ตอนที่ 35
ภูเมฆาเดินวนไปวนมาอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านพักของวริษาอย่างลังเล หลายครั้งที่เขาหยุดตรงหน้าประตูและ ทำท่าจะเคาะเรียนคนที่อยู่ข้างใน แต่ก็ไม่กล้า ถึงแม้ว่าที่เขาได้เห็น เธอดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรก็ตาม เขาก็ยัง อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เขาไม่อยากให้เธออยู่ตามลำพังคนเดียว ขณะกำลังคิด ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่าง ในชุดสีดำทั้งชุดของวริษาที่ก้าวออกมา
อ้าว เมฆ มาหาเราเหรอ
วริษาเอ่ยถามเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ไม้ตรงระเบียง ภูเมฆาเลยเดินตามไปนั่งด้วย เขาสังเกตว่า ดวงตาคู่เรียวของเธอยังบวมและช้ำอยู่เล็กอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่า หญิงสาวจะแต่งหน้าให้ดูเหมือนเป็นปกติมาก ที่สุดแล้ว แต่ก็ปกปิดแทบไม่ได้เลย เธอดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายไปในวินาทีใดวินาดูหนึ่งได้ทุกเมื่อ
เรา เป็นห่วงว่าน ก็เลยแวะมาหาน่ะ
ภูเมฆาบอกไปตามตรง
เราคงดูอ่อนแอน่าเป็นห่วงมากเลยใช่มั้ย แต่ครั้งนี้ มันไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อนหรอกเมฆ เรารู้สึกว่า เราทำใจ ยอมรับ อะไรๆ ได้มากขึ้น มองเห็นอะไรหลายแง่มุมมากขึ้น คงเป็นเพราะเราโตขึ้นแล้ว แล้วเราก็เคยผ่าน ความรู้สึกทุกข์ทรมานเจียนตายแบบนี้มาครั้งนึงแล้วด้วยมั้ง มันคงไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ
น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์กับแววตาที่อ่านไม่ออกว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วง ยิ่งกว่าเดิม
ว่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ว่านก็จะมีเราอยู่ตรงนี้เสมอนะ ว่านไม่ได้เผชิญกับปัญหาทุกอย่าง คนเดียว ให้เราได้แบ่งปันความทุกข์ใจจากว่านบ้างเถอะนะ
เขามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนที่สุด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือของเธอ คล้ายอยากจะส่งผ่าน ความรู้สึกห่วงใยที่มีทั้งหมดไปให้
เมื่อสิบปีก่อน เมฆก็คอยปลอบเราแบบนี้ แล้วก็ไม่เคยทิ้งเราไปไหน วันนี้ก็ยังเป็นเมฆที่อยู่กับเราเหมือนเดิม เรารู้สึกว่าเราเกิดมาโชคดีจริงๆนะ ที่มีโอกาสได้รู้จัก ได้เป็นเพื่อนกับเมฆ อย่างน้อยเมฆก็ไม่เคยทำให้เรารู้สึก เหมือนตัวเองไร้ค่าเลยสักครั้ง
ไม่เหมือนใครคนนั้น คนๆเดียวที่บางครั้ง เขาก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองสูงค่าสำหรับเขาเหลือเกิน ทว่า ก็เขาอีก นั่นแหละ ที่ทำให้เธอรู้สึกไร้ค่า ไม่มีความหมายอะไรต่อเขาเลย จนนึกอยากจะถามว่ายังมีหัวใจอยู่บ้างรึเปล่า จิตใจของเขาทำด้วยอะไร ถึงได้เลือดเย็นเพียงนี้ ?
อย่าคิดแบบนั้นสิว่าน ถ้าว่านหมายถึงเลิฟ เราคิดว่า ว่านไม่ได้ไร้ค่าในความรู้สึกของเลิฟหรอกนะ เรื่องที่เกิดขึ้น เราคิดว่าเลิฟคงมีเหตุผลที่จะอธิบายให้ว่านเข้าใจได้
นัยน์ตาของวริษาดูแข็งกร้าวขึ้นมาทันที เหมือนอยากจะปฏิเสธคำพูดของภูเมฆา
คงไม่มีวันนั้นอีกแล้วล่ะเมฆ เรื่องระหว่างเรากับเลิฟคงสิ้นสุดแค่นี้
ว่านโกรธ ที่เลิฟปิดบังเรื่องความสัมพันธ์ของคุณพ่อว่านกับแม่เลิฟ หรือ โกรธที่เลิฟเป็นลูกของคนที่มี ส่วนทำให้คุณแม่ของว่านต้องมาจากไป
คำถามตรงๆไม่อ้อมค้อมของเขา ทำเอาหญิงสาวต้องกำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่ หลากหลายของตัวเอง
เราก็ไม่รู้เหมือนกันเมฆ ว่าเรารู้สึกยังไงกับสิ่งที่เมฆถาม เรารู้ว่า เลิฟกับแม่ เป็นคนละคนกัน และเราไม่ควร ตัดสินเค้าจากการกระทำของแม่ แต่การที่เลิฟแกล้งทำเป็นไม่อยากรู้จักเรา แล้วอยู่ดีๆก็กลับมา ก็มาขอคืนดี ทำเหมือนยังรักเราเหลือเกิน มันคืออะไร สิ่งที่เค้าทำมันมีความจริงใจอยู่สักนิดบ้างมั้ย เปล่า ไม่มีเลย ทุกสิ่ง ทุกอย่างเราคิดเพ้อฝันไปเองคนเดียวทั้งนั้น เค้าเข้ามาใกล้ชิดเรา เพราะอยากรู้เรื่องที่เรากำลังคุยกับคุณโชติอยู่ ยังไงล่ะ ก็คงไม่แปลกหรอกที่เค้าจะทำเพื่อช่วยเหลือปกป้องแม่ของเค้า ก็เท่านั้นเอง เท่านั้นจริงๆ
วริษานึกแปลกใจ ที่เธอไม่ได้ร้องไห้อีก เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แบบนี้รึเปล่า ที่เรียกว่าเป็นความเจ็บปวดซะจน กลายเป็นความด้านชาในที่สุด ภูเมฆาทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เงียบ พูดไม่ออก เพราะเมื่อนึกย้อน กลับไปถึงวันที่เขาไปหากนต์รพีถึงคณะฯ เพื่อถามถึงเรื่องนี้ ก็ไม่มีคำตอบอะไรชัดเจนเช่นกัน พอถึงตอนที่เพื่อน ทั้งสองกลับมาคบกันอย่างเดิม เขาก็ไม่เป็นเหมือนคนนอก ที่ไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องราวอะไรเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งก็ เป็นเพราะเขาจงใจออกห่างมาเองด้วย และเรื่องที่เกิดขึ้นจะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน ที่คงมีแต่ เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ว่าอะไรเป็นอะไร
คุณเมฆ คุณว่านครับ ได้เวลาไปที่วัดแล้วนะครับ
เสียงธรรมโชติที่เดินมาตามถึงบ้านพักด้วยตัวเองดังขึ้นพร้อมๆที่ตัวเขาเดินมาถึงบริเวณหน้าบ้านพัก
แต่ปาล์มยังไม่มาเลย เดี๋ยวว่านขอตัวไปตามน้องก่อนนะคะ เมฆกับคุณโชติไปรอที่รถตู้ก่อนเลยก็ได้ค่ะ
วริษาบอกพลางลุกขึ้นชะเง้อมองไปทางบ้านพักของวิษุวัตซึ่งอยู่ข้างๆกัน
ผมรออยู่ตรงนี้กับคุณเมฆก่อน แล้วค่อยไปพร้อมกันก็ได้ครับ
ธรรมโชติพูดและหันไปมองภูเมฆาเป็นเชิงขอความเห็น ระหว่างนั้นเอง วิษุวัตก็เปิดประตูออกมาจาก ห้องพักและมองมาตรงที่ทั้งสามคนยืนคุยกันอยู่พอดี
ปาล์มออกมาแล้วว่าน ไม่ต้องไปตามแล้วล่ะ
ภูเมฆาบอกพลางกวักมือเรียกวิษุวัตให้มาหา
ไม่กี่นาทีต่อมา ทุกคนก็ได้มานั่งอยู่ในรถตู้ที่กำลังออกเดินทางไปยังวัดแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดซึ่งเป็นสถานที่ จัดงานศพของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน
ปาล์มไม่ค่อยอยากไปเลยครับพี่ว่าน ทำไมแยกกันจัดงานคนละที่ไม่ได้ ต้องจัดที่เดียวกับผู้หญิงคนนั้นด้วย
วิษุวัตบอกเสียงเครียดกับวริษา หลังจากออกเดินทางมาได้สักพัก
ไหนปาล์มบอกพี่ว่า ปาล์มอโหสิกรรมให้คุณพ่อแล้วไงล่ะ ในเมื่อเค้าทั้งสองคนก็จากไปแล้ว พี่ว่าเรา ก็น่าจะอโหสิกรรมให้ด้วยกันทั้งสองคนนั่นแหละ แล้วเราก็ตกลงยอมให้ทางญาติๆกับทางโรงแรมจัดการเรื่อง งานศพแล้ว ก็คงต้องยอมรับถ้าเค้าอยากจะจัดให้สองคนอยู่ในที่เดียวกัน
เธออธิบายให้น้องชายฟังอย่างใจเย็น
แต่ปาล์มไม่อยากเห็นหน้าคนบางคน ไม่อยากพบ ไม่อยากเจอ ปาล์มกลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหว แล้วจะเข้าไปชกหน้ามัน
แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ทุกคนที่ได้ยินก็รู้ดีว่า เขาหมายถึงใคร
อย่านะปาล์ม พี่ขอเตือนไว้ตรงนี้เลย ทำเฉยๆซะ เหมือนกับคนๆนั้น ไม่มีตัวตน ไม่มีชีวิตในสายตา ของเราอีกต่อไปดีกว่านะ เชื่อพี่ เค้าไม่มีค่าพอให้เราเอาตัวเองเข้าไปแลกหรอก
วิษุวัตนิ่งคิดตามในสิ่งที่พี่สาวบอก แล้วภาพรอยยิ้มของใครคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในความคิด เขาหลับตาลงอย่าง เหนื่อยล้า พยายามสลัดความรู้สึกทั้งหลายออกไป เรื่องระหว่างเขากับเธอคงไม่มีทางจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้อีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น คงเหลือเก็บไว้เป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น
อันธิกานั่งอยู่บนพื้นศาลากับกนต์รพี ใกล้ๆกระถางธูปสำหรับผู้มาร่วมแสดงความเสียใจให้แก่ร่างไร้วิญญาณ ของคนทั้งสอง เธอเงยหน้ามองภาพถ่ายอีกภาพที่ตั้งอยู่ข้างภาพของมารดา ในใจก็นึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองคนยัง มีชีวิตอยู่ และมีความรู้สึกว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอรู้จักตัวตนของคนที่เป็นแม่น้อยมากๆ คล้ายต่างฝ่ายต่างก็มี กำแพงของตัวเอง ในขณะที่เธอชอบคิดว่าแม่ไม่รัก ไม่สนใจ รักแต่พี่ชายคนเดียวเท่านั้น แม่เองก็คงรู้สึกว่าเธอก็ รักแต่พ่อ และไม่เคยเปิดใจคุยกับแม่สักครั้ง จนกลายเป็นความห่างเหินกันออกไปทุกที และตอนนี้มันก็ สายเกินไปแล้วที่จะแก้ไข
พี่รู้มาตลอดใช่มั้ยคะว่าคุณอาชาญวิทย์คือคุณพ่อของอาจารย์ว่านกับพี่ปาล์ม แล้วทำไม ตอนนั้น พี่ปาล์มถึงพูดว่า ทั้งคุณแม่กับคุณพ่อของเค้าจากไปทั้งคู่ตั้งนานแล้ว
ประโยคสุดท้าย เหมือนเธอจะถามตัวเองมากกว่า
ว่านกับน้องชาย ไม่เคยรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณ่อพวกเค้ากับแม่ของเรา และก็ไม่เคยติดต่อกัน มาเป็นสิบปีแล้ว ว่านเพิ่งจะรู้ข่าวคราวของคุณพ่อเมื่อไม่นานมานี้เอง
น้ำเสียงเศร้าๆของพี่ชายตอบกลับมาเบาๆ อันธิกาหันไปมองหน้าเขา ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม มากมาย จนไม่รู้จะเริ่มถามอะไรก่อนดี
ถึงตอนนี้ เอินเข้าใจขึ้นมาบ้างรึยังว่าทำไม พี่ถึงไม่อยากให้เอินคบกับน้องชายของว่านต่อไป เพราะ มันคงเป็นไปไม่ได้ และพี่กับว่านก็คงไม่ต่างกัน
จากคุณ |
:
Travel to the moon
|
เขียนเมื่อ |
:
30 เม.ย. 54 21:00:28
|
|
|
|