Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
~ ~ ~ ณ ขณะรัก บทที่ 1 ~ ~ ~ ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑

ตรงกลางระหว่างชายสองวัย นอกจากถ้วยกาแฟสองใบที่กาแฟพร่องไปมากและเย็นชืดเต็มทีแล้ว ยังมีกระดาษปึกหนึ่งที่เย็บง่ายๆ ด้วยลวดเย็บอีกด้วย แผ่นแรกสุดมีตัวหนังสือสีดำขนาดใหญ่สะดุดตาเขียนว่า “บทภาพยนตร์เรื่อง ยิ่งกว่ารัก”

บรรทัดถัดมาเป็นชื่อ ขณะดี ณรงค์วงศา พิมพ์ด้วยตัวหนังสือใหญ่กว่าข้างบนเสียอีก

ผู้สูงวัยกว่าซึ่งนั่งหลังโต๊ะไม้โอ๊คสีน้ำตาลมันวับเป็นชายเฉียดคำว่าชรา ร่างท้วม หน้าอูมจนคางเป็นสองชั้น ผิวขาวอมชมพูอย่างคนที่ได้รับแต่อาหารดีๆ และดูแลตัวเองอย่างดี ใบหน้าตลอดจนท่าทางของเขาดูเป็นคนจริงจัง กล้าแกร่งและตรงไปตรงมา เสียแต่ตอนนี้ ภายใต้ดวงตาเรียวเล็กกลับมีความเบื่อหน่ายฉายอยู่อย่างเด่นชัด

ตรงข้ามเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลาย ผิวขาวจัด เค้าหน้าละม้ายคล้ายคนอีกฟากโต๊ะ ที่ต่างออกไป นอกจากอายุแล้วก็ยังมีความสูงกับลักษณะดวงตาอีกด้วย บ่าของเขาเลยพนักเก้าอี้มามาก ดวงตาถึงจะชั้นเดียวหากไม่ได้เรียวเล็ก กลับโตกว้างและมีสีดำสนิท ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับคิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากหนาสีสดแล้ว นั่นก็เป็นชายหนุ่มที่สะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

“จะกี่ครั้ง ป๊าก็ยังยืนยันคำเดิมว่าบทของแกมันไม่น่าสนใจ” ชายเลยกลางคนเอ่ยขึ้นก่อน หลังจากนั่งเงียบด้วยอารมณ์กรุ่นกันมาสักพัก มืออวบอูมเอื้อมมาผลักปึกกระดาษให้มาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม “หยุดโปรเจ็กต์นี้แล้วมาเขียนบท มากำกับหนังตลกหรือบู๊ให้ป๊าดีกว่า บริษัทเราไม่เหมาะกับการผลิตหนังรักหรอก เจ้าดี มันไม่ใช่ทางของเรา”

“ป๊าอ่านมันก่อนแล้วค่อยวิจารณ์หรือตัดสินไม่ดีกว่าหรือครับ” ชายหนุ่มพยายามระงับความไม่พอใจเต็มที่ “เพื่อนผมที่เขาเป็นคนชอบดูหนัง เขายังบอกเลยว่ามันเป็นบทที่ดี และจะต้องเป็นหนังที่ดีด้วยแน่ๆ”

“รู้ไว้เลยว่าเพื่อนแกคนนั้นมัน:-)” อีกคนสวนกลับทันที “เอางี้ แกให้คนอื่นเขียนบท...”

ความอดทนขาดผึง ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น ใบหน้าขาวๆ แดงก่ำ มือไม้กำแน่นจนเส้นเลือดตรงข้อมือด้านในปูดโปน

“ป๊ายังไม่ได้อ่านงานของผมอีกครั้งเลย ก็ตัดสินแล้ว ว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมไม่แปลกใจเลยที่ทำไมบริษัทนี้ถึงทำหนังขาดทุนบ่อยๆ ก็เพราะผู้บริหารเป็นแบบนี้ไง ใจแคบและเชื่อมั่นแต่ความคิดตน ไม่เคยฟังคนอื่น ไม่เปิดรับความแตกต่าง”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ เจ้าดี” คราวนี้ร่างท้วมผุดลุกขึ้นด้วยความโกรธไม่ต่างกัน “ไอ้บริษัทนี้ที่แกว่ามันคือบริษัทที่ฉันสร้างมากับมือ และเป็นบริษัทที่หาเงินให้แกได้ถลุงเล่นเป็นล้านๆ ยังไงล่ะวะ”

“ป๊าไม่ต้องเน้นเรื่องที่ผมเอาเงินป๊าไป ‘หาประสบการณ์’ หรอก ผมจะหามันมาคืนป๊าทุกบาททุกสตางค์แน่นอน” ขณะดีเค้นเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจออกมา

“ก็ดี ที่ยังไม่ลืมความจริงข้อนี้ แล้วก็ช่วยใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์ด้วยนะ ไป แกออกไปได้แล้ว ป๊ามีงาน อ้อ แล้วเอางานห่วยๆ ของแกออกไปด้วย”

“เพราะผมไม่ใช่เฮียฤกษ์ใช่มั้ย ป๊าถึงไม่เคยไว้ใจหรือให้เกียรติ ผมเชื่อว่าถ้าคนที่เข้ามาวันนี้คือเฮีย ป๊าจะต้องรีบอ่านและให้คำแนะนำที่ดีกว่านี้ ป๊าไม่มีวันตะเพิดไล่ลูกรักอย่างที่ป๊าทำกับผม ป๊าลำเอียง รักลูกไม่เท่ากัน คอยดูนะ ผมจะทำให้ป๊าเห็นว่า บทหนังของผมมันไม่ได้ห่วยแตกอย่างที่ป๊าคิดเอาเอง!”

จบประโยคกร้าวๆ นั้น ชายหนุ่มก็กระชากบทขึ้นมาแล้วหมุนตัวเดินลงส้นตึงๆ จากไป ตามมาด้วยเสียงประตูกระแทกปิดดังปัง

คุณสว่างดี ณรงค์วงศา ถอนหายใจยาว ก่อนจะค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งและหลับตาลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยหนักในหัวใจ เป็นครู่ จึงลืมตาขึ้นเพื่อกวาดมองไปรอบห้องกว้างที่มีโปสเตอร์หนังแนวตลกและแนวบู๊ติดอยู่ตามผนังสีน้ำตาลเข้มด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ

...จากเด็กทำงานในโรงหนังที่ตัดสินใจกู้เงินซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศเข้ามาฉาย พบกับทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว แต่เขาก็ไม่เคยท้อและไม่เคยหยุดนิ่ง ในที่สุดก็สร้างบริษัทผลิตภาพยนตร์ของตัวเองเพื่อฉายทั้งในและต่างประเทศ

การล้มลุกคลุกคลานจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่องกลายเป็นประสบการณ์เข้มข้นที่ทำให้เขามองการตลาดของวงการภาพยนตร์ได้ค่อนข้างทะลุปรุโปร่ง และจากทีมงานที่เขามีซึ่งล้วนแต่เป็นคนเก่าแก่ที่สู้ด้วยกันมา ก็ทำให้เขารู้ว่าบริษัทของเขาทำภาพยนตร์แนวรักไม่รุ่ง นอกจากขายสายหนังต่างจังหวัดยากแล้ว ผลงานก็ยังออกมาประดักประเดิดอีกต่างหาก

เขาไม่ได้ยอมแพ้ และตั้งใจมั่นว่าจะต้องเอาชนะใจคนดูให้ได้ในวันหนึ่ง แต่นั่นหมายความว่า ทุกอย่างจะต้องพร้อมกว่านี้ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในแนวนี้ อย่างน้อย บทภาพยนตร์ก็จะต้องสมบูรณ์ ไม่ใช่บทขาดๆ เกินๆ อย่างที่ลูกชายคนเล็กของเขาเอามาวางตรงหน้าเมื่อครู่

ขณะดี เกิดมาตอนที่ฐานะของครอบครัวดีขึ้นมากแล้ว ต่างจากฤกษ์ดีกับรุ่งดี ลูกชายคนโตกับลูกสาวคนกลางที่เกิดมาในช่วงของการต่อสู้ของพ่อกับแม่ ทั้งสองจึงมีเลือดนักสู้อยู่เต็มเปี่ยมและช่วยงานของครอบครัวอย่างเต็มกำลังตั้งแต่เรียนจบ

คุณสว่างดีจึงค่อนข้างเกรงใจและตามใจลูกทั้งสองมากกว่าคนที่เกิดมาสบายอย่างขณะดี แต่ไม่ได้รักลูกคนไหนมากกว่ากัน เขาออกจะห่วงขณะดีมากที่สุดด้วยซ้ำ เพราะลูกชายคนนี้ติดใช้ชีวิตแบบสบาย อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่เคยช่วยทำงาน จนเขานึกกลัวว่าลูกจะทำอะไรไม่เป็น ในวันที่ไม่มีเขาอยู่ขณะดีจะลำบากกว่าเพื่อน

จึงตัดสินใจบอกภรรยาให้ลดเงินประจำเดือนของขณะดีลง โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าอยากได้เงินเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมก็ต้องทำงาน ขณะดีขอเงินไปลงทุนทำอย่างอื่น โดยไม่สนใจกิจการของครอบครัว ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คาดเดานั่นละ ทุกกิจการล้มเหลวไม่เป็นท่า คุณสว่างดีจึงสั่งห้ามไม่ให้ใครให้เงินไปลงทุนอีก

และเมื่อทำอะไรไม่ได้ ในที่สุด ขณะดีจึงจำต้องยอมเข้ามาช่วยงานที่บริษัท โดยบอกว่า ขอทำในสิ่งที่ชอบหรืออยากทำเท่านั้น

และนั่นก็เป็นที่มาของบทภาพยนตร์ห่วยแตกเมื่อครู่นี้


เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะกรีดเสียงขึ้น ดึงชายเลยกลางคนออกจากภวังค์ความคิด

“เสี่ยคะ ทีมหนังเรื่องใหม่มาครบแล้วค่ะ” เสียงหวานของเลขาหน้าห้องดังขึ้นทันทีที่เขากดรับ

“อั๊วจะไปเดี๋ยวนี้ อ้อ แล้วนายฤกษ์ล่ะ มาหรือยัง”

“คุณฤกษ์ดีอยู่กับทีมงานอยู่ในห้องประชุมแล้วค่ะ”

“โอ เค จะไปเดี๋ยวนี้” กดตัดสายแล้ว เขาก็ลุกขึ้น หยิบเสื้อสูทหรูที่พาดไว้กับพนักขึ้นมาสวมทับและก้าวเร็วๆ ออกจากห้อง ปัดความหงุดหงิดและเหนื่อยใจที่มีต่อลูกชายคนเล็กออกไป

จากคุณ : รุ่งดี
เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 01:16:47 A:115.67.115.241 X: TicketID:124724




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com