Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นิทานหลังฉาก หน้ากากตัวตลก(บทเมืองคนใบ้-7) ติดต่อทีมงาน

 

บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10381644/W10381644.html

บทเมืองคนใบ้-1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10388061/W10388061.html

บทเมืองคนใบ้-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10407169/W10407169.html

บทเมืองคนใบ้-3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10425013/W10425013.html

บทเมืองคนใบ้-4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10443019/W10443019.html

บทเมืองคนใบ้-5   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10456626/W10456626.html

บทเมืองคนใบ้-6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10480110/W10480110.html

 

 

 

 

7

 

            แต่ละย่างก้าวเชื้องช้า ทว่าฉูดฉาด

            คือความคิดที่อยู่ในใจของผู้คนยามเมื่อได้เห็น ภาพของตัวตลกผมสีฟ้าพองฟูสะท้อนแสงยาวลงมาถึงกลางหลัง ในชุดตัวตลกที่สีสันตัดกันอย่างน่าทึ่ง ห่างไกลออกไปทางด้านหลังมีเด็กน้อยสองคนยืนสังเกตการณ์ คนหนึ่งเป็นเด็กหญิงสวมหมวกไหมพรมสีเทาเฉกเช่นเดียวกับดวงตา อีกคนเป็นเด็กชายเยาว์วัยกว่า

            ผ่านไปสักพักตัวตลกจึงหยุดเท้า สะบัดข้อมือเล็กน้อยเตรียมร่ายระบำพร้อมอ้าปากร้องเพลง

 

            ‘นานทีปีหนเราพบกัน

ท่านมองข้า ข้ามองท่าน

แจกไมตรีผ่านรอยยิ้ม เฉกเช่นมิตรสหาย’

 

หลังจากจบเพลงท่อนหนึ่ง เกิดเป็นเสียงปรบมือจากทุกคนที่อยู่ในละแวก แม้หมู่บ้านแห่งนี้จะมีผู้คนอาศัยอยู่น้อย แต่เสียงปรบมือกลับดังก้องทั่วทั้งหมู่บ้าน ไม่มีใครไม่ได้ยินเสียงปรบมือ และไม่มีใครเมยเฉยต่อเรื่องแปลกใหม่ที่ชวนให้สนุกสนานในครานี้

จากถนนทางเดินมีผู้คนสัญจรไปมา เดิมมีจำนวนคนเพียงสายน้ำเอื่อย กลับทยอยไหลทะลักเข้ามายืนรอดูตัวตลกหนุ่มผู้มีน้ำเสียงก้องกังวาน และเต้นระบำได้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

เมื่อมองลึกเข้าไปผ่านช่องปากที่ตัดออกเป็นรูปจันทร์เสี้ยวหงายแทนรอยยิ้ม แลมองเห็นรอยยิ้มกว้าง แม้เพียงเสี้ยวเวลาเพียงเล็กน้อยที่ได้เห็นส่วนหนึ่งของใบหน้าอันแท้จริงภายใต้หน้ากาก เรียกให้หัวใจของผู้ชมเต้นรัว

 

‘ให้สายลมแทนเสียงขลุ่ย และเสียงปรบมือแทนเสียงกลอง

ให้ท่านเป็นนักดนตรีร่วมแสดงในขณะที่เป็นผู้ชม

ให้ความรื่นเริงแก่หมู่บ้านรื่นเริงด้วยตัวท่าน’

 

สิ้นเสียงเพลงตัวตลกโค้งตัวลงแทนคำทักทายและคำเชิญ จากนั้นจึงปรบมือขึ้นดังสามครั้ง ก่อนจะลดมือลงพร้อมกับกลีบดอกไม้หลากสีที่ร่วงลงมารอบตัวชวนให้ประทับใจยิ่ง นับเป็นการเปิดฉากที่เขาจงใจทำให้ดีที่สุดเพื่อเด็กสองคนที่เฝ้ามองอยู่ 

กลีบดอกไม้สุดท้ายร่วงลงแตะพื้น เกิดเป็นเสียงดังคล้ายระเบิดเล็กๆ ดังขึ้น ปลุกให้ผู้ชมฟื้นจากอาการตะลึงในความงดงามของดอกไม้และหันกลับมาสนใจตัวตลกผู้เป็นตัวเอกของโมงยามนี้ 

รอยยิ้มละไมปรากฏขึ้นหลังหน้ากาก การแสดงที่แท้จริงจึงจะเริ่มต้น






 

การแสดงจบลงอย่างสวยงาม หากความประทับใจยังคงดำเนินต่อไป  ตัวตลกกลายเป็นสมาชิกใหม่ที่ชาวบ้านทุกคนล้วนแต่โปรดปราน คำกล่าวชมและเสียงปรบมือยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ใครมีของกินอะไรดีก็จะนำมาให้เขาเป็นสินน้ำใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เขาถอดถอนใจคงเป็นจุดแดงที่ยังไม่พบบนต้นคอใครเลยแม้แต่คนเดียว

ทั้งคินโรและแคลร์ต่างยืนยันเป็นอย่างดีว่าการแสดงในวันนี้ ไม่มีใครคนไหนไม่ออกมาชมดู ยิ่งเป็นเด็กยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนมาทั้งหมู่บ้านจนเต็มท้องถนนไปหมด แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นการเสียเปล่าที่ทุ่มเทแสดงอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน  อย่างน้อยเขาก็สามารถเรียกรอยยิ้มจากผู้คนได้ และยังเรียกความสดใสของเด็กกลับคืนสู่เด็กหญิงตัวน้อยอีกด้วย

“น่าเสียดายที่ต้องสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ข้าใคร่ขอให้พวกท่านไม่สงสัยในการแสดงทั้งหมด โปรดเข้าใจด้วยว่าทั้งหมดนี้เป็นความลับไม่อาจเปิดเผย”

เขาประกาศทิ้งท้าย ชาวหมู่บ้านแม้เสียดายแต่ก็ยอมเก็บอาการสงสัยไว้ เมื่อความประทับใจที่ได้รับนั้นมีมากกว่า

“ไปเถิด ข้าจะเลี้ยงมื้อเย็นพวกเจ้า”

หลังจากที่เห็นว่าผู้ชมไม่มีปัญหาอะไรเขาจึงหันกลับมาหาเด็กทั้งคู่ ตั้งใจจะเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นมื้อแรกและมื้อสุดท้ายที่ได้มารู้จักกัน ก่อนจะจากลาเมื่อคนที่ตามหาไม่มีอยู่

ตัวตลกไม่ได้จริงจังกับคำขอร้องมากนัก ถือว่าตนพยายามทำตามคำพูดอย่างดีที่สุดแล้วแต่ไม่สำเร็จ การตามหาคนที่ไม่เคยพบหน้ากันมา แม้แต่ผู้ไหว้วานเองยังไม่ได้พบมานานหลายปี เด็กคนนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ ย้ายถิ่นฐานไปที่ใด หรือแม้แต่จากโลกนี้ไปหรือไม่ก็ล้วนแต่เป็นไปได้ทั้งสิ้น

เช่นนี้แล้วก็ควรกลับไปตามทางของตนเสียดีกว่า

“นั่นกอนโตนี่!”

เด็กชายตัวโตคนหนึ่งร้องตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้ามากระชากหมวกออกจากศีรษะของแคลร์ ใบหน้าของนางกลับกลายเป็นซีดเผือก พยายามสุดกำลังเท่าที่เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนหนึ่งจะใช้กำลังยื้อแย่งของคืนมาได้  เหตุการณ์รวดเร็วจนเขาไม่ทันห้าม เมื่อภาพสุดท้ายที่ปรากฏให้เห็นแก่สายตาของทุกคนคือหมัดลุ่นจากเด็กหญิงที่ซัดเข้าแก้มซ้ายของจอมเกเร

“รู้ไหมว่าทำอะไรลงไป...”

เพียงชั่วกระพริบตาหลังจากที่เด็กชายตัวโตเซล้มลง ตัวตลกก้าวเข้าไปย่อตัวลงนั่งขวางกลางระหว่างเด็กทั้งสอง แม้ว่าการกระทำของเขาจะส่งผลให้ทุกคนนิ่งงัน ทว่ายังคงช้าเกินไปอยู่ดี

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นไม่ขาดสาย ไร้ซึ่งความเห็นใจ ไร้ซึ่งความเอ็นดู ไร้ซึ่งความอ่อนโยนในสายตา เหล่าผู้ใหญ่เหยียดมองเด็กหญิงอย่างโหดร้ายเกินกว่าที่หัวใจอันเปราะบางของเด็กคนหนึ่งควรจะได้รับมันมา

“นังบ้า!! กอนโต!”

ตัวต้นเหตุผู้ยังคงนอนกองอยู่บนพื้นร้องด่าดังลั่น เปลี่ยนสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กหญิงให้กลับกลายเป็นไร้ความรู้สึก

“สมควรแก่เจ้าแล้ว”

นางเพียงปรายตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉย กล่าวเสียงเบาพอให้ได้ยิน ก่อนที่สองเท้าเล็กอันเปล่าเปลือยคู่นั้นจะเดินไปจากถนนรื่นเริงซึ่งบัดนี้เหลือเพียงสายลมร้อนที่อบอ้าว...


จากคุณ : w.ra
เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 22:17:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com