เพรงพราก (ฉบับรีไรท์) บทที่ ๑-๒ โดย วิรัตต์ยา
|
 |
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่า หายหน้าหายหัวไปนานอีกแระ อิอิ รอจนเขียนจบแน่ใจว่าจะไม่รีไรท์อีกแล้ว ถึงได้นำมาให้อ่านกันค่ะ ฮี่ๆ
ช่วงนี้จะลงวันละสองบทก่อนนะคะ ให้เท่าจำนวนบทที่เคยมาลงไว้ครั้งก่อน หลังจากนั้นจะลงวันละบทค่ะ
ตอนนี้นิยายเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์จากทางสำนักพิมพ์ค่ะ
+ + + + + + + + + +
บทที่ ๑
เพลงพิณชะงักเท้า เมื่อพบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเดิม...ถนนคอนกรีตเล็กๆ ซึ่งขนาบข้างด้วยดอกดาวกระจายสีส้มสดพราวตา ถนนซึ่งจะพาเธอไปพบใครบางคน
ใคร ที่เธอไม่อยากพบ
หญิงสาวจึงตัดสินใจหยุดอยู่ตรงนั้นและพยายามบังคับตัวเองให้หันไปชื่นชมกับความเขียวขจีของทุ่งหญ้าซึ่งอยู่ถัดดงดาวกระจายออกไป แต่มันได้ผลเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ในที่สุด อะไรบางอย่างก็เรียกร้องให้เธอขยับตัวเพื่อก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ จนสุดถนนสายนั้น
ครั้นแล้ว บ้านตึกสองชั้น ทาสีชมพูอ่อนๆ ทั้งหลัง ก็ปรากฏขึ้นในสายตา บริเวณรอบๆ ของบ้านดูสะอาดสะอ้านอย่างได้รับการดูแลสม่ำเสมอ ด้านหน้ามีบึงบัวซึ่งมีน้ำเต็มปรี่ ดอกบัวสีชมพูกำลังชูดอกสล้างอวดกลิ่นหอมอ่อนๆ
คลับคล้ายมีการเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ทางหางตา และทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าจะได้เจออะไร แต่เพลงพิณก็ห้ามสัญชาตญาณตัวเองไม่ได้ และที่นั่น ใครคนนั้นก็รอเธออยู่แล้ว...ร่างแบบบางในชุดราตรีสีชมพูกลีบบัว เน้นองค์เอวอรชร ปล่อยผมหยิกเป็นคลื่นยาวถึงกลางหลัง
ให้พี่ไปอยู่ด้วยนะคะ ใครคนนั้นเริ่มต้นอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือที่เพลงพิณจำได้ขึ้นใจ ก่อนจะเคลื่อนกายช้าๆ เข้ามาใกล้ให้ได้เห็นใบหน้านั้นชัด ว่าเป็นหญิงสาววัยปลายสามสิบที่มีเครื่องหน้าเหมาะเจาะลงตัวไปเสียทุกส่วน ไล่ตั้งแต่ดวงตากลมโตสีดำสนิท จมูกโด่งเรียวและริมฝีปากเต็มอิ่ม เสียแต่แววตาคู่นั้นเศร้าเหลือเกิน เศร้าเสียจนเพลงพิณรู้สึกหนาวเยือกในอกและเธอก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ด้วยเกรงว่าอาจจะเผลอใจอ่อนเข้าสักนาทีใดนาทีหนึ่ง
น้องเพลง...ขอพี่ไปอยู่ด้วยเถอะนะคะ หญิงสาวคนนั้นอ้อนวอนขึ้นอีกด้วยประโยคเดิมๆ พี่สัญญา พี่จะให้ทุกอย่างที่น้องเพลงต้องการ ขอแค่น้องเพลงมีน้ำใจกับพี่บ้าง
และเพลงพิณก็จำต้องเอ่ยกลับไปด้วยประโยคยาวๆ เดิมๆ ของตนเช่นกัน
โอ๊ย ไม่ได้หรอก เราไม่รู้จักกัน จะให้ไปอยู่ด้วยได้ยังไง แล้วตกลงพี่เป็นใครกันแน่ บ้านหลังนี้ของพี่หรือเปล่า ทำไมไม่อยู่ล่ะ จะขออยู่กับคนอื่นทำไม แล้วนี่พี่รู้จักเพลงได้ยังไง
อยู่คนเดียว หนาว เหงาและทรมานเหลือเกิน พี่ไม่มี ไม่เหลือใครแล้ว พี่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจ คล้ายไม่ได้ฟังคำถามจากเธอ จึงตอบกลับมาในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดเท่านั้น พี่ขอแค่นี้เอง น้องเพลงให้พี่ไม่ได้หรือ น้ำตาเริ่มไหลยาวลงเปื้อนพวงแก้มที่ซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ
ให้ไม่ได้ เพลงกลับละ พูดจบเพลงพิณก็หมุนตัวเพื่อก้าวออกจากตรงนั้น
น้องเพลง เดี๋ยวก่อน ถ้าน้องเพลงให้พี่ไปอยู่ด้วย พี่จะช่วยน้องเพลง...
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธ ธัสสะ เพลงพิณหันหลังจากมาและเริ่มต้นท่องบทสวดเบาๆ โดยมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังตามหลังมาตลอดเวลา ก่อนจะค่อยๆ ห่างและหายไปในที่สุด
ในที่สุด เพลงพิณก็เรียกตัวเองออกมาได้สำเร็จ หญิงสาวลืมตาโพลงในความสลัวราง สักพักก็พรูลมหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นเพดานห้องที่คุ้นตา
อะไรกันนักหนา ทำไมยังฝันอยู่อีก...ไปทำบุญให้แล้ว ทำไมไม่ไปเสียที ต้องการอะไรกันแน่เนี่ย คราวนี้ลมหายใจถูกพ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด แล้วก็นิ่งงันไปเมื่อนึกถึงแววตาเศร้าๆ และเจ็บปวดคู่นั้น
ครั้งแรกที่ฝันเห็นบ้านหลังนั้นและหญิงสาวคนนั้นเมื่อสองเดือนก่อน เพลงพิณเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะนึกชอบบ้านสีชมพูอ่อนๆและบึงบัวสีชมพูอยู่ไม่น้อย แต่พอฝันถึงทุกคืนเข้า ความตื่นเต้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยและนำมาซึ่งความวิตกเล็กๆ ในที่สุด
หญิงสาวจึงไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็ได้มาเพียงว่า
อาการฝันซ้ำๆ ถึงเรื่องและสถานที่เดิมๆ อาจเกิดขึ้นจากความเครียดหรือความกังวลบางอย่างที่เราไม่รู้ตัว และยิ่งเรานึกถึงมัน ก็เหมือนเป็นการย้ำคิดย้ำทำให้เรายิ่งฝัน ทางแก้ปัญหาคือ ทำใจให้สบาย ปล่อยวาง หรือไม่ก็ปรึกษาจิตแพทย์ ส่วนความเชื่อทางศาสนา อาจหมายถึงลางสังหรณ์บางอย่าง หรือไม่ก็อาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาขอความช่วยเหลือ
ซึ่งเธอก็ยังวิเคราะห์มันออกมาไม่ได้เสียที และเมื่อเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็เชื่อว่า
คงเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่ก็วิญญาณเร่ร่อนมาขอส่วนบุญมากกว่ามั้ง ลูก แม่ว่าถ้ามีเวลา เพลงก็ควรไปทำบุญให้เขาหน่อยนะ เพื่อความสบายใจของเรา
และเพลงพิณก็เลือกวิธีของแม่ เมื่อวานนี้เองที่เธอไปถวายสังฆทานและอุทิศส่วนกุศลให้หญิงสาวคนนั้น แต่ชะรอยว่าแรงบุญนั้นคงไม่แรงพอ จึงเดินทางไปไม่ถึง เมื่อครู่นี้ จึงได้ฝันอีก
แล้วการมาขออยู่ด้วย มันหมายความว่ายังไงหว่า...ไอ้เราก็ลืมถาม เพลงพิณรำพึงพลางขบคิด นี่ถ้าแต่งงานแล้ว เธอก็คงตีความไปที่การขอมาเกิดเป็นลูก แต่สำหรับสาวโสดที่อาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพังและไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงานในเร็วๆ นี้ เธอก็คิดไม่ออกจริงๆ
และเมื่อคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก หรือแม้จะคิดออกก็ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่หรือไม่ หญิงสาวก็ถอนหายใจยาวๆ อีกครั้งอย่างตัดใจ ก่อนจะตวัดผ้าห่มออกจากร่างแล้วลุกขึ้นเพื่อไปช่วยแม่เตรียมจัดรถเข็นขายเครื่องดื่มก่อนที่เธอจะออกไปทำงานอย่างเช่นทุกวัน
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 54 20:01:46
จากคุณ |
:
บราวนี่รสเสน่หา
|
เขียนเมื่อ |
:
23 เม.ย. 54 19:58:38
|
|
|
|