ก่อนอื่นต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ ที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนบทนำ ผมขอรับผิดทุกประการครับ
....................
บทนำ
บุรุษหนุ่มทอดกายลงบนเตียงนอนนุ่มซึ่งปูผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดที่เพิ่งซักใหม่ ทำให้ได้กลิ่นแดดอ่อนๆ หลังจากกลับมาจากร้านอาหารของเขาเป็นเจ้าของกิจการด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ก่อนที่จะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟบนลิ้นชักไม้ข้างเตียงนอน
ไม่นานนัก ติระ ติณรักษ์ก็จมดิ่งสู่ห้วงแห่งนิทรารมย์ แล้วพบว่าตนเองยืนอยู่ในลานดินกว้างภายใต้ต้นโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา บุรุษหนุ่มรับรู้ในทันทีว่าที่นี่คือวัดสักแห่ง
มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันขวักไขว่ โดยมากจะเป็นผู้สูงอายุทั้งหญิงชาย ในมือหิ้วปิ่นโตคนละเถา ส่วนน้อยที่จะเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวซึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด อย่างที่เขาเคยเห็นเฉพาะในละครย้อนยุคไปสักยี่สิบสามสิบปี…ทั้งหมดเดินผ่านเขาไปโดยไม่มีท่าทีที่จะตอบคำถามของติระที่ว่า ‘ที่นี่ที่ไหน’ ราวกับบุรุษหนุ่มใบหน้าคมสันเป็นเพียงอากาศธาตุ
หูของติระได้ยินเสียงเพลงซึ่งบรรเลงโดยเครื่องดนตรีไทยมาจากเบื้องหน้า มันค่อนข้างชัดเจน ทำให้มั่นใจอยู่ไม่ไกลจากลานดินนี้ เขาจึงตัดสินใจเดินตามเสียงเพลงนั้นมา ก็พบศาลาหลังหนึ่ง คล้ายศาลเจ้าที่สร้างด้วยไม้ และมุงหลังคาด้วยสังกะสีอย่างง่ายๆ ด้านหน้ามีผู้คนนับสิบมุงดูมหรสพบางอย่างที่น่าจะเป็นการรำแก้บน
“คราวนี้ถูกหวยหรือว่าได้ลูกล่ะ” บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งหันมาถามสตรีอายุรุ่นราวคราวเดียว ซึ่งหล่อนน่าจะเป็นภรรยาหรือไม่ก็เพื่อนบ้าน
“คนกรุงเทพฯ เขาได้ลูกสาวก็เลยจ้างนางรำของแม่ครูประยงค์มาแก้บน” หล่อนตอบคำถาม พร้อมกับเสริมว่า “เดี๋ยวนี้กิตติศัพท์เจ้าแม่หวีเกศดังไปถึงทางใต้แล้วนะ ไม่ใช่แค่อยุธยาบ้านเรา…เมื่อวันก่อน มีคนจากยะลานั่งรถมาถึงที่นี่เชียวล่ะ”
บุรุษหนุ่มได้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย…ที่นี่ คือวัดแห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่หวีเกศ อยู่ที่จังหวัดพระศรีอยุธยา
“ดูนั่นสิ! นางเดือนออกมาแล้วโว้ย!” ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น ทุกคนต่างก็พยามยามชะเง้อชะแง้มองเข้าไปภายในศาลาด้วยความสนใจใคร่รู้ ฝ่ายติระก็เช่นเดียวกัน บุรุษหนุ่มจึงพยายามเบียดแทรกฝูงชนเข้าไป และพบว่ามันช่างง่ายดายเหลือเกิน เพราะเพียงเสี้ยววินาที เขาก็ยืนบนบันไดขั้นแรกของศาล ซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดแล้ว
บุรุษร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้มกวาดสายตาสำรวจด้านในซึ่งมีรูปปั้นผู้หญิงโบราณขนาดเท่าคนจริงในอิริยาบถยืน ห่มสไบสีทอง นุ่งผ้านุ่งสีแดง สวมสร้อยคอ กำไลข้อมือและเข็มขัดทองคำแท้ประดับทับทิมบนฐานปูนสูงสักหนึ่งเมตรครึ่งคล้ายกับอนุสาวรีย์ เบื้องล่างมีกระถางธูปทองเหลืองกระดำกระด่างขนาดใหญ่ที่มีธูปปักอยู่เต็มส่งควันคละคลุ้ง อีกทั้งพวงมาลัยดอกไม้ปลอม และกำดอกไม้สด บ้างดาวเรือง บ้างกล้วยไม้ บ้างเก็บมาจากบ้านของตนเอง นอกเหนือจากนั้น คือสไบและผ้านุ่งหลากหลายลวดลายและสีสันวางซ้อนทับสูงอยู่บนพานที่ตั้งเรียงราย ตลอดจนอาหารคาวหวาน ผลหมากรากไม้ที่ผู้มีศรัทธานำมาเซ่นสรวง
แต่สิ่งที่ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจ คือดรุณีวัยกำดัดสี่คน แต่งกายเหมือนกัน คือห่มสไบปักสีเหลืองทอง นุ่งผ้านุ่งเยียรบับพื้นสีแดง หากลวดลายเป็นสีทอง ด้านหน้าพับเป็นทบยาวหลายทบ อย่างที่เรียกว่าจีบผ้าหน้านาง สวมเครื่องประดับทอง อันประกอบด้วยชฎา กรรเจียกจร ทับทรวง พาหุรัด(กำไลต้นแขน) ทองกร(กำไลข้อมือ) กำไลเท้า และเข็มขัด ในมือถือกิ่งไม้ประดิษฐ์ที่มีใบเป็นใบโพธิ์ มือซ้ายเป็นกิ่งสีเงิน ส่วนมือขวาเป็นกิ่งสีทอง…บุรุษหนุ่มเคยรับชมการแสดงชุดนี้มาก่อน มันคือฉุยฉายกิ่งไม้เงินทอง…หล่อนเหล่านั้นร่ายรำไปพร้อมกับการบรรเลงดนตรีของวงปี่พาทย์ด้านข้างศาลาด้วยท่วงท่าอันอ่อนช้อย แสดงทำเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
หากผู้ที่โดดเด่นที่สุด และน่าจะได้รับการสนใจจากผู้ชมมากที่สุด คือนางรำคนที่สามนับมาจากด้านซ้ายมือ หล่อน ‘น่ามอง’ กว่าหญิงสาวคนอื่น ด้วยดวงหน้าที่หมดจดงดงามที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าไร้ตำหนิ นัยน์ตาสีดำขลับเปล่งประกายราวกับนิลน้ำงาม ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อปานดอกบัวแย้มกลับรับแสงแห่งอรุณรุ่ง อีกทั้ง ผิวพรรณวรรณะที่ผุดผ่องเป็นยองใยอย่างผู้ที่ได้รับการบำรุงดูแลมาเป็นอย่างดี
เมื่อหญิงสาวสบตากับติระ หล่อนก็ทิ้งกิ่งไม้เงินกิ่งไม้ทองลงไปกองบนพื้นอย่างไม่อินังขังขอบ ครั้นแล้วก็เดินตรงมาที่บุรุษหนุ่ม ปล่อยให้นางรำที่เหลือทำหน้าที่ต่อไป เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเขา หล่อนก็สิ่งยิ้มละมุนละไมให้ ติระถึงแก่หัวใจเต้นโครมคราม เมื่อได้เห็นความสวยของหญิงสาวแบบเต็มตา จากนั้นหล่อนก็คว้าข้อมือเขา ก่อนที่จะนำพาติระผ่านฝูงชนมาอย่างง่ายดายเช่นเดิม
ทั้งสองมายืนอยู่ที่ท่าน้ำที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับลานดินกว้างอย่างรวดเร็วราวกับหายตัวมา หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวานขึ้นว่า
“ดีใจที่ได้พบคุณเสียที”
ติระขมวดคิ้วอย่างฉงนสนเท่ห์ อีกใจหนึ่งก็ยังตื่นเต้นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันใด
“ฉันชื่อเดือนอ้าย…ส่วนคุณ…ติระ”
เขาไม่ทันได้แนะนำตัวเอง หญิงสาวก็รู้จักชื่อบุรุษหนุ่มเสียแล้ว
“คุณตามหาผมเหรอ”
ดวงหน้าเรียวงามพยักน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับ
“คุณเป็นใคร ทำไมต้องตามหาผม เราไม่เคย…รู้จักกันมาก่อน”
“คุณจะเป็นคนช่วยฉันให้ได้ไป…” ฝ่ายนั้นพูดไม่จบประโยค
ไปไหน?… บุรุษหนุ่มครุ่นคิด
“ผมจะช่วยคุณให้ได้ไป…คุณอยากจะไปไหน เผื่อผมพาคุณไปได้”
เดือนอ้ายไม่ไขข้อสงสัยของอีกฝ่าย แต่ยังคงย้ำคำเดิม
“คุณต้องช่วยฉัน ฉันจะได้ไปสักที”
แสงตะวันที่ส่องกระทบหญิงสาว ทำให้ติระมองเห็นดวงหน้าที่แต่เดิมมีเลือดฝาด รวมทั้งริมฝีปากสีชมพูอ่อนค่อยๆ ซีดเผือดลง เหมือนกับว่าโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายถูกสูบหายไป
ท้ายที่สุด จากความงดงามก็แปรเปลี่ยนเป็นความน่าสะพรึงกลัว เมื่อเส้นเลือดสีเขียวคล้ำเริ่มแตกแขนงมาจากด้านข้างไปทั่วทั้งใบหน้า ดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงฉานคล้ายจะระเบิดออกมาจากเบ้าตา ติระก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างไม่มั่นใจ
วินาทีนี้…หล่อนไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป!
เดือนอ้ายกุมมือบุรุษหนุ่ม มันเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งจนต้องรีบสะบัดออกทันที
“ฉันทรมาน…คุณต้องช่วยฉัน…ต้องช่วยฉัน…ฉันไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว…ข้างล่างมันหนาว หนาวเหลือเกิน…หนาวจนคุณก็คงทนไม่ไหว” หญิงสาวพร่ำเพ้อด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนทำให้บุรุษหนุ่มขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
"สัญญาสิ ว่าจะช่วยฉัน! สัญญา! สัญญาเดี๋ยวนี้!" เดือนอ้ายขู่กรรโชก ความเป็นผู้หญิงอ่อนหวานหมดสิ้น
ติระแทบที่จะกลืนน้ำลายลงคอไม่ทัน เขาตอบรับอย่างไม่เต็มน้ำเสียงนัก
"สะ...สัญญา...ผมจะช่วย"
หญิงสาวหัวเราะหึๆ ในลำคอ จากนั้นหล่อนก็ยิ้มให้กับเขา แต่ครั้งนี้ผิดแผกจากรอยยิ้มแรกที่ติระได้รับ เพราะมันช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“กลัวฉันเหรอ…อย่ากลัว…” หล่อนพูดอย่างมีเลศนัย "ฉันรู้ คุณชอบฉัน..."
ครั้นแล้ว เดือนอ้ายก็หย่อนตัวลงในแม่น้ำ ก่อนที่จะหายไปต่อหน้าต่อตา ผิวน้ำยังคงนิ่งเรียบ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แล้วเสียงกรีดร้องโหยหวนของหญิงสาวก็ก้องไปทั่วทั้งนภากาศ
ก่อนที่บุรุษหนุ่มจะสะดุ้งตื่นขึ้น แสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอน เป็นสัญญาณว่าวันใหม่ และชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น…
.................
บทที่ 1 (ครึ่งแรก) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10498629/W10498629.html
บทที่ 1 (ต่อ) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10499338/W10499338.html
แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 54 00:42:03
แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 54 18:26:42
แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 54 02:51:18
แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 54 02:41:39
แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 54 02:40:14