.
บทที่ 30 ในหัวใจ
ช่วงสัปดาห์นี้นายพากศิษย์รักคนใหม่ล่าสุดมักจะมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้มือใกล้ไม้ทุกวันตอนเย็นๆ หลังเลิกเรียน
หนุ่มน้อยหัวตั้งช่วยเขาลากอุปกรณ์กีฬาออกมาตรวจซ่อมบ้าง (ช่วยทำลูกบาสหลุดจากตาข่ายกระจายไปครึ่งโรงยิมบ้าง) ช่วยจับกระไดตอนที่เขาปีนขึ้นไปเช็คห่วงแป้นบาสบ้าง (ช่วยทำสวิงช้อนใบไม้ตกลงไปในสระน้ำบ้าง) ที่ช่วยให้เร็วกับที่ช่วยให้ยุ่งดูเหมือนจะก้ำกึ่งตัดสินลำบาก แต่รวมๆ แล้วก็ไม่ถึงกับเลวร้าย ถือว่าขำๆ เพลินๆ ดีเหมือนกัน
เห็น(ทำท่า)ตั้งอกตั้งใจช่วยงานขนาดนี้ พอโตมรถามว่าจะเอาอะไร ศิษย์รักคนใหม่ก็หัวเราะแหะไม่ยอมตอบ แต่พอทำงานกันไปซักพักก็มักจะถามถึง อาจารย์ชะลอ ขึ้นมา จะว่าแกล้งล้อเรื่องที่เขาขอให้ฝ่ายนู้นวาดภาพเปลือยให้ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะท่าทางถามไถ่นั่นดูเหมือนอยากรู้จริงจังซะมากกว่า
ตอนที่ถามว่าอาจารย์ชะลอใจดีรึเปล่านี่ยังไม่เท่าไหร่ บางทีนายพากอาจจะนึกอยากเรียนพิเศษศิลปะขึ้นมาก็เป็นได้ แต่ที่ถามว่าอาจารย์โตมรคิดว่าอาจารย์ชะลอเป็นยังไงมั่งเนี่ย....
...ถ้านายพากไม่ได้มีกิตติศัพท์เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าเกลียดเกย์ ตุ๊ด กะเทยทุกประเภทล่ะก็ โตมรอาจจะนึกสงสัยว่านายพากนึก สนใจ พี่ชายเขาเข้าแล้ว...
แต่คำถามนี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินเจ้าภูตจิ๋วล่องหนถามรึเปล่าโตมรก็ไม่แน่ใจ
พอถึงวันเสาร์ โตมรสอนศิษย์รักรุ่นใหญ่นายจีกับนายถั่วออกกำลังกายตอนเช้าตรู่เสร็จ ก็นั่งประจำตำแหน่งเฝ้าสระว่ายน้ำสิบโมงถึงบ่ายสามตามปกติ โดยมีนายพากมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เหมือนเคย
อาจเพราะเสาร์ที่แล้วมีงานโรงเรียน หรืออาจเพราะเปิดเทอมมาได้สักพัก ชีวิตการบ้านวันเสาร์อาทิตย์ของนักเรียนเริ่มอยู่ตัวกันบ้างแล้ว วันนี้ก็เลยมีผู้ใช้บริการเยอะ โตมรไม่ได้เร่งให้คนขึ้นจากสระตอนใกล้ปิด เพราะยังไงก็ต้องไปรอต่อคิวกันอาบน้ำอยู่ดี กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกไปพ้นประตูรั้วลูกกรงก็บ่ายสามครึ่ง
สองหนุ่มต่างวัยอาจารย์ศิษย์ช่วยกันเก็บย้ายข้าวของ ปิดหน้าต่างประตูห้องอาบน้ำ แล้วโตมรก็เปลี่ยนชุดจากเครื่องแบบอาจารย์พละสุดเชยกลับเป็นเสื้อยืดคอปกกับกางเกงยีนที่เขาใส่ออกจากบ้านมาเมื่อเช้า เพราะเป็นวันเสาร์เขาเลยไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงทำงานอย่างวันเปิดเรียนปกติ
ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินนำศิษย์รักออกมาปิดประตูรั้วลูกกรง เขย่าดูเบาๆ ให้มั่นใจว่ากุญแจติดเรียบร้อย แล้วก็หันไปเห็นหนุ่มน้อยหัวตั้งยืนยิ้มกริ่ม ทำหน้าเหมือนถูกอกถูกใจอะไรนักหนา โตมรแกล้งย่นคิ้วเคร่ง เหลียวมองตามสายตานายพากไปทางใต้ต้นหูกวาง แล้วก็ชะงักเลิกคิ้วนึกไม่ถึง
พี่ชายยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงนั้น
แวะกินข้าวข้างนอกแล้วค่อยเข้าบ้าน พอช่วยกันขนของจากรถไปเก็บเรียบร้อย โตมรก็ ไล่ คุณพี่ชายไปอาบน้ำก่อนเพราะขับรถเหนื่อยมาทั้งวัน แล้วคุณน้องชายก็จัดการปิดประตูใส่กุญแจเรียบร้อยอย่างกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง แถมปูที่นอนเตรียมไว้พร้อมอีกต่างหากทั้งที่พระอาทิตย์เพิ่งตกไปไม่นาน
พอตัวเองอาบน้ำเสร็จ กลับขึ้นมาบนห้อง ก็เห็นพี่ชายนอนเหยียดยาวหลับไปแล้ว โตมรพาดผ้าขาวม้าไว้ที่ราวเตี้ยข้างฝา แล้วมานั่งลงบนผ้านวมตรงข้างพี่ชาย
หัวค่ำปลายเดือนพฤศจิกาอากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนไม่เย็น ไม่ต้องห่มผ้า โตมรยังไม่ง่วง ปล่อยให้สายตาตัวเองพินิจพิจารณาใบหน้าและเนื้อตัวของพี่ชายไปอย่างนั้น ...ยิ่งนานก็ยิ่งคุ้นเคย... อีกหน่อยเขาคงจำกล้ามเนื้อของพี่ชายได้หมดทุกมัดเหมือนกับกล้ามเนื้อของตัวเอง... นึกแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
พี่ชายพลิกตัวบ้างเหมือนกัน ...นึกว่านอนท่าเดียวตลอดซะอีก... โตมรนั่งดูนิ่งอยู่เป็นชั่วโมง ...ถ้าใครเห็นคงนึกว่าเขาหลับคาที่ไปแล้ว... จนดึกถึงค่อยลุกลงไปตรวจประตูหน้าต่างข้างล่างอีกครั้ง ก่อนจะกลับขึ้นมาปิดไฟนอน
อยากกอดพี่ชายอยู่เหมือนกัน แต่กลัวพี่ชายจะรู้สึกตัวตื่น โตมรนอนตะแคงมองพี่ชายอยู่ในความมืด
แม้สายตาจะไม่เห็นอะไร แต่หัวใจเขาจำได้หมดทุกอย่างแล้ว
โตมรมาตื่นเอาตอนได้ยินเสียงประตูปิด
ลืมตาขึ้นมาเห็นห้องสว่างแล้ว แต่กะไม่ถูกว่ากี่โมง ...พี่ชายจะไปสอนสายรึเปล่า... ชะโงกดูเห็นพี่ชายยืนเช็ดหัวอยู่มุมห้อง โตมรยิ้มตาปรือ แล้วเริ่มปลุกตัวเองด้วยการซิตอัพยี่สิบครั้งต่อด้วยสะพานโค้งตามปกติ พอเสร็จก็ลุกเดินกะปรี้กะเปร่าไปที่ราวเตี้ยข้างฝา เอื้อมมือแล้วก็ชะงัก หันไปมองผ้าในมือพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
พี่ลอใช้ผ้าผมเหรอครับ
พี่ชายลดผ้าในมือลงเขม้นเพ่ง แล้วก็เลิกคิ้วสูง
เอ้อ! จริงด้วย! โทษที เดี๋ยวพี่เอาผืนใหม่ให้
พอพี่ชายขยับตัว โตมรก็แตะแขนอีกฝ่าย
ไม่เป็นไรครับ ผมใช้ต่อได้
พี่ชายหันมายิ้มแต่ดูตายังโรย
เปียกแล้ว ยกผ้าให้ดูประกอบ
โตมรหัวเราะ หันไปคว้าผ้าผืนของพี่ชายจากราว
ผืนนี้ไม่เปียกครับ ขยิบตาล้อหนึ่งที แล้วตวัดผ้าขึ้นพาดบ่า
พี่ชายพ่นลมหายใจแบบดูรู้ว่าแกล้ง
ผืนนั้นไม่เปียกแต่พี่ใช้แล้วเมื่อคืน โตจะเอาไปใช้ได้ไง
โตมรตีหน้าซื่อ ผ้าผมใช้แล้วพี่ยังแย่งไปใช้เลยนี่นา แล้วเปลี่ยนเป็นเข่นเขี้ยว แบบนี้ต้องเอาคืน!
พูดจบก็เดินผ่านหน้าพี่ชายแบบเฉี่ยวข้อมืออีกฝ่ายไปนิดเดียว ได้ยินเสียงงึมงำต่ำๆ จากข้างหลัง
ก็คนมันง่วงนี่เว้ย
อาบน้ำเสร็จเห็นประตูหน้าต่างชั้นล่างยังปิดหมด แสดงว่าพี่ชายยังไม่ลงมา โตมรขมวดคิ้วนิดหนึ่ง นาฬิกาข้างฝาบอกว่าจะเจ็ดโมงแล้ว ...ปกติพี่ชายสอนแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมง...
เดินกลับขึ้นห้อง พอเปิดประตูก็เห็นพี่ชายนอนเหยียดยาวหลับตานิ่งเหมือนเมื่อวานตอนหัวค่ำไม่มีผิด โตมรอมยิ้มขำ ย่องไปหย่อนผ้าพาดคืนที่ราวเตี้ยข้างฝา แล้วย่องกลับมายืนมองพี่ชายเงียบๆ จากปลายเท้า
...อยากมองอย่างนี้ไปชั่วชีวิต...
วูบหนึ่งของความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัว... แล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ ...พี่น้องสองคนตกค้างอยู่บนคานกันจนแก่เฒ่า คงน่าเอ็นดูอยู่มิใช่น้อย...
ยืนดูอยู่ตั้งนาน ไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยสักนิด แต่พี่ชายก็ปรือตาขึ้นมายิ้มกวน
มองอะไรน้องชาย
โตมรยิ้มตอบ นึกอยากแกล้งเล่น แต่เห็นหน้าตาอิดโรยของพี่ชายแล้วหัวใจมันก็อ่อนยวบ
มองพี่ชายครับ ก้าวขึ้นไปบนผ้านวมแล้วย่อตัวลงนั่งยอง เจ็ดโมงแล้วครับ...
บอกได้แค่นั้นแล้วก็พูดต่อไม่ออก ไม่อยากเอ่ยเร่งให้พี่ชายลุกขึ้นมาแต่งตัวเตรียมไปสอนเลย
พี่ชายขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แล้วเลิกคิ้วกระตุกขึ้นเหมือนนึกอะไรได้ เปลี่ยนกลับไปทำคิ้วยู่อีก ส่ายหน้าน้อยๆ
วันนี้บอกงดเด็กไปแล้ว ขอโทษที เมื่อวานพี่ลืมบอกโตสิเนี่ย เลยต้องตื่นมาแต่เช้าเลย...
คนนอนพ่นลมหายใจทำหน้าระอิดระอาตัวเอง โตมรยิ้ม แตะมือซ้ายลงบนแข้งพี่ชาย
ไม่เป็นไรครับ ปกติผมก็ตื่นประมาณนี้อยู่แล้วล่ะครับ อาทิตย์นี้พี่ลองดสอนก็ดีครับ จะได้พักซักหน่อย พี่ลอดูเหนื่อยมากเลย
พี่ชายพยักหน้าหงึก ยิ้มอ่อน
อื้อ พยายามเก็บภาพให้ได้หลายๆ ที่ เลยขับรถเยอะ... แก่แล้วด้วยแหละ กระดูกกระเดี้ยวไม่ค่อยดี
สองพี่น้องหัวเราะกันเบาๆ โตมรส่ายหน้าทั้งยังยิ้มกว้าง
ไม่แก่หรอกครับ แต่คงไม่ค่อยได้ออกกำลัง ยกมือซ้ายจากแข้งของพี่ชายแล้วแตะเบาๆ เร็วๆ สองทีเหมือนสะกิด นอนคว่ำครับ
หืม? พี่ชายชันคอขึ้นมามอง เลิกคิ้วสูงทั้งตายังปรือ
โตมรสบตายิ้ม ตอบเน้นทีละคำชัด นอน... คว่ำ... ครับ
พี่ชายขมวดคิ้วทั้งยังชันคอ แต่ก็ไม่ถามต่อ ยอมพลิกตัวขลุกขลักคว่ำลงแต่โดยดี
โตมรเคยเรียนรู้การนวดคลายกล้ามเนื้อสำหรับนักกีฬา พอมาเป็นอาจารย์พลศึกษาระดับมัธยมที่ต้องช่วยฝึกซ้อมนักกีฬาโรงเรียนด้วย แม้ไม่ได้ลงมือนวดลูกศิษย์เองก็ต้องสอนเด็กให้มีความรู้ติดตัวไว้บ้าง เลยยังจำทุกอย่างได้แม่นยำขึ้นใจ ยิ่งประกอบกับความรู้ด้านสรีรวิทยาของเขาด้วยแล้ว เรียกว่าหลับตายังนวดได้สบาย
มองร่างกายของพี่ชายที่นอนคว่ำอยู่ข้างๆ แผ่นหลังกว้างดูอบอุ่นอย่างที่เขาคุ้นใจ ช่วงสะโพกดูเพรียวแกร่ง และช่วงขาดูแข็งแรงหนักแน่น ...ไม่เห็นจะแก่ตรงไหน... แค่โหมงานหนักมากไปเท่านั้นเอง...
โตมรลุกย้ายไปนั่งลงตรงปลายเท้าพี่ชาย
ในเมื่อพี่ชายไม่ได้หลับ โตมรก็เลยขึ้นมานั่งนวดอยู่บนหลังพี่ชายสบายใจ
...นวดไปแกล้งไป...
ยิ้มไปขำไป แล้วก็...
...เขินไปด้วย...
ไม่ใช่เขินที่นั่งคร่อมสะโพกพี่ชาย เพราะนอนกอดกันมาตั้งกี่ครั้ง ร่างกายเบื้องหน้าของเขาทุกส่วนพี่ชายก็เคยเห็นเคยสัมผัสมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือให้ต้องอายอีก
...ตอนเต้นรำก็ป่ายกันมาแล้วด้วยซ้ำ...
แต่ที่เขินกลับเป็นเพราะสองมือเขาต้องกดแนบไปบนผิวเนื้อของพี่ชาย ...กล้ามเนื้อคมแน่นของพี่ชาย... อย่างทั่วถึง... ไม่เว้นแม้สักตารางนิ้วของด้านหลังนี่
แปลกใจตัวเอง... ตอนเรียนมหาวิทยาลัยแม้เขาจะไม่ได้เป็นนักกีฬาลงแข่ง แต่ก็มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนวดให้เพื่อนนักกีฬาชายปีละหลายคนตลอดทั้งสี่ปี และตอนนั้นก็ไม่เคยรู้สึกเขินอะไรแบบนี้เลย
...สงสัยจะเริ่มแก่...
นวดไปขำไป พอเสร็จจากไหล่กับท้ายทอย โตมรก็ลุกถอยกลับไปนั่งตั้งหลักที่ปลายเท้าเหมือนตอนแรก
นอนหงายครับ
.
จากคุณ |
:
พิธันดร
|
เขียนเมื่อ |
:
3 พ.ค. 54 16:29:41
|
|
|
|