"เจ้าหญิงปักผ้า" กับ "โทรลอยากเป็นผู้กล้า" นิทานสองตอนต่อเนื่อง
|
 |
เจ้าหญิงปักผ้ากับโทรลอยากเป็นผู้กล้า
หมายเหตุ: นี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับผู้คน องค์กร หรือเหตุการณ์ที่เป็นความจริงใดๆ ทั้งสิ้น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนที่ไม่แสนไกลแต่ยากจะเข้าใจ ในเวลาที่ผ่านมาไม่นานแต่เหมือนจะยาวนาน
มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งซึ่งคิดว่าตนชื่นชอบการปักผ้า คงเพราะเธอคิดว่าการปักผ้านั้นเป็นงานอดิเรกที่โก้เก๋และมีชื่อเสียง เพราะสมาคมการปักผ้าในเมืองต่างๆ จะนำผืนผ้าปักที่สวยงามมาประดับที่กำแพงของตน เพื่อให้ฝูงชนได้ชื่นชมความงดงาม
ทว่าเจ้าหญิงนั้นอาจจะทรงไม่มีพระเศียรในด้านการออกแบบลวดลาย เมื่อนึกลายปักไม่ออก เจ้าหญิงก็บังเอิญได้เห็นภาพปักของราชินีจากต่างแดนองค์หนึ่ง ซึ่งเจ้าหญิงเห็นว่างดงามเหลือเกิน
เจ้าหญิงอยากปักให้ได้ตามแบบนั้น แต่แทนที่จะฝึกปัก เจ้าหญิงผู้ใจร้อนและป้ำๆ เป๋อๆ กลับหวังทางลัด เธอไปขอผ้าวิเศษจากแม่มด และทาบผ้าวิเศษนั้นลงบนผืนผ้าปักของราชินี ยังผลให้ลวดลายบนผ้าของราชินีติดออกมาด้วย เจ้าหญิงทำเช่นนี้กับผ้าปักหลายผืนของราชินี
จากนั้น เจ้าหญิงก็นำผ้าวิเศษของแม่มดมาทาบบนผืนผ้าที่ตนปักอยู่ และใช้เวทมนตร์ทำให้ผืนผ้าทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลายปักของราชินีจึงปรากฏกลืนไปกับลายปักของเจ้าหญิง และเจ้าหญิงก็ปักซ่อมเสริมบางส่วนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
ไม่ช้า สมาคมปักผ้าของอาณาจักรก็รับผ้าอันสวยงามของเจ้าหญิงไปประดับ
แต่แล้ว อีกไม่ช้า ก็มีผู้ที่เคยเห็นผ้าปักของราชินีจากต่างแดนที่รู้สึกคุ้นตา และลองนำรูปผ้าปักทั้งสองมาเทียบกัน
แน่นอนว่าไม่มีกฎห้ามให้นำภาพปักของผู้อื่นมาเป็นแบบเพื่อฝึกปักตามหรือดัดแปลงลวดลาย เนื่องเพราะช่างปักผ้าที่มีฝีมือในกาลก่อนก็ได้ใช้วิธีนี้ฝึกฝนตนเองสืบเนื่องมา โดยผสมลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนลงไป
ทว่า การใช้เวทมนตร์ลอกแบบผ้าปักของผู้อื่นโดยไม่ปักขึ้นเองเป็นเรื่องที่ผู้คนในดินแดนนี้ล้วนเหยียดหยามและประณาม
ในทีแรก เจ้าหญิงกลัวความผิด จึงตอบไปว่าเธอชอบผ้าปักของราชินี จึงได้เหมือนกันเพราะได้แรงบันดาลใจมา ทว่าเมื่อไม่มีใครเชื่อถือ เจ้าหญิงจึงได้ขอให้แม่มดใช้มนตร์แยกร่างมาเป็นเพื่อนสัตว์ต่างๆ เช่นกระต่าย กระรอก และนกเพื่อให้กำลังใจเธอ ร่วมออกแก้ต่างกับเธอในที่สาธารณะ ทว่าเป็นธรรมดาอยู่แล้วนั่นเอง ที่จอมเวทจะจับเวทมนตร์ง่ายๆ เช่นนี้ได้ และเจ้าหญิงก็เริ่มกลายเป็นที่รังเกียจยิ่งกว่าเดิม
เมื่อความไปถึงสมาคมปักผ้า ทางสมาคมได้ทำการตรวจสอบแล้วว่ามีมูลความจริง จึงทำลายผ้าปักของเจ้าหญิงทิ้งทั้งหมด และมีมติว่าจะไม่รับผ้าของเจ้าหญิงมาประดับสมาคมของตนเป็นเวลาห้าปี
เจ้าหญิงจำต้องแต่งสารไปขออภัยจากราชินี ด้านราชินีเป็นผู้เปี่ยมเมตตา จึงอภัยโทษให้ แม้ว่าสารของเจ้าหญิงนั้นจะวกวนยืดเยื้อ สรรเสริญเยินยอผ้าปักขององค์ราชินีจนเลิศล้ำ ทว่าหาความจริงใจและสำนึกผิดได้ยากยิ่งก็ตาม
เรื่องดูเหมือนจะจบลงเพียงเท่านี้ หากว่าเจ้าหญิงจะไม่ใช้มนตร์ของแม่มดจำแลงกายตนเอง เข้ามาอาศัยอยู่ในอาณาจักรเดียวกับราชินี และปักผ้าส่งสมาคมของอาณาจักรนั้นแทน
อย่างไรก็ดี หากเจ้าหญิงปักผ้าของตนขึ้นเอง ก็คงไม่มีเรื่องดังกล่าว ทว่าเจ้าหญิงกลับกระทำผิดซ้ำเดิม เธอลอกลายผ้าปักของราชินี ทั้งๆ ที่เธอเอ่ยในฐานะตัวตนใหม่ว่าไม่เคยเห็นผ้าปักของราชินีเลยแม้แต่น้อย เมื่อสมาคมปักผ้ารู้ จึงได้ตัดสินใจที่จะเก็บผ้าปักของเธอลงอย่างเงียบๆ
ทว่าเจ้าหญิงกริ้วโกรธเคืองแค้นยิ่งนัก เธอจึงใช้เวทมนตร์ของแม่มดแยกร่างปลอมกายเป็นคนอื่น ออกมาป่าวประกาศกลางจัตุรัสใหญ่ว่าแวดวงการปักผ้านี้ไม่ยุติธรรม ช่างปักผ้าใหม่ๆ ตัวเล็กๆ ขอเพียงลายคล้ายก็พร้อมมีคนเชื่อว่าลอกลายมา ส่วนช่างปักผ้าใหญ่ๆ ที่มีผู้ชื่นชอบงานมากนั้น ไม่ว่าจะลอกผู้ใดมาก็ล้วนมีสาวกออกมาพร้อมปกป้อง
มีผู้คนวิพากษ์วิจารณ์โต้เถียงกับร่างแยกของเจ้าหญิงกันโดยกว้างขวาง จนกระทั่งเจ้าหญิงสบโอกาสเหมาะ และยืมร่างของอัศวินผู้เป็นคนรักเก่าของเธอมาพูดด้วยเสียงของสตรีเพื่อสุมไฟ กล่าวโดยนัยให้เข้าใจว่ามีราชินีปักผ้าผู้หนึ่ง ซึ่งลอกลายมาจากดินแดนโพ้นทะเลอีกที
ร่างแยกและร่างยืมของเจ้าหญิงล้วนสนทนากันด้วยดี มุ่งเน้นให้เกิดความสงสัยในตัวราชินี ทว่าทั้งผู้ที่รู้จักราชินี และตัวราชินีเอง ก็สามารถยืนยันด้วยเวลาได้อย่างขาวสะอาด ว่าพระนางไม่ได้ลอกลายผ้าปักจากแดนโพ้นทะเล เนื่องจากพระนางปักผ้าผืนนั้นเสร็จก่อนนานนับปี
ไม่ช้าก็มีผู้สงสัยในร่างแยกและร่างยืมของเจ้าหญิง กระทั่งสืบรู้ที่มาทั้งหมดของเจ้าหญิง อัศวินผู้ตกในมนตร์สะกดนั้นออกรับว่าเขาเจ็บแค้นแทนเจ้าหญิง จึงได้ออกมาพูดเรื่องนี้ กระนั้นผู้คนก็พากันกังขา ว่าเหตุใดเวลานั้นเขาจึงพูดด้วยเสียงสตรี แลผู้พูดนั้นคือเจ้าหญิงหรืออัศวินกันแน่
ผู้คนยังสืบจนรู้ไปถึงผ้าปักที่เจ้าหญิงทำค้างไว้แต่แขวนให้ชาวบ้านได้ชื่นชมกันก่อนในมุมของจัตุรัสนั้นด้วย เจ้าหญิงออกมาประกาศว่าตนไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในจัตุรัสแต่ประการใด เนื่องจากเวลานั้นเธอเข้าไปจำอารามแสวงบุญในโบสถ์ ทว่ามีพยานมากมายที่เห็นเจ้าหญิงออกมาพูดคุยกับคนที่ชมผ้าปักของเธอ ในวันเวลาเดียวกับที่เธออ้างว่าอยู่ในโบสถ์นั่นเอง
ไม่ช้า เจ้าหญิงก็ไม่อาจแก้ต่างให้ตนเองได้อีกต่อไป เธอเก็บผ้าปักและร่องรอยทุกอย่างเกี่ยวกับตนเองจนหมดสิ้น และเดินเรือไปยังอาณาจักรบนเกาะแสนไกล ไม่ว่าผู้ใดส่งสารเวทมนตร์ไป เธอก็เก็บเงียบไม่ตอบถ้อยคำ
เรื่องของเธอยังเป็นที่โจษจันกันในจัตุรัส ขณะที่สมาคมไล่เก็บผ้าปักของเจ้าหญิงซึ่งถูกส่งไปจนทั่วอาณาจักร และเรื่องราวนั้นก็เริ่มแผ่วซา จนกระทั่งโทรลตัวหนึ่งถือกิ่งไม้เน่าเดินทางเข้ามาถึงจัตุรัสนี้
โทรลนั้นชูกิ่งไม้ขึ้นต่างดาบ และประกาศก้องอย่างอัศวินว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าหญิง ต่อสู้กับสมาคมปักผ้าอันไม่เป็นธรรมให้จงได้!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
- - - - -
ตอนต่อไป "โทรลอยากเป็นผู้กล้า"
ก่อนอื่น เราควรจะทราบพื้นเพของโทรลเสียก่อน
โทรลเป็นอมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำ โทรลชอบฟังเสียงอึกทึกและเปล่งเสียงของตน จึงมักชอบที่ชุมนุม และมีเหตุผลเฉพาะของโทรล ซึ่งกว้างขวางและลึกล้ำเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจ
โทรลตนนี้ขึ้นมาจากหนองน้ำเช่นกัน บังเอิญว่าหมู่บ้านเล็กๆ อันอบอุ่นและรักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนพี่น้องซึ่งเป็นที่ที่โทรลมักไปสังสรรค์นั้นถูกตัดขาดเส้นทางด้วยน้ำท่วม โทรลจึงได้เข้าเมืองใหญ่นี้มา จนได้รู้ข่าวเรื่องเจ้าหญิงที่ถูกกล่าวหาในจัตุรัส
โทรลนั้นได้กล่าวถึงกฎหมายของสากลอาณาจักรทั้งมวล และบอกว่า "การลอกลายปักผ้าเพียงพื้นที่ 5-6 ตารางนิ้วนั้นไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ลอกลายที่สำคัญของผืนผ้า"
ทว่าชาวบ้านร้านตลาดข้องใจกับหลักการนี้ และได้นำตัวอย่างการเทียบลายที่มีผู้ทำไว้ในอีกอาณาจักรเมื่อห้าปีก่อนมาแสดง จนกระทั่งโทรลต้องยอมรับว่าการลอก 5-6 ตารางนิ้วนั้นก็ถือเป็นความผิดเช่นกัน
กระนั้น โทรลยังไม่ยอมแพ้ เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่าสมาคมจะกล่าวหาว่าเจ้าหญิงลอกลายผ้าปักในครั้งนี้ และลงโทษเจ้าหญิงได้อย่างไร ในเมื่อปราศจากหลักฐานพิสูจน์ต่อสาธารณชน
ดังนั้น โทรลจึงกล่าวอ้างว่าเหตุผลที่แท้จริงที่สมาคมขับไล่เจ้าหญิง เป็นเพราะเจ้าหญิงไปจาบจ้วงราชินีซึ่งมีอิทธิพลมากกว่านั่นเอง!
โทรลเรียกร้องหาหลักฐานกลางจัตุรัสนั้น พร้อมกับนำคำบรรยายยาวเหยียดของลายปักผ้าแต่ละผืนที่มีปัญหามาร่อนให้อ่านกลางจัตุรัส พร้อมกันนั้นก็เปิดทอล์กโชว์แสดงความเห็นของตนว่าเจ้าหญิงนั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจใสบริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาร้าย เป็นแต่หัวรั้นตามแบบฉบับของนางเอก และกระทำทุกอย่างลงไปด้วยความป้ำๆ เป๋อๆ เท่านั้นเอง
ผู้คนที่ฟังการทอล์กโชว์ของโทรลล้วนแต่ส่ายหน้า เพราะโทรลนั้นเก็บข้อมูลมาไม่ครบ กระทั่งไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทั้งร่างแยกและร่างยืมของอัศวินล้วนพูดด้วยเสียงของเจ้าหญิงเช่นกัน
ในด้านหลักฐานนั้น มีคนที่อาสาจะช่วยเทียบลายผ้าปักผืนหนึ่งของเจ้าหญิง กับอีกผืนของราชินีอีกพระองค์ซึ่งมีผู้ลือว่าเจ้าหญิงลอกลายกันเช่นกัน ทว่าคนคนนั้นคนเดียวย่อมพิสูจน์ทุกอย่างไม่ได้ จึงมีผู้ที่เรียกร้องให้โทรลที่ต้องการเห็นหลักฐานมาร่วมลงแรง หรือลงเงินค่าผ้าปักที่จะนำมาเปรียบเทียบกัน
ทว่าโทรลกลับบอกว่าสมาคมปักผ้าต่างหาก ที่ควรจะลงทุนในการตรวจสอบ แม้จะมีผู้แย้งว่าในกาลก่อน คนที่ถูกกล่าวหาว่าลอกลายผ้าบางคนนั้นถึงกับนำแบบร่างลายผ้าบนกระดาษมาปกป้องความบริสุทธิ์ของตน ขณะที่เจ้าหญิงต่างหากเงียบเฉยหายไป เมื่อมีผู้ร้องขอหลักฐานว่าเธอไม่ได้ลอกลายผ้า
โทรลได้อ้างต่อไปว่าเขาได้นำหลักฐานมาแล้ว คือคำบรรยายลักษณะผ้าแต่ละผืน นั่นทำให้มีผู้มุงดูวิจารณาว่าโทรลมีสติดีหรือไม่ ซึ่งโทรลก็ยิ้มรับอย่างยินดี
โทรลยังได้อ้างว่าที่ต้องพิสูจน์นั้น นอกจากจะเป็นเพราะห่วงใยเจ้าหญิงผู้ป้ำๆ เป๋อๆ แล้ว โทรลยังห่วงใยต่อสมาคมปักผ้า ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายในการใช้ไฟเวทมนตร์เผาทำลายผืนผ้าเหล่านั้น ทว่าต่อมา โทรลก็ไม่พูดถึงความข้อนี้อีก เมื่อมีผู้แย้งว่าสมาคมปักผ้าย่อมเล็งเห็นว่าต้องปกป้องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของตน ซึ่งมีค่ามากกว่าตัวเงินเหล่านั้น จึงได้ทำลายผ้าของเจ้าหญิงที่ทำผิดไปเสีย
และแม้จะมีคนมาแย้งว่าสมาคมปักผ้าได้พิสูจน์และลงโทษเจ้าหญิงไปแล้วอย่างเงียบๆ แต่ไม่นำผลออกมาประจานตัวเจ้าหญิงเอง โทรลก็บอกว่านั่นเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น และกล่าวถามคนในจัตุรัสด้วยเสียงก้องกังวานทั่วกันอย่างเหลืออดเหลือทน
"ไยพวกเจ้าจึงเกลียดเจ้าหญิงนัก"
แน่นอนว่าไม่มีใครตอบว่าเกลียดเจ้าหญิง ทว่าหลายผู้คนรังเกียจการกระทำผิดซ้ำซากของเจ้าหญิงต่างหาก
โทรลพยักหน้ารับคำตอบเหล่านั้น และตอบอย่างดีใจ ว่าหากวิญญาณของเจ้าหญิงรู้เข้าก็คงจะสบายใจเช่นกัน
นั่นทำให้คนทั้งจัตุรัสตะลึงงัน!
เจ้าหญิงด่วนตัดช่องน้อยแต่พอตนไปเสียแล้วละหรือ
อย่างไรก็ดี เรื่องนั้นเป็นอันตกไป เมื่อมีผู้รู้บอกว่าเจ้าหญิงเพียงแต่ล่องเรือไปยังอาณาจักรเกาะแห่งความฝันเพื่อพักผ่อนฟื้นฟูจิตใจ หาได้ข้ามแม่น้ำปรภพหนีทุกสิ่งไปอย่างใด
ด้านโทรลไม่กล่าวอันใดกับเรื่องนั้นอีก ทว่าบอกว่าควรมีการนำผ้าปักของเจ้าหญิงมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนในจัตุรัส เพื่อจะพิสูจน์ว่ามีการลอกลวดลายหรือไม่ ทั้งโทรลยังได้หัวเราะเฮอะๆ เยาะหยามคนที่บอกว่าเคยเห็นผ้าผืนที่มีปัญหามาแล้ว และบอกว่าเหมือนกับผ้าของราชินี โทรลเสียดสีคนผู้นั้นว่าเขาบอกได้ว่าผ้าเหมือนกันมาก แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าลอกลวดลายมาหรือไม่
ชาวบ้านร้านตลาดพากันแย้ง เนื่องเพราะผ้าผืนใดที่สมาคมปักผ้ารับไปประดับในโถงสมาคม หรือเจ้าของผืนผ้ามิได้เอามาประดับในจัตุรัสนั้นเอง ผู้ใดขืนนำมาเผยในจัตุรัสโดยที่ผู้ปักไม่ยินยอมถือว่ามีความผิดตามกฎหมายบ้านเมือง จึงมีผู้แนะนำให้โทรลไปขออนุญาตจากสมาคมปักผ้าก่อน
ทว่าคนส่วนมากพากันระอาและเหนื่อยหน่ายโทรล ซึ่งพูดไปก็เกลือกกลิ้งไปกับพื้นจัตุรัสจนเลือดกลิ่นสาบซึมแดงฉานด้วยความคันตัวตามวิสัยโทรล แลเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก จึงพากันคิดเห็นว่าควรจะเลิกโยนเศษอาหารให้โทรลกินไปตอบไปตามธรรมเนียมโทรล ซึ่งเมื่อปราศจากอาหารแล้วก็จะล่าถอยลงหนองน้ำไปขุดเลนกินเช่นเดิม
ด้านเจ้าหญิงซึ่งโทรลพิทักษ์ยังคงเงียบหาย เมื่อมีผู้ถามว่าโทรลยอมเสียสละสิ่งใดบ้างเพื่อพิทักษ์เจ้าหญิงเยี่ยงธรรมเนียมผู้กล้า โทรลก็บอกว่าตนจะไม่สละสิ่งใด แต่ย้ำว่าฝ่ายผู้กล่าวหาเจ้าหญิง (ซึ่งที่แท้ก็คือสมาคมปักผ้าที่มีการพิสูจน์และลงทัณฑ์กันในสมาคมกันเรียบร้อยแล้ว) ต่างหากที่ต้องแสดงหลักฐาน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าชาวบ้านชาวเมืองที่ตามติดเรื่องนี้มาแต่ไม่ได้กล่าวหาเจ้าหญิง จึงได้เบื่อหน่ายเอือมระอาจนถึงขีดสุด และค่อยๆ ร้างลาไปจากมุมที่โทรลอยู่ในจัตุรัส แม้ว่าโทรลจะคร่ำครวญต่อไป ว่าไม่ว่ามันจะชักสายธารใดๆ แห่งจักรวาลมา ก็ไม่อาจปกปักผืนผ้าอันสวยงามของเจ้าหญิงที่จะต้องมอดไหม้ในกองเพลิงได้ และความพยายามหลายปีของเจ้าหญิงซึ่งประสงค์จะกลับมายืนเป็นนางงามเคียงคู่กับราชินีที่เธอชื่นชม (และลอกลายปักผ้ามาใช้ในลายของตนด้วยความชื่นชมหาที่เปรียบไม่ได้) ก็ย่อมมอดไหม้เป็นภัสมธุลีไปเช่นกัน
ทุกสิ่งที่โทรลทำลงไปเป็นเพราะโทรลต้องการเป็นผู้กล้า เปลี่ยนฉากจบอันหม่นหมองนี้ให้แจ่มใส เป็นความปรารถนาอันบริสุทธิ์ของโทรลจากหนองน้ำเท่านั้นเอง
อนิจจา ในขณะที่เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมานี้ โทรลอธิบายพลางแถกไถตามธรรมเนียมโทรลมาเนิ่นนานเกินไป เลือดของโทรลไหลนองตามพื้นหินลงสู่ท่อระบายน้ำ ร่างกายของมันยิ่งผอมซูบเซียวลงเมื่อขาดผู้ให้น้ำและอาหาร แต่มันก็ยังหยัดยืนอยู่ด้วยความต้องการเป็นวีรบุรุษ สุดท้ายโทรลก็จบบทคร่ำครวญอย่างวีรบุรุษของมันลงพร้อมกับลมหายใจ และซากแห้งเหี่ยวเป็นที่น่าสังเวชกลางจัตุรัส
โดยที่เจ้าหญิงซึ่งโทรลพยายามปกป้องไม่ได้รับรู้....หรืออาจจะกำลังมองผ่านลูกแก้วของแม่มดที่อาณาจักรเกาะเดียวดายไปพลางแช่งชัก ที่โทรลทำให้เรื่องฉาวของเธอแพร่กระจายออกไปแทนที่จะจบลงอย่างเงียบๆ โดยเร็วที่สุด โดยไม่ได้ร้องขอเลยแต่อย่างใดก็เป็นได้
- อวสาน (ในความฝัน) -
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
...คนเขียนปวดตา ปวดนิ้ว และปวดตับเป็นที่ยิ่งกับเรื่องทั้งหมดมากแล้ว @_@ ขอท่านผู้อ่านคิดเอาเองเถิด ว่านิทานเรื่องนี้สอนว่าอะไร
แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 54 19:50:32
แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 54 18:44:41
แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 54 18:43:45
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
26 เม.ย. 54 16:49:14
|
|
|
|