Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตราบดวงใจไม่หยุดรัก บทที่ 3 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10490069/W10490069.html

3

สัปดาห์ต่อมาฉันใช้ชีวิตปกติไปทำงานที่มหาวิทยาลัยเป็น
อาจารย์สอนไวยกรณ์ฝรั่งเศสและวิชาการอ่านให้กับนักศึกษาระดับ
ปริญญาตรี และยังสอนวิชาวรรณคดีฝรั่งเศสอีกสองวิชาด้วย

               วันนั้นฉันหิวจนตาลายเนื่องจากไม่ได้กินมื้อเช้าและมื้อ
เที่ยงก็เลยเวลาไปกว่าชั่วโมงแล้ว ทำให้รู้สึกใจหวิวๆ แสบท้องและ
แขนขาไร้เรี่ยวแรงชอบกล ฉันเคลียร์งานเสร็จลงจากคณะตั้งใจขับรถ
กลับไปกินที่วังวรดิษฐิ์

“คุณหญิงคะ คุณหญิง” เสียงเรียกของอรอนงค์เพื่อน
อาจารย์คณะเดียวกันที่สอนภาษาฝรั่งเศส “คุณหญิงเจออาจารย์พิเศษ
จากคณะสถาปัตย์ที่จะมาสอนสนทนาฝรั่งเศสขั้นสี่แทนคุณมิแชล์ลรึยังคะ”

ฉันเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “ใครหรือจ๊ะอร ไม่ยักรู้ว่าคณะ
สถาปัตย์มีอาจารย์พิเศษเป็นคนฝรั่งเศสด้วย”

“ไม่ใช่คนฝรั่งเศสหรอกค่ะ เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน แต่เขา
โตในฝรั่งเศสเลยพูดได้แบบเจ้าของภาษาไม่ติดสำเนียงเลยค่ะ ทาง
คณะขาดคนด่วน คุณมิแชล์ลเป็นคนแนะนำเขาให้กับหัวหน้าภาควิชา
ด้วยตัวเอง ชื่ออชิตะ เป็นสถาปนิกมาจากอเมริกา พูดคล่องทั้งอังกฤษ
และฝรั่งเศสเลย แต่น่าจะถนัดฝรั่งเศสมากกว่านะคะ หล่อระเบิดเลยด้วย
เป็นอาจารย์พิเศษที่คณะสถาปัตย์ได้เดือนกว่าแล้ว คุณมิแชล์ลไปรู้จัก
จากแวดวงคนฝรั่งเศสด้วยกัน เลยขอให้มาสอนแทนน่ะค่ะ”

อาการหิวจนใจสั่นนั้นทรุดฮวบลงทันที ฉันรู้สึกถึงสายตา
พร่าพรายและแขนขาที่ไร้เรี่ยวแรง

“คุณหญิง คุณหญิงเป็นอะไรคะ” เสียงอรอนงค์บ่งว่าตกใจ
มากเมื่อเห็นฉันเข่าอ่อนทำท่าจะล้มลงจนต้องคว้าตัวเธอไว้ “คุณหญิง
หน้าซีดยังกับกระดาษเลย เป็นอะไรคะ”

“มีอะไรหรือครับ” เสียงชายหนุ่มที่ฟังคุ้นหูเหลือเกินดังขึ้น
ข้างๆ

“อาจารย์อชิตะ ช่วยพาคุณหญิงไปหาที่นั่งทีค่ะ คุณหญิงท่า
ทางจะเป็นลมค่ะ” เสียงอรอนงค์ดังขึ้นตอบรับชายที่ฉันพยายามลืมคน
นั้น “ในกระเป๋าคุณหญิงมียาดมมั้ยคะ”

อรอนงค์พูดพร้อมส่งฉันให้อาร์ชี่ประคองไปนั่งที่เก้าอี้ริม
ระเบียงตรงบริเวณไม่ไกลจากห้องพักอาจารย์ประจำภาควิชาภาษา
ฝรั่งเศส

               ตัวเธอเองคว้ากระเป๋าถือฉันมาล้วงหายาดมอย่างรวดเร็ว
เมื่อเจอก็นำมาจ่อกับจมูกก่อนจะเริ่มบีบนวดแขนขาให้เลือดเดินสะดวก

“คุณหญิงเป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามหลังจากบีบนวดจนฉัน
เริ่มรู้สึกแขนขามีแรงมากขึ้นแล้ว

ฉันพยักหน้าช้าๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองชายหนุ่มที่ให้
ฉันอาศัยพิงไหล่อยู่ และเมื่อรู้สึกว่าอาการวิงเวียนค่อยดีขึ้น และแขนขา
เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นแล้วจึงค่อยขยับตัวออกจากเขา “ขอบใจจ้ะอร”

“คุณหญิงกลับบ้านดีกว่ามั้ยคะ วันนี้มีสอนอีกกี่คาบคะ จะให้
อรเข้าสอนแทนมั้ย”

              “ไม่เป็นไรจ้ะ วันนี้วาดมีแต่คาบเช้า กำลังจะกลับบ้านอยู่พอ
ดีเลย”

“แล้วคุณหญิงขับรถกลับไหวหรือคะ อรมีสอนคาบถัดไปซะ
ด้วย ทำไงดีนะ”

“ให้ผมไปส่งก็ได้ครับ รถคุณหญิงอยู่ไหนผมจะขับไปส่ง
ให้” เขาผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหูอย่างที่คุ้นเคย แต่แฝงกังวาน
ความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เสียงของเด็กรุ่นหนุ่มคนเดิม

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณอชิตะคงมีสอน วาดไม่อยากรบกวนหรอกค่ะ”

“ผมไม่มีชั่วโมงสอนหรอกครับ วันนี้เข้ามารับตารางสอนที่
เข้ามาทำแทนอาจารย์พิเศษคนเดิมกับคุยเรื่องข้อตกลงต่างๆ นิดหน่อย
เท่านั้นเอง”

“งั้นก็ดีเลยค่ะ ฝากคุณอชิตะด้วยนะคะ อรอยากช่วยนะแต่
ติดสอนจริงๆ” อรอนงค์รีบพูดขึ้นอย่างยินดี

“แล้วรถคุณล่ะคะ” ฉันถามยังไม่วายกังวล เมื่อสัปดาห์ก่อน
ที่เจอกันฉันเห็นว่าเขามีรถอยู่คัน เป็นรถยนต์แคมรี่สีดำที่ดูยังใหม่แต่ไม่
ใช่ป้ายแดง

“ผมค่อยนั่งแท็กซี่กลับมาเอาก็ได้ครับ”

“ลำบากเปล่าๆ ค่ะ ไม่ใช่ธุระของคุณเลย พาวาดไปห้อง
พยาบาลก็พอค่ะ นอนพักซักหน่อย พอรู้สึกดีขึ้นวาดค่อยขับรถกลับบ้าน
เองก็ได้”

อาร์ชี่ก้มมองใบหน้าที่รู้ดีว่าคงซีดเผือดของฉัน “ไม่เป็นไร
ครับผมเต็มใจ หากคุณหญิงขับรถกลับเองแล้วหน้ามืดขึ้นมาอีกจะยิ่งเป็น
อันตรายนะครับ”

ฉันหมดข้อโต้แย้งจึงจำต้องยอมรับ ให้อรอนงค์ประคองไป
ส่งที่รถโดยมีอาร์ชี่เดินตามห่างไปไม่กี่ก้าว

บรรยากาศที่นั่งมาด้วยกันบนรถนั้นเงียบสนิทแต่กลับเต็มไป
ด้วยไอแห่งความอบอุ่นอ่อนหวานและตื่นเต้น หัวใจฉันรู้สึกถึงความอุ่น
วาบถวิลหาและเร่าร้อน ใจที่ไม่รักดี ทั้งที่ถูกเขาทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใยถึง
เพียงนั้น และแม้เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งเขายังกลับทำท่าทีเหมือนคน
เพิ่งรู้จักกันใหม่

“บ้านคุณหญิงไปทางไหนต่อหรือครับ” เขาถามขึ้นหลังจาก
ที่ฉันบอกทางหลักให้เขาไปแล้ว แม้แต่คำเรียกเขายังเลือกจะเรียกอย่าง
ห่างเหิน เรียกยศของฉันหาใช่คำว่า ‘วาด’ ง่ายๆ เหมือนที่เคยเรียก

“เข้าซอยข้างหน้านี้ล่ะค่ะ” ฉันตอบน้ำเสียงเรียบเบา
พยายามซุกซ่อนความรู้สึกบอบช้ำในหัวใจอย่างเต็มเปี่ยม อยากถามหา
เหตุผลจากเขาว่าเหตุใดจึงทิ้งฉันไปอย่างไร้เยื่อใย แต่เพราะความหยิ่ง
ในศักดิ์ศรีจึงทำให้สะกดใจไว้เลือกที่จะไม่ถาม ยังต้องให้เขาบอกอีกหรือ
ว่าเขาเบื่อหน่ายผู้หญิงขี้โรคที่มีแต่จะผลาญเงินค่ารักษาพยาบาลไม่จบ
ไม่สิ้นอย่างฉัน

“หลังนี้รึเปล่าครับ” เสียงอาร์ชี่ดังขึ้นหลังจากไล่ตามบ้าน
เลขที่มาจากต้นซอยและเห็นป้ายทองเหลืองสลักชื่อวังวรดิษฐิ์ เขาจอด
รถเมื่อแน่ใจโดยไม่รอคำตอบก่อนหันมามองทางฉัน

               สายตาเขาสบเข้ากับดวงตาฉันที่ลอบสังเกตใบหน้าด้าน
ข้างเขาอย่างแสนคิดถึงอยู่พอดี ประจุไฟฟ้าที่ดึงดูดเราสองคนเข้าหากัน
เสมอเริ่มแสดงมนตร์ขลังอีกครั้ง ฉันรู้สึกถึงคลื่นความโหยหาระหว่างกัน
ที่คิดว่าจะดับสิ้นไปแล้วในใจเขา บัดนี้กลับรุนแรงและกำลังส่งพลังดึงดูด
ระหว่างกันผ่านทางสายตาที่ยากจะถ่ายถอน

เกือบหนึ่งนาทีเต็มกว่าที่อาร์ชี่จะเป็นฝ่ายถอนสายตาก่อน
แล้วรีบเปิดประตูลุกหนีไปโดยเร็วจนฉันหน้าชา อับอายที่เปิดเผยความ
รู้สึกน่าไม่อายของตัวเองผ่านทางสายตาไปให้เขาล่วงรู้จนหมดสิ้น
ความรู้สึกที่ไม่เคยมีให้กับนายแพทย์จิรพัฒน์หรือให้ใครมาก่อนเลย มี
เพียงเขาที่ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงด้วยความสุข ตื่นเต้น มีชีวิตชีวาได้ มี
เพียงเขาคนนี้คนเดียว ที่เคยทำให้ฉันหัวเราะอย่างมีความสุข ลืมโรคร้าย
ของตัวเองไปจนหมดสิ้น มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น

“คุณหญิงเป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นมั้ย” เขาเดินกลับมาหลังจาก
ที่เดินลงไปกดกริ่งประตู

ฉันพยักหน้าเฉยๆ โดยไม่ตอบคำใดๆ เลือกจะเบือนหน้าหนี
ไปทางหน้าต่างอีกด้าน ไม่อาจทนมองใบหน้าแสนรักแสนอาลัยนั้นได้

ประตูรั้วอัตโนมัติเปิดออกเผยให้เห็นตัวบ้านแบบโบราณซึ่ง
เคยเป็นวังของท่านพ่อหม่อมเจ้าพจนารถ วรดิษฐิ์ ท่านพ่อสิ้นชีพิตักษัย
ไปสิบกว่าปีแล้วก่อนที่จะทรงรับรู้ว่าธิดาคนเดียวของท่านป่วยเป็นโรค
หัวใจรูมาติกส์ โรคที่ไม่น่าเกิดกับผู้มีอันจะกิน

               บัดนี้วังหลังเก่าจึงเหลือแต่หม่อมโสมสุดา วรดิษฐิ์ ณ
อยุธยา หม่อมแม่ที่ยังครองตัวเป็นโสดและพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษา
วังแห่งนี้ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ท่านพ่อมอบไว้ให้นอกเหนือจากเงิน
ในบัญชีธนาคารที่ไม่มากนักพอเลี้ยงตัวท่านกับฉันได้แบบประหยัด
หากว่าฉันไม่ได้ป่วยเป็นโรคที่ต้องสิ้นเปลืองค่ารักษามากถึงเพียงนี้

อาร์ชี่ขับรถเข้าไปจอดตรงลานวงเวียนน้ำพุซึ่งอยู่หน้าบันได
ทางขึ้นบ้านทรงยุโรปโบราณ ออกแบบสไตล์โคโลเนียลที่เป็นแนว
ประยุกต์ประสมประสานกับความเป็นตะวันออก ถึงแม้วังจะเคยโอ่โถงงด
งามในสมัยหนึ่ง แต่เมื่อขาดการบูรณะซ่อมแซมมาเป็นสิบปีบัดนี้จึงดูเก่า
คร่ำคร่า

              เป็นเพราะฉันเองที่ทำให้หม่อมแม่ไม่กล้านำเงินสำรองมา
บูรณะวังใหม่ หม่อมแม่ต้องอยู่อย่างประหยัด และช่วยกันกับคนเก่าแก่อีก
สามคนทำขนมออกไปฝากขายกับร้านรวงข้างนอกเป็นค่าใช้จ่ายภายใน
วัง เพราะเงินทุกบาทที่เหลืออยู่ในธนาคารหม่อมแม่เลือกจะเก็บไว้ให้
ฉัน เผื่อวันข้างหน้าฉันป่วยหนักต้องใช้เงินรักษาตัวและไม่อาจทำงานหา
เลี้ยงชีพตัวเองได้

“เข้าไปในบ้านก่อนมั้ยคะ คนรถออกมารับแสดงว่าหม่อมแม่
อยู่” ฉันกล่าวขึ้นเมื่อรถจอดสนิทและเหลือบเห็นนายมั่นออกมายืนรอรับ

อาร์ชี่นิ่งไปนิดหนึ่งสีหน้าเขาเปลี่ยนไปโดยที่ฉันไม่รู้ว่า
เพราะอะไร ราวกับเขาลังเลเมื่อเห็นจากระยะไกลว่าหม่อมโสมสุดาออก
มายืนคอยอยู่ตรงระเบียงหน้าประตูใหญ่

“ไว้คราวหน้าดีกว่าครับ วันนี้ผมมีประชุมที่ออฟฟิศต่อต้อง
รีบขอตัวกลับไปเอารถที่มหาวิทยาลัยด้วย ฝากกราบขออภัยคุณแม่คุณ
หญิงด้วยแล้วกันครับ”

เขาพูดแล้วเปิดประตูรถอ้อมมาฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนเปิด
ประตูและยื่นแขนมาให้ฉันเกาะเพื่อลุกออกจากรถ ฉันจับแขนเขาไว้แล้ว
ดึงตัวเองลุกขึ้น ขณะที่ร่างลุกผ่านประตูมายืนชิดเขานั้นได้ยินเสียงเขา
สูดลมหายใจแรงจนต้องหันกลับไปมอง รู้สึกถึงต้นคอที่เสียววูบ

ตาสบกันในระยะใกล้ดวงตาสีน้ำตาลที่ดูสุภาพและสำรวม
เสมอเมื่อมองดูฉันนับแต่กลับมาเจอกันครั้งนี้ บัดนี้ทอประกายความห่วง
หาอาทรและอ่อนโยนอย่างเปี่ยมล้นอยู่ครู่ ก่อนที่จะเลือนหายและถูก
ทาบทับไว้ด้วยสายตาสุภาพห่างเหินเช่นเดิม

“รักษาตัวด้วยนะครับคุณหญิง” น้ำเสียงสุภาพนั้นทำให้ฉัน
รู้สึกอยากร้องไห้ ฉันได้แต่พยักหน้าแล้วผละจากเขาโดยเร็ว รู้ดีว่าเมื่อครู่
เขาแอบสูดกลิ่นเรือนผมของฉัน แต่ทำไมล่ะ ทำไมเขาต้องทำเหมือน
เผลออาทรรักใคร่ฉัน ขณะที่ความจริงเขาเป็นฝ่ายทอดทิ้งฉันไป และ
เวลานี้ยังทำตัวเหมือนคนเพิ่งเคยรู้จักกันอีกด้วย

“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง รอเดี๋ยวนะคะ วาดจะให้คนรถนั่งกลับ
ไปกับคุณด้วย จะได้ขับรถคันนี้กลับมา” ฉันงึมงำคำพูดแล้วหันไปสั่งนาย
มั่นพนักงานชายเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ในวังวรดิษฐิ์ให้นั่งรถตาม
อาร์ชี่ไป

“ไว้เจอกันครับ” อาร์ชี่พูดก่อนก้าวขึ้นนั่งข้างคนขับ ให้นาย
มั่นเป็นคนขับรถคันนั้นกลับไปที่มหาวิทยาลัย

ฉันยืนมองคนทั้งคู่ขับรถพ้นจากรั้ววังไปด้วยหัวใจที่อ่อนแอ
ทว่าโลดแรงราวกับเถ้าธุลีในเตาฟืนเก่าๆ ได้เชื้อไฟเติมเข้าไปกับสายลม
นิดหน่อยทำให้ประกายไฟที่เกือบมอดเชื้อเริ่มลุกโพลงขึ้นใหม่ แม้จะเป็น
เพียงเปลวไฟเล็กๆ แต่ก็ให้ความอบอุ่นและแสงสว่างกับหัวใจที่หนาวเย็น
ของฉันได้

................................................................

แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 21:36:06

จากคุณ : Pim~Dow
เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 21:32:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com