตัวผลุงขึ้นมาอีก หากแต่หนนี้ ลืมตาแป๋วด้วย ท่าทางเหมือนจะรู้สึกตัว

"คุณฝน" พริ้มเพรารีบเรียก พลางกระเถิบกอด

"อ้อ พริ้มเพราหรือ เอ๊ะ นี่พริ้มเพราเห็นฉันด้วยหรือ ฉันตายแล้วนะ ฉันจมน้ำตาย เหมือนที่คุณสรัลขู่ไว้ไม่มีผิดเลย เธอบอกว่าจะทำให้ฉันหายสาบสูญไปเฉยๆ "

"เอ้อ ค่ะ" พริ้มเพราหน้าแห้ง ไม่กล้าเหลียวไปดูสีหน้าของเจ้านายหนุ่มที่ยังยืนอยู่หน้าเตียง

"เมื่อกี้นี้นะ ฉันลงไปช่วยคุณปูกลางสระบัวล่ะ เขาบ้าดีเดือดอะไรก็ไม่รู้ กระโจนลงจากเรือ แล้วว่ายเอาๆ ท่าทางเหมือนจะตามผีคุณสรัลไปไหนสักแห่ง ฉันก็เลยเป็นห่วง รีบพายเรือไปช่วย แต่ไม่รู้ทำไม จู่ๆ เรือก็คว่ำ แล้วฉันก็จมลงใต้น้ำเลยนะ"

"ค่ะ คุณฝน"

"รู้ไหม ข้างล่างน่ะ มันมืดมากเลยพริ้มเพรา ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย จน.. ใช่ พริ้มเพรา จนฉันเห็นเธอ แล้วเธอก็เห็นฉัน นี่เธอเห็นฉันหรือ ไม่น่าเชื่อเลย"

"เอ้อ ค่ะ ไม่มีอะไรแล้วนะคะ คุณฝนพักผ่อนเถอะค่ะ"

"พักผ่อนหรือ ไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันตายแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเวลานั้นแล้วล่ะ เฮ้อ เป็นห่วงก็แต่คุณปู ป่านนี้ ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง พริ้มเพรา คุณยายของฉันน่ะ รักคุณปูมากเลยนะ ท่านคงไม่หายป่วยแน่ๆ ถ้าทราบว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเขา แต่ตอนนี้ ฉันก็คอยอยู่สอดส่องพฤติกรรมเขาไม่ได้อีกแล้ว พริ้มเพรา เธอต้องช่วยดูแลเขานะ"

"เอ้อ ค่ะ นอนเถอะค่ะ"

"อ้อ" ร่างน้อยทำท่าจะเอนลงนอน ก็พลันเกร็งแข็ง แล้วดีดกลับมานั่งอีก "แต่ก็ดีนะ ฉันตายแบบนี้ จะได้เจอคุณสรัลแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แล้วเธอจะได้รู้ว่า คนอย่างฉัน ไม่ยอมให้ใครมารังแกอยู่ฝ่ายเดียว คราวนี้ เราต่างก็เป็นผีเหมือนกัน ถ้าเธอตบมา ฉันก็จะตบกลับ แล้วถ้าเธอคิดจะทำอะไรพิลึกพิลั่นกับคุณปูอีก ฉันนี่แหละจะขวางให้สุดฤทธิ์เลย"

"ค่ะๆ รู้แล้ว คุณฝนน่ะ ทำได้ทุกอย่างที่พูดอยู่แล้ว ตอนนี้ก็นอนก่อนนะคะ ตัวร้อนจัดแล้วค่ะ นอนค่ะนอน"

"ได้ ฉันจะเชื่อเธอ เสียดายจังเลยนะ ที่เรารู้จักกันไม่ทันไร ก็ต้องมาจากกันเสียแล้ว เธอเป็นเพื่อนที่ดีมากที่สุดในเรือนหลังนี้เลยนะพริ้มเพรา ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ลาก่อนนะพริ้มเพรา"

ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างที่อุบัติตรงหน้า ก็เป็นเพียงการตื่นที่ไม่ต่างไปจากละเมอ วัสอรไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ตัวเองตื่นหรือหลับ เธอยังพร่ำอย่างมั่นใจว่าตัวเองตายแล้ว ความมืดทะมึนใต้น้ำกระมัง ที่ทำให้เธอสิ้นหวังไปเลย

ปุราณถอนใจยาว ขณะมองคนละเมอล้มตัวนอน พริ้มตาแล้วเงียบไปเลยเหมือนหลับ บางที เธอคงเหนื่อยกระมัง เพราะเมื่อครู่นี้ ก็ลุกขึ้นมาเล่าโน่นเล่านี่ บีบเสียงสูงๆ ต่ำๆ เดี๋ยวก็ทำไม้ทำมือ เบิกตาโตๆ ห่อปากปั้นหน้า เพื่อให้ดูว่า กำลังตื่นเต้นจัง

"คุณฝนคงละเมอ เพราะมีไข้น่ะค่ะ เอ้อ คุณปูอย่าถือสาเธอนะคะ คือ.. "

"ออกไป"

"คะ"

"ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไปเลย ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะพูดหรือฟังคำแก้ตัว"

"เอ้อ คะ.. ค่ะ"

พริ้มเพราตัวสั่นอย่างครั่นคร้าม หล่อนตะกุกตะกักรับคำสั่ง พลางรีบกระเถิบลงจากเตียงลนลาน รู้สึกน้อยใจวูบหนึ่ง ที่โดนเขาตะคอกใส่เสียงหยาบคายมาก สีหน้าแดงก่ำเหมือนโกรธจัด ตาสวยก็วาวดุร้ายทีเดียว

"ไม่ใช่เธอ"

พอเจอประโยคนี้ สาวใช้ก็มีอันเงอะงะ ขนลุกเกรียวขึ้นมา สองตาเริ่มกลอกไปกลอกมาตามประสาคนเคยมีบทเรียนเจอดีกับผี นอกจากกลืนน้ำลายหวาดเสียวแล้ว ร่างที่เริ่มสั่นนิดๆ ก็เคลื่อนไปติดฝาตู้เสื้อผ้า สองขาเริ่มแข็ง ใจเต้นระทึกดังตึกๆ

หล่อนอาจจะไม่โชคร้ายเท่ากับวัสอร จึงไม่เคยเห็นรูปร่างรางเลือนของผีเกเรเลยสักครั้ง แต่ ณ เวลานี้ สายตาเข้มดุที่ปุราณกำลังจ่อจ้องนิ่งเฉพาะตำแหน่งโต๊ะเครื่องแป้ง ก็พอจะทำให้คะเนได้บ้างแล้วละว่า 'สรัลอยู่ตรงนั้น'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 54 19:11:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com