Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ห้วงแห่งนิทรา ตอน4 ติดต่อทีมงาน

ต้องบอกก่อนนะครับว่า เรื่องราวในอดีตนั้น ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ สมัยใดๆทั้งปวง เป็นจินตนาการ เท่านั้น....ภาษาถิ่นที่ใช้จึงไม่จำเป็นต้องใช้ิอย่างถูกต้องทั้งหมด

แต่เข้ามาวิจารณ์ติชมกันได้...พร้อมปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องเสมอ
-------------------------------------------------------------

ผมเดินทางถึงจังหวัดเชียงรายราวๆเที่ยงวันพอดิบพอดีโดยมี  กนกรส เพื่อนสนิทที่สุด สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมารับถึงสนามบินเชียงราย ซึ่ง เธอ อาสาเป็นไกด์นำเที่ยว กิตติมศักดิ์ให้ด้วย จากนั้นเรา ก็มุ่งหน้าตรงมายัง เชียงแสนทันทีใช้
เวลาไม่นานนัก ก็ เข้า เช็คอินโรงแรม เรียบร้อย ออกสำรวจเมืองตามภารกิจแรก ทันที โดยมี กนกรส ไกด์สาวสวย อธิบายประวัติศาสตร์เมืองเชียงแสน ตั้งแต่อยู่บนรถเลยทีเดียว

เชียงแสน  อำเภอ ริมฝั่งแม่น้ำโขงแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวและท่าเรือขนส่งสินค้าที่สำคัญของภาคเหนือ มีพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ที่มีบริเวณบรรจบกันของชายแดนไทย ลาว พม่า เชียงแสนมีส่วนที่เป็นทั้งเมืองเก่าหรือเวียงเก่า และเมืองใหม่ โดย ตัวเมืองเก่าจะอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่า ขณะที่นอกกำแพงเมือง
มีโบราณสถานกระจายอยู่ทั่วไปทั้งนี้เพราะเป็นเมืองสร้างขึ้นมาซ้อนกันหลายยุคหลายสมัย

(1)อาณาจักรโบราณ เมืองเชียงแสน มีอดีตความเป็นมาอันยาวนาน พอลำดับได้ว่าในอดีต ชนชาติขอมได้ตั้งอาณาจักรสุวรรณโคมคำ ขึ้นริมฝั่งแม่น้ำโขง เมื่อสุวรรณโคมคำ เสื่อมอำนาจลง พระเจ้าสิงหนวัติ กษัตริย์เมืองนครไทย ยกไพร่
พลลงมาสร้าง เมือง “นาคพันธุ์สิงหนวัตินคร”หรือ “โยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแสน” หลังจากเมืองโยนกนครเสื่อมทรามลงเมืองเชียงแสนรุ่งเรืองอีกครั้งในชื่อ “หิรัญนครเงินยาง”  สมัย พระยาลาวเม็ง ได้กำเนิด พญาเม็งรายราช
บุตร ต่อมาพญาเม็งราย ได้เข้าครอบครองเมืองเชียงราย และ ขยายการปกครอง เป็นอาณาจักรล้านนา เมืองเชียงแสน เมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของ พระเจ้าแสนภู หลานของพญาเม็ง  พระเจ้าแสนภู ครองเมืองเชียงแสนได้ 25 ปี ก็ขึ้นไป
ครอง อาณาจักรล้านนาที่เมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.1856 เชียงแสนในยุคสุดท้าย เป็นการแย่งชิงกันระหว่าง พม่า ชน
กลุ่มต่างๆ และไทย จนถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ จึงรวมอยู่ในราชอาณาจักรไทย  
 (1 ข้อมูลโดย สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง)

ผมกำลังฟัง กนกรส ไกด์สาวคนสวย บรรยายประวัติความเป็นมาของวัดแห่งหนึ่ง อย่างเพลิดเพลิน กระทั่ง มีกระแสลม วูบหนึ่ง พัดพาให้เข้าสู่ห้วงแห่งภวังค์ พลัน ปรากฎ เงารางๆของ สตรี สามนาง เดินผ่านจุดที่ผมยืนอยู่ไปยัง
ต้นโพธ์ขนาดใหญ่ และหนึ่งในสามของสตรี ใบหน้าละม้าย คุณหนูพริ้งพรรณรายยิ่งนัก ผมก้าวเดินตามหลังไปดังต้องมนตรา สะกด

ชุดที่สตรีทั้งสามนาง แต่งกายเป็นชุดโบราณแถบผ้าฝ้ายทอมือสีชมพูอ่อนพันรอบทรวงอก สไบห่มเฉียงเบี่ยงบ้าย นุ่งซิ่น ผ้าฝ้ายลายขวางยาวกรอมเท้า สีชมพูสลับสีขาว ผมยาว เกล้ามวยสูงกลางศีรษะ เสียบดอกไม้ประดับสวยงาม สตรี
ที่มีใบหน้าละม้าย คุณหนูพริ้งพรรณราย ยังมี เครื่องประดับทองสวมใส่คอและข้อมือ ส่วนสตรีอีกสองนางมิได้ สวมใส่ แต่ ก็งามจับใจ ไม่แพ้กัน

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ยังพบสตรี อีกนางหนึ่ง อายุราวๆ กลางคน นั่งอยู่คนเดียวบนแคร่ไม้สักไม่ห่างจากโคนต้นโพธ์มากนัก ข้างๆ กาง ร่มฉัตรคุ้มบังแสงอาทิตย์อย่างดี สตรีผู้นี้คงเป็นสตรี ผู้สูงศักดิ์ เมื่อมองดูจากเครื่องแต่งกายและ
เครื่องประดับ มีแถบผ้าไหมทอมือ ปิดอก คล้องคอทิ้งชายผ้าไป ด้านหลัง สไบห่มเฉียง สีเขียวอ่อน นุ่ง ผ้าซิ่นไหมทอมือ ลายขวางกรอมเท้า สีเขียวสลับขาว เข็มขัดทองคำ เกล้ามวยสูงกลางศีรษะ ปักปิ่นทอง ฝังพลอยสี ทับทิมสลับสี
เขียวมรกต ยามกระทบแสงสุริยา ระยิบระยับงามจับตา  

“คุณหนูพริ้งครับ” ผมกล่าว ทว่า เธอไม่ได้ยินสิ่งที่ผมเรียก น่าประหลาดใจยิ่งนัก สตรีทั้งสาม ทำราวกับว่าผมเป็นเพียงอากาศธาตุไม่มีตัวตน ผมก้าว
เดินมาเบื้องหน้า กล่าวทักทาย อีกครั้ง “คุณหนูพริ้งครับ” เหมือนเดิม สตรีทั้งสามไม่มีปฎิกิริยาตอบรับใดๆ ผม อึ้งเงียบไปสักครู่ กระทั้ง สตรีหนึ่งในสามนางนั้นทำลายความเงียบงันลงไป

“แม่พริ้งๆ วันพรุ่ง จักมีงานเดือนอ้ายแล้วหนา สายนที ยามราตรี คงสว่างไสวจากพะเนียงไฟโคมประทีบ บนฟากฟ้า จักสว่างไสวไปด้วยโคมลอย คงงดงามยิ่งนักแล  ” สตรีหนึ่งในสาม กล่าวพลางยิ้มอย่างมีความสุข

“  คุ้มหลวง จัก สว่างไสวไป ด้วยโคมแขวน แล ตุงที่ประดับประดา คงงดงามยิ่งนักแล ” สตรี อีกนางหนึ่งที่ยืนข้างๆกล่าวเสริม

ทว่า พินิจจาก อากัปกิริยา ของสตรีที่ชื่อว่าพริ้งไม่ใคร่ สนใจฟัง สตรีทั้งสองนาง กล่าวมากนัก เพราะกำลัง ชะเง้อ ชะแง้ มองอะไรบางอย่างด้วย ใจจดจ่อ สตรีที่นั่งอยู่บนแคร่ จึงกล่าวแทรกออกมาเสียก่อนว่า  

 
“พวกเจ้าไย คิดแต่ ความสนุกสนานรื่นเริง เยี่ยงนี้เองฤา ความสำคัญของประเพณีที่มี มาแต่โบราณกาล พวกเจ้ารู้ กันบ้างฤาไม่  ”    

“ การลอยโคมเป็นการบูชาองค์พระธาตุ จุฬามณี ที่ทรงอยู่บนสรวงสวรรค์ ” สตรีทั้งสองนางหน้าซีดเผือดลงทันที พลางกล่าวตอบว่า “ เข้าใจแล้วเจ้า…แม่เจ้าราชเทวี ”

พลัน สตรีที่ชื่อว่าพริ้ง กล่าวอย่างตื่นเต้นละล่ำละลักว่า “แม่เจ้า…เจ้าหลวง เสด็จพระดำเนินออกมาแล้ว เจ้า ”

“บัวคำไปสั่งความทหารเวรให้เตรียมพระเสลี่ยง มารับเสด็จ เจ้าหลวงบัดเดี๋ยวนี้เลย” แม่เจ้า ตรัสสั่งนางข้าหลวงด้วยสุรเสียงอันนุ่มแต่เฉียบขาดยิ่งนัก

ทันใดนั้นเองมี มือหนึ่งเอื้อมมาสัมผัสบ่า ทำให้ ผมหลุดจากห้วงแห่งภวังค์โดยสิ้นเชิง จากนั้น เหลียวไปมองต้นตอของมือนั้น  

“กริชเดินมาทำอะไรตรงนี้ รสเรียกหลายครั้งก็ไม่ยิน”หญิงสาวเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วสงสัย…

”เออๆ”  ผมเหลียวกลับไปมองสตรีทั้งสี่นางอีกครั้ง เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

“ รส เมื่อสักครู่เห็นคนตรงนี้บ้างไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

“ไม่เห็นมีใครเลยนี่ แต่มีนายนี่แหละมาทำอะไรตรงนี้” หญิงสาวกล่าวตอบด้วยสีหน้างงๆ

“ มีอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ย  “ เปล่าๆไม่มีอะไร” ชายหนุ่มกล่าวตอบ พลางครุ่นคิดอย่างงุนงงสงสัย..เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตาฝาดไปเองหรือว่าเป็นความฝัน แต่ไม่น่าจะใช่ แปลกใจกับปรากฏการณ์เหนื่อธรรมชาติเยี่ยงนี้

“อ้อ…เหรอ งั้นกริชเข้าไปสักการะพระธาตุก่อนเถอะ…เดี๋ยวไปดูท่าเรือเชียงแสนต่อ เสร็จแล้วไปทานข้าวกัน” หญิงสาวเอ่ย พลางทำมือเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มก้าวเดินไป

“อ้าว…ไม่ไปด้วยกันเหรอ” คมกริช เอ่ย พลางเลิกคิ้วสงสัย

“ผู้หญิงเข้าไปไม่ได้น่ะ….บริเวณพระธาตุห้ามผู้หญิงเข้า…มันเป็นตำนานความเชื่อโบราณน่ะ  ” หญิงสาวเอ่ยตอบ

--------------------------------
ผมคิดใคร่ครวญไปตลอดการเดินทางเที่ยวชมท่าเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือ เป็นเพราะว่า คิดถึงคุณหนูพริ้งมากเกินไป กระทั่งทำให้เกิดภาพหลอนขึ้นมาเอง  
ผมพยายามลืมเรื่องนี้ไม่อยากเก็บเอามาเป็นกังวลมากนัก  
กระทั่ง กนกรสไกด์สาวคนสวยพามานั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำโขง บรรยากาศโดยรอบสวยงามมาก อาหารก็อร่อย                

“จะกลับอังกฤษเมื่อไร….รส ? ”   คมกริช เอ่ยถาม
กนกรส เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในคณะเดียวกัน…ได้ทุนไปเรียนปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ

“อีกประมาณสองสัปดาห์ หรืออาจมากกว่านั้น” หญิงสาวกล่าวตอบ
“ที่บอกว่าอาจมากกว่านั้นน่ะ…เพราะต้องหาข้อมูลสำหรับทำวิทยานิพนธ์ให้ครบเสียก่อนต้องตามสัมภาษณ์คนเยอะเหมือนกัน..เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับประเทศไทยล้วนๆ ” หญิงสาว ร่ายยาว

“ว่าแต่กริช มีแฟนยัง?” หญิงสาว เอ่ย พลางเหลือกตามองด้วยความอยากรู้
“อ้าว….วกมาซะงั้น” คมกริช ตอบไม่ตรงคำถาม

 “ว่าแต่คุณเถอะ…ได้ข่าวควงกับ ดอกเตอร์หนุ่มตาน้ำข้าวอยู่ไม่ใช่เหรอ” คมกริชเปลี่ยนเป็นคนตั้งคำถาม
 
“อ้าว..เรียก รส อยู่ดีๆ เปลี่ยนเป็นคุณ ซะอย่างนั้น...แสดงความห่างเหินฉับพลันเลยนะ” หญิงสาวเอ่ย นัยน์ตาเศร้าๆปนน้อยใจ

สำหรับ กนกรส แล้วจะบอกเลิกกับแอนโทนี่ ซะเดี๋ยวนี้เลย ถ้าเพียงแต่ กริช ต้องการ….ทำไมนะคนที่เพรียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ แบบเธอ มีหนุ่มๆหน้าตาดี มีฐานะและความสามารถ มาขายขนมจีบมากมาย แต่เธอไม่เคย
สนใจ กลับมาชอบคนที่ไม่มีอะไรเลย ทั้ง ทึ่ม ซื่อบื้อ เงียบขรึม มีแต่เพียง ความอบอุ่นและใจดี…

ถ้าเพียงแต่เธอแสดงความสัมพันธ์เกินกว่าปรกติเข้า..เขาก็จะถอยระยะห่างออกมาเสมอ..บางครั้งทำราวกับว่า อยู่กันคนละโลกเลยด้วยซ้ำ จนเธอรู้สึกว่าความเป็นเพื่อนที่มีอาจจะหายไปด้วย ถ้า เธอแสดงความรู้สึก รุกเร้า ออกมาตรงๆ…สำหรับเขา เธอเป็นได้แค่เพื่อนที่แสนดีเพียงเท่านั้นจริงๆ
                 
“เปล่าๆ ๆ เราก็เรียกแบบนี้บ่อยๆน่ะ คุณบ้าง..เธอบ้าง..กนกรส บ้าง..รส บ้าง ”  คมกริช อธิบายแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“ สำหรับเรา จริงๆนะ…ถ้า ดอกเตอร์หนุ่มคนนั้นชอบ รส จริงเป็นเรื่องน่ายินดี อยากให้เพื่อนมีความสุขเหมือนคนอื่นเขาบ้าง  ”  คมกริช พูดพลางส่งสายตาอ่อนโยนให้หญิงสาว ที่ น้ำใสๆกำลังหลั่งรินอาบแก้มขาวนวล

“ดอกเตอร์ขี้แย เป็นด้วยแหะ” คมกริช ยิ้มเบาๆ  พลาง นำกระดาษเช็ดหน้าเช็ดน้ำใสออกจากแก้มหญิงสาว

“ไอ้บ้า” หญิงสาวกระแทกเสียงหนัก พลางทุบแขนชายหนุ่มเบาๆ คว้ากระดาษเช็ดหน้าจากมือชายหนุ่มมาเช็ดเอง    
----

จากนั้นมีความผิดปรกติบางอย่างกับร่างกายของ ผม จู่ๆ ก็หน้ามืดวิงเวียนศีรษะราวกับว่าโลกทั้งโลกกำลังหมุนเคว้งคว้าง ขนลุกเกลียวทั่วร่างอย่างไม่มีสาเหตุ …

เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ จนสายตา ปะทะเข้ากับลูกค้ากลุ่มหนึ่งประมาณสามคนที่เดินออกมาจาก ห้อง วีไอพีของร้าน หนึ่งในนั้นเป็นบุรุษร่างสูงแต่งกายภูมิฐานใบหน้าเข้ม ดูทรงอำนาจ อายุราวๆ 40-45 ส่วน อีกสองคนน่าจะเป็นลูกน้อง กำลังก้าวพรวดมายังโต๊ะที่ผมนั่งอยู่พอดี

สัญชาตญาณบางอย่างบอกกับผมว่าบุรุษผู้นี้อันตราย ยิ่งเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไร ยิ่งรู้สึกถึงรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างบุรุษผู้นี้ เป็นรังสีของความอำมหิต รู้สึกถึงอันตรายอยู่รอบๆตัวสติเริ่มพร่าเลือนจากนั้น ผมก็วูบลงไปชั่วขณะ

“กริช เป็นไรหรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ย ด้วย ความตื่นตระหนก

“อืม..ไม่เป็นไร ปวดหัวนิดหน่อยเดี๋ยวสักพักก็คงหาย ไม่ต้องห่วง” คมกริช กล่าวตอบหญิงสาว ด้วยใบหน้าซีดเผือด..จากนั้นคว้าแก้วน้ำมาดื่มเรียกความสดชื่น            

“ อ้าว หนู กนกรส มาทานข้าวที่นี่ด้วยเหรอ  ” บุรุษวัยกลางคน กล่าว พลางส่งสายตา กรุ่มกริ่มให้หญิงสาว

“สวัสดี ค่ะ พ่อเลี้ยง คำอินทร์ ” หญิงสาวกล่าวด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับนัก

“ กริช นี่ พ่อเลี้ยงคำอินทร์” หญิงสาวแนะนำชายหนุ่มให้รู้จัก

“อืม..สวัสดี ครับ  คมกริช ครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้

“อืม…พ่อหนุ่ม เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหม คุ้นๆนะ ” พ่อเลี้ยงกล่าวถาม พลางจ้องมองใบหน้า ผมอย่างเขม็งเกลียว  

“ไม่มั้ง ครับ ผมเพิ่งมาเที่ยวเชียงรายครั้งแรก”  คมกริช กล่าวปฎิเสธ ทว่าสมองผมคิดไปอีกอย่าง รู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูกเช่นเดียวกัน แต่ พลันสายตาชายผู้นี้.ที่จ้องมองมายังผมราวกับว่าเป็นสายตาของสิ่งดุร้ายบางอย่าง ที่จ้องตะครุบ
เหยื่อ ด้วยแรงอาฆาต เหงื่อกาฬ ผุดทั่วใบหน้าจนรู้สึกว่า อากาศรอบกายเหลือน้อยลงๆ        

“พ่อหนุ่ม เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีดเชียว” พ่อเลี้ยงคำอินทร์เอ่ยถาม  “ ไม่เป็นไรครับขอบคุณ ”

“ อ้อ…เหรอ ” พ่อเลี้ยงคำอินทร์กล่าว พลางบ่ายหน้าไป สนทนากับหญิงสาว

“ หนู กนกรส จะกลับยังไงละ เดี๋ยวผมไปส่งถึงบ้านเลยเอาไหมท่านไกรวิทย์อยู่บ้านไม่ใช่เหรอ  ” พ่อเลี้ยงคำอินทร์กล่าวพร้อมส่งสายตามีเลศนัยให้หญิงสาว

“ไม่เป็นไร ค่ะ ขอบคุณ คุณพ่อไม่อยู ค่ะ….ว่าแต่คุณ ศศิมา ภรรยาพ่อเลี้ยงไม่มาด้วยหรือ คะ ” หญิงสาวกล่าวดักคอพล.ต.ต ไกรวิทย์ คุณพ่อ กนกรส เป็น ข้ารายการตำรวจระดับสูง

“ ไม่มาครับ งั้นไปละครับ พอดีมีธุระ” พ่อเลี้ยงคำอินทร์ กล่าวจากนั้น เดินพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว…

น่าประหลาดใจหลังจากพ่อเลี้ยงเดินพ้นจากร้านไปแล้วอาการ ปวดศีรษะตัวร้อนเมื่อครู่ หายเป็นปรกติ อย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ กระนั้น ผมยังรู้สึกกังวลต่อเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ตลอดวันที่ผ่านมาเสียมิได้ มีบางสิ่งที่ ดูเร้นลับ อย่างบอกไม่ถูกจนรู้สึกว่าความกลัวเริ่มกระแทกเข้าสู่จิตใจ ความหวาดหวั่นเีิริ่มต่อตัวขึ้นที่ละน้อยๆ        
           
จากนั้น กนกรส บอกเล่า พฤติกรรมบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจของพ่อเลี้ยง ชอบทำตาเจ้าชู้ กรุ่มกริ่มให้เธอทั้งที่มี ภรรยาอยู่แล้ว ที่สำคัญเธอ รู้มาว่าพ่อเลี้ยง เป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในแถบนี้ และ ประกอบธุรกิจไม่ค่อยสะอาดมาก
นัก เธอยังได้ข่าวอีก ว่า พ่อเลี้ยงกำลังกว้านซื้อที่ดินอย่างหนักเพื่อจะสร้างเป็นนิคมอุตสาหกรรม คงมี เรื่องอะไรไม่ดีตามมา แน่ๆ

“เฮ้ย…..กริช โทรศัพท์ดัง…..ใจลอยไปไหน?” หญิงสาว เอ่ย…. “เออ…ขอบใจๆ ”

“กริช พี่ได้ข่าวแล้วนะ.” พี่โตรเจ้าของเสียงโทรศัพท์กล่าว

“อ้อ…ครับ ที่ไหนครับพี่” ชายหนุ่ม ยิ้มกว้างกล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ

แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 16:13:55

แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 22:32:00

แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 00:42:39

แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 00:14:55

แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 54 23:55:45

จากคุณ : atk
เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 23:29:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com