เสียงกิ่งไม้ปะทุในกองเพลิงปลุกให้แนชท์ลืมตาขึ้น นางกวาดสายตามองไปโดยรอบและดันกายให้ลุกนั่งอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีดำสนิทไล่สำรวจทุกสิ่งด้วยท่าทางระมัดระวัง รอยยิ้มแปลกฉาบบนมุมปากเรียวเมื่อพบว่าทั้งโซลย์และโมไดต่างนอนหลับอย่างสนิท เด็กสาวเหลียวดูทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอีกครั้ง คิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกสงสัยเมื่อไม่พบร่างของจอมเวทหนุ่มอยู่ในบริเวณนั้น แต่ดูเหมือนแนชท์จะไม่ได้ใส่ใจมากเท่าใดนักเพราะนางลุกยืนขึ้นและเดินตรงไปหาชายที่กำลังหลับสนิททั้งสอง ดวงตาสีดำราวกับรัตติกาลมองทั้งคู่อย่างพินิจพิเคราะห์ รอยยิ้มน่ากลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวซีด เด็กสาวนั่งลงข้างตัวโมได มือขาวไล้ไปบนใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบาและเลื่อนลงไปที่ลำคอ นางปลดกระดุมของเขาออกและก้มหน้าลง
นั่นเจ้าจะทำอะไร
เสียงเย็นเยียบถามขึ้น แนชท์สะดุ้งสุดตัวและเงยหน้า ฟอร์เซ็ตติกำลังมองจ้องกลับมาด้วยดวงตาอันน่ากลัว เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะใช้ปลายไม้เท้าส่วนบนวางจรดลงบนใบหน้าของนาง
ข้าเคยบอกกับเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่งใช่หรือไม่ว่า เมื่อใดก็ตามที่เจ้าลงมือทำร้ายเพื่อนของข้า เจ้าจะได้รับผลตอบแทนที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย
ดวงตาไร้แววของแนชท์สว่างวาบขึ้น นางเม้มปากด้วยความตระหนกและถดถอยกายให้ออกห่างจากคนทั้งสองทันที
ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ นางพูดเสียงสั่นพลางยกมือขึ้นกอดไหล่ของตนเอง น้ำตาใสๆไหลพรากอาบแก้ม ท่านปู่ไรด์ ลุงเกลช่วยข้าด้วย
พวกเขาไม่อาจมาช่วยเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว
ฟอร์เซ็ตติกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น เขามองดูร่างเล็กบางซึ่งกำลังสั่นเทาเพราะความหวาดกลัวด้วยความรู้สึกสงสาร
ตามข้ามา
จู่ๆจอมเวทหนุ่มพูดขึ้นและหมุนกายเดินนำหน้าออกไปอย่างเงียบๆ แนชท์มองตามด้วยสายตาไม่ไว้วางใจแต่ก็ยินยอมตามไปแต่โดยดี หลังจากที่เดินพ้นออกจากบริเวณที่พักของพวกเขา ฟอร์เซ็ตติก็นั่งลงบนขอนไม้ เขาเงยหน้ามองดูท้องฟ้าอันมืดมิดก่อนลดสายตาลงมามองดูเด็กสาวที่เดินตามหลังมาด้วยท่าทางลังเล
ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร จอมเวทพูดด้วยน้ำเสียงแผ่ว เขาปลดผ้าคลุมให้เลื่อนหลุดจากตัวและปัดเรือนผมสีเงินไปทางด้านหลังจากนั้นจึงเปิดคอเสื้อออก
เข้ามาสิ ข้าจะไม่ต่อต้าน ขัดขืนหรือทำร้ายเจ้าเป็นอันขาด ข้าขอสัญญา
แนชท์ยืนมองจอมเวทหนุ่มด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาเขาอย่างระมัดระวัง ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองดูอากัปกิริยาของเด็กสาวทุกฝีก้าว จนเมื่อร่างบอบบางคุกเข่าลงตรงหน้า ฟอร์เซ็ตติจึงวางมือทั้งสองข้างของเขาลงบนขาของตัวเองและพริ้มตาลง
ข้าเป็นลูกครึ่งระหว่างเอลฟ์กับจอมเวท ดังนั้นจึงมีแรงต้านทานมากกว่าคนพวกนั้น จงกำจัดความกระหายของเจ้าให้เต็มที่อย่าได้กังวล
แนชท์กัดปากของตนเองแน่น นางสั่นหน้าคล้ายพยายามปฏิเสธ สายลมอุ่นพัดผ่านร่างของจอมเวทหนุ่มจนเรือนผมสีเงินพลิ้วกระจายลงมาปรกต้นคอ แนชท์มองดูด้วยหัวใจที่เต้นระทึก นางแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเองราวกับต้องการระงับความแห้งผากอันเกิดจากความกระหาย กลิ่นหอมอ่อนๆรวยรินออกมาจากเรือนกายขาวสะอาดของบุรุษเบื้องหน้าทำให้เด็กสาวรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ มือทั้งสองข้างเลื่อนไล้ไปบนแผ่นอกของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีดำสนิททอแสงเรืองรองออกมาวูบหนึ่ง
โปรดให้อภัยแก่ข้าด้วย
นางกระซิบเสียงแผ่วข้างใบหูเรียวแหลมก่อนจะบรรจงแนบริมฝีปากบางลงไปบนลำคอของฟอร์เซ็ตติและฝังเขี้ยวอันคมกริบลงไป ร่างของจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสไหวตัวเล็กน้อยเมื่อแนชท์เริ่มดูดโลหิตของเขาอย่างหนักหน่วง รสชาดอันแสนหอมหวานจากเลือดของฟอร์เซ็ตติสร้างความสดชื่นให้กับนางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอ่อนล้ามลายหายไป ความอิ่มเอมเคลื่อนเข้ามาแทนที่ แนชท์ถอนเขี้ยวของนางและถอยใบหน้าออกมา ลิ้นสีชมพูตวัดเลียโลหิตที่ไหลย้อยออกจากบาดแผลที่ถูกกัด มันสมานตัวอย่างรวดเร็วและจางหายไปไม่เหลือแม้รอยข่วน เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองดูจอมเวทหนุ่มที่กำลังลืมตาและจ้องนางด้วยแววที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปราณี
ความกระหายของเจ้าหมดไปแล้วหรือ
ข้า.... แนชท์ก้มหน้าลงทันทีด้วยความรู้สึกทั้งละอายและขวยเขินระคนกัน ฟอร์เซ็ตติกลัดกระดุมเสื้อของเขาและดึงผ้าขึ้นมาคลุมร่างไว้เช่นเดิม
ใกล้สว่างแล้ว รีบกลับไปที่กองไฟก่อนที่สองคนนั่นจะตื่นขึ้นมาเถิด
แนชท์รีบลุกขึ้นและหลีกให้จอมเวทหนุ่มเดินนำหน้า หลังจากเดินตามไปเงียบๆชั่วครู่เด็กสาวจึงถามขึ้น
แล้วลุงเกลล่ะ
เขากลับไปยังนครต้องสาปแล้ว
ฟอร์เซ็ตติตอบสั้นๆ แนชท์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
กลับไปแล้ว นางทวนคำ ทำไมเขาจึงทิ้งข้าไว้ที่นี่เพียงคนเดียว
เพราะเจ้าไม่มีที่ที่จะกลับไปเหมือนกับพวกเขา จอมเวทหนุ่มตอบด้วยเสียงเศร้าโดยที่ไม่หันหน้ากลับไปมองอีกฝ่าย แนชท์จ้องมองเขาจากทางด้านหลัง ชั่วขณะหนึ่งเด็กสาวจึงได้เข้าใจในทุกสิ่ง ร่างผอมบางหยุดเดินทันที
ท่านปู่และทุกคน...... น้ำตาใสๆไหลรินลงอาบแก้ม ฟอร์เซ็ตติหันกลับมาและวางมือลงบนไหล่ของนาง
พวกเขาพ้นทุกข์ไปแล้ว อย่าได้เสียใจอีกต่อไปเลย
แนชท์ผงกศีรษะรับอย่างเศร้าสลดและเงยหน้าขึ้นมองจอมเวทหนุ่ม
ท่านจะพาข้าไปด้วยไหม
ข้าได้ให้สัญญาแก่ท่านเกลเอาไว้แล้วว่าจะดูแลเจ้าเช่นเดียวกันกับที่ท่านไรด์เคยปฏิบัติ ดังนั้นหากเจ้าไม่เต็มใจที่จะเดินทางไปกับพวกเรา ข้าจะสร้างอาณาเขตคุ้มครองให้และจงรออยู่ที่นี่จนกว่าข้าจะกลับมา
ข้าจะขอตามท่านไปทุกที่ แนชท์พูดด้วยสีหน้าขึงขัง ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะมีสิ่งใดรออยู่ก็ตาม
เมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนั้นข้าก็จะไม่ขอห้าม ฟอร์เซ็ตติกล่าว จำไว้ว่าอย่าอยู่ห่างจากข้าเป็นอันขาดโดยเฉพาะคืนเดือนดับ
ข้าจะยืนอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป แนชท์กล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังจนจอมแวท หนุ่มรู้สึกแปลกใจ เขาบีบไหล่ของเด็กสาวเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้ จนเมื่อแสงสีทองของอรุณรุ่งจับขอบฟ้า โซลย์และโมไดต่างพลิกตัวและลืมตาขึ้น เด็กหนุ่มรีบดันตัวเองให้อยู่ในท่านั่งทันทีพร้อมกับกวาดสายตาหาจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสซึ่งกำลังยืนกอดอกมองดูเขาอยู่
เจ้า.........จอมเวทขี้โกง ครั้งต่อไปข้าจะไม่มีวันหลงกลสูดควันหรือสบตาเจ้าอีกแน่ๆ
เจ้าคิดว่าข้ามีแค่สองวิธีที่จะทำให้เจ้าหลับเท่านั้นหรือ เจ้าหนูน้อย
โมไดโกรธจนหน้าแดงจัด ต่างจากโซลย์ที่ตีสีหน้าขรึมและวางมือลงบนไหล่ของฟอร์เซ็ตติ
อย่าทำแบบนี้อีก ฟอร์เซ็ตติ เพราะครั้งต่อไปข้าจะไม่ยกโทษให้เป็นอันขาด
ข้าจะพยายาม
จอมเวทหนุ่มตอบ แม่ทัพแห่งมอร์เซลส่ายหน้าไปมาและมองไปยังแนชท์ที่มีสีหน้าสดชื่นต่างจากวันวาน
ดูเหมือนเจ้าจะแข็งแรงดีแล้วนี่ แม่หนูน้อย
ข้าชื่อแนชท์ และไม่ชอบให้ใครมาเรียกข้าแบบนี้ เด็กสาวตอบเสียงกระด้าง โซลย์ถึงกับหัวเราะออกมา
ตกลง เขายกมือทั้งสองขึ้นทำท่าราวกับยอมแพ้ แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป แนชท์
ข้าจะไปกับพวกเจ้า เด็กสาวตอบ ข้าจะสังหารเจ้าจอมมารนั่นด้วยมือของข้าเองเพื่อเป็นเครื่องสังเวยแด่ดวงวิญญาณของชาวนักรบเวทที่ต้องตายไป
โซลย์มองหน้าฟอร์เซ็ตติและพยักหน้า เขาหันไปทางโมไดที่กำลังดับกองไฟไปพร้อมกับบ่นไม่หยุดด้วยความขุ่นเคืองที่ถูกวางยา
แล้วข้าจะหาทางเล่นงานเจ้าคืนให้ได้ ฟอร์จีเซล
แม่ทัพแห่งมอร์เซลถึงกับส่ายหน้าด้วยความรู้สึกอิดหนาระอาใจ เขาหันกลับไปหาจอมเวทหนุ่มอีกครั้ง
คราวนี้พวกเราจะใช้เส้นทางใดกัน ฟอร์เซ็ตติ
ผ่านป่านี่ออกไปจนถึงทุ่งโล่ง จากนั้นจะเป็นช่วงที่อันตรายชนิดที่ไม่มีเส้นทางอื่นหลีกเลี่ยงได้
เส้นทางไหนกัน
ช่วงที่ต้องข้ามแม่น้ำริเวอร์ แม่น้ำสายเดียวแห่งอาณาจักรมาร์วัลลัสซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและพืชอันเกิดจากเลือดพิษของจอมมาร
ยิ่งฟังยิ่งน่าสนุก โมไดพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน รีบเดินทางกันดีกว่าอย่ามัวแต่เจรจากันอยู่เลยเพราะเวลานี้ไม่ว่าที่ไหนก็มีอันตรายทั้งนั้น
เจ้าพูดถูกแล้ว โซลย์หันไปทางฟอร์เซ็ตติ เส้นทางต่อจากนี้เป็นอาณาจักรของเจ้า เชิญนำพวกเราไปได้แล้วท่านจอมเวท
ฟอร์เซ็ตติเหลือบสายตามองดูแนชท์และก้าวเดินนำหน้าพวกเขาไปทันทีโดยมีร่างของเด็กสาวก้าวตามไปติดๆ ตามด้วยโมไดและโซลย์ ทั้งหมดเดินผ่านป่าทึบไปอีกราวครึ่งวันจึงหลุดพ้นและเข้าสู่ทุ่งโล่งแจ้ง จอมเวทหนุ่มมองจ้องออกไปเบื้องหน้า เทือกเขาสูงซึ่งเป็นเส้นกั้นอาณาเขตระหว่าง แซฟเวจย์และมาร์วัลลัสปรากฏให้เห็นเป็นเงาเลือนรางอยู่ไกลๆ ฟอร์เซ็ตติกล่าวขึ้น
ยินดีต้อนรับสู่แผ่นดินมาร์วัลลัส ดินแดนแห่งเหล่าจอมเวท
*/*/*/*/*
วันนี้มาอัพช้าค่ะเพราะมัวทำโน่นทำนี่เพลินแถมต้องวิ่งวุ่นกับอากาศที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีก ร้อนตับแตกอยู่ดีๆฝนตกซะงั้น แถมตกแบบหยิมๆให้ร้อนหนักกว่าเก่า อากาศแบบนี้พาลจะไม่สบายเอาง่ายๆ ผู้อ่านทุกท่านรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
มาตอบคำถามกัน
"แต่ไม่ใช่แค่นี้หรอกค่ะ ฟอร์เซ็ตติยังต้องเจออะไรที่มันหนักกว่าอดีตแน่" อ่านตรงนี้แล้วแอบเศร้าล่วงหน้า หวังว่าตอนจบเขาคงได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมาบ้าง ให้สมกับสิ่งที่ต้องสูญเสียไปทั้งหมดนะครับ (หวังว่าคงไม่ใช่การพลีชีพหรอกนะ) จากคุณ : zoi - ค่ะ คงทราบแล้วนะคะว่าจอมเวทของเราเจออะไรอีก บางครั้งกว่าจะเป็นวีรบุรุษหรือคนเก่งได้ ก็ต้องผ่านความสูญเสียมากอย่างมากมายเลย
โมได ก็เป็นคนมีอารมณ์ขันเกมือนกัน (ตอนจะทำท่าจะป้อนน้ำป้อนข้าวฟอร์เซ็ตติ โซลกับฟอร์เซ็ตติก็ประกาศจุดยืนแห่งความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ไม่งั้นคงไม่ได้ดาบมา ช่วงท้ายเครียดครับ จากคุณ : GTW - โมไดเป็นเด็กร่าเริงค่ะ เสียแต่ซ่าไปหน่อยเท่านั้นตามประสาวัยรุ่น ส่วนโซลย์มูนนี่มองว่าเขาน่าจะเป็นคนที่จริงใจ สมเป็นนักรบค่ะ
โอ จะให้ตายหมดทุกที่เลยหรือค้า ไม่ไหวน้า จากคุณ : scottie - ช่วงกลียุค บางครั้งก็หลีกเลี่ยงการสูญเสียไม่ได้ แต่เผ่าพันธุ์นักรบเวทตกอยู่ภายใต้คำสาปเลือดมานาน การถูกฆ่าล้างเมืองในครั้งนี้อาจเป็นผลดีกับพวกเขาก็ได้
ภาพท้ายเรื่องในวันนี้เป็นฟอร์เซ็ตติตอนที่เขากำลังปลดผ้าให้แนชท์ดื่มเลือด ออกแนวเซ็กซี่เล็กๆ ฝีมือคุณ g-maru ค่ะ
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
4 พ.ค. 54 14:00:13
|
|
|
|