เทพมารสะท้านมิติ (PSYCHO WAR) ตอนที่ 8
|
 |
สูญมองดูระหว่างของสามสิ่งสลับไปมา สัจจะ กรุณา กับยาแก้พิษ แต่เขายังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป จึงชักชวนคู่ต่อสู้ให้กล่าววาจาตอบโต้กันก่อน สำหรับเจ้าแล้วตำราเล่มนี้มีความสำคัญมากที่สุดในชีวิตอย่างนั้นหรือ ไม่
สัจจะตอบโดยไม่ต้องขบคิด เศษกระดาษเหล่านั้นไม่มีประโยชน์กับข้าเลยแม้แต่น้อย ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงต้องทุ่มเทมากมายถึงเพียงนี้ ทุ่มเทสิ่งใดกัน ข้าเพียงทำสิ่งที่อยากทำเท่านั้น ข้าชอบใช้ชีวิตที่แตกต่าง การได้ปลอมแปลงเป็นผู้คนที่หลากหลายคือสิ่งที่ข้าชื่นชอบ เจ้าอาจคิดว่าข้าปลอมเป็นแม่ค้าขายขนมเพียงเพื่อแย่งชิงตำรา แต่ความจริงแล้วข้าแค่ชอบทำแบบนี้เท่านั้นเอง เขาพลันทอดถอนใจออกมา แต่ถึงอย่างไร ข้าก็เป็นหนึ่งในสี่ของผู้พิทักษ์แห่งสำนักฟ้าดิน เมื่อจ้าวสำนักมีคำสั่ง ข้าย่อมไม่อาจขัดขืน เป็นเพราะเหตุใด โทษของผู้ที่ขัดขืนคำสั่งของจ้าวสำนักมีเพียงสถานเดียว นั่นคือความตาย และชีวิตคือสิ่งเดียวที่มีความหมายสำหรับข้า ดังนั้นข้าจึงต้องนำตำราฟ้าดินกลับไปให้ได้ เขาพลันเข้าใจในสิ่งหนึ่ง ที่อาจเป็นกุญแจไขปัญหาทั้งหมด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตำราฟ้าดิน แต่เป็นที่ตำแหน่งผู้พิทักษ์ของเจ้าต่างหาก สัจจะถลึงตาจ้องมอง คล้ายถูกหมัดของศัตรูจู่โจมเข้าใส่ ...ข้าเกิดและเติบโตในสำนักฟ้าดิน เจ้าจึงไม่อาจเดินจากมา ข้า...เหตุใดข้าต้องเดินออกจากสำนักด้วย ด้วยเหตุผลที่เจ้าพึ่งบอกข้าเมื่อครู่ ผู้คนต่างมีสิ่งสำคัญในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน หากเจ้าเข้าใจในความต้องการของตนเอง เหตุใดจึงไม่อาจก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ต้องการ เขาถูกจู่โจมเข้าใส่อีกหมัดหนึ่ง แต่...นั่น...หากข้านำตำราฟ้าดินกลับไป ทุกสิ่งก็ย่อมคลี่คลาย คลี่คลายไปถึงเมื่อใดเล่า ครั้งหน้าเจ้าก็ต้องไปนำสิ่งใด ไปทำอะไรให้สำนักฟ้าดิน ในนามของจ้าวสำนักอีก หมัดนี้กระแทกลงตรงจุดตายของเขาเข้าพอดี เพราะมันเป็นความจริงที่เขารับรู้มาโดยตลอด ขอเพียงยังมีตำแหน่ง ขอเพียงยังอยู่ในสำนัก ก็ต้องทำเช่นนี้ต่อไปไม่รู้จบ วันก่อนไล่ติดตามศิษย์ทรยศ วันนี้เป็นการช่วงชิงตำรา วันหน้าก็จะมีสิ่งอื่นต่อไปไม่จบสิ้น แต่ในชีวิตของเขาตั้งแต่จำความได้ก็มีเพียงสำนักฟ้าดินเท่านั้น แม้แผ่นดินนี้ทอดยาวไกลไปทั่วหล้า ประกอบด้วยชีวิตของผู้คนหลายหลากน่าสนใจมากมาย แต่ไม่ว่าไปถึงที่ใด เขาก็ยังไม่อาจก้าวออกจากสำนักได้แม้เพียงครึ่งก้าว ที่ผ่านมาเขาได้เพียงแค่หลอกตัวเองเท่านั้น คำพูดทั้งหมดนี้ชักนำเขามาสู่ข้อสรุปสุดท้าย สัจจะมองหน้าสูญ ยิ้ม และเริ่มส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หรือว่าความคิดเหล่านี้ก่อกวนจนเขาเสียสติไปแล้ว เสียงหัวเราะของเขาค่อยๆ จางหายไปในอากาศ เหตุใดข้าจึงไม่เจอะเจอคนเช่นเจ้าตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว อาจเพราะยังไม่ถึงเวลาอันเหมาะสม เขาพยักหน้า รอยยิ้มยังคงไม่จางหาย ก่อนก้มลงมองเท้าทั้งคู่ของตนแล้วก้าวไปข้างหน้า ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงครึ่งเก้าเล็กๆ แต่มันนับเป็นครึ่งก้าวที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นครึ่งก้าวแรกที่นำพาเขาออกจากสำนักฟ้าดิน เป็นครึ่งก้าวที่นำพาจิตใจของเขาออกจากสิ่งยึดเหนี่ยวทั้งมวล เขาพึมพำออกมาเบาๆ นับเป็นย่างก้าวที่ปลอดโปร่งยิ่งนัก สัจจะหันกายหมายเดินจากไปแล้ว โปรดรอสักครู่ เจ้าลืมส่งมอบของสิ่งหนึ่ง เขายกมือขึ้นขวดเคลือบเล็กๆ ใบนั้นยังคงอยู่ในมือ ก่อนกล่าวตอบโดยไม่หันกลับมามอง หากหมายถึงสิ่งนี้ เจ้าคงไม่ต้องการมันแล้ว เขากำมือเข้าหากัน มีเสียงแตกหักดังขึ้น เมื่อแบมือออก สายลมก็พัดพาเศษผงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นขวดเคลือบปลิวหายไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เคยใช้พิษกับผู้ใด นั่นเป็นเพียงยานอนหลับเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเด็กน้อยก็จะตื่นขึ้นมาเอง สูญไม่สงสัยคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เมื่อครู่ทั้งสองจะพึ่งลงมือต่อสู้กันก็ตาม ร่างของชายพิศดารคนนั้นค่อยๆ เดินลับหายไป ที่ด้านหลังของแผงขนมพลันมีเสียงขลุกขลักดังขึ้น สูญโอบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาก่อนเดินอ้อมไปดู หญิงสาวคนหนึ่งกำลังดิ้นรนจากเชือกที่มัดอยู่ ข้าคือมายาเจ้าของแผงขายขนมนี้ หลังจากที่สูญแก้มัดให้ สิ่งแรกที่เธอทำคือตรวจดูเตาย่างขนมที่ถูกทุบทำลายไป เธอมองดูเศษชิ้นส่วนของเตาจำนวนมากที่แตกกระจัดกระจาย ขนมหลายก้อนที่เปื้อนเศษขี้เถ้า และพบกับเงินจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนสัจจะจงใจวางทิ้งเอาไว้ ถึงแม้มันจะมากเพียงพอกับความเสียหายที่เขาก่อ แต่ดูเหมือนว่าเธอคงไม่พอใจกับมัน ข้าใช้เตานี้ย่างขนมเลี้ยงชีพมาหลายปีแล้ว เธอชักชวนให้ทั้งสองไปพักที่บ้านของเธอจนกว่าเด็กน้อยจะตื่นขึ้น ถึงแม้เธอจะถูกจับมัดเอาไว้ แต่ก็รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยตลอด เขาจึงอุ้มเด็กน้อยเดินติดตามเธอไป เจ้ามั่นใจว่านางไม่ได้ถูกพิษ ข้ามั่นใจ หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่มั่นใจถึงเพียงนั้น มันขุดหลุมพรางมากมายเพื่อให้พวกเจ้าตกลงไป ข้าไม่เชื่อว่ามันจะไม่ได้ใช้พิษจริงๆ อย่างที่พูด แต่ข้าเชื่อ และความจริงเจ้าก็เชื่อเช่นกัน หญิงสาวได้แต่ปิดปากลง ชายหนุ่มที่ดูทึ่มทื่อผู้นี้กลับสามารถกล่าววาจาที่ทำให้ต้องหยุดคิด นางไม่มั่นใจว่าตัวมันเองจะรู้หรือไม่ ว่ามีความหมายลึกซึ้งอันใดซ่อนอยู่ในคำพูดของตน หลังจากเข้ามาในกระท่อมเล็กๆ เรียบร้อยแล้ว เขาก็วางร่างของเด็กน้อยลงบนเตียง ก่อนออกมานั่งกับหญิงสาวเจ้าของบ้าน ภายในนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ด้านในเป็นที่นอน ส่วนด้านนอกมีโต๊ะ เก้าอี้ ใช้นั่งทำสิ่งต่างๆ ส่วนครัวนั้นอยู่ข้างนอกทางด้านหลังของกระท่อม บนโต๊ะมีน้ำชากาหนึ่ง และขนมย่างอีกหลายลูกที่คาดว่าคงเก็บมาจากที่แผงที่พึ่งถูกพังไปเมื่อครู่นี้ เจ้าไม่กลัวว่าจะมียานอนหลับอยู่ในขนมก้อนอื่นด้วย ข้าไม่คิดว่ามันจะทำเช่นนั้น แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงคงต้องรบกวนให้เจ้าช่วยเฝ้าบ้านให้ข้าด้วย พูดจบนางก็จิ้มขนมลูกหนึ่งใส่ปาก เคี้ยวช้าๆ ก่อนยกถ้วยที่มีน้ำชาร้อนๆ ขึ้นดื่ม ขนมเช่นนี้กินกับน้ำชาได้เข้ากันเป็นอย่างยิ่ง บนโต๊ะยังมีน้ำชาอีกถ้วยหนึ่ง เขาจิ้มขนมลูกหนึ่งก่อนเลียนแบบเธอกินขนมกับน้ำชาเข้าไป เจ้าไม่กลัวมียานอนหลับหรือไร หญิงสาวใช้คำถามเมื่อครู่ย้อนถาม ชายหนุ่มกัดขนมเข้าไปอีกคำหนึ่ง หากมีจริงพวกเราทั้งหมดได้แต่นอนหลับตื่นหนึ่ง รุ่งขึ้นจึงค่อยแยกย้าย หญิงสาวมองหน้าเขาก่อนเอ่ยเบาๆ แต่หากเป็นยาพิษจริง ทั้งหมดคงได้แต่ตกตายร่วมกันแล้ว...ที่แท้ตำราฟ้าดินเป็นของอะไรกันแน่ เหตุใดจึงต้องช่วงชิงกันเช่นนี้ ข้าไม่ทราบ หญิงสาวคล้ายไม่เชื่อคำตอบนี้ ข้าไม่ทราบ แต่เด็กน้อยที่หลับอยู่อาจทราบ ครั้งนี้หญิงสาวเหลียวมองไปที่ห้องด้านในพร้อมกับพยักหน้า ชายหนุ่มเอ่ยถามบ้าง เจ้ารู้จักสำนักฟ้าดินหรือไม่ ทั่วทั้งเวียนเกิดมีผู้ใดไม่รู้จักสำนักฟ้าดิน พวกมันเป็นเช่นไร ...เจ้าโผล่ออกมาจากใต้ดินหรือไร เหตุใดจึงไม่รู้จักสำนักฟ้าดิน แต่หญิงสาวก็ต้องขบคิดอยู่ครู่ใหญ่ คำถามธรรมดาที่ไม่เคยมีใครถาม เมื่อถูกถามขึ้นมาก็ยากที่จะตอบได้ และบางครั้งคำตอบนั้นก็ก่อให้เกิดคำถามที่คาดไม่ถึงได้อีกด้วย สำนักฟ้าดินที่ทุกคนรู้จักดีที่แท้คือสิ่งใดกันแน่ ...เล่ากันว่าสำนักฟ้าดินนั้นมีมาพร้อมกับเวียนเกิด ศิษย์ในสำนักมีหน้าที่คอยผดุงคุณธรรม ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยมีผู้พิทักษ์ จ้าวพยัคฆ์ จ้าวมังกร จ้าวกิเลน และจ้าวอินทรี สัตว์วิเศษแห่งทิศทั้งสี่คอยดูแล ตำแหน่ง และพลังฝีมือของพวกมันเป็นรองก็เพียงแค่จ้าวสำนักฟ้าดินเท่านั้น 'ตอนนี้ก็เหลือเพียงจ้าวอินทรี กับตัวจ้าวสำนักเท่านั้น' เขาขบคิด แต่มันก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขา เพราะสิ่งที่เขาต้องการค้นหาคำตอบในตอนนี้มีเพียงประการเดียวเท่านั้น นั่นคือมีอะไรอยู่ที่สุดปลายของแม่น้ำสายวิญญาณเส้นนั้น ตามปกติแล้วผู้ที่รับตำแหน่งทั้งห้าต่างเร้นกายอย่างมิดชิด โดยเฉพาะจ้าวสำนักนั้นตลอดมาไม่เคยมีใครรู้ว่าเป็นผู้ใดมาก่อน การได้พบเห็นจ้าวกิเลนสัจจะในวันนี้นับเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้นได้จริงๆ หากบอกเล่าออกไปก็คงไม่มีผู้ใดยินยอมเชื่อ รวมถึงเรื่องที่มันขับตัวเองออกจากสำนักไปเช่นนั้นด้วย ...หรือว่าไม่เคยมีใครออกจากสำนักฟ้าดินมาก่อน หญิงสาวพยักหน้า มีเพียงคนตายเท่านั้นที่สามารถออกจากสำนักฟ้าดินได้ และข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนต้องการออกจากสำนักนั้นด้วยตัวเอง...เจ้าคิดว่ามันจะรอดไปได้หรือไม่ นั่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า หรือข้า เส้นทางนั้นมันเป็นผู้เลือกเอง จะเดินไปเยี่ยงไร หรือนานเท่าใดล้วนไม่มีความหมายสำหรับเรา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับมันเพียงผู้เดียวแล้ว คำตอบนี้ทำให้หญิงสาวต้องนิ่งอึ้งอีกครั้ง ชายคนนี้คล้ายไม่รู้เรื่องราวสิ่งใดในเวียนเกิดเลย แต่ก็คล้ายสามารถเข้าใจในทุกเรื่อง นับเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ยากอธิบายได้จริงๆ ทั้งสองนั่งเงียบๆ พลางจิบน้ำชาอีกครู่หนึ่ง ภาพทิวทัศน์ของก้อนเมฆที่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นเพียงสิ่งธรรมดากลับสามารถสั่นไหวความรู้สึกของหญิงสาว และความคิดบางอย่างที่คล้ายจะนึกออก แต่กลับนึกไม่ออก ก็ก่อกวนจิตใจของสูญอย่างรุนแรง ...เราอยู่ที่ใดกัน เด็กน้อยเดินออกมาจากห้องด้านใน ดูเหมือนว่าอย่างน้อยคำพูดเรื่องหนึ่งของสัจจะก็เป็นความจริง สิ่งสุดท้ายที่เธอจดจำได้คือรสอร่อยของขนมชิ้นนั้น เธอรับฟังเรื่องราวที่เขาเล่าให้ฟังอย่างย่อๆ ด้วยความสนใจ และนึกไม่ถึงว่าจะมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมายถึงเพียงนี้ พวกเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป หญิงสาวถามด้วยความสนใจ เราจะติดตามเขาไปยังตะวันตก ตะวันตก...ที่นั่นมีเพียงชายฝั่งรกร้างไร้ผู้คน พวกเจ้าจะเดินทางไปทำอะไร ...เพื่อหาคำตอบประการหนึ่ง หญิงสาวหันไปมองเขา คำตอบอะไร ...ข้าไม่รู้ แต่มีคำตอบรออยู่ที่นั้นแน่ คำตอบที่ฟังไม่เหมือนคำตอบ แต่ดูเหมือนผู้ตอบจะมีความมั่นใจอย่างแปลกประหลาด หญิงสาวส่ายหน้าหันกลับไปมองเด็กน้อย ซึ่งส่ายหน้าว่าไม่เข้าใจเช่นกัน เอาเถอะ ยังไงพวกเจ้าก็ถือเป็นแขก นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ให้ข้าทำอาหารเลี้ยงส่งสักมื้อก็แล้วกัน ในป่ามีผลไม้อยู่มากมาย คงไม่ต้องรบกวนเจ้า พวกเจ้าไม่ใช่ลิงค่างจะได้เก็บกินแต่ผลไม้ เมื่อครู่ข้าได้กำไรเงินทองจากค่าเสียหายที่มันทิ้งเอาไว้ พวกเจ้าเองก็ถือว่ามีส่วน คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน พอเด็กน้อยนึกถึงผลไม้ที่พึ่งกินลงไปเมื่อเช้า ก็รู้สึกอยากกินอาหารอย่างอื่นบ้างจึงไม่ส่งเสียงคัดค้าน เขาส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำเบาๆ ไม่ให้เธอได้ยิน 'เจ้าพึ่งพลาดท่าด้วยของกินไปเมื่อครู่นี้เอง' เด็กน้อยคอยช่วยหญิงสาวทำอาหารง่ายๆ สองสามอย่าง ซึ่งทำให้เธอนึกถึงยามที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับปู่ จานหลักสำหรับมื้อนี้คือปลานึ่ง ซึ่งเป็นปลาแม่น้ำสดๆ ที่หญิงสาวได้มาจากตลาด อย่าพึ่งเปิด หญิงสาวรีบห้ามเด็กน้อยก่อนที่เธอจะเปิดปลาที่กำลังนึ่งออกดู หากไม่เปิดดู จะรู้ได้อย่างไรว่าปลาสุกได้ที่แล้วหรือไม่ ข้ารู้และตอนนี้มันยังไม่สุก เจ้ารู้ได้อย่างไร และหากเปิดดู เมื่อเห็นว่ามันยังไม่สุกเราก็ยังนึ่งต่อได้ หญิงสาวส่ายหน้า หากเจ้าเปิดดู แล้วนึ่งต่อไป ปลาตัวนี้จะอร่อยน้อยลงกว่าเดิม 'นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรกัน' ทั้งเด็กน้อย และชายหนุ่มต่างคิดเหมือนๆ กัน ข้าก็ไม่อาจอธิบายได้ แต่หากเจ้าเปิดปลาที่กำลังนึ่งอยู่ออกครั้งหนึ่งแล้ว หากปิดฝาลงแล้วนึ่งต่อ ความหวานหอมนุ่มนวลในเนื้อปลาจะลดลงไป เจ้าต้องสามารถกะเวลาในการนึ่งให้เหมาะสมกับปลาแต่ละตัวจึงจะนับว่านึ่งปลาเป็น แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร ครั้งนี้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายถามบ้าง คำถามธรรมดาของเขายังคงยากที่จะตอบได้เช่นเดิม เพราะ...ข้าเคยนึ่งปลามาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกก็กะได้จากขนาดของตัวปลา พอต่อมา...ข้าก็เพียงแค่ทำไปอย่างที่คิดว่ามันควรจะเป็นเท่านั้น พอหญิงสาวนำปลาออกมา กลิ่นของ ขิง ต้นหอม ซีอิ้ว และน้ำมันงา ลอยตลบอบอวล เมื่อทั้งสองได้ชิมรสที่อ่อนนุ่มหวานละมุนละไมของเนื้อปลาที่ซ่อนอยู่ข้างล่างเครื่องปรุงเหล่านั้นแล้ว ต่างคิดเหมือนๆ กันว่าสิ่งที่นางพูดออกมาคงเป็นความจริง แสดงว่าหากเราทำสิ่งใดจนชำนาญแล้ว ร่างกายก็จะจดจำมันเอาไว้ได้เองใช่หรือไม่ เด็กน้อยแสดงความคิดเห็นของตน พร้อมกับส่งเนื้อปลาสีขาวฉ่ำอีกชิ้นหนึ่งเข้าปาก หญิงสาวฟังดูแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนคีบเต้าหู้ผัดชิ้นหนึ่งส่งเข้าปากเช่นกัน พวกเจ้าต่างใช้ชีวิตเหมือนเช่นเดิมทุกวัน เหตุใดจึงไม่เกิดเป็นความเชี่ยวชาญในการใช้ชีวิตขึ้นมาบ้าง กลับปล่อยปะละเลยให้ทุกสิ่งผ่านพ้นไปโดยไม่เคยรู้สึกตัว เนื้อปลายังอยู่ในปาก เต้าหู้ยังติดอยู่ที่ปลายตะเกียบ ชั่วครู่หนึ่งทั้งสองต่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด แต่ต่อมาเด็กน้อยคล้ายจะเข้าใจบางอย่าง แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ ส่วนหญิงสาวกินอาหารต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย คงต้องจากกันแล้ว หญิงสาวออกมายืนส่งทั้งสอง เธอคล้ายมีความในใจบางอย่าง ก่อนที่อาคันตุกะจะเดินจากไป เธอก็ส่งเสียงถามขึ้น ข้า...ให้ข้า...เดินทางไปกับพวกเจ้าด้วยได้หรือไม่ เด็กน้อยหันไปมองชายหนุ่ม ข้าอาศัยอยู่ที่นี่เพียงลำพังมานานแล้ว พวกเจ้าทำให้ข้าเกิดความรู้สึกสนใจอยากรู้ขึ้นอีกครั้ง ขอข้าเดินทางไปตะวันตกกับพวกเจ้าด้วยได้หรือไม่ คงไม่ได้ สูญตอบเพียงสั้นๆ ก่อนหันกายเดินจากไป กรุณาหันมายิ้มให้เธอก่อนเร่งก้าวติดตาม มายายืนมองส่งทั้งสอง 'หรือพวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีขา เส้นทางไปสู่ตะวันตกมิได้เป็นของพวกเจ้าสักหน่อย'
จากคุณ |
:
zoi
|
เขียนเมื่อ |
:
25 เม.ย. 54 08:39:01
|
|
|
|