การล่มสลายของเมืองที่ความรักไม่มีทางเยียวยา (ตอนพิเศษของโทรลนิยาย)
|
 |
การล่มสลายของเมืองที่ความรักไม่มีทางเยียวยา
ท่านเอย ข้าฯ คือกวีพเนจร
ข้าฯ ท่องไปตามใจนึก เพื่อขับขานลำนำในเมืองต่างๆ
มีผู้ฟังมากน้อยตามแต่เรื่องราว มีผู้ฟังมากน้อยตามแต่เมือง
มาวันนี้ ข้าฯ จะเล่าถึงเมืองเมืองหนึ่ง
นั่นเป็นเมืองเล็กอันอบอุ่นนัก
...อย่างน้อย ในความทรงจำของข้าฯ มันเป็นเมืองเช่นนั้น
เจ้าเมืองประสงค์ให้ทุกผู้คนที่เดินทางผ่านเข้ามาในเมืองนี้รู้สึกว่าที่นี่คือบ้านอันอบอุ่น แลทุกคนในเมืองรักใคร่กันอย่างน้องพี่
ข้าฯ เองก็เคยรู้สึกเช่นนั้น
ข้าฯ ขับขานลำนำ ท่ามกลางเหล่าผู้ฟัง แลได้พบพานมิตรสหายสนิท ตลอดจนนักกวีรุ่นพี่ ซึ่งข้าฯ เคารพรักจนถึงทุกวันนี้
แต่แล้ว วันหนึ่ง โทรลนั้นก็เข้ามา ร่างกายมันยังเปียกปอนจากหนองน้ำ มันทิ้งตัวลงบนพื้นหินเบื้องหน้าข้าฯ แลเริ่มกลิ้งเกลือก
เพลานั้นข้าฯ ขับลำนำบทหนึ่งใกล้จบสิ้นแล้ว โทรลนั้นขัดขึ้นพลางแถกไถ
"ข้าเพิ่งได้มาฟังลำนำของท่าน แต่ใคร่อยากเสนอบางสิ่ง ชื่อวีรบุรุษของท่านมิควรเป็น XX แต่ควรเป็น XXXX ต่างหาก"
ข้าฯ งุนงง ไยโทรลจึงคิดเช่นนั้น
"ชื่อ XX ทำให้ข้านึกถึงคนจรหมอนหมิ่น"
ทว่าชื่อที่โทรลเสนอให้นั้นยาวเกินไป ข้าฯ ตอบมันไป ว่าข้าฯ มิอาจเปลี่ยนชื่อตามนั้นได้ โทรลเพียงตอบรับเรียบๆ โดยมิว่ากระไร
แลข้าฯ ก็ขับลำนำต่อไปจนจบสิ้น วีรบุรุษสามารถช่วยนางอันเป็นที่รักได้ ทว่าต้องแลกด้วยร่างกายของตน นางคืนชีพมาเพื่อเลี้ยงดูเขาซึ่งกลับกลายเป็นทารกน้อย
โทรลนั้นเอ่ยขึ้นมาอีก
"ข้าคิดว่าเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องความรักระหว่าง XX กับ YY จบเช่นนี้โศกเศร้าเกินไป"
ข้าฯ มิเข้าใจ
"ลำนำนี้ข้าแต่งขึ้นตามตำนานโบราณ ตอนจบในตำนานเป็นเช่นนี้เองท่าน แลข้าขอเคารพในตำนานเดิม"
"ท่านกวี ท่านต้องถามตนเองก่อนว่าท่านแต่งลำนำนี้เพื่อสิ่งใด แนะนำให้คนรู้จักตำนานเดิมหรือ นี่เป็นเรื่องของท่าน ท่านมีสิทธิ์แต่งบทจบเช่นไรก็ได้มิใช่หรือ"
ข้าฯ ยังมิเข้าใจเหตุผลของโทรล ทว่าข้าฯ เองก็ได้นึกถึงบทจบของลำนำในอีกรูปหนึ่ง ซึ่งวีรบุรุษแลนางอันเป็นที่รักได้ครองรักกันตามขนบอันดี ข้าฯ จึงได้ขับขานลำนำท่อนใหม่นั้นต่อ โทรลฟังด้วยความพอใจ
เพลานั้น ข้าฯ คิดว่าโทรลเป็นเพียงผู้มีความคิดแปลกประหลาด แลไม่ใคร่ชอบเรื่องโศกนาฏกรรมนัก
ข้าฯ ยังคงขับลำนำอยู่ในเมืองนั้นต่อไป ในลำนำเรื่องต่อมาของข้าฯ หญิงงามผู้มีความรักต่อนักรบถูกบังคับให้แต่งงานกับราชันผู้ข่มเหงนาง แลไม่ช้านางจะมีบุตร ซึ่งเป็นวีรบุรุษในลำนำของข้าฯ ต่อไป
โทรลนั้นแย้งขึ้นมา
"ข้าไม่เห็นด้วยที่หญิงงามถูกข่มเหง นั่นเพราะลำนำต้องเป็นสิ่งที่เด็กเล็กเด็กน้อยฟังได้ ตามตำนานโบราณเวลาจอมมารจับเจ้าหญิงไว้ ก็มักจะขังไว้ในหอคอยรอพิธีแต่งงาน ท่านเปลี่ยนให้หญิงงามไม่ถูกข่มเหง ราชันมิได้ล่วงเกินนางเพราะกลัวคำทำนายมิได้หรือ"
ท่านเอย ข้าฯ ทราบว่าเรื่องนี้โหดร้ายนัก ทว่าข้าฯ ไม่อาจทำได้
"ไม่ได้หรอก ท่าน ข้าไม่เชื่อว่าลำนำต้องเป็นสิ่งที่ให้เด็กฟังได้ แลข้าแต่งลำนำนี้ขึ้นมาเพราะเชื่อว่าชีวิตมนุษย์หลีกเลี่ยงความทุกข์มิได้ ทว่าต้องเรียนรู้ที่จะผ่านมันไปเพื่อมีความสุขให้ได้ต่างหาก"
โทรลพยักหน้า แลไม่แย้งข้าฯ อีก
ภายหลังนั้น โทรลมิให้คำแนะนำกวีใดอีกเลย ทว่ามักออกความเห็นที่...ไม่ใคร่เป็นที่เข้าใจของมนุษย์นัก ในลำนำของกวีรุ่นพี่ที่ข้าฯ ชื่นชมผู้หนึ่ง นางขับขานถึงการสลายมนตราเป็นหยดน้ำสีดำคืนสู่พระแม่ธรณี โทรลซึ่งฟังอยู่ได้เอ่ยขึ้นมาว่า
"น้ำนั้นซ่าเหมือนกับน้ำหวานอันเกิดจากการแปรธาตุของจอมเวทหรือไม่"
ครั้นแล้ว โทรลก็หัวเราะ แลออกความเห็นฟุ้งซ่านของตนไปเรื่อยๆ ทุกบททุกตอน จนกระทั่งกวีผู้นั้นมิอาจทนได้ แลเลิกขับขานลำนำที่นี่เสีย เพียงขับขานต่อไปในเมืองใหญ่อีกแห่งเท่านั้น
ข้าฯ ได้สนทนากับชาวเมืองเดิมในเมืองเล็กนั้นเป็นการส่วนตัว กระทั่งทราบว่านี่มิใช่กวีคนแรกที่ตัดสินใจจากเมืองไป ทว่ายังมีคนก่อนหน้าอีกมากมายนัก ซึ่งกระทำเช่นเดียวกันด้วยเหตุนานัปการ โดยอาจมีการมาถึงของโทรลนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งด้วย
ข้าฯ ยังคงรั้งอยู่ต่อไป แลบังคับตนเองให้ปลงชีวิตกับความเห็นของโทรล นั่นเพราะข้าฯ บอกตนเองว่าโทรลมีเหตุผลที่กว้างขวางราวกับมหาสมุทร แลลึกซึ้งยิ่งกว่าเหวสะดือโลก ลางทีมนุษย์คงมิได้ถูกกำหนดให้เข้าใจ ลางทีข้าฯ คงถูกกำหนดให้รับการทดสอบความอดทนผ่านทางมัน
ทว่าการไม่สนใจโทรลซึ่งทำให้พื้นจัตุรัสเมืองเล็กสึกลงไปเป็นแอ่ง แลขังด้วยเลือดกลิ่นสาบสางของมันนั้นยากยิ่งนัก ข้าฯ โกรธกริ้ว...ท่านเอย ข้าฯ ขอยอมรับอย่างไม่อาย เมื่อได้ยินคำที่โทรลเอ่ยต่อบทจบลำนำโศกเศร้า ซึ่งเพื่อนของข้าฯ เป็นผู้ขับร้อง
โทรลร้องต่อลำนำนั้น ให้สตรีซึ่งสละชีวิตเพื่อปกป้องบุรุษในลำนำบทนั้นฟื้นขึ้นมาเป็นแวมไพร์
ข้าฯ โมโหจนควบคุมตนเองไม่ได้...ท่าน ข้าฯ ...ต่อลำนำท่อนนั้นไป ให้หญิงแวมไพร์กระโจนเข้ากัดคอสิ่งมีชีวิตซึ่งดูเหมือนโทรล แลทำให้มันกลายเป็นทาสของนาง
มิตรของโทรลแต่งลำนำนั้นต่อ ทว่าเป็นอย่างใดข้าฯ จำมิได้เสียแล้ว โทรลดูเหมือนจะไม่เข้าใจ...หรือมิเช่นนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ว่าข้าฯ รู้สึกเช่นไรต่อมัน
ข้าฯ กับเพื่อนยังได้แต่เก็บความขึ้งโกรธอยู่
เพลาหนึ่ง ข้าฯ แต่งลำนำสั้นๆ หนึ่งบท เกี่ยวกับเด็กชายแลหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งต้องเสียชีวิตในวัยเยาว์ ในฐานะเครื่องมือทำสงครามของผู้ใหญ่
ข้าฯ คงมิอาจทนได้ หากว่าโทรลแต่งบทจบพิเรนทร์ๆ ให้แก่ลำนำซึ่งข้าฯ หวงแหนบทนี้ ข้าฯ จึงได้รีบเอ่ยไว้เมื่อขับลำนำจบว่า ขอให้ใครอย่าได้แต่งเรื่องนี้ต่ออีกเลย
กระนั้น โทรลยังคงออกความเห็นอยู่ในแอ่งเลือดของมัน ว่าเด็กหญิงซึ่งจำต้องฆ่าเด็กชายนั้น ควรใช้อาวุธเช่นเดียวกับที่พวกกบฏใช้ในฟากหนึ่งของอาณาจักร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ข้าฯ แทบไม่อาจทนไหวแล้วท่าน
ใกล้เพลานั้น ในอีกมุมของจัตุรัสซึ่งมีไว้แลกเปลี่ยนข่าวสาร คนผู้หนึ่งได้นำข้อปฏิบัติจากนักแปรธาตุ ว่าด้วยอาหารบำรุงร่างกายมาเผยแพร่
ในนั้นมีข้อมูลอันแปลกประหลาดหลายส่วนนัก ท่าน ...เช่นการสนับสนุนให้ใช้ไขจากสัตว์ร่างอ้วนนามซุสมาปรุงอาหารแทนน้ำมันพืช กินไข่ของสัตว์ปีกนามกัลลัสวันละสามฟองเพื่อลดโรคไดอะบีติส แลดื่มน้ำนมซึ่งคั้นจากเนื้อผลโคโคส นูซิเฟรา แทนที่น้ำนมของสัตว์เคี้ยวเอื้องมีเขาชื่อบอส พริมิจิเนียสซึ่งดื่มกันโดยแพร่หลาย โดยอ้างว่าในน้ำนมโคโคส นูซิเฟราซึ่งที่แท้มีไขมันมากกว่านั้น มีธาตุที่บำรุงกระดูกมากกว่าน้ำนมตัวบอส แลช่วยลดโรคไดอะบีติสลงได้ด้วย
ข้าฯ ไม่เข้าใจว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นความจริงไปได้เยี่ยงไร
ข้าฯ ไม่เข้าใจยิ่งกว่าว่าเหตุใดโทรลจึงป่าวร้องว่า "มาทำตามคำแนะนำของนักแปรธาตุกันเถิด" แทบในทันทีที่คนผู้นั้นเผยแพร่บทความ
ข้าฯ เข้าไปแสดงความเห็นแย้ง ค้นหนังสือแลการวิจัยของนักแปรธาตุต่างๆ มาจากหอสมุด ทุ่มเถียงแย้งกับโทรลเสียใหญ่โต ความรู้ของโทรลนั้นมิได้อยู่บนพื้นฐานของมนุษย์เสียจริง ท่าน แลแม้โทรลจะนำตำราวิจัยของนักแปรธาตุจากสมาคมที่มีชื่อเสียงมาอ้างอิง โทรลคงมิอาจอ่านได้แตกฉาน จึงตีความผลการวิจัยผิด แลกล่าวอ้างว่าข้อปฏิบัติของนักแปรธาตุเพียงผิดพลาด "เล็กน้อย" ที่มิได้บอกว่าให้บริโภคไข่กัลลัสวันละสามฟองในสูตรอาหารไร้แป้งเพื่อลดโรคไดอะบีติส ทั้งที่ข้าฯ ตีความภาษาต่างอาณาจักรนั้นได้ว่า การบริโภคไข่กัลลัสวันละสามฟอง ช่วยลดการอักเสบของแผลในหมู่ผู้ป่วยไดอะบีติสซึ่งบริโภคอาหารไร้แป้งต่างหาก
เอาเถิด ข้าฯ มิควรทำให้พวกท่านเบื่อหน่ายด้วยข้อมูลวิชาการเหล่านั้นเลย สรุปโดยง่ายคือไม่ว่าข้าฯ จะโต้แย้งอย่างใด โทรลนั้นจักมีเหตุผลของโทรลตอบกลับมาเสมอ แม้ว่ามันจะดูไม่ใช่เหตุผลสำหรับมนุษย์ก็ตามที
โทรลนั้นยังได้เอ่ยถ้อยคำหนึ่งว่า
"ท่านนักกวี ท่านเคร่งเครียดมากไปหรือไม่ ชาวเมืองล้วนเป็นผู้มีความรู้ เขาไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ ดอก"
ข้าฯ นึกขันอย่างระทม ว่านี่คือคำพูดเดียวกับผู้ที่เชิญชวนให้มาปฏิบัติตามคำแนะนำของนักแปรธาตุในทีแรก!
อย่างไรก็ดี ข้าเริ่มเหนื่อยหน่ายที่จะโต้เถียง ยิ่งเมื่อคนผู้หนึ่งอาสาติดต่อนักแปรธาตุที่มีชื่ออยู่ในบทความ แลกลับมารายงานผลเพียงว่านักแปรธาตุเป็นคนที่น่ารักเป็นกันเองอย่างยิ่ง ส่วนเรื่องความถูกต้องในข้อปฏิบัตินั้นเชิญไปถามท่านนักแปรธาตุเองเถิด เพราะคนผู้นั้นไม่อาจรายงานได้ เดี๋ยวจักถูกหาว่าแปลงสาร
แลมีคนอีกผู้หนึ่ง บอกว่าข้าฯ ไม่ควรทุ่มเถียงด้วยภาษารุนแรงเยี่ยงนั้น...ซึ่งก็ไม่ได้แรงไปกว่าที่ข้าฯ กำลังบอกเล่าให้ทุกท่านฟังที่นี่ เพราะที่เมืองนี้เปรียบเสมือนบ้าน มีโทรลนั้นเป็นพ่อ มีผู้อาสานั้นเป็นแม่ คอยดูแลพวกเราทุกคนเหมือนพี่น้อง
ด้วยความเคารพ ท่าน ...ข้าฯ มีพ่อแม่แลคนที่ข้าฯ เคารพในฐานะนั้นอยู่ ทว่านั่นย่อมมิใช่โทรล แลข้าฯ จะเคารพใครเป็นแม่ของที่นี่ ย่อมมีแต่ท่านเจ้าเมืองเท่านั้น
เจ้าเมืองยิ้มแย้ม แลถือถาดขนมน่ารับประทานมาให้พวกเราที่กำลังทุ่มเถียงอยู่ด้วยตนเอง ข้าฯ ดีใจที่เจ้าเมืองรักสงบและเปี่ยมเมตตา กระทั่งยอมให้โทรลขึ้นจากหนองน้ำมาสังสรรค์เสวนาในเมืองเล็กๆ ของเรานี้ ทว่าท่านเจ้าเมืองคิดอย่างไรกันหนอ กับความรำคาญซึ่งโทรลสร้างให้แก่นักกวีแลชาวเมือง ซึ่งหลายคนตัดสินใจจะจากมาอย่างเงียบๆ แทนที่จะผลักดันให้โทรลจากไป...จากแอ่งเลือดที่กลางจัตุรัส ซึ่งเวลานี้เป็นที่ประจำของมัน แลมีขนมให้มันกินอิ่มหนำสำราญไม่เว้นวัน
สุดท้าย เมื่อลำนำซึ่งข้าฯ แต่งใกล้จบแล้วสิ้นสุดลง ข้าฯ จึงประกาศว่านี่คือลำนำบทสุดท้ายที่ข้าฯ จะขับขานในเมืองนี้ แลข้าฯ ก็เดินจากมา แวะเวียนขับขานลำนำบทใหม่ๆ ของข้าฯ เพียงในเมืองใหญ่สองสามเมืองเท่านั้น
ข้าฯ ยังคงคิดถึงเมืองเมืองนั้นอยู่ แลย้อนกลับไปเยี่ยมดูอย่างเงียบๆ เพียงนานๆ ครั้ง ข้าฯ เริ่มรู้สึกว่าตนเป็นคนแปลกหน้า ณ ที่นั่นยิ่งไปทุกที แม้ว่าจะมีความทรงจำอันดีมากมายต่อเมืองเล็กๆ แห่งนี้
ข้าฯ ควรจบลำนำของข้าเสียแต่ตรงนี้ ทว่าเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ท่าน ที่ข้าฯ พบสิ่งผิดปรกติ
โทรลนั้นมาปรากฏที่จัตุรัสของเมืองใหญ่
ใช่...ในทีแรกข้าฯ นึกว่าตนตาฝาด แต่แล้วข้าฯ ก็พบว่าเป็นโทรลนั้นจริง มันมาป่าวร้องว่าการลอกลายผ้า 5-6 ตารางนิ้วไม่ถือเป็นความผิด แลสมาคมปักผ้ากระทำการไม่เป็นธรรมที่ขับไล่เจ้าหญิงนักลอกลายผ้า ข้าฯ แลชาวเมืองอดรนทนไม่ได้ จึงเข้าไปแย้งมัน ทว่ามันก็ยังคงแถกไถต่อไป รุนแรงขึ้น แลใช้เหตุผลของโทรลมากขึ้นทุกทีๆ
ข้าฯ นึกสงสัย เหตุใดมันจึงไม่อยู่ในเมืองเดิม แต่เมื่อลองเดินทางไปยังเมืองเล็กนั้นก็พบความกระจ่าง...เส้นทางสู่เมืองเล็กถูกตัดขาดด้วยน้ำท่วม เจ้าเมืองได้สั่งให้ผู้คนอพยพไปเสียก่อน
โทรลนั้นจึงย้ายมายังเมืองใหญ่แทน คนเมืองใหญ่มิได้มีน้อยเหมือนคนในเมืองเล็ก แลมิได้เป็นมิตรต่อมันเท่า คนเมืองใหญ่แย้งมันอย่างมีเหตุผลแม้จะรุนแรง แลมันก็ยืนหยัดทุ่มเถียงต่อไป และต่อไป
ข้าฯ ไม่เข้าใจว่ามันจะปกป้องเจ้าหญิงนักลอกลายผ้าไปด้วยเหตุใด และเหตุใดมันจึงถึงแก่ยอมสละร่าง กลายเป็นวิญญาณสิงสู่ติดจัตุรัส ท่ามกลางความระอาของเหล่าผู้คนในเมืองนี้
อย่างไรก็ดี วันนี้ ข้าฯ ได้ข่าวมาว่าเส้นทางสู่เมืองเล็กหมดน้ำท่วมขัง แลสามารถเดินทางกลับไปที่นั่นได้อีกคราแล้ว ข้าฯ แอบหวังว่าโทรลนั้นจะหวนกลับไปในที่ของมัน
แต่ขณะเดียวกัน ก็อดหวังมิได้ว่าเจ้าเมืองจะทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ แลจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งกับโทรล ข้าฯ เข้าใจว่าท่านเจ้าเมืองเมตตาผู้ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองทุกผู้เสมอกัน ทว่าพระคุณเพียงอย่างเดียวย่อมไม่อาจปกครองใครได้ ย่อมต้องใช้พระเดชบ้างเช่นกัน
และแม้แต่ในครอบครัวเดียวกัน บางครั้งการแสดงแต่ความรักเอาอกเอาใจ ประนีประนอมกันก็ใช่จะดี มีบางคราที่จำต้องเด็ดขาดกันด้วยเหตุผล ด้วยหลักการ เพื่อให้ได้จบสิ้นปัญหา มิใช่ปล่อยให้ผู้มีพฤติกรรมสร้างความรำคาญต่อผู้อื่นเริงร่าต่อไปตามอำเภอใจ
ข้าฯ มิทราบว่าข้าฯ คิดผิดหรือถูก ข้าฯ มิใช่เจ้าเมือง เป็นแต่เพียงนักกวีซึ่งมองเห็นสิ่งใด ก็ขับลำนำเกี่ยวกับสิ่งนั้น นี่คือสิ่งที่ข้าฯ เห็นเกี่ยวกับเมืองเล็กๆ ในความทรงจำของข้าฯ แลโทรลซึ่งออกจากเมืองเล็กนั้นมาอาละวาดในเมืองใหญ่อีกแห่งที่ข้าสัญจร
ลำนำบทนี้จบได้หรือยัง...ท่าน ข้าฯ มิทราบว่ามันจบลงแล้วหรือไม่ ทว่าข้าฯ คิดว่าข้าฯ ควรจะพอเสียที แลบางที ท่านคงจะคิดว่าเรื่องยืดยาวทั้งหมดของข้าฯ ยังความรำคาญให้แก่พวกท่านมากกว่าสำราญใจ
ด้วยเกียรติแห่งกวี ข้าฯ สัญญาว่าเรื่องทั้งหมดที่ข้าฯ ขับขานนี้มีแต่ความสัตย์จริง แลข้าฯ ขออภัย หากได้ลบหลู่ดูหมิ่นผู้ใดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในลำนำบทนี้
แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 54 14:37:49
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
27 เม.ย. 54 13:36:29
|
|
|
|