Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บ่วงพราย ( บทที่ ๑ - ๒ ) ติดต่อทีมงาน

มาต่อแล้ว ครับ

 ขอโม้นิดนึงก่อน

 หลังจากลงบทนำไป  ผมก็ลั้นลา  มีความสุขมาก ๆ  อบอุ่นที่มีคนมาให้กำลังใจ อิ ๆ

 แต่...เมื่อกี้ เลิกงานมา  ตั้งใจ ลงบทที่ 1 ต่อ

 พอเปิดคอมปุ๊บ

  เสียง นั่นมันก็ดังขึ้น

    มัน  ดัง แคร่ก ๆ  ๆ

   ผมหัวเสียเล็กน้อย  อากาศก็ยิ่งร้อน ๆ

   คิดว่า คงเป็นเสียง พัดลมระบายอากาศที่รองโน้ตบุ๊คอยู่

    หงุดหงิด  นิด ๆ ที่ มันพังอะไร ตอนนี้ เสียตังอีกแล้วสิเรา  

    กระนั้น พอรู้ว่ามันเสีย เลยทำใจ ทนฟังเสียง แคร่ก ๆ ต่อไป
 
     แคร่ก ๆ  อย่างน่ารำคาญ  อีกสัก 2 นาที กว่า  ด้วยผมมัวแต่สนใจข่าว ในทีวี และ พร้อมกับ ไปแช่ผ้าหลังห้อง  

    กระทั่งตัดสินใจยกโน้ตบุค สุดที่รักขึ้น   เพื่อดูพัดลมระบาย อากาศ สีชม พู นั่นแหละ

   แจ๊กพ็อตเลย

    จังหวะนั้นเอง ......ผม นิ่ง  ตัวแข็ง ทื่อ   หยุดหายใจไปชั่วขณะ
 
      โชคดี ที่ไม่กรี๊ด เป็นตุ๊ด

        เพราะ ภาพที่เห็นคือ   หัวจิ้กจก ติดคาอยู่ใน ช่องพัดลม
          และหาง ส่วนหนึ่งมัน ก็กระดิกไหว ๆ อยู่ใกล้ ๆ กัน

            จริงอยู่ มันอาจจะตัวเล็ก ๆ

           ประมาณครึ่งนิ้วก้อยผม แต่...เหตุใดเล่า จิ้กจก เคราะห์ ร้าย ถึงลงไป

สังเวย ชีวิต ตรงนั้น !

        โอ...หัวซีด ๆ ดวงตา มันถลน ...

              กรี๊ดดดดดดดดดดด


                //////////////

              อันนี้ ลิงค์ บทเดิม ครับ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10512616/W10512616.html

---------------------------------


             บทที่ ๑


ผมไม่หลงเหลือความทรงจำในช่วงเวลาที่ร่างของตาหายลงไปในหลุมดินเลย...


จำได้เพียงเลือนรางว่า งานศพของตาจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย  และจบลงด้วยการฝังตาไว้ในหลุมดินที่ท่านรักยิ่ง  ทั้งที่มีเสียงคัดค้านจากญาติ ๆ  รวมถึงคนในหมู่บ้าน หากยายก็ยืนยันความคิดตัวเอง ที่จะฝังร่างตาไว้ในหลุมดินตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก  และนั่นคือภาพสุดท้ายของยายที่ผมจำได้  เพราะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมายายกับผมก็ดูเป็นคนแปลกหน้ากัน


ทั้งที่เวลาล่วงผ่านเกือบเดือน  แต่ในหัวของผมยังคิดว่าตายังอยู่ข้าง ๆ ผมเหมือนทุกวันที่ผ่านมา


ภาพและเสียงของตายังถ่ายโอนมาถึงผมเสมอ ๆ  ถึงแม้ตาจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว


ผิดกับยายที่ยังไม่ลมหายใจเข้าออก แต่ผมไม่อาจสัมผัสความมีชีวิตของยายได้เลย  ความรู้สึกนี้ยิ่งตอกย้ำว่า  ในความจริงผมเป็นเด็กในโลกนิทาน  รับรู้แต่เรื่องพิลึกพิลั่น  ติดอยู่ในโลกแห่งความฝันจากเสียงเงียบที่มีแต่ผมเพียงผู้เดียวที่รับรู้ได้


และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมทะเลาะกับยาย  ต้นเหตุมันเกิดจากผมบอกกับยายว่าผมได้ยินเสียงตาเรียกให้ผมไปหา ทั้งที่ความจริง มันก็แค่เรื่องสมมุติที่ผมสร้างขึ้น เพื่อไม่ให้ตนเองต้องติดอยู่กับความเจ็บปวด...

 
ท้องฟ้ายามเย็นย้อมด้วยสีเหลืองสด แพเมฆริ้วบางทาบขอบฟ้าไว้เสี้ยวหนึ่ง  


ผมถอนใจเฮือกใหญ่  ร่างโคลงอยู่บนเบาะรถจักรยานที่ปั่นด้วยใจเลือนลอย  ภาพในหัวย้ำย้อนคืนสู่ห้วงเวลาซึ่งพึ่งผ่านพ้น  วาบนั้นเสียงยายแผดก้องทั่วเรือนไม้   ผมยืนกำหมัดแน่นจ้องเขม็งตอบโต้ยายด้วยร่างที่สั่นเทา  ทว่าภายในอัดแน่นด้วยความอวดดี  จวบจนแรงมือซึ่งตบลงบนแก้มอย่างแรง  วินาทีนั้นผมจึงรั้งสติตนให้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้  


อาการเจ็บแผ่ซ่านมันแล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว กระทั่งผ่านมาถึงตอนนี้ ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดทับที่ดวงหน้าซีกซ้ายซึ่งยังคงเต้นตุบ ๆ อยู่
 

           ล้อจักรยานของผมสะดุดก้อนหินขนาดใหญ่ มันทำให้รถเสียการทรงตัวรถและค่อย ๆ เคลื่อนเบี่ยงออกชิดขอบถนน   ผมต้องใช้เท้าทั้งสองข้างบังคับอยู่พักใหญ่กว่าจะถีบต่อไปได้   ตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดนิ้วหัวแม่เท้าซึ่งครูดไปกับผิวถนน   กระนั้นมันยังน้อยกว่าหัวใจผม เพราะมันบอบช้ำอย่างหนัก


         ผมกัดฟันดังกรอด ๆ ออกแรงปั่นจักรยานเร็วจี๋มุ่งหน้าไปยังที่ซ่อนตัว    ซึ่งผมกับเพื่อนรุ่นพี่ เรียกมันอย่างเท่ ๆ  ว่า  ‘Radio-13’ มันคือ สถานที่ฝังเศษซากคนตายซึ่งตาซ่อนบางอย่างของท่านไว้   บางอย่างที่เป็นความลับให้ผมได้ค้นหาปริศนาจากพ่อกับแม่ ซึ่งจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ และอาจเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญใช้มัดตัวคนผิด ที่ยังลอยนวลอยู่ก็เป็นได้


          ครั้งหนึ่งตาเคยบอกกับผมว่า คนตายจะทิ้งข้อความไว้ให้เราสืบค้นเสมอ ข้อความซึ่งสื่อสารจากอีกฝั่งหนึ่งถ่ายทอดไปสู่โลกอื่นที่เรามองไม่เห็นหากสัมผัสได้ด้วยใจ


           สายลมหอบความเย็นโชยชายผ่านร่างผม เวลานี้น้ำตาได้แห้งไปแล้ว แต่คราบเกรอะกรังยังเปื้อนแก้มทั้งสองข้างอยู่  หน้าอกผมยังรู้สึกถึงอาการบีบรัด   และใจจะขาดเสียให้ได้เมื่อหวนคิดถึงภาพตอนยืนประจันหน้ายาย


ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างลำบาก  หูยังแว่วได้ยินเสียงตัวเองในเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านพ้นมา


              ‘ยาย ...ยายตบหน้าผมทำไม   ยายบ้า   ผมเกลียดยาย!’    
 

                ร่างของผมบนเบาะจักรยานโงนเงนไปมา ขาทั้งสองข้างมันกลับอ่อนแรงจนต้องปล่อยให้ล้อรถหมุนไปอย่างไร้ทิศทาง  ผมใช้หลังมือข้างหนึ่งเช็ดหน้า  สายลมที่พัดผ่าน ทำให้มีฝุ่นดินจับทั่วหน้าผม  พอสัมผัสก็รู้สึกสากมือ  แล้วพอเลื่อนมือไปตรงที่แก้มซึ่งถูกยายตบนั้น  ขอบตาผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีก


แสงแดดเบื้องหน้าเต้นระยิบกระทบผิวถนนลูกลัง   มันสะท้อนเงาต้นไม้ที่ทอดยาวไปตลอดทาง  


ครั้นมองไปยังปลายถนน   ผมกลับเห็นยายยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น   ตัวยายยาวเหยียด  ค่อย ๆ  โน้มเข้ามาใกล้ผม  เสียงหวีดแหลมของยายดังผ่านเข้าหูผม...มันดังซ้ำไปซ้ำมา ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง


               กระทั่งในจังหวะนั้นเอง  ฝ่ามือยายก็ตบลงที่แก้มผม อย่างแรง!


               เผียะ!   ล้อรถผมหมุนคว้างได้สักระยะก่อนที่จะหยุดลง  เงาดำเบื้องหน้าขยายทาบทับทุกสรรพสิ่ง  


ผมสั่นเทาหวาดกลัวแล้วตามด้วยการหวีดร้องลั่น  ผมยกสองมือขึ้นปิดหน้าตนเองไว้มิด


             ‘อย่า! อย่าทำผม ยาย  ทัพพ์กลัวแล้ว...’



          วินาทีนั้นหัวใจผมได้แตกสลายลง  และมันได้พัดหายไปกับสายลมหนาวอันเวิ้งว้าง...ของเดือนธันวาคม


   


ต่อด้านล่างครับ

แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 05:46:12

แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 19:09:58

แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 18:46:11

 
 

จากคุณ : เขมปัณณ์
เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 18:41:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com