บทที่ 7
ธุระของเมษรักษ์ที่เพลงพรรษได้รับรู้คือการที่เขาพาเธอมานั่งร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานพระรามแปด โดยใช้เหตุผลว่า ผมหิว คุณไม่มีธุระที่ไหนต่อใช่ไหม ลองเขาลงด้วยคำถามอย่างนี้ หญิงสาวรู้ทันทีว่าปฏิเสธไม่ได้
บรรยากาศของร้านก็ไม่ต่างจากร้านอื่นๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำ อากาศค่อนข้างเย็นจากไอน้ำและสายลมอ่อนๆ เสียงเพลงคลอบรรยากาศยามเย็นเบาๆ ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในร้าน ด้วยเป็นเวลาหลังเลิกงาน ร่างสูงที่เพิ่งถอดแว่นกันแดดออกเมื่อไม่นานนั่งยกแขนทั้งสองข้างพาดพนักเก้าอี้พร้อมยกขาพาดขาอีกข้างหนึ่งอย่างสบายอกสบายใจ
ตรงกันข้าม...เพลงพรรษมีท่าทางอึดอัด เกร็ง ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร เธอไม่ชินกับร้านอาหารค่อนไปทางหรูอย่างนี้ โดยเฉพาะการต้องนั่งทานกันสองคนกับ เจ้านาย วันนี้อารดาไม่ได้โทรหา และเธอเองไม่ได้โทรหาฝ่ายนั้นเช่นกัน เพราะหญิงสาวบอกไว้ว่างานค่อนข้างยุ่ง จะเป็นฝ่ายติดต่อมาเองหากมีธุระ
เชิญคุณสั่งได้ตามสบายเลยนะ เขาเอ่ยขึ้นเมื่อบริกรนำเมนูมายื่นให้
พี่เมษสั่งเถอะค่ะ พรรษทานอะไรก็ได้ หญิงสาวเอ่ยเบาๆ และเขาก็ยักไหล่ง่ายๆ ก่อนหันไปสั่งอะไรสองสามอย่างแล้วหันมาจ้องเธอตรงๆ เพลงพรรษยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีก
คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูท่าทางเหมือนกระวนกระวายใจ ท่าทางคนถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจจริงจัง ถามไปชนิดหาเรื่องคุยเสียมากกว่า กระนั้นเพลงพรรษก็อยากบอกเขาเหลือเกินว่าเธอกระวนกระวายใจกับการไม่ได้บอกปรานต์ถึงการมาทานข้าวหลังเลิกงานวันแรก หนำซ้ำตอนเก็บของเธอพบว่าโทรศัพท์ดับไป ซึ่งเธอไม่ได้ปิดเครื่อง นั่นแสดงว่าแบตเตอร์รี่หมด หญิงสาวไม่กล้าขอเวลาใช้โทรศัพท์บริษัทเมื่อเขาเร่งมา จึงปล่อยให้เลยตามเลยมาถึงตอนนี้
คือ...พรรษกลัวที่บ้านเป็นห่วงน่ะค่ะ
อ้อ เรื่องนี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณถึงบ้าน ถ้าที่บ้านคุณว่าอะไร ผมจะรับผิดชอบเอง ดีไหม เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่บ้านคงไม่ว่าอะไร พรรษคงคิดมากไปเอง ด้วยความกลัวเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ หญิงสาวจึงรีบบอกไปอย่างนั้น ไม่อยากนึกภาพว่าถ้าเมษรักษ์มีโอกาสได้พบกับปรานต์หรือคุณปภาวีจะเกิดอะไรขึ้น
หึ! งั้นดีเลย คุณคงไม่รีบถ้าหลังจากทานข้าวเสร็จผมจะชวนคุณไปเดินเล่นตรงลานใต้สะพานพระรามแปด รับรองผมจะไปส่งคุณถึงบ้านไม่เกินสามทุ่มแน่นอน จากคำพูดนี้ทำให้เพลงพรรษแทบอ้าปากค้าง ด้วยรู้ว่าเผลอพูดเปิดทางให้เขาเสียแล้ว
หญิงสาวพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งทานอาหารเงียบๆ เมื่อบริกรทยอยเสิร์ฟอาหาร ความจริงรสชาติอาหารร้านนี้อร่อยไม่แพ้ร้านไหนๆ ที่เพลงพรรษเคยทานเลย เพียงแต่ขณะนี้เธอรู้สึกว่าลิ้นตัวเองชาจนแทบไม่รับรู้อะไรเลย
ต่างจากอีกฝ่ายที่ทานอาหารไปชมบรรยากาศไปสลับกับมองใบหน้าเรียวที่ก้มมองอาหารจนหน้าแทบติดกับจานเลยทีเดียว ชายหนุ่มพอใจกับภาพที่ได้เห็น ผู้หญิงน้อยคนนักที่เขาเคยเจอจะมีอาการอย่างนี้ ขนาดเขาตีสีหน้าขรึมตลอดเวลา บางคนยังอดทนยิ้มร่าได้ ผิดกับหญิงสาวตรงหน้า ถึงเขาจะยิ้มหรือทำตัวสบายแค่ไหน เธอก็ยังวางตัวไว้เหมาะสมอยู่ดี
ตอนเพลงพรรษรวบช้อนบ่งบอกว่าอิ่มแล้ว และเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวเธอพบว่าบริกรเพิ่งวางถ้วยไอศกรีมลงตรงหน้าพอดี ริมฝีปากเรียวสวยเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ความชื่นชอบไอศกรีมแล่นขึ้นใบหน้า ทว่าพอนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้สั่งเธอก็เงยมองไปยังเมษรักษ์ ฝ่ายนั้นยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว และตรงหน้าเขาก็มีไอศกรีมเช่นกัน
หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจไอศกรีม เหมือนผู้หญิงกลัวอ้วนหลายๆ คน เขาบอกง่ายๆ แล้วตักไอศกรีมเข้าปากเพื่อเป็นการบอกว่าให้เธอเริ่มทานได้ ความกระจ่างบนใบหน้าของเพลงพรรษลดลงเล็กน้อย หากดวงตาไหวระริกของเธอก็ไม่รอดพ้นการมองเห็นของคนพามา
เมื่อจัดการค่าใช้จ่ายในร้านอาหารโดยเพลงพรรษไม่มีสิทธิ์ควักเงิน เขาก็พาเธอมาเดินเล่นตามความตั้งใจที่บอกไว้ หญิงสาวนึกอยากถามหลายครั้งว่าเขาไม่ไปทำธุระที่บอกไว้หรอกหรือ หากก็ไม่กล้าสักที นี่อาจเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของหญิงสาว ความเกรงอกเกรงใจจนเกินไป ทำให้เธอมักถูกรวบรัดด้วยประโยคง่ายๆ ของผู้ชายคนนี้หลายต่อหลายครั้ง
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว ทำให้เพลงซึ่งเดินเคียงมาใกล้ๆ ต้องทรุดนั่งลงอย่างไม่กล้าเสียมารยาท เธอไม่รู้ว่าเขาจะพามาเดินทำไมให้เสียเวลา ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากกว่าการทานอาหารและเดินเรื่อยเปื่อย
คุณเคยอยู่ห่างจากคนที่รักมากๆ จนคิดถึงเขาแทบทนไม่ไหวไหม...เพลงพรรษ จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นโดยยังหันหน้าไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะท้อนแสงไฟตามริ้วคลื่น
คะ? พอหลุดคำนั้นออกไป หญิงสาวรู้สึกว่าตั้งแต่เจอเขา เธอหลุดคำนี้บ่อยกว่าคำไหนๆ เพราะเขามักทำให้เธอแปลกใจตลอดเวลา และเมื่อไม่มีคำพูดใดตามมา หญิงสาวจึงสูดหายใจเข้าปอดสุดลึก บอกตัวเองว่าบางทีเขาอาจมีเรื่องไม่สบายใจ ต้องการแค่เพื่อนคุย ซึ่งเธอน่าจะพอคุยกับเขาได้ ณ เวลานี้ เคยสิคะ ท่านเป็นคนที่พรรษรักและเคารพเหมือนแม่คนหนึ่ง ท่านดีกับพรรษมาก คอยดูแลเอาใจใส่ คอยกล่อมให้พรรษนอนหลับ เพราะพรรษเป็นคนนอนหลับยาก แต่ท่านมีวิธีของท่าน...
คุณเป็นคนหลับยาก? เขาหันขวับมาขัดคำพูดเธอ เพลงพรรษสะดุ้งเบาๆ ก่อนตอบ
ค่ะ
แล้วเขาอยู่ไหนแล้วตอนนี้ คำถามค่อนข้างให้ความสนใจมากทีเดียว เพลงพรรษมองด้วยความงุนงงแต่ก็ยอมตอบออกไป
ท่านเสียไปนานมากแล้วค่ะ พอได้รับคำตอบอย่างนั้น เหมือนไหล่ที่ตั้งฉากเสมอจะห่อลู่ลงเล็กน้อย นำพาซึ่งความแปลกใจมายังคนมองอีกครั้ง อุ๊ย! เพลงพรรษอุทานเมื่ออยู่ๆ เขาก็ทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับวางศีรษะลงบนตักของเธอแบบไม่ทันตั้งตัว
ผมง่วง ขอหลับสักงีบ เขาบอก ไม่ละสายตาจากท่าทางยกมือปิดปากเพื่อสกัดเสียงร้องเมื่อสักครู่ไม่ให้ดังจนคนแถวนี้ตกใจ ผมเป็นคนหลับยากเหมือนกัน ไหนคุณลองทำให้ผมหลับหน่อย เอาแบบวิธีที่ทำให้คุณหลับได้น่ะ
ว่าแล้วเขาก็ค่อยปิดเปลือกตาลง เพลงพรรษจ้องมองใบหน้าเรียบนิ่งบนตัก มือยังยกค้างด้วยไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน และไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อเป็นการให้เขายกศีรษะออกไปจากตักของเธอ
ยิ่งคุณช้าเท่าไหร่ ผมจะยิ่งไปส่งคุณที่บ้านช้าเท่านั้นนะ เขาพูดทั้งยังหลับตา
หญิงสาวรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นรัวจนแทบหลุดออกมานอกอก นับตั้งแต่มีลมหายใจมาเธอยังไม่เคยใกล้ใครขนาดนี้ แม้กับปรานต์ที่ถือว่าใกล้ชนิดสนิทสุดแล้วก็ยังไม่เคยถึงขนาดนี้เลยสักครั้ง ยิ่งเธอลังเลเท่าไหร่ เขาก็นิ่งเฉยมากเท่านั้น เมื่อไม่มีทางออกอื่นใดหญิงสาวจึงตัดใจทำแบบที่มีนรักษ์เคยทำให้เธอเมื่อครั้งนางยังมีชีวิตอยู่
ขออนุญาตนะคะ เธอบอกเบาๆ ก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ สอดเข้าไปในเส้นผมหนาดำสนิทของคนนอนหนุนตักเธออยู่ นวดหนังศีรษะเบาๆ ก่อนจับกลุ่มผมเล็กๆ ตรงโคนผมแล้วรูดขึ้นไปจรดปลายผม ทำแบบนั้นซ้ำๆ กันหลายครั้ง
วิธีนี้หรือที่ เขา ใช้ทำให้คุณนอนหลับ มือใหญ่คว้าหมับที่มือบางซึ่งกำลังใช้วิธี กล่อม ให้เขาหลับ ดวงตาคมเบิกโพลง ฉายแววสับสน วูบไหว เพลงพรรษสะดุ้งอีกครั้ง นึกหวั่นว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ คุณหลับด้วยวิธีนี้หรือเพลงพรรษ
คะ...ค่ะ พรรษขอโทษค่ะถ้าทำให้พี่เมษไม่พอใจ หญิงสาวละล่ำละลักตอบ เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตรงไรผม แม้อาการจะไม่ได้ร้อนอะไรเลย
ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่เผยรอยหวาดหวั่น เป็นนานกว่าอาการเกร็งมือของเขาจะคลายลง และทำให้เจ้าของตักแปลกใจอีกครั้งด้วยการหลับตาลงพร้อมบอกว่า
ผมชอบวิธีนี้ และผมกำลังจะหลับ คุณทำต่อได้ เขาลดมือลงประสานกันบนแผงอก เพลงพรรษมึนงงชั่วครู่ ก่อนสอดมือเข้าไปในเส้นผมของเขาโดยไม่รอให้เขาส่งเสียงบังคับขู่หรือไม่พอใจ
เพียงไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่นอนหนุนตักเธอเป็นสัญญาณบอกว่าเขาหลับสนิท เหลือเชื่อว่าจากท่านอนที่ขายาวเลยเก้าอี้ไปเยอะพอสมควรจะทำให้เขาหลับสนิทได้
เพลงพรรษได้ประจักษ์คำพูดของใครสักคนที่เคยบอกว่า มนุษย์ทุกคนจะมีใบหน้าอ่อนโยนยามเมื่อนอนหลับ ผู้ชายคนนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่ายามมีสติเขาจะพยายามยิ้มสักเท่าไหร่ แต่ดูยังไงก็ยังมีความเครียดขึงเคลือบแฝงอยู่เสมอ ผิดกับเวลานี้ที่เรียบเฉยแถมยังมีความกระจ่างทาทาบใบหน้าแลคล้ายเขากำลังยิ้ม
และนั่นทำให้หญิงสาวมองเขาด้วยดวงตาอ่อนโยนกว่าทุกที เผลอยิ้มพอใจกับการนอนหลับของเขา...เธอชอบกับการทำให้คนอื่นมีความสุข
ร้องไห้? เสียงหญิงสาวกระซิบแผ่วกับตัวเอง เมื่อเห็นหยดน้ำไหลจากหางตาของชายหนุ่ม ลมหายใจเขายังสม่ำเสมอบอกว่าหลับสนิทเช่นเคย หรือเขาจะฝันร้าย...ปลุกดีไหมนะ? แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ด้วยใบหน้าของเขายังคงกระจ่างไม่ได้มีแววระทมทุกข์เพลงพรรษจึงได้แค่คิดไม่กล้าปลุกเขาให้ตื่น
มือเรียวขยับเบาแสนเบาเพื่อล้วงลงในกระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัว หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางออกมาถือไว้ ทำใจกล้าอีกอึดใจแล้วค่อยบรรจงเช็ดคราบน้ำตาของเขาแผ่วเบา นุ่มนวล
ขอบคุณ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับลืมตามองเธอระยะใกล้ เพลงพรรษชะงักมือที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เขา เธอรีบดึงมือกลับแล้วเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบให้เขาลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงนั่งยืดตัวแล้วเอียงข้างไปอีกทาง คล้ายกำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง ก่อนลุกยืนและชวนเธอกลับ
ตลอดระยะทางที่นั่งมาในรถด้วยกันมีเพียงความเงียบ เมษรักษ์ดูจะตั้งใจขับรถเป็นพิเศษเหมือนเขาตกอยู่ในห้วงคิดของตัวเอง ส่วนเพลงพรรษเธอไม่กล้าพูดหรือถามอะไรหากเขาไม่เป็นฝ่ายชวนคุย ยิ่งเมื่อหวนนึกไปถึงหยดน้ำตาตอนหลับของเขา ใจเธอยิ่งรู้สึกโหวงๆ อย่างไรพิกล ผู้ชายท่าทางเข็มแข็งอย่างเขาสามารถมีน้ำตาตอนหลับได้ แสดงว่าลึกๆ เขาย่อมต้องมีความทุกข์ คิดแล้วให้นึกเห็นใจตามประสาคนจิตใจดี
และวันนี้เพลงพรรษต้องแปลกใจเมื่อรถจอดสนิทและเธอหันมองนอกกระจกรถพบว่าเป็นหน้าบ้านพสุธาเทพ หญิงสาวอึ้งด้วยความตกใจ เพราะเธอมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ทันสังเกตตอนเขาเลี้ยวเข้าซอยมาจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ไม่มีเวลาแม้แต่จะนึกสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่บ้านหลังนี้ มือเรียวรีบดึงประตูให้เปิดออกเมื่อเขาปลดล็อก
เอ่อ...ขอบคุณมากนะคะพี่เมษ มือเรียวพนมไหว้ด้วยอาการร้อนรน พอชายหนุ่มหันมามองเธอหางตาจึงเห็นว่ามีใครบางคนยืนมองพวกเขาจากหลังประตูรั้วใหญ่ดัดลวดลายไว้งดงาม ชายหนุ่มแสยะยิ้มแล้วเลื่อนมือหยิบแว่นสีดำสนิทขึ้นสวมก่อนเปิดประตูฝั่งตัวเอง ก้าวลงมายื่นข้างรถพร้อมเรียกรั้งหญิงสาวไว้
เดี๋ยวเพลงพรรษ
พี่เมษมีอะไรหรือคะ ร่างบางหันซ้ายหันขวากลัวมีใครมาเห็น
คุณลืมช่อดอกแก้วอีกแล้วนะ เขาชูช่อดอกแก้วในมือให้เธอดู เพลงพรรษแทบระบายลมหายใจออกมา นึกว่ามีอะไรสำคัญมากกว่านั้น แต่ก็ยอมยื่นมือไปรับโดยดี เขาวางช่อดอกแก้วลงบนมือเรียวเชื่องช้าและก่อนหญิงสาวจะได้เอะใจอะไรชายหนุ่มกระตุกมือบางดึงเข้าหาตัว ก้มลงหอมแก้มเนียนเสียทีหนึ่ง ผมไม่อยู่...อย่าลืมคิดถึงล่ะ ท่ามกลางอาการอึ้งของคนโดนฉวยโอกาส เมษรักษ์เหลือบมองไปทางด้านหลังหญิงสาว มุมปากซ้ายกระตุกยิ้มก่อนเดินไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างสบายใจ
นานหลายนาทีกว่าหญิงสาวจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เธอรู้สึกว่าแก้มตัวเองร้อนราวกับโดนไฟนาบ ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบเดินเข้าบ้านเธอคงได้มีเวลาอายหรือโกรธมากกว่านี้
ร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้านอย่างรีบเร่งต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าคนที่มายืนดักรอไม่ใช่นางเอื้องหรือปรานต์ แต่เป็นคุณปภาวี ประมุขแห่งพสุธาเทพ
คุณท่าน... เพลงพรรษครางชื่อเจ้าของบ้านเบาแสนเบาจนแทบไม่ได้ยิน
ใช่...ฉันเอง ท่ายืนกอดอกในชุดนอนสีแดงเพลิงยาวกรุยกรายอาจทำให้เพลงพรรษรู้สึกกริ่งเกรง แต่ใบหน้าและรอยยิ้มของคุณปภาวีสร้างความแปลกใจให้หญิงสาวเหลือคณา ปกติถ้าเธอกลับบ้านค่ำมืดอย่างนี้ มักจะไม่เจอคุณปภาวี หรือถ้าเจอเธอคงโดนดุไม่ใช่การยืนมองด้วยรอยยิ้มอย่างนี้
คุณ...คุณท่านยังไม่นอนหรือคะ หญิงสาวทำใจกล้าถาม ไม่ยอมสบตา
ตอนแรกก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ แต่นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องคุยกับเธอ...แล้วก็ไม่ผิดหวังที่มายืนรอ หึ! เสียงลงท้ายในลำคอทำให้เพลงพรรษรู้สึกหวั่นใจ
รอดิฉันเหรอคะ ถามด้วยความไม่แน่ใจ ร้อยวันพันปีคุณปภาวีไม่เคยเสียเวลาคุยกับเธอ หรือถ้าจะมีเรื่องคุยจริงๆ ต้องให้เด็กรับใช้มาตาม ไม่มาดักรออย่างนี้แน่ หรือว่าจะมีเรื่องสำคัญ แล้วเมื่อครู่นางเห็นหรือเปล่านะที่เมษรักษ์ล่วงเกินเธอ
ตามฉันเข้าไปในบ้าน แทนคำตอบคือคำสั่ง ร่างนางพญาแห่งพสุธาเทพเดินนำไปก่อน เพลงพรรษไม่มีเวลาคิดอะไรนานเธอรีบก้าวตามไป
บนเก้าอี้ประจำตัวประมุขแห่งพสุธาเทพคุณปภาวีนั่งไขว่ห้างมองตรงมายังร่างบางที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้น สีหน้าฉายแววพึงใจบางอย่างออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ไปทำงานวันแรกเป็นไงบ้างล่ะ กลับเสียมืดค่ำเชียว
เอ่อ...ดิฉันขอโทษคุณท่านด้วยค่ะ พอดี... หญิงสาวละล่ำละลักตอบ
เปล๊า...ฉันไม่ได้ว่าอะไร คุณปภาวีขัดขึ้นคล้ายอารมณ์ดี เธอจะกลับกี่โมงกี่ยามก็ได้ฉันไม่ได้ว่า ฉันแค่อยากรู้ว่าคนที่มาส่งเธอเป็นใครเท่านั้นเอง
สิ้นคำคุณปภาวี เพลงพรรษเงยสบตานางอย่างประเมินว่ามีความหมายแท้จริงเป็นอย่างไร
เอ่อ...เจ้า...เจ้านายของดิฉันเองค่ะ พอดีเขาพาดิฉันไปธุระด้วยและผ่านมาทางนี้เลยแวะมาส่งค่ะ
อะไรกัน เจ้านายที่เธอหมายถึงนี่คือหัวหน้าแผนกบัญชีน่ะเหรอ เงินดีขนาดนั้นเชียว มีรถราคาเป็นล้านขับ เพราะมัวแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองเพลงพรรษจึงไม่เห็นว่าสีหน้าแววตาของคุณปภาวีไม่มีความแปลกใจเลยสักนิด ที่ถาม เพราะต้องการหยั่งเชิงดูว่าสิ่งที่นางคาดคิดจะเป็นจริงหรือไม่
เปล่าค่ะ...เจ้านายที่ดิฉันหมายถึงคือเจ้าของบริษัทค่ะ คือ ดิฉันไม่ได้ทำงานแผนกบัญชี แต่เป็นผู้ช่วยเจ้านายแทนค่ะ เพลงพรรษไม่ได้มีเจตนาโอ้อวด เพียงแค่คิดว่าเธอสมควรรายงานทุกความเป็นจริงให้ผู้มีพระคุณรับรู้เท่านั้นเอง
และคำตอบของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มกว้างกระจ่างทั้งใบหน้าคุณปภาวีในทันที
อ้อ...ถึงว่า เป็นผู้ช่วยเขานี่เองเขาถึงมาส่งถึงที่ ดีนี่ เธอเองหน้าตาดีไม่น้อย แถมยังไม่คบใครจริงจัง เผื่อเขาเอ็นดู อนาคตอาจจะไกลก็ได้ ทุกคำของคุณปภาวีเหมือนน้ำเย็นสาดลงบนเนื้อตัวเพลงพรรษ รู้สึกเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ
ดิฉันไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ เธอตอบทั้งน้ำตาเจียนจะหยดรินร่อมร่อ
จะหวังหรือไม่หวัง ฉันก็คงต้องบอกว่าได้เวลาเธอตอบแทนบุญคุณพสุธาเทพ ตอบแทนตาปรานต์ที่เขาส่งเสียเธอจนเรียนจบบ้างแล้วล่ะนะ คำพูดดูถูกเหยียดหยามก่อนหน้านี้ว่าทำให้ตัวชาแล้ว เรื่องหลังนี่เหมือนจะทำให้เพลงพรรษหยุดลมหายใจ...ได้เวลาตอบแทนบุญคุณพสุธาเทพ ตอบแทนบุญคุณปรานต์ อย่างไร? หวังว่าเธอคงไม่ลืมหรอก ใช่ไหม
นึกดูแล้วชีวิตเพลงพรรษได้เจอแต่คนที่ตีกรอบในการตอบคำถามของเธอไปเสียหมด ไม่มีใครให้สิทธิ์เธอเลือกเลยสักคน
ค่ะ ดิฉันไม่เคยลืม
หลังอาบน้ำเสร็จเพลงพรรษแต่งตัวด้วยอาการเลื่อนลอย สมองทุกซีกส่วนเฝ้าวนเวียนคิดเรื่องที่คุณปภาวีบอกเล่า และ ขอ ให้เธอทำ ร่างบางในชุดนอนสีชมพูหวาน เดินไปหยิบโทรศัพท์มาชาร์ตแบตเตอร์รี่แล้วกดเปิดเครื่อง ทันทีที่เครื่องมือสื่อสารใช้งานได้ มันก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี ด้วยการส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้ามา นั่นหมายถึงอาจมารอตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้
พรรษ...วันนี้พี่ไม่ได้ไปรับนะ ต้องไปทานข้าวกับซุยุตามคำสั่งของคุณแม่ กลับบ้านดีๆ นะเด็กดีของพี่ เป็นห่วงจ้ะ พี่ปรานต์
ไล่สายตาจนครบทุกตัวอักษรซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้ำตาหยดแหมะลงบนหน้าจอโทรศัพท์ ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ ร่างกายสั่นสะท้านจากแรงสะอื้น เสียงประกาศิตของคุณปภาวีดังก้องในหูอีกครั้ง
เหตุผลที่ตาปรานต์ไม่อยากให้เธอทำงานบริษัทนั้นก็เพราะ...มันคือคู่แข่งของพสุธาเทพ ขณะพูดแววตานางราวกับกองเพลิงลุกโชนน่ากลัว คือบริษัทที่แย่งงานประมูลของพสุธาเทพไปหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดด้วย!
เพลงพรรษอึ้งไปเลยทีเดียว เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านราวิวัฒน์ฯ คือคู่แข่งพสุธาเทพ คือคนที่ทำให้ปรานต์ต้องพลาดงานสำคัญจนโดนคุณปภาวีอาละวาดในวันนั้น ถึงว่า...ทำไมปรานต์จึงไม่พอใจกับการที่เธอบอกเรื่องงาน
แสดงว่าเมษรักษ์รู้สินะว่าเธอคือคนที่มาจากชายคาพสุธาเทพเขาถึงรับเข้าทำงานง่ายดาย...ใช่อย่างนั้นหรือเปล่านะ
พอคิดถึงคนเป็นเจ้านาย หญิงสาวรู้สึกแก้มตัวเองร้อนขึ้นมาอย่างไม่อยากนึกถึงเลยจริงๆ มือบางยกขึ้นลูบแก้มเบาๆ พลางสงสัย...เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร?
จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่...เมษรักษ์คือคู่แข่งของปรานต์ เธอไม่ต้องการอยู่ที่นั่นต่อไป ไม่อยากให้ปรานต์กระวนกระวายใจ ทว่า...
แต่สำหรับฉัน ฉันกลับมองว่ามันเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นราวิวัฒน์ฯ จะเปิดเผยตัวก็เฉพาะเวลาประมูลงานเท่านั้น หนำซ้ำเจ้าของบริษัทตัวจริงเสียงจริงก็ไม่ยอมออกมาเปิดตัวเสียที ยึกยักราวกับตัวเองมีค่านัก แต่ก็นั่นล่ะ ทุกบริษัทล้วนต้องการข้อมูลเชิงลึกของนราวิวัฒน์ฯ กันทั้งนั้น และคราวนี้ถือว่าโชคดีเป็นของพสุธาเทพที่เธอได้เข้าไปใกล้ชิดมัน
หญิงสาวร่างบางเพียงแค่รับฟัง ภายในใจเธอสับสนไปหมด
เพราะฉะนั้น แทนที่เธอจะออกจากบริษัทนั้น ฉันว่าสู้เธออยู่ต่อเพื่อ ล้วงความลับ มันมาไม่ได้หรอก ยิ่งใกล้งานประมูลครั้งสำคัญอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้านี้แล้ว ถ้าเธอขโมยความลับมันมาได้ เท่ากับเธอได้ช่วยตาปรานต์ให้สำเร็จนะ
ใบหน้าเรียวเงยขวับขึ้นมองเมื่อคุณปภาวีเผยจุดประสงค์และต้องการให้เธอทำ
นี่อาจเป็นการใช้เสน่ห์ของเธอให้เป็นประโยชน์ก็ได้นะ ดูท่าทางเจ้านายเธอจะ ติดใจ เธอไม่น้อยนี่ ใช้กับตาปรานต์น่ะมันไม่ได้ผลหรอก แต่ถ้าใช้กับไอ้คนที่มันมาส่งเธอล่ะก็...ถือได้ว่าเธอได้ตอบแทนบุญคุณทั้งตาปรานต์และพสุธาเทพนะ เพลงพรรษ
คุณปภาวีเงียบและนั่งมองหญิงสาวตรงหน้า...ไม่นึกเลยว่าอะไรมันจะลงล็อกลงตัวได้ขนาดนี้ ตอนแรกนางนึกเพียงว่าหากเพลงพรรษอยู่ฝ่ายบัญชีของบริษัทนั้นก็จะล้วงความลับหลายอย่างได้ง่ายขึ้น แต่พอการณ์กลับกลายเป็นแบบนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ถ้าเพลงพรรษยอมร่วมมือ ยิ่งอยู่ใกล้เจ้าของนราวิวัฒน์ฯ ยิ่งหาข้อมูลสำคัญได้มากกว่า
ในการทำธุรกิจที่มีคู่แข่งเยอะแยะอย่างนี้ แน่นอนมันต้องมีการสืบค้นข้อมูลฝ่ายตรงข้ามกันบ้าง แต่ที่ทำให้นางเจ็บใจก็คือที่ผ่านมานราวิวัฒน์ฯ เป็นบริษัทที่สืบความลับยากมาก โดยเฉพาะเจ้าของที่แท้จริงแทบไม่มีใครเคยเห็นหน้า ได้พบก็แต่เลขาฯ ฝีมือดีที่ชื่อลิซ่านั่นล่ะ ได้ข่าวมาเพียงว่าผู้หญิงคนนี้ทั้งเก่ง ทั้งฉลาดถึงขนาดไว้ใจให้ควบคุมทุกอย่างในบริษัท
แต่วันนี้ล่ะสวรรค์เข้าข้างพสุธาเทพบ้างแล้ว...โดยการส่งเพลงพรรษเข้าประชิดตัวเจ้าของนราวิวัฒน์ฯ แล้วอย่างนี้ชัยชนะจะไปไหนเสีย
เธอลองกลับไปคิดทบทวนดูดีๆ ก็แล้วกัน ฉันไม่รีบร้อนบังคับเธอหรอก อ้อ...ลืมบอกอีกอย่าง การที่ตาปรานต์ต้องคบกับซุยุเพราะฉันจำเป็นนะ จำเป็นต้องให้ตาปรานต์แต่งงานกับคนที่พอจะเกื้อหนุนพสุธาเทพได้ เผื่อวันข้างหน้าอะไรๆ มันไม่แน่นอน ครอบครัวของซุยุเขาเป็นบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ญี่ปุ่น อาจจะช่วยได้มากเลยเชียวล่ะ
ยิ่งฟังเพลงพรรษยิ่งสงสารปรานต์เธอทำให้ปรานต์ลำบากใจเรื่อยมา แม้กระทั่งเรื่องเข้าทำงาน เธอยังทำให้เขาลำบากใจอีกจนได้ แล้วครั้งนี้หากช่วยเขาได้จริง เธอจะไม่ช่วยเลยเชียวหรือ?
แต่มันเป็นการช่วยแบบผิดๆ วิธีการที่คุณปภาวีไม่ถูกต้องและดูร้ายแรงเกินไป...หญิงสาวสับสน
ตาปรานต์น่ะเขาดีกับเธอมากนะ แม้จะต้องให้ฉันดุด่าเขาก็ยอม แล้วเธอจะทนมองเขาพลาดอีกครั้งได้เหรอ...ตามใจเธอนะ นั่นมันสิทธิ์ของเธอ
แล้วนางก็ขึ้นไปนอนโดยทิ้งความหนักอึ้งไว้ทั้งหัวใจและสมองของเพลงพรรษ ขณะที่หญิงสาวกำลังสับสนว้าวุ่นกับสิ่งที่คุณปภาวีเสนอแกมบังคับอยู่ในที เธอไม่รู้เลยว่าคุณปภาวีเชื่อมั่นสุดหัวใจว่าคนหัวอ่อนอย่างเพลงพรรษต้องยอมเดินตามเกมแน่นอน นางจึงนอนหลับฝันหวานไปอย่างคนรอคอยเพียงแค่ชัยชนะ ไม่ใช่ความผิดหวัง
นิ้วเรียวไล้ปาดหยดน้ำออกจากหน้าจอโทรศัพท์อ่านมันอีกครั้งก่อนวางลง เดินไปทรุดนั่งตรงขอบเตียงใกล้โต๊ะอ่านหนังสือ ตรงนั้นมีช่อดอกแก้วที่ยังส่งกลิ่นหอมวางอยู่
ภาพวันแรกที่ได้เจอเมษรักษ์ กับเหตุการณ์ทั้งหมดวันนี้ไหลวนอยู่ในห้วงคิด ถึงจะเป็นเวลาแค่วันเดียว และอารมณ์ของเจ้านายเธอก็แปรปรวนง่ายจนน่ากลัว แต่เพลงพรรษกลับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างจากเขา บางสิ่งที่บอกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายนัก
อย่างนั้นแล้วเธอจะทำร้ายเขาได้ลงคือหรือ
ยิ่งคิดหญิงสาวยิ่งรู้สึกปวดหัวจนสมองแทบแตก ล้มตัวลงนอนมองเพดานปลดปล่อยความคิดให้ล่องลอย จนสติเริ่มเลือนหายเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ ก่อนสติจะถูกครอบครองทั้งหมด หญิงสาวรู้สึกราวกับว่ามีมืออันคุ้นเคยมา กล่อม ให้เธอหลับสบาย
พรรษเป็นตัวแทนให้ป้านะลูก...อย่าลืมนะลูก อย่าลืม ภาพมีนรักษ์มานั่งลูบผมเธอบนเตียงปรากฏในความฝัน แล้วทับซ้อนด้วยภาพของปรานต์ที่มายืนมองเธอด้วยสายตาวิงวอน
ออกจากที่นั่นซะพรรษ เพื่อความสบายใจของพี่
ร่างสูงของเจ้านายเธอเดินมากระแทกไหล่ปรานต์จนเขาเซไปด้านข้าง
ผมไม่ยอมให้คุณไปจากนราวิวัฒน์ฯ แน่ คุณไม่มีสิทธ์ลาออก ไม่มีสิทธิ์!
ภาพความฝันตัดมาที่หญิงร่างผ่ายผอมซึ่งหญิงสาวรู้ว่านั่นคือป้ามีน คราวนี้ซ้ายของหญิงสาวเป็นปรานต์ทางขวาของร่างผอมเป็นเมษรักษ์ ทั้งสองคนยื้อแขนมีนรักษ์ไว้คนละข้าง ต่างฝ่ายต่างออกแรงดึง จนน่ากลัวว่าร่างผอมนั้นจะหลุดออกเป็นสองส่วน
ป้ามีน...ป้ามีน เพลงพรรษร้องเรียกด้วยความสงสารจับหัวใจ
พรรษเป็นตัวแทนให้ป้านะลูก...อย่าลืมนะลูก อย่าลืม
มีนรักษ์พร่ำสั่งทั้งใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา แววตานางอ้อนวอนสุดหัวใจ เพลงพรรษสับสนมองซ้ายทีขวาที และเธอได้เห็นว่าทั้งปรานต์ทั้งเมษรักษ์ต่างก็ร้องไห้ด้วยกันทั้งคู่...มันเกิดอะไรขึ้น!
หยุด! เสียงประกาศิตของคุณปภาวีดังขึ้น ทุกสายตาหันไปมองหญิงสาวในชุดนอนแดงเพลงยืนจ้องด้วยความกราดเกรี้ยว มือสั่นเทาค่อยยกขึ้นพร้อมกับปืนสีดำมะเมื่อม ตายให้หมดเถอะพวกแก
ปัง! ปัง! ปัง!
เฮือก!!!
ร่างบางผวาสุดตัว เด้งขึ้นนั่งกลางเตียง เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มใบหน้า ลำคอและแผ่นหลัง ทั้งๆ ที่พัดลมยังเปิดอยู่ตลอดเวลา...ไม่เลย เธอไม่เคยฝันร้ายและสับสนวุ่นวายขนาดนี้มาก่อน
ภาพความฝันทุกภาพชัดเจน ตราตรึงติดตา หวาดหวั่นในความรู้สึก...บางทีเธออาจเครียดจนเกินไป หญิงสาวก้าวลงจากเตียงไปปิดไฟที่ยังเปิดสว่างอยู่ ด้วยหลับไปแบบไม่รู้ตัว
ในความมืดเพลงพรรษรู้สึกหนาวสะท้านกาย...ลางสังหรณ์บางอย่างบ่งบอกว่าอนาคตข้างหน้าของเธอคงไม่ราบรื่นนัก กระนั้นเธอเองคงไม่มีทางเลือกมากอย่างใครๆ สิ่งเดียวที่ทำได้ คือต้องไม่ลืมบุญคุณพสุธาเทพ บุญคุณปรานต์ และคำขอของป้ามีน
โปรดติดตามตอนต่อไป น้อมรับทุกคำติ-ชมค่ะ ^^
จากคุณ |
:
LonelySeason
|
เขียนเมื่อ |
:
4 พ.ค. 54 00:38:03
|
|
|
|