[ซีรีส์พระจันทร์] นิมิตแสงจันทร์ - บรรพที่ 8
|
 |
บรรพที่ 8
ศิตาภาจำได้ว่าก่อนเข้านอนหล่อนมองออกไปนอกหน้าต่าง แลเห็นเสี้ยวจันทร์ซีดจาง เคล้าคลอกับดวงดารา แต่หล่อนไม่มีอารมณ์ชื่นชมผืนฟ้ายามราตรี หลังทาโลชันบำรุงผิว เสร็จแล้วจึงเข้านอนทันที ดังนั้นหญิงสาวจึงมั่นใจว่าหล่อนควรจะอยู่บนเตียง แล้วไฉนบัดนี้ ถึงมาเดินอยู่บนถนนได้เล่า...
หรือว่านี่เป็นความฝันทว่ามันชัดเจนทั้งในความรู้สึกและประสาทสัมผัส เมื่อหาคำตอบไม่ได้ ศิตาภาก็เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ สังเกตวิวทิวทัศน์รอบกาย ที่นี่คือถนนดาลิสหล่อนรู้จักดี และเป็นเส้นทางที่ต้องใช้ผ่านไปทำงานทุกวัน เดี๋ยวซ้ายตรงมุมนั้นจะมีร้านดอกไม้อยู่ ถัดไปอีกสามห้องจะเป็นร้านกาแฟ หล่อนเร่งฝีเท้าไปพอพ้นเลี้ยวก็พบร้านดอกไม้ อย่างที่คาดไว้ ไม่ผิดแน่ที่นี่คือถนนดาลิสจริงๆ เพียงแต่มันมีบางอย่างที่ไม่ปกติ ในความรู้สึก ไม่เหมือนทุกครั้ง...
ระหว่างที่ศิตาภาพินิจสภาพการณ์ พลันปรากฏเสียงขับขานหวานแว่วระคนเศร้าดังอยู่รอบกาย ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทันรู้ตัว เสียงนั้นประหลาดนักเป็นน้ำเสียงของคนๆ เดียว หากคล้ายประสาน ด้วยคนหลายคน หลากโทนเสียงขึ้นลงอุบัติเป็นท้วงทำนองอันไพเราะ ดังอยู่รอบกายจากทุกทิศ ดุจอ้อมกอดของสายลมอันอบอุ่นอ่อนหวาน ยิ่งเงี่ยหนูฟังก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มดังตกอยู่ในภวังค์ เมื่อเหลียวมองไปรอบตัว ผู้คนบนท้องถนนยังจับจ่ายอยู่เป็นปกติ หากแต่ขยับกาย อย่างเชื่องช้าลงเรื่อยๆ คล้ายภาพสโลว์โมชัน แล้วอยู่ๆ การเคลื่อนไหวนั้นก็ยุติไปในที่สุด
ตั้งแต่เสียงขับขานนั่นดังขึ้น ผู้คนบนท้องถนนคล้ายต้องมนตราของคีตาประหลาด ที่ฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาใดในโลก รู้เพียงว่าบทเพลงนั้นไพเราะเหลือเกิน...แผ่วพลิ้ว เรื่อยรินดังสายลมกระทบผิวน้ำ หรือจะเป็นเสียงเพลงของนางพรายกัน หากเป็นนางพราย ศิตาภาก็ไร้ข้อกังขาใดๆ ก็นางหาใช่มนุษย์ธรรมดานี่นะ แต่นางจะร่ายมนต์สะกดผู้คน ในเมืองให้หลับใหลไปเพื่อการณ์ใดหล่อนฉงนนัก แต่ที่น่าประหลาดกว่า คือหล่อนไม่รู้สึก หวาดกลัว ตรงกันข้ามความสงสัยกลับทบทวีขึ้น
นางพรายกำลังครวญเพลงอยู่จริงๆ หรือ? แล้วอยู่ที่ไหนกัน ร่างระหงเหลียวไปตามทิศ ที่แว่วเสียงคีตาดังมา
ทิศนั้น...น้ำพุนางพราย เธออยู่ที่นั่น! เมื่อได้คำตอบแล้ว ศิตาภาก็เร่งฝีเท้าไปยังน้ำพุนางพราย ประติมากรรมขนาดใหญ่กลางกรุงกีลาล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผู้คนยังยืนนิ่งคล้ายต้องมนต์สะกดให้แข็งค้างอยู่ในอิริยาบถต่างๆ บางคนกำลังถ่ายภาพรูปปั้น กลางน้ำพุนั่น รูปปั้นที่ที่บอกเล่าตำนานอันเป็นมุขปาฐะประจำประเทศ กลางน้ำพุมีกัลยาณี รูปร่างอรชรดวงหน้าโสภิณยิ่งกว่านางใดในหล้า กำลังชี้มือไปยังทิศที่พระบรมมหาราชวัง ตั้งอยู่ในปัจจุบัน ห่างออกไปอีกฝั่งหนึ่งมีพระรูปจำลองของกษัตริย์หนุ่มวรองค์สูงสง่า ทรงเกราะนักรบ
โดยมีเหล่าอัศวินทั้งหกหลับใหลอยู่ด้านหลัง หญิงสาวเห็นรูปปั้นเหล่านี้จนเจนตามานักแล้ว แต่วันนี้ทุกอย่างหาได้เป็นดังเดิมไม่ ในน้ำพุกลับมีรูปปั้นชายหนุ่มเพิ่มมาอีกรูปหนึ่ง บุรุษผู้มาใหม่นี้มิใช่นักรบ มิใช่เทวา เขาสวมเพียงเฮมาดังเช่นประชาชนชาววิปุลาทั่วไป รูปปั้นชายผู้นั้นนั้นมองดูเผินๆ คล้ายถูกสลักเสลามาด้วยกันกับคณะรูปปั้นที่มีอยู่เดิม หากคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนคงไม่รู้แน่
ศิตาภาขยับเข้าไปใกล้จนชิดขอบกำแพงรอบน้ำพุ เพ่งมองดูรูปปั้นชายหนุ่มนั่งเท้าคางเ หม่อหมองดูสายน้ำ อยู่ด้านข้างของนางพราย ขาข้างหนึ่งของเขาชันเข่าไว้ส่วนอีกข้าง ห้อยลงไปละผิวน้ำ หล่อนดูอย่างไรรูปปั้นนี้ก็เป็นของแปลกปลอม ผิดกันตั้งแต่ขนาด ซึ่งสร้างไว้เท่ามนุษย์จริงในขณะที่รูปปั้นอื่นๆ นั้นสูงใหญ่ไม่ต่ำกว่าสามเมตร มนต์แห่งความฉงนหงายส่งผลต่อจิตใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวเลิกชาย ชุดฮาเนียที่ยาวกรอมเท้าขึ้น แล้วก้าวข้ามขอบกั้นลงไปในน้ำพุ!
หล่อนเดินลุยน้ำมาจนถึงชายหนุ่มผู้ถูกสร้างด้วยศิลา เขาอาจมองคล้ายมนุษย์ทั่วไป แต่เมื่อพินิจไปทั้งสรรพางค์กายแล้ว หญิงสาวไม่คิดว่าเจ้าของร่างนี้เป็นมนุษย์ ก็ดูแต่ ใบหน้านั้นเล่าช่างสลักเสลาได้งดงามปานเทพบุตร สรรสร้างได้งามสรรพลงตัวไปเสียทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าเรียวหากมีสันเหลี่ยมกราม เติมเสน่ห์เพศชายไม่ให้ใบหน้านั้นหวาน จะเกินไป รูปคางไม่แหลมและเหลี่ยมจนดูกระด้างกลับตัดมุมได้ในสัดส่วนที่ดี จมูกนั้นก็ โด่งเป็นสันเรียวแม้มองจากด้านข้างก็หาได้ทำให้ความคมสันนั้นลดน้อยลง แต่ส่วนที่ อ่อนโยนที่สุดในหน้าและดึงดูดสายตาที่สุด กลับเป็นดวงตาคู่สวย ซึ่งปั้นแต่งไว้ละเอียด ประณีต มีแม้กระทั่งเส้นขนตายาวที่เรียงเป็นแพ ปกด้วยปีกคิ้วเข้มวางไว้บนหน้าผากราด ทุกอย่างลงตัวจนยากที่จะหาจุดติ ศิตาภามองแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นชม
ใครหนอช่างปั้นนัก... หล่อนพึมพำออกมา ก็บุรุษที่รูปงามได้ถึงเพียงนี้คงไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่ ว่าแล้วหญิงสาวก็เงยหน้ามองสูงขึ้นไปยังสตรีนางเดียวในน้ำพุแห่งนี้ สตรีที่ประทานร่างให้ ชายหนุ่มนั่งพิงอิงแอบอยู่แทบเท้า
นีรา...เขาเป็นลูกชายของท่านใช่ไหม? แม้นางพรายไม่ได้เอ่ยเอื้อนตอบกลับมา แต่หญิงสาว มั่นใจว่าหล่อนหาได้เข้าใจผิดไม่
บุตรชายแห่งนางพราย...ฉันเรียกคุณอย่างนี้ได้ไหมคะ? ก็ฉันไม่รู้ชื่อของคุณนี่นา
จากคุณ |
:
แก้วกังไส
|
เขียนเมื่อ |
:
3 พ.ค. 54 22:34:21
|
|
|
|