Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปพิษฐาน ตอนที่ 17 ติดต่อทีมงาน

กลับมาแล้วครับ จากสามพันโบก เอ๊ย! งานประชุมวิชาการ ที่อุบลราชธานี ครับผม
ขอบคุณเพื่อนรักนักอ่านทุกท่านเช่นเคยครับ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณ  แก้วกังไส, คุณนุ้ยนารีจำศีล, คุณ Travel to the moon, คุณ มานีโอลา, คุณร้อยถ้อยพันคำ, คุณบุหงาบาหยัน, คุณ เรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก และคุณ พิชญ์พลอย ด้วยครับ

ขออนุญาตตอบคำถามก่อนนะครับ

  คุณแก้วกังไส คุณ scottie และคุณ kaburapat : สำหรับ รสลิน ในสาปพิษฐาน เป็นอีกคาแรคเตอร์หนึ่งของตัวละครร้ายฝ่ายหญิงที่ผมอยากจะสร้างให้แตกต่างจาก

ร้ายตลกๆอย่าง โสภิดา ในพิมานภูต
ร้ายแบบอำมหิตลึกซึ้งอย่าง อะเคเซีย ในเหรียญนิรมิต
หรือ ร้ายโหดดุอย่าง นักฆ่ามือสังหารที่ทำทุกอย่างเพื่อความรัก อย่าง โสมาวดี ในศัสตราประกาศิต ครับ

 ตัวละครตัวนี้ เป็นน้องสาวคนเล็กที่เติบโตมาในยุคที่พี่ชายเริ่มมีฐานะดีแล้ว จึงถูกตามใจในทุกอย่างจากโกฉัตรซึ่งเคยเป็นนักเลงมาก่อน จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นในปัจจุบัน ส่วนรสลินเองขนาดโตเป็นสาวแล้วก็ยังติดนิสัยทำตามใจตัวเองไม่เปลี่ยน ค่อนข้างเป็นนางร้ายแบบภูธรที่ยี่หระต่อเรื่องของการใช้ชีวิตเสเพลสักเท่าไร การพูดคุยกันระหว่างพี่ชายกับน้องสาวเลยเป็นกันเองจนอาจ “ถึงลูกถึงคน”ไปสักหน่อย ตัวละครนี้ไม่ได้นำมาจากบุคลิกคนรู้จักพบเห็นจริงๆ แต่จะนำมาปรับแต่งให้มีสีสันขึ้นครับ

    เลยถือโอกาสตอบยาวหน่อยนะครับ และผมก็ต้องขอบคุณมากที่เขียนถามมา บางทีบางจุดอาจจะมีตกหล่นหรือไม่เคลียร์ไปบ้าง ก็ต้องขออภัยไว้ด้วยครับ จะพยายามนำมาปรับแก้ต่อไปครับ
 
คุณกุลธิดา : ลองติดตามต่อไปนะครับ น่าจะเฉลยในตอนนี้แหละครับ

คุณเรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก และคุณโตยธาร : ช่วยลุ้นต่อด้วยนะครับ


สาปพิษฐานตอนที่ 16 ครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10482531/W10482531.html

ตอนที่ 17 ครับ


         เสียงอึกทึกครึกโครมจากรอบด้านทำให้พระแสงรีบผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งทันที ด้วยสัญชาตญาณ เขาเริ่มสัมผัสถึงความเย็นเฉียบที่เคลื่อนตัวเข้ามาสัมผัสผิวกายจนขุมขนลุกชันอย่างไม่มีสาเหตุ นายตำรวจหนุ่มลืมตาขึ้นและครั้งแรกเขาคิดว่าคงเป็นภาพหลอนที่เกิดขึ้นจากอาการเมาสุราอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

          ภาพเบื้องหน้าที่เคยกระจ่างจ้ากลางแสงเดือนยามราตรีกลับหม่นสลัวคลี่คลุมด้วยละไอหมอกที่เริ่มหนาทึบขึ้นทุกขณะ แม้กระทั่งในระยะใกล้ไม่เกินสิบเมตรก็แทบจะมองไม่เห็นกันเสียแล้ว เขาได้ยินเสียงผู้คนบนดาดฟ้าเรือกำลังเคลื่อนตัวลงไปยังห้องรับรองด้านในด้วยความตื่นตระหนก

          เสียงเพลงบรรเลงจากวงดนตรีหยุดชะงักตามมาด้วยเสียงชนเก้าอี้เสียงหกล้มโครมครามและเสียงร้องอุทานสลับเสียงสบถดังเซ็งแซ่วุ่นวายจนฟังแทบไม่เป็นศัพท์ แสงจากหลอดไฟ สปอตไลท์อัตโนมัติตามจุดต่างๆบนเรือถูกเปิดขึ้นจนสว่างเจิดจ้า กระนั้นก็ยังมิอาจทำลายคลื่นหมอกที่แพร่กระจายเคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมรอบบริเวณจนมืดคลุ้มไปหมด

     “ศาปานต์ คุณอยู่ไหน?”

          นายตำรวจหนุ่มพยายามสอดส่ายสายตามองหาหญิงสาวด้วยความว้าวุ่นกังวล เมื่อลุกขึ้นยืนกระทันหันอาการเมาค้างก็ทำให้ถึงกับเซไปจนปะทะเก้าอี้อัลลอยด์ที่ล้มคว่ำอยู่จนเกือบจะเสียหลัก ชายหนุ่มยั้งกายเอาไว้ได้ทัน รีบสั่นศีรษะขับไล่ความมึนงง พอจำได้ว่าสังเกตเห็นศาปานต์ผละจากนายหัวชิงฉัตรแล้วเดินอ้อมไปยังอีกด้านหนึ่งของลำเรือ

        รีบตรงดิ่งปรี่ยังทิศทางที่ความทรงจำปรากฏขึ้น เขาเกือบชนกับบริกรอีกสองสามคนที่เดินมะงุมมะงาหราสวนทางออกมาพอดี โชคดีที่อีกฝ่ายหยุดไว้ได้ทัน

         “เมื่อครู่นี้ พวกคุณได้เห็นคุณผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนมาทางด้านนี้ไหม?”

          เขาพยายามอธิบายรูปร่างลักษณะและเครื่องแต่งกายอย่างคร่าวๆของศาปานต์ด้วยความร้อนรน อาการมึนจากฤทธิ์สุราแทบจะปลาสนาการเป็นปลิดทิ้งเมื่อหวนนึกถึงหญิงสาวที่หายไปจากครรลองจักษุ ได้ยินเสียงตอบปฏิเสธดังมาอย่างเร่งร้อน กลุ่มคนงานบนเรือกำลังถูกเรียกตัวให้ลงไปสมทบกันที่ห้องด้านล่าง

       หมอกเริ่มหนาจัดจนแทบมองหน้ากันไม่เห็นแล้วในบัดนี้ แต่แล้วเสียงจากบริกรเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งก็คล้ายนึกขึ้นมาได้ ฝ่ายนั้นพยายามชี้ตรงไปยังสะพานเดินเรือที่ต่อไปยังกราบเรือด้านหลังให้

       โดยไม่รีรอฟังจนจบประโยค พระแสงรีบผลุนผลันเดินแกมวิ่งฝ่ากำแพงสายหมอกที่หนาทึบมากขึ้นทุกขณะออกไป หัวใจเขาร้อนรนด้วยความห่วงกังวลต่อเด็กสาวคนนั้นจนแทบไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

        “ป่านคุณอยู่ไหน ป่าน?”

         ในความเวิ้งว้างรอบกายราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างจากปัจจุบัน ความเย็นชื้นเป่าโปรยปะทะใบหน้า พระแสงตะโกนออกไป วูบนั้นเขามองเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวที่คุ้นตาเจนใจกำลังยืนสงบนิ่งอยู่กับใครบางคน ในความสลัวเลือนลางของม่านหมอกพระแสงพยายามส่งเสียงเรียกสุดแรง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีทีท่าได้ยินแม้แต่น้อย

        “ป่าน...”

         ร่างในเงามืดอีกร่างหนึ่งเคลื่อนตัวเข้าใกล้ศาปานต์ด้วยท่าทีเหมือนคุกคามหรือกำลังทำอะไรบางอย่าง แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้กองหนุ่มไม่อาจยืนนิ่งอยู่กับที่ได้อีกต่อไป เขาโผนตัวตรงเข้าไปหาคนทั้งคู่ แต่แล้ว...

       เพียงพริบตาเท่านั้น เมื่อมวลหมอกมหาศาลสีขาวข้นทึบก็ไหลรวมเข้ารายล้อมรอบด้านจนมืดมิดจนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้อีกต่อไป  พระแสงถลันดิ่งตรงไปยังตำแหน่งที่มองเห็นศาปานต์เป็นครั้งสุดท้ายและพยายามจะเอื้อมมือออกไปไขว่คว้าด้วยหัวใจเร่งร้อน หวั่นไหว

       แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้คือราวระเบียงโลหะที่เปียกชื้นที่กั้นระหว่างท้ายกราบเรือกับพื้นน้ำทะเลในระดับต่ำลงไปเบื้องล่างเท่านั้น

ไม่มีร่างของศาปานต์หรือใครอีกคนที่เขามองเห็นรวมอยู่ด้วย... ไม่มีสักคนเดียว!!

            ความร้อนใจของผู้กองหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวมีมากเกินกว่าสัญชาตญาณระวังภัยของนายตำรวจมืออาชีพ ระหว่างที่พระแสงกำลังขยับร่างช้าๆเดินตรงไปยังราวระเบียงเพื่อมองหาร่างศาปานต์ ชายหนุ่มไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่ามีใครอีกคนหนึ่งพยายามสะกดรอยตามมาจากเบื้องหลังด้วยเช่นเดียวกัน

       แม้ว่าทะเลหมอกประหลาดจะเป็นอุปสรรคในการมองเห็น แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่มันจะสามารถ “จัดการ” กับไอ้ผู้กองหน้าหยกโดยที่ไม่มีพยานรู้เห็น!!

        โชคดีที่ได้มีโอกาสศึกษาแผนที่เส้นทางบนเรือสำราญลำนี้มาก่อนแล้วเป็นอย่างดีจนแทบจะหลับนัยน์ตาเดินบนดาดฟ้าเรือได้โดยรู้ทุกตำแหน่ง หมอกนรกพวกนี้จึงมิได้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานแม้แต่น้อย ยิ่งเมื่อนึกถึงรางวัลก้อนใหญ่ที่จะได้รับจากผ้เป็นู“นายจ้าง”ด้วยแล้ว ก็ยิ่งสร้างความฮึกเหิมลำพองใจให้มิใช่น้อย

           ด้วยมือที่สวมถุงมือผ้าเอาไว้อยู่แล้ว มันค่อยๆล้วงลงไปในเสื้อคลุมตัวยาวโคร่ง ชุดแฟนซีรุ่มร่ามจนน่ารำคาญที่สวมมาในงานนี้ แท้จริงมีประโยชน์ซ่อนอยู่สารพัดเพราะภายในนั้นเย็บติดกับช่องกระเป๋าลับที่ซุกซ่อนเอาไว้อย่างดีเพื่อป้องกันการสแกนอาวุธจากพนักงานบนเรือสำราญลำนี้โดยเฉพาะ สัมผัสปืนพกขนาดจิ๋วก่อนจะบรรจงดึงขึ้นมากำแนบไว้ในอุ้งมือ

        ไม่จำเป็นต้องติดกระบอกเก็บเสียงให้เสียเวลา ในเมื่อแขกผู้มีเกียรติทุกคนต่างหลบหนีเข้าไปอยู่ในห้องด้านล่างกันหมดแล้ว เสียงปืนเพียงนัดเดียวจะกลืนหายไปกับสายลมบนดาดฟ้าภายในเวลาอันไม่นาน จากนั้นก็จะผลักศพของไอ้ผู้กองตัวแสบให้หล่นกลิ้งลงไปในท้องทะเลเบื้องล่าง!

           มันยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อมองเห็นแผ่นหลังกว้างผึ่งผายของอีกฝ่ายเป็นเงาเลือนรางในสายหมอก แล้วหยิบปืนขึ้นมาประทับกับสายตาเพื่อเล็งเป้า...

         แล้วเหนี่ยวไก!!

                    **************************

       เพียงชั่วพริบตาที่หล่อนเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ด้านใน เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้นและบานประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออก กลุ่มอาคันตุกะกิตติมศักดิ์ของนายหัวยอดธงต่างกรูกันเข้ามาด้านในเหมือนผึ้งแตกรัง

        “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”

          รสลินร้องถาม “พระนางมารีอังตัวแนตต์จำแลง”ที่พยายามดันวิกผมหลอดสีทองที่หลุดลุ่ยลงมาจนแทบจะเปิดให้เห็นผมสีดอกเลาจางที่ซ่อนอยู่ด้านในและรอยตีนกาปรุพรุนรอบหางตา พระนางมารีอังตัวแนตต์วัยเฉียดหกสิบกำลังยืนตัวสั่นสะท้าน เมื่อหยิบแก้วเหล้าบนเคาน์เตอร์ขึ้นมากรอกปาก

          “ก็เรือสำราญของเราน่ะสิ ไม่รู้ฝ่าเข้าไปในดงหมอกบ้าๆได้ยังไง ข้างนอกมองอะไรไม่เห็นสักอย่าง  แถมอากาศก็หนาวขึ้นมาปุบปับยังไงก็ไม่รู้”

          รสลินชะเง้อมองตามไปยังประตูด้านนอกที่ผู้คนเริ่มหนาแน่นทุกขณะ แต่หล่อนยังไม่เห็นพระแสงเลยแม้แต่น้อย หากด้วยความมั่นใจตามสไตล์ รสลิน ธารานพรัตน์ ตัดสินใจผลักประตูก้าวออกไปข้างนอก สัมผัสแรกที่ปะทะใบหน้าคือความเย็นเฉียบไม่ต่างกับใบหน้าถูกนาบไปด้วยน้ำแข็ง!!

         “ผู้กองขา ผู้กองพระแสง...”

             แวบนั้นหางตาหล่อนมองเห็นคล้ายเงาชายหนุ่มเดินตัดผ่านหน้าไปยังอีกด้านหนึ่ง น้องสาวโกฉัตรไม่รีรอตัดสินใจเดินฝ่าละไอหมอกหนาทึบตามไปโดยไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น และร่างของเขาก็เคลื่อนตัวผ่านลงไปยังอีกทิศทางหนึ่งในขณะที่หล่อนพยายามเร่งฝีเท้าแหวกม่านหมอกขาวโพลนเต็มไปหมดจนน่ารำคาญนั้นไปถึงด้านหน้าประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดแง้มเอาไว้

          รสลินขยับประตูและมันก็เปิดกว้างออกจากกันอย่างง่ายดาย มีแสงจากหลอดไฟนีออนสีเหลืองจางอยู่เพียงดวงเดียว ส่องให้เห็นบันไดขนาดเล็กทอดลงไปยังห้องด้านล่าง หล่อนเห็นเงาวูบไหวต่ำลึกลงไป ยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะต้องเป็นพระแสง สุริยภพแน่นอน รสลินดึงประตูกลับลงมาอีกครั้ง แล้วค่อยๆก้าวตามลงไปทีละขั้น ทีละขั้น...

                 **********************

      “อาหลินล่ะ?”

       เมื่อเข้ามารวมอยู่ในห้องรับรองใหญ่ด้านใน สิ่งแรกที่ชิงฉัตรนึกถึงก่อนคือน้องสาวคนสวย แต่เมื่อหันไปหันมาก็มองไม่เห็นผู้กองหนุ่มอยู่ด้วย นายหัวเมืองกระบี่ก็เข้าใจไปในอีกความหมายหนึ่ง... เขายกข้อมือดูนาฬิกาและอดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้ เวลายังไม่ดึกมาก แต่ยายหลินเองคงจะใจร้อนเหลือทน ตามประสากระดังงาลนไฟ นึกแล้วก็ให้อดสมเพชผู้กองหน้าเข้ม “ศัตรูหัวใจ”รายนั้นไม่ได้ เห็นทีว่าถ้าได้เจอมนตร์เสน่ห์รสลินน้องสาวคนเก่งของเขาเข้าไป คงจะไม่มีวันโงหัวขึ้นได้ตลอดคืนนี้เป็นแน่!!

     แล้วศาปานต์?

      ห้วงเวลาต่อมาจึงได้นึกถึงเด็กสาวแสนสวยคนที่ก่อความรู้สึกต้องตาต้องใจอย่างประหลาด เป็นฝ่ายขอตัวไปเข้าห้องน้ำและยังไม่กลับออกมาจนบัดนี้ สายตาคมกล้าของนายหัวชิงฉัตรเหลียวมองไปรอบด้าน ในท่ามสีสันแพรวพราวละลานตาของชุดแฟนซีหลากหลาย กลุ่มหมอกภายนอกยังไม่อาจเคลื่อนตัวเข้ามาได้ เขาสอดส่ายสายตามองหาแต่ก็ไม่ปรากฏร่างเจ้าหญิงแสนสวยเลยแม้แต่น้อย ราวกับหล่อนกลืนหายไปกับทะเลหมอกด้านนอกไปเสียแล้ว...

       นายหัวชิงฉัตรไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าด้ามกริชโลหะที่เหน็บไว้ด้านหลังชายผ้า อันมีส่วนคล้ายทับทิมอัญมณีประดับอยู่เหนือเรือนยอดแห่งลายกุหนุงมัส กลับเรืองแสงสีแดงเจิดจ้าขึ้นมาได้เองราวกับมีชีวิต!!

         **********************

        “เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นวะ?”

       ไม่มีคำตอบใดๆจากทุกคน แม้แต่กัปตันเรือมณีไพลินเอง ผู้ผ่านประสบการณ์เดินเรือมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เขาเองก็ยังไม่เคยพบปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน ชายสูงวัยในชุดเต็มยศเดินกลับมายังห้องควบคุมและมองเข็มทิศที่หมุนปั่นจี๋ราวกับถูกดึงดูดด้วยพลังแม่เหล็กมหาศาลอย่างมิรู้ทิศทางด้วยความฉงนฉงายสุดขีด แต่แรกเขาคิดว่าจะรอคอยให้ม่านหมอกประหลาดเคลื่อนผ่านเรือออกไป ซึ่งคงจะกินเวลาไม่มาก แต่เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับวัสดุอุปกรณ์กำหนดทิศทางทำให้ต้องตัดสินใจติดต่อสื่อสารกับชายฝั่งโดยเร็วที่สุด


          กัปตันเรือสั่งให้ลูกเรือเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน แล้วส่งวิทยุขอความช่วยเหลือออกไป เสียงที่ได้ยินตอบกลับมามีเพียงเสียงซ่าของคลื่นอากาศที่ปราศจากสัญญาณใดๆทั้งสิ้น จากหน้าต่างกระจกทัศนวิสัยเบื้องหน้ามองเห็นเพียงแสงฟ้าแลบแปลบปลาบผ่านเข้ามาในความขาวพร่างพรายเต็มม่านตา ความเย็นยะเยือกผิดปกติก่อให้เกิดการควบแน่นของอากาศและตกผลึกเป็นเกล็ดน้ำเกาะบนกระจกไม่ต่างกับน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งบนยอดดอย

         ทั้งที่ที่นี่คือกลางทะเลแห่งมหาสมุทรอันดามัน!!

       “กัปตันครับ กัปตันมาดูนี่สิครับ”

          ในความวุ่นวายสับสน ลูกเรือคนหนึ่งชี้มือตรงไปเบื้องหน้าด้วยอาการตื่นเต้นสุดระงับ เขาผละจากแป้นบังคับเครื่องยนต์แล้วตรงออกมายังสะพานเดินเรือ หยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาพยายามปรับโฟกัสให้มากที่สุด เพื่อให้ผ่านแนวหมอกทมิฬที่ปิดกั้นการมองเห็นรอบทิศทางออกไป ด้วยความฉงนฉงายสุดขีด

        “เห็นไหมครับ หมอกเริ่มจางลงแล้ว เราผ่านมันออกมาแล้ว”

       จากภาพที่ซูมเข้ามาจนสุดกำลังขยาย กัปตันพยายามเพ่งมองภาพเบื้องหน้า จนปวดร้าวไปทั้งกระบอกตา

       ม่านหมอกสีเทาขาวคลายตัวออกจากกันราวกับสิ้นมนตร์สะกด เผยให้เห็นภาพเบื้องหน้าไม่ต่างกับผืนม่านมหึมาที่กำลังคลี่เปิดเวทีฉากสำคัญ...


        และเป็นฉากอันมหัศจรรย์จนถึงกับทำให้กัปตันแห่งนาวาสำราญมณีไพลิน ถึงกับทำกล้องพลัดหลุดจากมือโดยไม่รู้สึกตัว...

             **********************

       หล่อนลงมาถึงห้องแคบๆด้านล่างที่เชื่อมต่อทะลุไปยังห้องอื่นๆอีกหลายห้องด้านใน แสงไฟสลัวๆจากหลอดนีออนที่แกว่งไกวไปมาตามการโยกตัวของคลื่นทำให้รสลินเกือบจะเปลี่ยนใจเดินย้อนกลับขึ้นไป ถ้าบังเอิญไม่สังเกตเห็นเงาวูบไหวเบื้องหน้าปรากฏผ่านหางตาจนหล่อนไม่อาจหยุดยั้งความสงสัยเอาไว้ได้

           “ผู้กองจะไปไหนกันนะ?”

       น้องสาวโกฉัตรเดินตามมาจนสุดทางแยก ที่นั่นมีบันไดต่ำลึกลงไปอีกระดับหนึ่ง รสลินได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากข้างล่าง เมื่อเงี่ยหูฟังก็กลับหายไปเสียเฉยๆ

          “ผู้กองคะ ผู้กอง...”

    น้องสาวนายหัวชิงฉัตรตะโกนลงไป ในเวิ้งมืดทึบด้านล่างทำให้คิดว่ามันเป็นการเสี่ยงจนเกินไปที่จะก้าวตามชายหนุ่มลงไปข้างล่าง โชคดีที่มือของหล่อนสัมผัสกับปุ่มสวิทช์ไฟพอดี รสลินลองกดปุ่มเบาๆแสงไฟนีออนจากด้านล่างก็สว่างวาบขึ้นมา ช่วยทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น

           แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวลงไป เสียงร้องแหบโหยก็ดังลอดผ่านขึ้นมาเสียก่อน... และหล่อนก็จดจำเจ้าของเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี

           “บังราม? แกเข้ามาทำอะไรที่นี่??”

        เมื่อนั้นเอง ในความสว่างโพลนของหลอดไฟสีเหลืองอ่อนส่องให้เห็นร่างสารถีของโกฉัตรนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น นัยน์ตาคู่นั้นเหลือกลานด้วยความหวาดกลัวสุดพรรณนา อารามตกใจรสลินรีบปีนลงมาจนมาถึงพื้นเรือด้านล่างที่ค่อนข้างโคลงเคลงมากกว่าชั้นบน

            “บังราม”

      ชายวัยฉกรรจ์พยายามยันกายขึ้นด้วยร่างอันสั่นเทา มองมาที่หล่อนเหมือนเห็นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในความฝันมากกว่าจะเป็นความจริง

         “นายหญิง... นายหญิงมาช่วยไอ้รามแล้ว ช่วยพาออกไปด้วย”

   “แกเป็นบ้าอะไร แล้วขึ้นมาบนเรือนี้ได้ยังไง”

         “ไม่รู้ นายหญิง ผมถูกเขาพาขึ้นมาที่นี่ มาเพื่อชดใช้สิ่งที่ทำลงไปกับทุกๆคน แต่ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้ว ผมกลัวเหลือเกิน... ผมไม่อยากตาย!!”

    เสียงกรีดร้องโหยหวนของบังรามยิ่งทำให้หล่อนงงงันหนักยิ่งกว่าเดิม แต่บังรามไม่รีรอต่อไป มือเหี่ยวย่นของสารถีโกฉัตรคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนไม่ต่างกับปลิงเกาะ รสลินเกือบจะสะบัดหนีด้วยความขยะแขยงเสียก่อน ถ้าไม่ได้ยินประโยคที่อีกฝ่ายพล่ามออกมาเสียก่อน

           “เราต้องรีบไปจากที่นี่นายหญิง พวกเราทุกคนจะต้องตาย!!”

        “แกหมายถึงอะไร?”

        ระหว่างนั้นหล่อนเพิ่งจะมีโอกาสได้หันไปสังเกตห้องแคบๆแห่งนั้นโดยรอบด้าน มีแต่กล่องกระดาษใส่ข้าวของต่างๆจนเรียงเป็นตับไว้ในห้องด้านล่างนี่ ทว่าไม่มีแม้แต่เงาของผู้กองพระแสงแม้แต่น้อย แล้ว... แล้วเงาวูบวาบที่หล่อนมองเห็นในม่านหมอกก่อนจะตามลงมาที่นี่เล่า? นึกได้ดังนั้นหญิงสาวก็หันมองขึ้นไปด้านบนโดยมิได้เจตนา แล้วก็มองเห็น...

           มือของใครคนหนึ่งกำลังดึงแผ่นเหล็กเลื่อนลงมาปิดช่องทางเข้ามาในห้องเก็บของด้านล่างนี้โดยที่หล่อนไม่ทันคาดคิด และพริบตาเมื่อมันกดสวิทช์ไฟดับลง ความมืดทมิฬก็รายล้อมเข้ามาภายในห้องปิดตายแห่งนั้นโดยพร้อมกัน รสลินกรีดร้องออกไปสุดเสียงและก่อนที่จะได้ยินคำตอบของบังรามดังออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

              “พวกเราจะต้องตายกันหมด เพราะเรือลำนี้จะไม่เดินทางกลับคืนเข้าฝั่งอีกต่อไป!!”

                    *********************

      เปรี้ยง!!

     พระแสงรู้สึกเหมือนสดับเสียงบางอย่างดังขึ้นอย่างรวดเร็วจากเบื้องหลัง เพียงจังหวะของการขยับกายนิดเดียวเท่านั้น แรงปะทะบางอย่างก็พุ่งผ่านทะลุผิวกายเข้ามาอย่างรวดเร็วจนผงะหงาย อาการแรกที่เกิดขึ้นคือชาวูบที่ต้นแขนก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดอย่างรวดเร็วจนร่างสูงตระหง่านเซถลาลงไปที่ราวระเบียงกั้นโดยไม่ทันตั้งตัว

       เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็วเขาพยายามขยับกาย แต่ให้ตายเถอะ! ควันหมอกรอบทิศทางทำให้ไม่อาจมองเห็นอะไรไกลเกินกว่าฝ่ามือยื่นออกไปสุดแขนเท่านั้นเอง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพื้นที่ด้านท้ายกราบเรือกว้างแค่ไหนและไปสิ้นสุดที่ใด

     ชายหนุ่มข่มกลั้นความเจ็บปวดค่อยๆๆขยับร่างอย่างแผ่วเบาให้เกิดเสียงน้อยที่สุดเมื่อเคลื่อนกายสะเปะสะปะไปในความเวิ้งว้างเหมือนคนตาบอด รู้แต่ทิศทางของกระสุนปืนเท่านั้น

          พริบตาเท่านั้นเมื่อร่างปริศนาค่อยปรากฏโฉมขึ้นจากด้านหน้าราวปีศาจขุมนรก ม่านหมอกขยายกว้างออกจากกันจนมองเห็นใบหน้าและเรือนกายของมันอย่างชัดเจน...

              ...ราไวย์!

        นี่เป็นสมุนคนสนิทของนายหัวยอดธงนั่นเอง พระแสงพยายามครุ่นคิดด้วยความสงสัย ในเมื่อเขากับมันไม่เคยมีทีท่าจะเป็นศัตรูกันมาก่อน แล้วมันต้องการจะสังหารเขาเพื่อเหตุใดกัน?

        ราไวย์ยกปืนในมือขึ้นเล็งตรงมา พร้อมยิ้มแสยะกว้างขึ้นอย่างอำมหิต นายตำรวจเดนตายสัมผัสถึงความเหนียวเหนอะของคราบโลหิตที่ไหลซึมออกมาจากรอยแผลระหว่างก้าวถอยออกไปจนสุดปลายทาง

       ได้ยินเสียงมันขึ้นนกปืนดัง “กริ๊ก”อีกครั้งในความเงียบงัน ราวกับอยู่เพียงสองคนในปรโลก... แม้ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตาม

       “ลาก่อนครับท่านผู้กอง...”

             เปรี้ยง!!

     แต่แล้วในจังหวะวิกฤตนั้นเอง นาวามณีไพลินก็พุ่งเข้ากระแทกอย่างรุนแรงกับอะไรบางอย่างจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งลำเรือ พลังจากแรงกระแทกในชั่วเสี้ยววินาทีอันไม่คาดคิดทำให้มือสังหารเสียหลักถลำตัวไปข้างหน้าแม้ว่าปืนจะยังกำแน่นเอาไว้ในอุ้งมือ ในขณะเดียวกันก็ทำให้พระแสงเสียหลักล้มคะมำตามลงไปด้วยเช่นเดียวกัน ต่างกันแต่เพียงว่าตำแหน่งเบื้องหน้าของเขามิใช่พื้นระเบียงดาดฟ้าเรืออีกต่อไป เมื่อสะดุดราวเหล็กแคบๆระดับเอวที่กั้นเอาไว้ก่อนจะพลิกหงายแล้วดิ่งร่างหล่นร่วงลงไปยังพื้นน้ำด้านล่าง!

         ด้วยมือข้างที่เหลือผู้กองหนุ่มพยายามเอื้อมคว้าราวระเบียงปลายกราบเรือเอาไว้สุดชีวิต แต่ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ห่างไกลแสนไกลราวสุดขอบฟ้า มือข้างนั้นจึงตะกายสัมผัสกับความว่างเปล่าของอากาศอันเวิ้งว้างแทนที่ ร่างทั้งร่างจึงลอยละลิ่วลงมาด้วยแรงโน้มถ่วงโลก


        กาลเวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งเนิ่นนาน สัมผัสสุดท้ายที่ได้รับก่อนสติสัมปชัญญะทุกอย่างจะดับวูบคือแรงกระแทกหนักหน่วงจนปวดร้าวไปทั้งสรรพางค์เมื่อสัมผัสกับพื้นน้ำอันเย็นเฉียบไม่ต่างกับธารน้ำแข็งแล้วจมวูบลงลงไปเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

          ตูม!!!

                    *************************


         กาวีตบฝ่ามือตัวเองเข้ากับชายกางเกงปัดเศษฝุ่นดินที่ติดขึ้นมาให้ปลิวตกกลับลงไปบนพื้น พลางเป่าปากกับตัวเองด้วยความครึ้มใจ ทุกอย่างช่างง่ายดายเสียนี่กระไร ในเมื่อเบื้องล่างต่ำลงไปคือห้องเก็บของใต้ท้องเรืออันรโหฐาน ฝากระดานไม้ที่มันปิดกลับลงไปในจังหวะที่รอคอย จะช่วยขังผู้หญิงจอมจุ้น น้องสาวนายหัวฉัตรเอาไว้ได้สักระยะหนึ่ง จากนั้นแล้วจึงค่อยกลับขึ้นมาเปิดให้ภายหลังเมื่อภารกิจที่เหลือเรียบร้อยแล้ว

       มันตกลงกับราไวย์เพื่อแบ่งงานกันเอง เมื่อเห็นว่ารสลินพยายามเกาะติดกับนายตำรวจหนุ่มแจเหมือนกาวยางเหนียว

         “ต้องแยกทั้งคู่ออกจากกันก่อนโว้ย”

       ไอ้ราไวย์ออกความเห็น จนสบโอกาสเมื่อหมอกบ้านั่นเคลื่อนตัวเข้ามาพอดี ราวกับต้องการจะทำให้ภารกิจกำจัดผู้กองพระแสงลุล่วงไปด้วยดี ราไวย์รับหน้าที่เป็นฝ่ายสะกดรอยผู้กองหนุ่มเพื่อตามไป “เก็บ”  ส่วนมัน... คอยลอบจับตาดู น้องสาวนายหัวฉัตรตลอดเวลา และเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหล่อนตามไปรู้เห็นเหตุการณ์ครั้งนี้ มันจึงต้องพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาว

      รูปร่างของมันก็แทบจะไม่ต่างกับพระแสงสักเท่าใดนัก ยิ่งแต่งชุดด้วยเสื้อนอกสีขาวคล้ายชุดราชประแตนของอีกฝ่าย เมื่อมองจากด้านหลังในม่านหมอกหนาทึบก็พอจะช่วยพรางตาได้บ้าง

      “มีห้องเก็บของอยู่ข้างล่าง ยังไงลองลงไปสำรวจอีกที”

      ราไวย์กำชับมาก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไร แค่ผู้หญิงคนเดียวเรื่องนี้แทบจะหลับตาทำก็ยังได้ ขอแค่ให้รสลินไม่เห็นหน้ามันเท่านั้นก็พอ!

       และมันก็หลอกรสลินให้ตามลงมาถึงข้างล่างได้อย่างสบายๆ อาศัยความอยากรู้อยากเห็นและความสนใจที่มีต่อไอ้ผู้กองหน้าหยกนั่น เพียงแต่ไม่นึกมาก่อนว่าข้างล่างจะมีใครอีกคนอยู่ด้วย

          ไอ้บังราม!

         แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะมีสองคนเกินกว่าจะคาดคิดแต่แรก แต่ในที่สุดพวกมันทั้งคู่ก็ถูกขังเอาไว้ข้างล่าง โดยไม่เห็นแม้แต่ใบหน้าของมัน! กาวียิ้มในเงามืด ตอนนี้ก็เห็นจะรอ
แต่สัญญาณความสำเร็จจากไอ้ราไวย์ จากนั้นพวกมันทั้งคู่ก็จะได้รับ “รางวัล”ก้อนงามจากผู้เป็นนายที่กำชับกำชามาโดยเฉพาะ

      นายหัวยอดธง!

       แรงกระแทกรุนแรงของลำเรือทำให้ความฝันของมันหยุดชะงักไปชั่วขณะ เสียงกึงกังของโลหะกระทบกันจนกึกก้องอยู่ในห้องแคบๆ เห็นทีว่ามันจะต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนเสียแล้ว ไม่รู้ว่าข้างบนเกิดอะไรขึ้น...

        กาวีรีบไต่บันไดเหล็กเพื่อขึ้นมาตามเส้นทางแคบชันภายในเรือสำราญออกสู่ดาดฟ้าชั้นบน น่าแปลกมันไม่ได้ยินเสียงของใครสักคน นอกจากเสียงหายใจของตนเองราวกับกำลังอยู่บนเรือลำนี้เพียงคนเดียว แต่นั่นแหละ พวกแขกผู้ดีตีนแดงทั้งหลายคงมัวแต่ตื่นเต้นตกใจกับหมอกประหลาดเย็นยะเยียบนั่นจนหนีเข้าไปหลบห้องรับรองด้านในกันหมดเสียมากกว่า มันคิดให้เหตุผลกับตนเองระหว่างเหนี่ยวบันไดเหล็กด้วยความคล่องแคล่วแล้วโหนตัวขึ้นมาถึงช่องด้านบนสุด ที่เชื่อมต่อไปยังพื้นดาดฟ้าเรือ

      นั่นไงท้องฟ้ากระจ่างปราศจากเมฆและหมอกอย่างที่เห็นเมื่อครู่แล้ว มันมองขึ้นไปด้วยอาการยิ้มย่องแล้วมือก็เอื้อมขึ้นไปหาราวระเบียงขั้นบนสุด หากยังไม่ทันที่จะคว้าถึง เงาดำก็ทาบลงมาเหนือปากทางจนมันต้องเงยหน้าขึ้นไปด้วยความพิศวง

        “ใครวะ?”

        ไม่มีคำตอบ แต่กลับมีอุ้งมืออีกนับสิบที่ตะปบคว้าลงมาอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งกดลึกลงที่กลางกระหม่อม แล้วเล็บแหลมคมก็จิกลงไปจนผมหลุดออกมาทั้งกระจุกโดยที่กาวีไม่ทันได้หลบ ในความเจ็บปวดสุดขีดมันได้ยินเสียงหอบหายใจและกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งตลบลงมาจนฉุนกึกไปทั้งโพรงจมูกราวกับกลิ่นซากศพเหม็นเน่า สมุนเอกของยอดธงหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง ขุมขนลุกชันด้วยสังหรณ์แห่งมรณะ ทว่าช้าไปเสียแล้ว...

      ร่างของมันถูกมือเหี่ยวย่นและแหลมคมด้วยเล็บอันสกปรกฉวยคว้า ก่อนจะกระชากดึงขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัยจนหลุดออกมานอนแผ่หราอยู่บนพื้นดาดฟ้า เสียงหอบหายใจแต่แรก แท้จริงคือเสียงกรีดร้องระงมด้วยความกระหายหิวจนพล่านของกลุ่มอมนุษย์ที่มันไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต

       เงาดำทะมึนกลุ่มนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาคล่อมทับร่างของมันจนไม่อาจมองเห็นท้องฟ้ากระจ่างจ้าอีกต่อไป

      มันกรีดร้องสุดเสียง พยายามตะเกียกตะกายหนีจากการรุมล้อมของเหล่าปีศาจจากขุมนรกพวกนั้น ร้องเมื่อแขนข้างหนึ่งถูกขบเคี้ยวแล้วกระชากจนหลุดออกจากร่างโดยไม่ทันตั้งตัว

         ร้องเมื่อแขนอีกข้างหลุดตามออกไป เสียงบดเคี้ยวกร้วมๆดังขึ้นอย่างเอร็ดอร่อยและสยดสยองไปพร้อมกัน เมื่อนั้นมันมองเห็นแต่สีแดงก่ำเจิดจ้าเหมือนเม็ดทับทิมที่ส่องสะท้อนแวววามออกมาจากนัยน์ตานรกเหล่านั้น จนแพรวพราวเต็มไปทั้งผืนฟ้าอันดำทมิฬ แต่แล้วกรงเล็บของอมนุษย์ตนใดตนหนึ่งก็จิกพรวดลงมาในเบ้าตาของมันก่อนจะควักขึ้นมาใส่ปากเพื่อดับความกระหาย...

                 ********************
สุขสันต์วันหยุด และวันแรงงานนะครับ
แล้วติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ
หมอกมุงเมือง

จากคุณ : สามปอยหลวง
เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 18:56:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com