นิยายมันก็แค่...........นิยาย(บทที่48-50ตอนจบ)+บทส่งท้าย
|
 |
บทที่ 48 เผชิญความเจ็บปวด หลังจากงานนั้นผมก็ได้ไปอบรมเพิ่มเรื่องเครื่องแม่เหล็กที่เชียงใหม่ครับเป็นงานสัมมนาเพื่อทบทวนความรู้ครับเกี่ยวกับเรื่องรังสีแต่ก่อนไปก็ไปดูรูปงานปีใหม่ก็เริ่มงงกับตัวเองเพราะหารูปหน่อยไม่เจอครับแปลกดี ก่อนไปก็แวะกรุงเทพครับหาแพทครับก็เล่าเรื่องไปเรื่อยๆก็ไม่รู้ผมเอาหน่อยไปเปรียบกับทิพย์มากเกินไปหรือเปล่าจนแพทสวนกลับมาว่า
ตอนนี้แปลกไปนะเพราะเมื่อก่อนแต้มองโลกบวกกว่านี้
ผมก็อึ้งไปเพราะผมก็รู้สึกกับมันจริงๆแม้แพทจะไม่พูดออกมาเพราะยิ่งทำเครื่องใหม่ยิ่งเครียดและก็โดนอิจฉามากขึ้นทั้งๆที่ตัวเองวุ่นและรับผิดชอบมากว่าเดิม
อีกเรื่องอย่าเอาคนดีมาเปรียบกับคนแย่ๆเพราะคนดีๆจะเสียหมด
แพทบอกผมต่อก่อนจะแยกกันไปเพราะผมต้องไปอบรมที่เชียงใหม่ต่อ
พอไปก็ทบทวนสองเรื่องครับเรื่องแรกทำไมผมมองหารูปน้องหน่อยไม่เจอในงานปีใหม่ทั้งที่เพื่อนก็บอกว่าน้องอยู่ตรงนั้นกับเรื่องที่แพทบอก
พอไปถึงเชียงใหม่ก็เดินหาที่พักก่อนเลยครับเดินไปเรื่อยข้ามสะพานเนาวรัตน์ดูบรรยากาศเก่าๆที่แสนคิดถึงจนถึงแถวถนนคนเดินก็เจอร้านเช่ารถผมก็เช่ามอร์เตอร์ไซด์มาขี่เลยครับเพราะผมรู้ว่าไม่มีรถที่นี้เหมือนไม่มีขาครับ
และที่เช่ารถก็พาไปหาเกสเฮาส์อยู่ราคาก็พอควรครับตางบที่ขอก็ไม่สนอะไรแล้วที่แรกครับครูบาศรีวิชัย
สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อครับว่าครูบาศักดิ์สิทธิ์มากๆแต่ก็ทำให้ผมคิดได้อย่างหนึ่งคือผมไม่อยากเจ็บกับเรื่องนี้อีกแล้วผมร้องไห้หน้าที่ไหว้ครูบานั้นแหละครับแล้วบอกกับครูบาว่า
ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าผมผิดกับทิพย์แค่ไหนผมขอหละครับขอให้มันหายไปซักที
มาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่าผมทำถูก ครับทำถูกในเรื่องของชีวิตแต่ผมผิดกับทิพย์มากครับ
เพราะผมไม่เคยถามทิพย์เลยว่าสิ่งที่ผมทำทั้งหมดนั้นทิพย์ต้องการมันหรือไม่ผมได้แต่คิดเองเออเองครับว่าซักวันเขาคงเข้าใจ
แต่จริงๆแล้วเรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นแบบนี้เพียงแค่ผมไม่คิดมากเกินรักเขาไห้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วให้รักของเราเป็นตัวบอกมันเองดีกว่าว่าเราควรทำอย่างไร
หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระธาตุครับภาพตอนที่ทิพย์ร้องไห้ตอนเวียนเทียนก็ยังเห็นมันอยู่มันยังอยู่ตรงนั้นไม่หายไปไหนหน้าทิพย์ตอนโกรธที่ไม่ไปดูเขาก็ยังอยู่ที่เดิม
ไหว้พระเสร็จก็สบายใจขึ้นแต่เรื่องรักก็ยังคงอยู่ครับแต่ที่รู้ตอนนี้แผลมันคงไม่อาจหายได้หากเราไม่เอาเลือดที่คั่งออกครับก็ไปทุกที่ๆมีอดีตครับ
ที่แรกที่ไปหลังจากลงดอยก็คือร้านอาหารที่มากินด้วยกันครับมันกลายเป็นร้านอะไรแล้วก็ไม่รู้ไม่รู้จักมัน
จากนั้นก็ไปต่อที่ม้านั่งที่ทิพย์ซ้อนรถดวงมาบอกกับผมครับว่าเขาไม่ได้มีอะไรกันม้านั่งยังอยู่ไม่รู้ตัวเดิมหรือเปล่าแต่ภาพความทรงจำก็ยังอยู่ยังเหมือนกับว่าผมยังได้ยินคำพูดของทิพย์ในตอนนั้นอยู่
ไปด้านหลังห้องทิพย์ก็ยังจำได้ครับว่าเคยมานั่งรถทิพย์แล้วจอดตรงไหนแล้วทิพย์ก็ลืมปล่อยคันเร่งทำให้ใส่เกียร์ว่าเครื่องก็ยังร้องและแม้จะกลางวันอยู่ก็ยังนึกถึงไฟฉายที่ทิพย์ส่องลงมาเพื่อบอกว่าห้องทิพย์อยู่นี้ถ้ามาง้อคราวหน้ามาจะได้หาเจอ
ห้องชมรมดนตรีไทยก็ไปยังนึกถึงตอนลงไปนั่งฟังพี่เท็นกับปุ้ยเล่นจะเข้กัน
ไปทางหน้ามหาลัยก็จำที่เริ่มแลกป้ายชื่อกันที่ๆโดนทำโทษเพราะโดนจับได้สนามที่เข้าใจผิดคิดว่าทิพย์มากับคนอื่น
เข้ามาแถวตึกเรียนฝั่งมหาลัยก็ยังจำที่ๆทิพย์มารอเป็นเพื่อนมุขตลกแรกที่ทิพย์เล่นคำสัญญาแรกที่รักษาไม่ได้
ตึกที่แกล้งโดดหน้าต่างจนทิพย์หน้าเสียเรื่องที่แกล้งทำเป็นหลบสายตาทิพย์ให้ไปเจอกับเพื่อนตึกก็เหมือนเดิมทิวทัศน์เดิมๆ
ออกมาด้านหลังตรงสนามกีฬาที่ทิพย์บอกว่าชอบเพลงอะไรมากภาพในสนามที่อัฐจันทร์เปลี่ยนไปมีปูนโบกทึบไม่ให้เห็นภายในแต่ก็ยังนึกถึงภาพที่ทิพย์ถือป้ายคณะตอนเดินขนวน
รวมถึงเหตุการณ์ตอนที่ทำให้ได้รู้ว่าพ่อแม่ทิพย์จะไปอยู่อเมริกา
ออกมาด้านนอกผ่านมาทางหอที่แจวให้อยู่แทนร้านเบียร์ที่ทิพย์มาดูว่าตกลงแต้คบใครอยู่ทำให้ไม่ไปง้อทิพย์ดีๆซักทีก็เปลี่ยนเป็นร้านอาหารหรูๆ
หอพักที่มาดักเจอทิพย์เพราะเห็นเอารถมาจอดหน้าหอนี้หลายครั้งก็เหมือนเดิม
ไปหลังห้องทิพย์ที่หอคณะตรงที่มามองก็มีบ้านเล็กๆมาบังตรงที่เคยจอดรถมองประจำ
พอไปที่หอคณะก็กำลังทุบทำตึกใหม่แต่ทุกๆเรื่องก็ยังอยู่ภาพทิพย์ที่เจอครั้งสุดท้ายเรื่องที่ทิพย์ร้องไห้ในห้องน้ำเพราะเข้าใจผิดว่ายังรักคนอื่นอยู่
ภาพที่ได้เจอหลังจากที่ได้บอกรักไปเรื่องที่เปิดประตูแล้วรู้สึกรักกับทิพย์อีกครั้งเรื่องที่ทิพย์เกือบโดนเพื่อนน้องสาวเล่นงานก็ยังอยู่และทำให้น้ำตาซึมไปตลอดวัน
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
25 เม.ย. 54 00:52:21
|
|
|
|