Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มิ่งแก้วจอมหทัย บทที่ ๘ : สิ้นชื่อชุมโจร ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๘ : สิ้นชื่อชุมโจร


เสียงร้องแหลมยาวจากเบื้องบนเรียกให้สี่บุรุษต่างวัยแหงนเงยขึ้นมองหาที่มาของเสียงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ราชองครักษ์หนุ่มมองหาอยู่อึดใจหนึ่ง ก็ล้วงเอาแผ่นหนังแผ่นกว้างที่พกเก็บไว้ในอกเสื้อตลอดเพลาออกมาพันแขนของตนอย่างรวดเร็ว เมื่อแน่ใจแล้วว่าแน่นหนาดีก็ยกแขนข้างนั้นขึ้นพร้อมผิวปากยาวเรียกเจ้าตัวที่บินวนเหนือศีรษะให้บินโฉบลงมา เจ้าลาชาถูกเลี้ยงดูแลฝึกให้ฟังคำสั่งของคนเพียงสองคนเท่านั้น คือเจ้านางกาสะลองกับแจ้งหล้า ผิดจากคนทั้งสองนี้ ต่อให้ผิวปากเรียกอย่างใดมันก็ไม่ยอมบินลงมาหา ท่อนแขนกำยำยวบลงเล็กน้อยเมื่อเจ้าเหยี่ยวแสนรู้บินลงมาเกาะแขนแจ้งหล้าตวัดสายตามองที่ข้อเท้าเจ้าลาชาด้วยความเคยชิน เมื่อมองเห็นกระบอกสารที่ผูกติดมาก็เร่งปลดออกทันที เสือปกหันไปพยักหน้าสั่งทหารคนที่ยืนใกล้ที่สุดไปนำเนื้อที่เตรียมไว้มาให้ ทหารนายนั้นหายไปสักครู่ก็กลับมาพร้อมเนื้อวัวชิ้นใหญ่ เสือปกรับมาแล้วก็ยื่นส่งให้แจ้งหล้าอีกทอดหนึ่ง ราชองครักษ์หนุ่มอดยิ้มขันๆ มิได้ ที่จนบัดนี้สหายของตนก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าลาชา

“ไยมิเอาให้มันเองเล่า เสือปก”

“ให้มันจิกมือข้าอีกฤๅเล่า แจ้งหล้า”

เสือปกตอบ ยังเข็ดขยาดกับจงอยปากคมของเจ้าตัวดีไม่หาย รอยแผลที่หลังมือยังคงปรากฏเป็นรอยจางๆ เยี่ยงนี้แล้วแจ้งหล้ายังจักให้เขาเข้าใกล้มันอีกฤๅ ด้วยผิดจากนายของมันแล้ว เจ้าลาชาไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้หรือแตะตัวมันสักคนเดียว แม้แต่เอื้องคำที่น่าจักคุ้นเคยกับมันดีที่สุด ก็ยังเกือบจักถูกมันจิกเอา คุณลักษณะนี้เจ้าหลวงเมืองคำเคยรับสั่งกลั้วสรวลว่า

'ร้ายเอาเรื่องเจ้าตัวนี้ แต่เป็นเยี่ยงนี้ก็ดีแล้ว จักได้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดใช้มันส่งข่าวลวงมาให้'

การข่าวเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกอาณาจักรโดยเฉพาะในเพลาสงคราม นอกจากจารบุรุษที่แฝงตัวเข้าไปสืบข่าวต่างบ้านต่างเมืองแล้ว กองลาดตระเวนที่ประจำอยู่ตามแนวชายแดนก็ต้องคอยรายงานเข้ามาเป็นระยะเฉกกัน ส่วนตัวกลางที่ใช้ส่งข่าวสารนั้นก็ตามแต่จักเห็นควรแลสะดวกทั้งฝ่ายส่งแลฝ่ายรับ ที่ใช้มากสุดนอกจากม้าเร็วแล้วก็คือนกพิราบสื่อสาร แต่ก็มีข้อด้อยที่ถูกศัตรูสกัดการข่าวแลสร้างข่าวลวงกลับมาง่ายดาย กระทั่งเมื่อคราวศึกจินแสงหลายปีก่อน ที่อินทะเปลี่ยนมาใช้เจ้าภูผา เหยี่ยวภูเขาที่เป็นนกเลี้ยงของตนเป็นนกสื่อสารแทนพิราบ ซึ่งไม่มีผู้ใดจักคาดคิดว่า เหยี่ยวก็เป็นสัตว์สื่อสารได้ จึงทำให้หลายคนมองข้ามไป  การข่าวที่ได้จึงแม่นยำแลแน่ใจได้ว่ามิมีสิ่งใดคลาดเคลื่อน เจ้าหลวงเมืองแก้วจึงทรงเปลี่ยนมาใช้เหยี่ยวแทนพิราบในเพลาต่อมา เมื่ออินทะสละชีวิตตนเป็นราชพลี เจ้าภูผาจึงตกมาเป็นของพระองค์ จอมกษัตริย์อาณาจักรเวียงภูแก้วจึงโปรดให้แสนภูช่วยหาคู่ให้มัน เมื่อได้ลูกนกแล้วก็พระราชทานให้แก่ข้าราชบริพารคนสนิทต่อไป ส่วนเจ้าลาชานั้น เจ้าหลวงเมืองแก้วโปรดให้เจ้าอุปราชยอดศึกนำมาถวายพระอนุชาถึงเวียงฟ้า แต่ลูกเหยี่ยวภูเขาตัวนั้นก็มิได้ตกถึงหัตถ์เจ้าหลวงเมืองคำแต่อย่างใด ด้วยเจ้านางน้อยกาสะลองที่ทรงตามเสด็จพระราชบิดามาด้วย พอทอดพระเนตรเจ้าลาชาเข้าก็ชอบพระทัยนักแลทูลขอพระราชทานไปเลี้ยงเสียเอง โดยมีแจ้งหล้าที่เคยช่วยบิดาเลี้ยงลูกเหยี่ยวมาก่อนคอยช่วยอีกแรงหนึ่ง  


แจ้งหล้าหัวเราะเบาๆ พลางรับเนื้อมาส่งให้เจ้าลาชา มันรับไปกินอย่างสำราญใจ มิพักกังวลหรือใส่ใจว่านายของมันจักขยับแขนไปอย่างใด กรงเล็บคมมิผิดกับจงอยปากยังคงเกาะแน่นกับแผ่นหนังมิหลุดออกสักน้อย ราชองครักษ์หนุ่มเทแผ่นหนังที่ม้วนแน่นในกระบอกออกมาคลี่ มิทันถึงอึดใจที่ตัวอักขระเขียนเล่นหางสวยงามที่เรียงรายในแผ่นหนังปรากฏสู่สายตา ดวงหน้าเข้มก็กลับขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าส่งแผนที่ทางเข้าออกตลอดจนทางหนีทีไล่มาให้พวกท่านแล้ว อย่าได้สงกาว่าข้าได้มันมาอย่างใดทั้งที่ข้าเพิ่งมาถึงชุมโจรนี้เพียงสองทิวาเท่านั้น แสนหลวง นายโจรแห่งเชิงผาดงเหล็กนี้เป็นคนพาข้าไปดูทางเข้าออกด้วยตนเอง แลยังให้คนสนิทพาข้าไปดูทางหนีทีไล่ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้พวกท่านจงแน่ใจเถิดว่า สิ่งที่ข้าให้มานี้ต้องตรงตามความเป็นจริงทุกประการ วันมะรืนขอให้พวกท่านนำกำลังของเราไปยังชุมโจรเถิด แลอย่าเพิ่งลงมือใดๆ จนกว่าข้าจักให้สัญญาณ เพราะเราอาจมิต้องเสียเลือดเนื้ออย่างใดเลย แสนหลวงรับว่าจักช่วยพูดจาให้คนของเขายอมเข้ากับเราแต่โดยดี อนึ่ง ข้าแลแสนหลวงได้หยาดน้ำลงดินสาบานเป็นมิตรกันแล้ว แม้นเกิดอันใดขึ้น ข้าขอพวกท่านอย่าได้ทำร้ายเขา...”

แจ้งหล้าขบริมฝีปากตนเอง ง่ายดายเพียงนี้เลยฤๅ เจ้านางน้อยของเขาทรงเชื่อใจโจรได้อย่างใด รอยกังวลปรากฏชัดในสีหน้าอย่างปิดไม่มิดเมื่อเงยหน้ามองสามชายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว เขามิได้เอ่ยวาจาว่าอย่างใด นอกจากส่งแผ่นหนังฉบับนั้นให้น้อยอินทร์ แล้วยกแขนข้างที่เจ้าลาชาเกาะอยู่ขึ้นสูงก่อนลดต่ำลงมาอย่างรวดเร็ว เสียงกระพือปีกดังก่อนที่ร่างของมันจักโผขึ้นสู่ฟ้าแล้วบินหายไปทางทิศของเชิงผาดงเหล็กโดยที่ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งแต่อย่างใด ร่างสูงเดินห่างออกไปยืนอยู่ที่ริมผา ทอดสายตามองไปทางทิศเดียวกันอย่างห่วงใยนายสาวนัก เจ้านางกาสะลองทรงเสี่ยงภัยเกินไปเสียแล้ว  

น้อยอินทร์เมื่อได้อ่านข้อความนั้นจบก็ส่งให้อุ่นเมืองแลเสือปกที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับไปอ่านอีกทอดหนึ่ง สีหน้าของท่านผู้เฒ่านิ่งสงบนักจนยากจักอ่านออกว่ารู้สึกเช่นใดแน่ แล้วเดินผละไปหาแจ้งหล้า

“จักทำการอย่างใดต่อไป แจ้งหล้า ท่าคอยอยู่ที่นี่ตามพระเสาวนีย์ หรือจักไปก่อน”

แม่ทัพเฒ่าถามเสียงเบาอย่างเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายดี แจ้งหล้าทอดถอนใจยาวมิได้ตอบคำนั้น หากแต่ถามกลับไปว่า

“ท่านจักให้ข้าเจ้าตอบในฐานะใดเล่าหนา ท่านน้อยอินทร์ ข้ารองบาทฤๅพี่ชาย”

“ทั้งสองประการ”

“แม้นในฐานะของข้ารองบาท ก็จักต้องทำตามพระเสาวนีย์นั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจไม่เป็นผลดีเลยสักน้อย แต่ในฐานะพี่ชายข้าคงนิ่งเฉยอยู่มิได้ ข้าไม่เข้าใจสักน้อยว่าไฉนเจ้านางน้อยจึงไว้พระทัยเจ้าโจรนั่นถึงเพียงนี้ ธรรมดาคนเราพบกันเพียงชั่วข้ามคืนจักมาไว้ใจเชื่อใจกันได้อย่างใด อย่าว่าแต่เรื่องใหญ่ดั่งนี้เลย เรื่องเล็กน้อยก็มิอาจวางใจบอกเล่าได้ ข้าเจ้าเกรงว่าจักเป็นกลลวงเสียมากกว่า”

“บุพกรรมแต่ปางบรรพ์” น้อยอินทร์บอกเสียงเรียบๆ

“ท่านหมายความว่าอย่างใด”

“ตามนั้น คนเราไว้ใจกันได้ชั่วข้ามคืนเยี่ยงนี้ จักต้องมีบุพกรรมต่อกันมาแต่ชาติปางก่อน”

“แม้นเป็นเช่นนั้นก็เถิด ข้าเจ้าก็หาวางใจไม่ ข้าจักคุมพลไปเสียราตรีนี้เลย”

“ขัดพระเสาวนีย์โทษเป็นอย่างใดเจ้าย่อมรู้แก่ใจ”

แม่ทัพเฒ่ากล่าวหยั่งเชิง หากอีกฝ่ายตัดสินใจเด็ดขาดเสียแล้ว

“ข้าเจ้าจักยอมรับทัณฑ์นั้นไว้เองเจ้า”

“ข้าจักยอมให้เจ้ารับคนเดียวได้อย่างใด ข้าเองก็จักยอมด้วย”

มิใช่น้อยอินทร์ที่ตอบไป หากเป็นอุ่นเมืองที่เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับเสือปก สองบุรุษอ่านสารจบแล้วก็ร้อนรนมิแพ้กัน เสือปกนั้นมิได้เอ่ยวาจาใดก็จริง หากสายตาของเขาบอกชัดว่าพร้อมแล้วที่จักยอมขัดพระเสาวนีย์เพื่อความปลอดภัยของนายสาวโดยมิหวั่นต่อทัณฑ์ที่จักได้รับ ในยามนี้หากมีผู้ที่ยังคงนิ่งสงบได้ก็เห็นจักมีเพียงน้อยอินทร์คนเดียว แม่ทัพเฒ่ามองหน้าชายหนุ่มทั้งสามแล้วก็ยิ้มน้อยๆ

“หากจักต้องทัณฑ์ก็ให้ต้องด้วยกันหมดนี่ล่ะหนา แม้นข้าไม่ให้ไปเจ้าสามคนก็เห็นจักลอบหนีไปจนได้ เช่นนั้นก็ไปเสียพร้อมกันนี่เลย แลงนี้กินข้าวแล้วค่อยเดินทาง ให้ความมืดช่วยพรางตาศัตรูเถิด อุ่นเมือง ถ่ายทอดคำสั่งข้าให้ทหารทุกนายเตรียมตัวให้พร้อม”


เมื่อนายโจรหนุ่มแลมิ่งแก้วกลับลงมาจากลานแสงดาวนั้นเป็นเพลาพลบแล้ว ระเมาที่รออยู่อย่างกระวนกระวายก็รีบปราดเข้ามาหาทันที ท่าทางนั้นยังให้แสนหลวงมองสบตานางแวบหนึ่ง ระเมามิเคยเป็นดั่งนี้ ชะรอยว่าจักมีสิ่งใดมิชอบมาพากลเกิดขึ้นแล้วกระมัง ครั้นมองไปโดยรอบก็มิเห็นสมุนโจรเดินขวักไขว่ตรวจตราดุจเคย ทุกสิ่งรอบกายเพลานี้ดูสงัดเสียจนน่ากลัว จักมีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเป็นปกติวิสัยคือแสงไต้จากคบที่ปักไว้ตามรายทาง แลหากขาดเสียซึ่งแสงไฟกับระเมาที่สีหน้ามิสู้ดีอยู่เพลานี้แล้ว ชุมโจรแห่งนี้ก็อาจกล่าวได้เต็มปากว่าร้างไร้ ใจนายโจรประหวัดไปถึงคำแปงทันใด

“เกิดอันใดขึ้นระเมา คำแปงมันทำการใด”

“ข้าก็แค่พูดความจริงให้พวกพ้องรู้ว่า เจ้ามันขี้ขลาด ขายพวกพ้องเพื่อความสุขสบายของตนเท่านั้น”

เสียงคำแปงตอบขึ้นมาก่อนที่ระเมาจักทันได้ว่าอย่างใด ระเมาหันขวับไปทางต้นเสียง มือกระชากดาบออกจากฝักพร้อมป้องกันนายของตน คำแปงมองท่าทีนั้นพลางยิ้มเยาะๆ อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ด้านหลังของคำแปงคือสีมาที่พาโจรทั้งหมดของเชิงผาดงเหล็กทยอยตามออกมา มาบัดนี้คำแปงมิได้เรียกขานอีกฝ่ายว่านายท่านยามอยู่ต่อหน้าสมุนโจรเฉกที่เคยเป็นมาอีกแล้ว แสนหลวงขบริมฝีปากแน่น นัยน์ตาสีเหล็กเป็นประกายวาวโรจน์

“ข้าบอกเจ้าไปสิ้นแล้วยังมิแจ้งใจอีกฤๅ คำแปง ข้ามิเคยคิดขายพวกพ้อง ทุกสิ่งที่ข้าทำไปก็เพื่อพวกเราทุกคน”

“ทำเพื่อทุกคน เฮอะ! ทำลายชุมโจรนี่น่ะรึ”

วาจานั้นเรียกเสียงโห่ของสมุนโจรขึ้นพร้อมกัน แสนหลวงหน้าร้อนผ่าว มือที่กำด้ามดาบเกร็งแน่นพร้อมที่จักกระชากออกมาหากเกิดสิ่งใดขึ้น ร่างสูงเคลื่อนเข้าบังมิ่งแก้วเอาไว้ทางด้านหลัง แต่โดยมิคาดคิด ร่างโปร่งระหงกลับเคลื่อนกายออกมาเบื้องหน้า แลสืบเท้าเดินมาหยุดอยู่กึ่งกลางระหว่างแสนหลวงแลคำแปง ดวงตาสีนิลเป็นประกายวาววับ

“ทำลายชุมโจรมิได้หมายความว่าขายพวกพ้อง ความตั้งใจของแสนหลวงยังคงเดิมมิเปลี่ยนแปร เพียงแต่การกลับไปสู่เวียงตองเทียนควรที่จักกลับไปในฐานะทหารหาญ มิใช่กองโจรดั่งนี้” น้ำเสียงเรียบทว่าแฝงกังวานแห่งอำนาจ “ลำพังพวกท่านเพียงเท่านี้ แน่ใจได้อย่างใดว่าจักกู้เวียงกลับคืนมาได้ ข้าเชื่อในกำลังกายแลกำลังใจของพวกท่าน แต่จักดีกว่าฤๅไม่ หากพวกท่านได้อาวุธแลกำลังร่วมรบเพิ่มขึ้น”

วาจานั้นทำให้สมุนโจรหลายคนเริ่มลังเล หลายคนเริ่มตรึกตรองแลเห็นจริงตามมิ่งแก้ว แสนหลวงกับระเมาขยับเข้ามายืนด้านหลังขนาบข้างซ้ายขวานางเอาไว้ นายโจรหนุ่มแลเห็นความลังเลนั้นก็พูดสำทับ

“ตรองดูเถิดหนา สหายแห่งข้า ข้ายอมที่จักเข้าด้วยมิ่งแก้วก็เพื่อการนี้ นางให้คำมั่นว่าจักช่วยเหลือพวกเรา ที่ผ่านมาเราทุกคนก็เห็นแล้วว่า ไอ้อัคนีแลทหารของธาตวากรนั้น เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแลชั้นเชิงการรบที่ข้าเองก็ยอมรับว่ามันเหนือกว่าเรามากนัก ลำพังเรามีเท่านี้จักเอาชัยก็คงยาก แม้นมีกำลังแลอาวุธพร้อมสรรพเยี่ยงนี้ ไฉนเราจักยอมปล่อยโอกาสนี้ไปเล่า ข้ายังพร้อมร่วมเป็นร่วมตายด้วยพวกเราเสมอ แม้นผู้ใดเห็นพ้องกับข้าก็จงมายืนอยู่ด้วยข้านี้เถิด”

สิ้นวาจาของแสนหลวง สมุนโจรจำนวนหนึ่งก็เริ่มทยอยมายืนอยู่ข้างนายโจรหนุ่ม คำแปงเห็นจำนวนคนที่ลดลงอย่างน่าใจหายก็กัดฟันกรอด เขามองหน้ามิ่งแก้วสลับกับแสนหลวงอย่างแค้นใจ ก่อนพูดโพล่งขึ้นมา

“ลำพังเพียงลมปากผู้ใดก็ทำได้ มิ่งแก้วผู้นี้เป็นผู้ใดมาจากที่ใดยังมิรู้ แล้วเราจักเชื่อคำนางได้อย่างใดว่านางมิได้ลวงหลอก แสนหลวงหลงแม่ญิงเสียจนตาบอด มองไม่เห็นสิ่งใดเสียแล้ว”

อีกครั้งหนึ่งที่ทำให้สมุนโจรเกิดความลังเล ไม่มีผู้ใดทราบที่มาของมิ่งแก้ว นอกจากว่านางเป็นแม่ญิงที่ผู้เป็นนายปะกลางทางแลจับตัวมาที่ชุมโจรเท่านั้น พวกเขารู้เพียงว่านางงามมากพอที่จักทำให้แสนหลวงเอ่ยปากมัดข้อมือด้วยนาง แลยกย่องให้เป็นนายหญิงแห่งชุมโจรนับแต่เหยียบย่างมาถึงนั่นเทียว

*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 16:13:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com