Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มณีนาคินทร์ ตอนที่ 38 - 39 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 38

    เพียรกำลังนั่งบริกรรมคาถาอยู่ จู่ๆ ลมหมุนลูกใหญ่ก็พัดวูบเข้ามา ร่างเสกของเจ้าดำและเจ้าเผือกตกลงตรงหน้าไหม้กลายเป็นกองขี้เถ้าสองกอง กองหนึ่งเป็นสีดำ อีกกองเป็นสีขาว คนบริกรรมคาถาปากขมิบๆ อยู่ตกใจลืมตาขึ้นทันที

“หา หนอย! ใครบังอาจปลดปล่อยดวงวิญญาณเจ้าดำเจ้าเผือกไป ฝีมือมันร้ายไม่เบา”

เพียรโมโหเจ็บใจยิ่ง ได้แต่จ้องมองกองขี้เถ้าทั้งสองสีอย่างแค้นใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่ต้องสูญเสียบริวารฝีมือดีไป


    คณะของกัญชพรยังไม่สามารถกลับกรุงเทพฯ ได้ตามกำหนด เนื่องจากกัญชพรเกิดล้มป่วยหนัก เธอหลับใหลไม่ได้สติ เมื่อกัญชพรอ่อนแอ เป็นเวลาเดียวกับที่พญาครุฑิการรักษาบาดแผลหายก่อนแสงขวัญ  กายทิพย์พญาปักษาผู้ยิ่งใหญ่บินตรงไปที่ระเบียงของห้องกัญชพรทันที เมื่อขาพญาครุฑิการแตะถึงพื้นเรือนด้านนอกของระเบียง ร่างกายกลับกลายเป็นมานพหนุ่มรูปงาม ผิวขาวราวปุยฝ้ายรอบกายมีประกายละอองทองระยับไปทั่วร่าง ใบหน้าคมสัน ดวงตาเรียวยาว ปากแดงดังทาเลือด จมูกโค้งแหลมยื่นเล็กน้อย เขาเดินมาหยุดที่เตียงนอนของกัญชพร เมื่อพิศรูปโฉมของหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ภายใต้ผ้าห่มอันอ่อนนุ่ม พญาปักษาก็เกิดหลงใหลในความงามของนางมนุษย์ผู้นี้ขึ้นมาทันที รอยยิ้มแห่งความพอพระทัยเกิดขึ้นบนดวงหน้า

“นางมนุษย์ผู้นี้งามเพียงนี้นี่เอง มิน่าเล่าเจ้าแสงขวัญจึงหลงใหลนางนัก”

พญาปักษาในร่างมานพหนุ่มเอื้อมมืออันเรียวงามไปลูบไล้ผิวแก้มนวลของกัญชพร

“นี่หรือผิวนางมนุษย์ ช่างเหมือนแพรไหมเสียนี่กระไร”  
พญาครุฑิการไม่รอช้า เขาตรงเข้าช้อนร่างของกัญชพรขึ้นมาไว้ในอ้อมอก

“ไปอยู่กับเราก่อน แล้วเราจะจัดการเจ้าแสงขวัญทีหลัง เจ้าต้องเป็นประโยชน์ต่อเราแน่นอน”

แล้วก้าวเดินจะออกไปทางประตูระเบียงห้องนอน แต่ยังไม่ทันได้ถึงประตูก็ต้องพบกับร่างของนาคีสาวอัญญานียืนขวางทางอยู่

“จะเอานางไปไหน?”       อัญญานีถามเสียงแข็ง

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ถอยไป ข้าจะยกเว้นเจ้านางนาคี”  พญาครุฑิการในร่างมานพหนุ่มรับสั่งด้วยสุรเสียงอันดัง

“ไม่!...ท่านนั่นแหละวางนางลง นางเป็นจ้าวนางของข้า ท่านไม่มีสิทธิ์เอานางไปไหนทั้งนั้น”     อัญญานีกล่าวตอบอย่างเกรี้ยวกราด พญาปักษาในร่างมานพหนุ่มก้มลงมองใบหน้ากัญชพรที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมอกของพระองค์ แล้วเงยหน้ามองตรงไปที่อัญญานีอีกครั้ง ด้วยสีหน้ายิ้มเยาะหยันและกล่าวว่า

“ถ้าข้าไม่คืนนางให้ล่ะ เจ้าจะมีปัญญาอะไรมาต่อกรกับข้า”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เกรงใจล่ะ”    จบคำของอัญญานี นางก็กลายร่างคืนสู่เผ่าพันธุ์เดิมของนาง แล้วพุ่งร่างเข้าโจมตีพญาครุฑิการแปลงทันที พญาครุฑหนุ่มเบี่ยงกายหลบการจู่โจมของนางนาคีอย่างว่องไว และกลายร่างเป็นพญาครุฑผู้เกรียงไกร กางปีกสีทองอันใหญ่โตและแข็งแรงออกกว้าง จากนั้นพญาครุฑิการก็กระพือปีกเพียงครั้งเดียวทำให้เกิดพายุใหญ่พัดสรรพสิ่งภายในห้องนอนของกัญชพรกลิ้งล้มระเนระนาด รวมถึงร่างของนาคีสาวที่ปลิวกระเด็น ล้มกลิ้งไปกระแทกกับฝาผนังของห้องนอนอีกฟากหนึ่ง  พญาปักษาผู้ยิ่งใหญ่อุ้มร่างกัญชพรลอยขึ้นอยู่กลางห้อง และทรงรับสั่งฝากข้อความไว้ว่า

“วันนี้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าต้องนำเอาคำของข้าไปบอกนายของเจ้าด้วยว่า ข้าขอรับตัวคนรักของมันไปก่อน หากมันต้องการนางคืน ให้มันไปทวงนางจากข้าได้ที่แดนฉิมพลีโน้น...แล้วข้าจะรอมัน”

จบคำของพญาครุฑิการ  พญาปักษาก็พาร่างของกัญชพรทะยานหายไปในอากาศทันที สุดปัญญาที่นางนาคีสาวจะตามทัน

“กัญชพร”   อัญญานีได้แต่ตะโกนเรียกอย่างเจ็บใจตัวเองที่ปกป้องนายสาวไว้ไม่ได้


    อัญญานีนำเรื่องที่พญาครุฑิการลักพาตัวกัญชพรไปฉิมพลีนครให้นาคราชแสงขวัญได้รู้ แม้อาการบาดเจ็บยังไม่หายสนิท แต่ความห่วงใยที่มีต่อนางอันเป็นที่รักนั้นสำคัญกว่าบาดแผลของเขา

“ท่านหาเรื่องเราก่อนนะพญาครุฑิการ ต่อไปนี้เราจะไม่เกรงใจท่านอีกแล้ว หากแม้นว่าท่านทำร้ายนางแม้ปลายเส้นผม ข้าไม่ยกเว้นท่านแน่”     พญานาคราชกัดฟันจนกรามนูนด้วยความโกรธแค้น แล้วหันไปทางอัญญานีและพูดว่า

“อัญญานี เราจะบุกไปที่แดนฉิมพลีด้วยกัน และรับกัญชพรกลับมา”    

“เพคะ”      อัญญานีรับคำหนักแน่น


     กัญชพรค่อยๆ ฟื้นลืมตาขึ้น ความอ่อนเพลียยังคงหลงเหลือ เธอค่อยขยับกายลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อหันมองไปรอบกาย ล้วนพบเห็นแต่สิ่งที่ไม่คุ้นตา  ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แล้วเธออยู่ที่ไหน?...กัญชพรหันมองไปรอบๆ ห้อง ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่ถูกวางไว้ประดับในห้องนี้ล้วนมีสีทองสุกปลั่ง ก้มมองลงดูที่เตียงที่เธอนั่งอยู่ เตียงนั้นเป็นแก้วใสปูด้วยขนนกอันอ่อนนุ่ม กัญชพรรีบลุกจากเตียงประหลาดนั้น แล้วค่อยๆ เดินสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างระแวดระวัง เพียงครู่ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ  กัญชพรตกใจรีบหันกลับมาทิศทางที่ประตูห้องเปิดทันที พระเทวีศรีบงกชทรงดำเนินนำเข้ามาก่อน ตามมาด้วยนางกำนัลอีกห้านาง ความงามของพระเทวีศรีบงกชทำให้กัญชพรถึงกับตะลึง เกิดมาไม่เคยเห็นใครงามเท่านี้มาก่อน กัญชพรคิด พระเทวียิ้มเพราะอ่านความคิดของกัญชพรได้  สัญชาตญาณแห่งการระวังภัยทำให้กัญชพรถอยหลังหนีจนแผ่นหลังแตะผนังห้อง

“ฟื้นแล้วหรือ?”   พระเทวีทรงถามอย่างห่วงใย

“คุณเป็นใคร?”   กัญชพรถามและมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง แล้วหันกลับมาถามคำถามต่อไปทันที

“แล้วที่นี่ที่ไหนกัน?”    

“ใจเย็นก่อน นางมนุษย์น้อย เจ้าไม่ต้องตกใจ ข้ามาดี”   พระเทวีทรงปลอบเมื่อเห็นท่าทางกัญชพรตื่นตระหนก

“แล้วทำไมกัญมาอยู่ที่นี่ได้?”     กัญชพรยังคงยิงคำถามใส่พระเทวี

“ก่อนอื่นเราคงต้องขอแนะนำตัวเราก่อนกระมัง เราคือศรีบงกช เป็นพระเทวีแห่งพญาครุฑิการ”     นางแนะนำตัว

“พญาครุฑิการ!”     กัญชพรทวนชื่ออย่างไม่คุ้นหู
แล้วกัญชพรก็จ้องมองพินิจดวงหน้าและท่าทางของนางงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นนางผู้นี้ที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ ดวงตาอันงดงามเหมือนดวงดาราที่ทอประกายแสง เครื่องประดับบนศีรษะคือกระจังหน้าสีทองอร่าม ผมสีดำขลับยาวถึงบั้นเอวเป็นประกายถูกรวบรัดไปเบื้องหลังด้วยรัดเกล้าสีทองที่ประดับด้วยอัญมณีสูงค่า ร่างอรชรยืนนวยนาดอยู่เบื้องหน้านั้นน่าทะนุถนอมยิ่ง นางดูสูงศักดิ์และงดงามจนยากจะบรรยาย...ใช่แล้ว!...นางคือผู้ที่เข้ามาขวางการทำร้ายของพญาครุฑในนิมิตของกัญชพรนั่นเอง  พระเทวีศรีบงกชยิ้มให้แขกพิเศษผู้ถูกลักพาตัวมาอย่างเป็นมิตร

“คุณนั่นเอง”   กัญชพรหลุดปากออกมา พระเทวีทรงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“เราเคยพบกันหรือ?”  

“อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ”   กัญชพรรีบปฏิเสธ และเอ่ยต่อว่า

“ได้โปรดเถอะค่ะ ช่วยตอบกัญทีว่าตอนนี้กัญมาที่นี่ได้ยังไง แล้วที่นี่คือที่ไหนคะ?”

“ที่นี่คือแดนฉิมพลีที่ลอยอยู่เหนือเขตป่าหิมพานต์ ปกครองโดยพญาครุฑิการซึ่งเป็นสวามีแห่งเรา”    พระเทวีทรงอธิบาย

“แดนฉิมพลี!...”    กัญชพรหลุดอุทานออกมาอย่างตกใจ

“คุณว่ากัญอยู่ในแดนฉิมพลี อะไรกันนี่ นี่มันอะไรกัน?”    กัญชพรเริ่มสับสน ถ้าเป็นความฝันนี่เป็นฝันร้ายสำหรับเธอ กัญชพรอยากตื่นขึ้นมาเพื่อเจอกับแม่นิ่มและคนอื่นๆ ในบ้านมากกว่า พระเทวีจึงทรงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“เจ้าหลับไปหลายราตรี ตื่นขึ้นมาคงหิว เดี๋ยวข้าจะให้ข้าทาสไปเตรียมอาหารให้เจ้าก่อน”

พระเทวีแห่งพญาครุฑทรงหันไปสั่งนางกำนัลสองนางว่า

“เจ้าทั้งสองไปจัดการเตรียมอาหารให้นาง และเมื่อเตรียมเสร็จแล้วยกไปตั้งที่ตำหนักของข้า”  

“เพคะ”    สองนางกำนัลรับสนองคำสั่งพร้อมกันและค่อยๆ คลานถอยออกไปจากห้อง

“คุณพอจะช่วยให้กัญกลับบ้านได้มั้ยคะ?”     กัญชพรถามเสียงอ่อน

“เอาเถอะเด็กน้อย รอเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าและกินอะไรลองท้องเสียก่อน แล้วเราค่อยคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป”  

พระเทวีทรงบอกนางมนุษย์น้อย กัญชพรก้มหน้านิ่งเงียบ เมื่อเห็นอากัปอาการของหญิงสาวชาวมนุษย์เช่นนั้น พระเทวีทรงสงสารยิ่ง ทรงดำเนินเข้าไปหากัญชพร และทรงใช้พระหัตถ์ขวาของพระองค์เชยคางของกัญชพรขึ้นจ้องหน้าพระพักตร์ของพระองค์ ทรงยิ้มให้ก่อนดำริอย่างอ่อนโยนว่า

“เจ้าต้องไว้ใจข้า”

แล้วพระเทวีก็พิศมองดวงหน้าของหญิงสาวชาวมนุษย์ และกล่าวว่า

“ดูไปแล้วเจ้านี่งามนัก นี่ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ข้าเตรียมมาให้ต้องงามไม่แพ้นางอัปสรที่ตำหนักของเสด็จแม่ของข้า”

กัญชพรมองเลยไปที่ชุดที่พับไว้อย่างดีในพานสีทองที่นางกำนัลถือเข้ามาด้วย และหันกลับมามองพระพักตร์พระเทวี แล้วตอบว่า

“คงไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ กัญเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น จะไปเทียบอะไรกับเหล่านางฟ้า และคงไม่มีใครงามเกินท่านอีกแล้ว”

พระเทวีศรีบงกชทรงสรวลอย่างเอ็นดูในความฉลาดของกัญชพร

“เจ้านี่ฉลาด รู้จัดพูดประจบเสียด้วย เอาเถอะ เดี๋ยวเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ข้าเตรียมมาให้ก่อน ประเดี๋ยวจะได้กินอาหาร”

พระเทวีหันกลับไปสั่งนางกำนัลที่ถือพานทองใส่เครื่องแต่งกายมาว่า

“เจ้าช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และพานางไปที่ตำหนักของข้า”

เมื่อทรงดำริจบ พระเทวีแห่งพญาครุฑทรงดำเนินไปที่ประตูและดำเนินออกไปพร้อมนางกำนัลอีกสองนาง นางกำนัลผู้ที่รับสนองรับสั่งหันมายิ้มให้กัญชพร และเอ่ยว่า

“เปลี่ยนเครื่องแต่งกายได้แล้วจ้ะแม่นาง”

ไม่พูดเปล่า นางกำนัลผู้นั้นลุกขึ้นเดินเข้าไปหากัญชพรทันที และจัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้อย่างชำนาญ


     ประตูพระตำหนักพระเทวีถูกเปิดออก กัญชพรเดินเข้ามาก่อน ตามมาด้วยนางกำนัลผู้รับสนองพระโอษฐ์เมื่อสักครู่ พระเทวีศรีบงกชทรงยิ้ม เมื่อเห็นกัญชพรในชุดที่พระองค์จัดเตรียมไปให้ แม้จะหลวมไปสักนิดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามของกัญชพรลดน้อยถอยลงไป กัญชพรเองรู้สึกเหมือนใส่ชุดนางละครรำอย่างไรไม่รู้ เธอไม่ชินกับเครื่องแต่งกายแบบนี้ ยังมีเครื่องประดับที่หนักเสียเหลือเกิน ดีนะที่เลือกใส่เพียงบางชิ้นเท่านั้น

“เข้ามานั่งตรงนี่สิ...กัญชพร”

พระเทวีศรีบงกชทรงตบพระหัตถ์เบาๆ ลงบนพระแท่นประทับของพระองค์ กัญชพรเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย และทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พระเทวี

“เราให้คนเตรียมอาหารอย่างมนุษย์ให้เจ้าแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกปากเจ้าหรือไม่?”   พระเทวีบอก

“บอกตรงๆ นะคะ เวลานี้กัญกินอะไรไม่ลงจริงๆ กัญอยากกลับบ้าน ปล่อยกัญกลับบ้านเถอะนะคะ”   กัญชพรอ้อนวอน

“เด็กน้อยเอ๋ย! เจ้าต้องอยู่ที่นี่สักระยะ รอจนกว่าข้าจะหาโอกาสช่วยให้เจ้าออกไปได้”    พระเทวีกระซิบบอก

“ทำไมล่ะคะ?”    กัญชพรถามสวนทันที

“เพราะจ้าวพี่ของเราต้องการแก้แค้นพญานาคราชแสงขวัญ จึงจับเจ้ามาเพื่อล่อให้เขามาติดกับ”  

พระเทวีสารภาพ กัญชพรรีบดีดตัวขึ้นยืนทันที

“ร้ายกาจมาก ทำอย่างนี้ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย”   กัญชพรกล่าวอย่างโมโห

“เจ้าว่าใครไม่เป็นลูกผู้ชายรึ?”      เสียงนุ่มๆ ของพญาครุฑิการดังอยู่หน้าประตูตำหนักของพระเทวี กัญชพรหันไปจ้องมองชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ พญาครุฑิการในร่างของเทพบุตรรูปงาม เดินตรงเข้ามาและหยุดยืนใกล้กับกัญชพร  แล้วพระองค์ก็ทรงถามซ้ำด้วยรอยยิ้มอีกว่า

“เจ้าว่าข้าไม่เป็นลูกผู้ชายหรือกัญชพร?”  

สีพระพักตร์ของพญาครุฑิการนั่นอ่อนโยนเมื่อทรงเอ่ยถามนางมนุษย์น้อย ผิดกับกัญชพรนั้นใบหน้าง้ำ บึ้งตรึงใส่ผู้มาใหม่

“ท่านน่ะหรือพญาครุฑิการที่จับกัญมา ท่าทางของท่านก็ไม่ใช่คนไม่ดีนี่ แต่ทำไมต้องจับกัญมาเพื่อเป็นตัวล่อพี่แสงขวัญด้วย”

กัญชพรกล่าวชื่อของแสงขวัญขึ้นมา ใบหน้าของพญาครุฑหนุ่มเปลี่ยนไปทันที เขาขบกรามนูนเห็นได้ชัดก่อนเปล่งวาจาใส่นางมนุษย์ที่ยืนอยู่ด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า

“เหตุผลเพราะมันมัวแต่เป็นนาคหดหัวอยู่ในบาดาลน่ะสิ มันไม่กล้ามารับคำท้าของข้า เจ้าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อน้องชายเพียงคนเดียวของเจ้าต้องถูกฆ่าตาย มิหนำซ้ำเมียและลูกในท้องของน้องชายข้าก็ต้องตายตามไปเพราะตรอมใจที่เสียสวามีไป เจ้ายังมองเจ้าแสงขวัญเป็นคนดีอยู่หรือ?”

พญาปักษาในร่างเทพบุตรรูปงามทรงกัดฟัดแน่นเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ความแค้นมันฝังแน่น ความเจ็บปวดที่ทรงทุกข์ทรมานรอการแก้แค้นอย่างสาสม วันนี้พระองค์เป็นต่อเมื่อมีนางอันเป็นที่รักยิ่งของเจ้านาคราชผู้ยิ่งใหญ่มาอยู่ในกำมือ


ตอนที่ 39
 
   กัญชพรเพิ่งได้ยินเรื่องราวความแค้นระหว่างพญาครุฑิการกับแสงขวัญในวันนี้ เธอรู้สึกตกใจ และเศร้าใจมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตบานปลายได้เพียงนี้  แต่ถึงอย่างไรท่าทางของพญาครุฑคงไม่มีทางเลิกราง่ายๆ แน่ กัญชพรได้แต่คิดหาหนทางในใจ หากแม้ไม่มีเธออยู่ พญาครุฑต้องไม่มีทางบีบบังคับแสงขวัญได้แน่ ถ้ามีโอกาส...เราหนีแน่นอน
   

    หลังจากได้หลุดปากเล่าเรื่องความแค้นแห่งตนออกมาจนหมด พญาครุฑิการทรงสะบัดพระวรกายออกจากตำหนักพระเทวีศรีบงกชอย่างไม่สบพระทัย พระเทวีแห่งพญาครุฑทรงมองด้วยสายตาที่เศร้าสร้อยและทอดถอนพระทัยยาวๆ กัญชพรมองเห็นแววเศร้าหมองในดวงหน้านางอย่างเด่นชัด หญิงสาวชาวมนุษย์จึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พระเทวี นางเงยพระพักตร์มองหน้ากัญชพรและเอ่ยว่า

“จ้าวพี่ของเราเป็นคนดี แต่ที่พระองค์เปลี่ยนไปเช่นนี้เพราะการสิ้นพระชนม์ของพระอนุชาและนาถนรีพร้อมลูกในครรภ์ เ้จ้าอย่าถือโกรธจ้าวพี่ของเราเลยนะกัญชพร”

กัญชพรยิ้มและปลอบใจพระเทวีว่า

“สบายใจเถอะค่ะ กัญว่าต้องมีทางแก้ไข”   กัญชพรเองก็เชื่อในสิ่งที่ตนได้เอ่ยออกไป


    เช้าขึ้นมาแม่นิ่มยกอาหารเช้าขึ้นมาที่ห้องนอนของกัญชพร แม่นิ่มเคาะประตูอยู่พักหนึ่งเห็นภายในห้องเงียบ จึงบิดลูกบิด ประตูห้องนอนยังคงล็อคอยู่ แม่นิ่มจึงหยิบกุญแจสำรองออกมา และไขเปิดเข้าไป พอประตูเปิดออก แม่นิ่มก็ต้องตกใจ เมื่อข้าวของภายในห้องนอนของกัญชพรล้มระเนระนาดกระจายเต็มห้องไปหมด ความเป็นห่วงนายสาวจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้อง หยิบเก้าอี้ตัวกลมขึ้นและวางถาดสำรับอาหารเช้าไว้บนเก้าอี้นั้นชั่วคราว และวิ่งไปที่เตียงนอนของกัญชพร เตียงนอนว่างเปล่า ไม่มีร่าูงนายสาวนอนอยู่ ประตูระเบียงห้องนอนก็เปิดอ้าไว้ แม่นิ่มวิ่งออกไปดูที่ระเบียงก็ไม่พบเห็นร่างของกัญชพร

“คุณกัญ...คุณกัญคะ โธ่! อยู่ไหนนี่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้นี่?”  

แม่นิ่มใจเสีย แล้วก็นึกขึ้นได้จึงรีบวิ่งหน้าตาตื่นออกจากห้อง ไปแจ้งเรื่องกับตวงสิทธิ์


“คุณตวงคะ คุณตวง”    แม่นิ่มทั้งตะโกนและทุบประตูห้องของตวงสิทธิ์ เพียงครู่ตวงสิทธิ์ก็ลุกงัวเงียมาเปิดประตู รัศมีเองก็พลอยตกใจตื่นมาเปิดประตูออกมา

“อะไรกันแม่นิ่ม โวยวายอะไรแต่เช้าอย่างนี้?”   รัศมีตะโกนถาม

ตวงสิทธิ์ยืนอยู่หน้าประูตูมองหน้าแม่นิ่ม แม่นิ่มตรงเข้าไปเกาะแขนของตวงสิทธิ์เขย่าและรีบพูดเสียงสั่นว่า

“คุณตวงคะ เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ค่ะที่ห้องคุณกัญ ข้าวของในห้องพังพินาศเกลื่อนกลาดไปหมด...”

“อะไรนะแม่นิ่ม แล้วน้องกัญล่ะ?”     ตวงสิทธิ์รีบถามถึงเจ้าของห้องทันที
อาการง่วงเมื่อสักครู่ของเขาหายไปอย่างปลิดทิ้งทันที

“ไม่ทราบค่ะ แม่นิ่มไม่พบคุณกัญเลย สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณกัญแน่ๆ เลย ฮือๆๆๆ”

แม่นิ่มปล่อยโฮออกมาทันที รัศมีเดินเข้ามาสมทบ เมื่อได้ยินเรื่องจากแม่นิ่ม แต่ตวงสิทธิ์ไม่รอช้า เขารีบวิ่งไปที่ห้องของกัญชพรทันที เมื่อตวงสิทธิ์พ้นประตูห้องของกัญชพรเข้ามา ก็พบกับสิ่งที่แม่นิ่มเล่าให้ฟังเมื่อครู่ ข้าวของในห้องแตกกระจาย เกลื่อนห้องไปหมด ...เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ แล้วทำไมคนในบ้านไม่มีใครรู้สึกหรือได้ยินเสียงอะไรเลย?...ตวงสิทธิ์สงสัย ...และที่สำคัญ...กัญชพรหายไปไหน?...ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าจะตั้งต้นตรงไหน รัศมีและแม่นิ่มวิ่งตามตวงสิทธิ์เข้า พอเห็นสภาพห้องรัศมีถึงกับร้องตกใจ

“ว้ายตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้นนี่ ทำไมมันเป็นอย่างนี้?”

“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”    ตวงสิทธิ์ตอบ บุตรชายของรัศมีเดินไปรอบๆ ห้อง เพื่อดูว่ามีอะไรพอเป็นหลักฐานในการเกิดเหตุนี้ได้บ้าง แต่ก็ไร้ผล ไม่พบสิ่งใดน่าสงสัยหรือผิดสังเกต นอกจากความเสียหายที่หลงเหลือไว้


    กัญชพรนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนเตียงแก้วที่ปูด้วยขนนกอันอ่อนนุ่มสีขาวบริสุทธิ์ กำหนดจิตถึงหลวงพี่แสงฟ้า ไม่นานจิตก็ดิ่งลงสู่ความสงบ


    หลวงพี่แสงฟ้านั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณวัด กัญชพรเดินเข้าไป และยอบตัวลงนั่งพับเพียบยกมือประนมก้มกราบนมัสการหลวงพี่แสงฟ้า เมื่อกัญชพรเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหลวงพี่แสงฟ้ากำลังมองมาที่เธออยู่ ท่านยิ้มให้อย่างปราณี และเอ่ยชมญาติผู้น้องว่า

“วันนี้เจ้าถอดจิตมาหาหลวงพี่ถึงที่วัดเชียวหรือ นับว่าเจ้าก้าวหน้าไปมากนะ”

“หลวงพี่คะ ช่วยกัญด้วยค่ะ กัญถูกจับอยู่ที่แดนฉิมพลีของพญาครุฑ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำยังไงบ้าง กัญพยายามหาทางหนี แต่ดูเหมือนทุกแห่งนอกจากพื้นห้อง กัญมองไม่เห็นพื้นดินเลย”    กัญชพรบอก

“ก็เจ้าจะเห็นได้อย่างไรเล่า ในเมื่อวิมานฉิมพลีของพญาครุฑลอยอยู่กลางอากาศ”   หลวงพี่อธิบาย

“นั่นแหละคืิอปัญหาว่ากัญจะทำยังไงดี กัญไม่อยากให้พี่แสงขวัญหรือใครต้องมาเป็นอันตราย กัญไม่อยากเป็นต้นเหตุในครั้งนี้”   กัญชพรบอกอย่างกังวล

“กัญชพรเอ๋ย เรื่องของเวรกรรมของแต่ละบุคคล ไม่มีใครกำหนดหรือห้ามได้หรอก ทุกอย่างมันกำลังดำเนินตามวิถีของมัน แสงขวัญพลั้งมือทำร้ายอนุชาของพญาครุฑเพราะเจตนาป้องกันแสงมณี แต่มันคือกายกรรมที่ได้กระทำลงไป นั่นก็คือแสงขวัญได้สร้างวงล้อแห่งรอยกรรมนั้น เจ้าเองเป็นเพียงเฟืองตัวหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้วงล้อของกรรมหมุนกลับมายังที่เดิม อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด ห้ามอะไรไม่ได้ มีเพียงความรักและความเมตตาที่ออกมาจากใจที่บริสุทธิ์เท่านั้น มันอาจทำให้เรื่องหนักกลับกลายเป็นเรื่องเบาได้ จงใช้สติในการไตร่ตรอง เจ้ามีมณีนาคินทร์อยู่กับตัวเจ้าแล้ว พยายามใช้มันให้เกิดประโยชน์มากที่สุด หลวงพี่เชื่อว่าด้วยสติ ปัญญา บวกกับความดีงามของเจ้าจะช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น”

หลวงพี่กล่าวจบ ท่านยิ้มให้กัญชพร เธอประนมมือและเอ่ยกับหลวงพี่ว่า

“ค่ะ กัญจะพยายามไม่ให้สถานการณ์มันเลวร้ายไปกว่านี้”

หลวงพี่พยักหน้ายิ้มละไมให้ และกล่าวอีกว่า

“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้เจ้าจากกายหยาบมานานเกินไปแล้ว เจ้าต้องรีบกลับไป เพราะตอนนี้ร่างกายของเจ้าก็ยังอ่อนแออยู่ รีบกลับไปเถอะ”  

“ค่ะ งั้นกัญขอกราบลาค่ะ”    กัญชพรตอบและก้มกราบหลวงพี่อีกครั้ง และลุกขึ้นยืน กายทิพย์ของกัญชพรค่อยๆ ลอยถอยห่างจากโคนต้นไม้ใหญ่ที่หลวงพี่นั่งอยู่ออกมา


ก๊อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูดังเบาๆ สองสามครั้ง กัญชพรค่อยๆ ลืมตาตื่นจากสมาธิ เดี๋ยวนี้เธอสามารถนั่งสมาธิได้นานกว่าเดิม โดยที่ไม่มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายอีก เสียงเคาะประตูยังคงดังตามมาอีกเหมือนเดิม กัญชพรค่อยๆ ลุกจากเตียงแก้ว เดินตรงไปที่ประตูห้อง เธอคิดว่าเป็นพระเทวีศรีบงกชมาหา กัญชพรจึงรีบเปิดประตูทันที แต่ที่ทำให้ต้องตกใจ เพราะผู้ที่มาเยือนและยืนรออยู่อีกฟากของประตู กลับไม่ใช่คนที่เธอคิด

“ท่านพญาครุฑ”    กัญชพรเรียกเบาๆ

“จะให้เรายืนคุยตรงนี้หรือ?”      พญาครุฑิการทรงดำริเสียงเรียบ พอๆ กับใบหน้าของพระองค์ กัญชพรจึงเบี่ยงตัวหลบให้จ้าวแห่งปักษาเดินผ่านเธอเข้ามาในห้อง กัญชพรเปิดประตูทิ้งไว้ และเดินตามมาหยุดกลางห้อง ตรงที่พญาครุฑิการยืนหันหลังรออยู่ จ้าวแห่งฉิมพลีนครหันหน้ากลับมาหากัญชพร และเอ่ยกับเธอว่า

“เจ้ามาอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ขาดตกบกพร่องตรงไหนหรือเปล่า?”

“เปล่าค่ะ ทุกอย่างดีหมด บางทีก็ดีเกินไปสำหรับ....”    คำพูดของหญิงสาวขาดหายไปในลำคอ พญาครุฑิการจึงเลิกคิ้วตอบสวนมาทันที

“...นักโทษหรือ?”    

“หรือว่าไม่จริง”    กัญชพรเชิดหน้าตอบกลับ

พญาครุฑิการทรงจ้องมองดวงหน้าของกัญชพร เพียงครู่พระองค์ก็ทรงสรวลออกมาเบาๆ หญิงสาวไม่เข้าใจว่าจ้าวแห่งปักษาขำเธอด้วยเรื่องอะไร เธอจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจ

“ท่านขำอะไรไม่ทราบ?”   กัญชพรถามอย่างอารมณ์เสีย จ้าวแห่งฉิมพลีนครทรงยิ้มและจ้องมองท่าทางของนางมนุษย์น้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู และตอบว่า

“ขำความคิดของเจ้าน่ะสิ”

“แล้วความคิดของกัญมันผิดตรงไหนมิทราบ ถ้าท่านไม่ได้จับกัญมาเป็นนักโทษ ท่านคงไม่จับกัญมาให้เมื่อยหรอก”    กัญชพรเถียง แต่ดูเหมือนพญาครุฑิการจะพึงพอใจท่าทางโกรธของนางมนุษย์น้อย

“เจ้าคิดว่าเราจับเจ้ามาเป็นนักโทษ เราคงเอาเจ้าไปขังไว้ในคุกดีกว่า คงไม่ปล่อยให้เจ้ามายืนเถียงเราในวิมานนี้หรอก”   จ้าวแห่งปักษาทรงแกล้งเย้า

“แล้วท่านต้องการอะไรกันแน่?”    กัญชพรถามกลับทันที แล้วเธอก็นึกถึงเหตุผลที่เพิ่งได้รับรู้มา กัญชพรจึงเอ่ยต่อว่า

“อ๋อ ท่านคิดเอากัญมาล่อพี่แสงขวัญ”

“นั่นก็แค่มีส่วน”    พญาครุฑหนุ่มตอบแฝงความนัยไว้

“หมายความว่าอะไร แค่มีส่วน แสดงว่าท่านมีจุดประสงค์อื่นด้วยงั้นหรือ?”    กัญชพรถามกลับ

“เจ้าก็ฉลาดนี่ นางมนุษย์น้อย”    พูดจบจ้าวแห่งฉิมพลีนครก็เดินตรงเข้าหาร่างกัญชพร สัญชาตญาณทำให้กัญชพรรีบถอยหลังหนีทันที

“ท่านจะทำอะไร?”     กัญชพรตะโกนถาม  ไม่มีคำตอบจากพญาครุฑหนุ่ม เขายังคงเดินตรงเข้าไปหากัญชพรอย่างช้าๆ กัญชพรถอยหลังหนี แล้วมองเหลือบไปที่ประตูห้อง เธอไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ประตูห้องทันที แต่พอร่างอรชรวิ่งไปถึงประตู บานประตูทั้งสองก็ถูกผลักให้ปิดเองจนสนิท กัญชพรได้แต่ยืนตกใจ พอหันหลังกลับมาก พญาครุฑิการก็รวบร่างของเธอเข้ามากอดไว้ กัญชพรดิ้นรนผลักไสเขา

“ปล่อยนะ ปล่อย ท่านจะทำอะไร?  ปล่อยกัญนะ ปล่อย...”

ยิ่งกัญชพรดิ้นมากเท่าไหร่ พญาครุฑหนุ่มก็กอดรัดเธอแน่นขึ้นเท่านั้น พญาครุฑิการหาได้สะทกสะท้านกับแรงทุบตีของกัญชพร

“เจ้าจะดิ้นไปทำไม เสียงแรงเปล่าๆ รู้มั้ยว่าความงามของเจ้าทำให้เรา
เสียดายที่จะฆ่าเจ้าทิ้ง”

คำพูดของจ้าวแห่งปักษาทำให้กัญชพรถึงกับชะงัก หยุดดิ้นชั่วคราว เธอจ้องมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไม พวกเรามีเรื่องแค้นเคืองกันหรือ ทำไมถึงกับจะฆ่าแกงกัน?”

กัญชพเอ่ยถาม แต่มือทั้งสองยังคงผลักและดันอกของพญาครุฑิการไว้ พญาปักษาจ้องมองใบหน้านวลของนางมนุษย์ที่อยู่ในอ้อมกอด และตอบว่า

“เราจะบอกตามความจริงให้ ตอนแรกเราตั้งใจจะฆ่าเจ้าต่อหน้าเจ้าแสงขวัญ เพื่อให้มันได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดว่าการสูญเสียคนที่รักนั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อเราพบเจ้าครั้งแรก เราก็ตกหลุมรักเจ้าเข้าให้ เราตั้งใจนำเจ้ามาชุบเลี้ยงเป็นชายาของเรา”

“ท่านบ้าไปแล้ว!”    กัญชพรตะโกนใส่หน้า และออกแรงดิ้นและผลักไสเขาอีกครั้ง คราวนี้พญาปักษายอมปล่อยร่างของกัญชพรเป็นอิสระ เมื่อหลุดจากอ้อมกอดของพญาครุฑิการ กัญชพรรีบถอยห่างให้ไกลที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แล้วพูดว่า

“ท่านมีชายาอยู่แล้วนะ”  

“แล้วไงล่ะ เรื่องนั้นไม่เห็นเกี่ยวอะไรเลย เราพอใจจะมีชายากี่องค์ก็ได้ ไม่เห็นแปลก”      พญาครุฑหนุ่มเถียง

“ท่านใจร้ายมาก พระเทวีศรีบงกชรักท่านมาก ท่านทรยศต่อเธอได้ยังไง?”   กัญชพรพูดไปส่ายหน้าไป

“เราหรือทรยศ เราก็ยังรักศรีบงกชเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ถึงเราจะมีชายาใหม่อีกองค์ ศรีบงกชก็ไม่ว่าอะไรเราหรอก”  

พูดไปก็เดินเข้าหากัญชพรอีก กัญชพรถอยหลังหนี สายตาพยายามส่ายหาวัตถุที่พร้อมจะมาเป็นอาวุธคุ้มกายได้

“แต่ท่านก็ไม่เคยถามความสมัครใจของคนอื่นก่อน”   กัญชพรพูดถ่วงเวลา
“ทำไมเราต้องถามเจ้า เมื่อเจ้าตกเป็นชายาของเรา เจ้าแสงขวัญก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวเจ้าอีก นั่นมันเหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”  

พญาครุฑหนุ่มหัวเราะสะใจ

“ท่าน!”     กัญชพรโมโหจนเนื้อตัวสั่น พญาครุฑิการทรงทำเป็นไม่สนใจ

“ทำไม เราพูดตรงเกินไปใช่มั้ย เพราะเราคิดอย่างไรเราก็พูดอย่างนั้น” จ้าวแห่งปักษาแกล้งยั่ว

“ท่านคิดเอาแต่ได้ ท่านคิดหรือว่ากัญจะยอม อย่างมากท่านก็จะไ้ด้แค่เพียงร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น จำเอาไว้”     กัญชพรตอบเสียงหนักแน่น

“เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ?”      พญาครุฑหนุ่มทรงเลิกคิ้วถามอย่างทีเล่นทีจริง

“ท่านรู้จักกัญน้อยเกินไป หรือท่านจะลองก็ได้”    กัญชพรท้า แววตาหญิงสาวเป็นประกายแข็งกล้าขึ้นมา พญาครุฑิการจึงคิดหยุดการหยอกเหยื่อของพระองค์ไว้แค่นี้ก่อน แล้วจ้าวแห่งปักษาจึงเอ่ยต่อว่า

“เอาล่ะ เราเชื่อแล้วล่ะว่าเจ้าพูดจริง แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่รอดเงื้อมือของเราไปได้แน่นอนกัญชพร เราจะฆ่าแสงขวัญเป็นของขวัญให้เจ้า”

ประโยคสุดท้ายดวงตาของพญาครุฑิการฉายแววแห่งความเหี้ยมโหด ทรงหันหลังดำเนินตรงไปที่ประตูห้อง ประตูห้องถูกเปิดออกเอง และทรงดำเนินออกไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว พอจ้าวแห่งฉิมพลีนครก้าวพ้นประตู ประตูสองบานก็ปิดอย่างแรงด้วยตัวมันเอง กัญชพรไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ประตูห้องสับกลอนลงขัดบานประตูทันที และหันหลังพิงบานประตูอย่างหมดแรง พร้อมถอนหายใจยาวๆ

“วันนี้รอดไป แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?”    กัญชพรนึกถึงยอดดวงใจของเธอ แล้วยิ่งทำให้ทุกข์ใจ

“พี่แสงขวัญ กัญจะทำยังไงดีคะ?”  

กัญชพรได้แต่ทอดถอนใจ หนทาง ณ เวลานี้แสนจะมืดมนเสียเหลือเกิน

จากคุณ : ศรนรินทร์
เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 11:35:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com