เวรันนที # ตอนที่ 4 ความในใจ #
|
 |
นพมาศเหวี่ยงพวงมาลัยรถยนต์คันหรูหักหลบช่วงถนนที่มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระเหมือนรอการราดยางอย่างชำนาญ ไม่ใช่เพราะความชำนาญต่อเส้นทางที่มา ทว่าเธอกลับชำนาญในการขับรถแทบทุกสภาพถนนเลยก็ว่าได้ ด้วยอาชีพนักธุรกิจขายตรงสินค้าอุปโภคบริโภคเช่นเธอ การออกให้ความรู้และพบปะผู้คนเพื่อสร้างเครือข่ายสินค้าในแทบทุกพื้นที่ นั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นพมาศนับว่าเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ใช้หลักการบริหารงานตามความรู้ที่เรียนและฝึกอบรมมาอย่างเต็มศักยภาพ ในชั่วเวลาสองปีเศษที่เธอได้จับงานทางด้านนี้ควบคู่ไปกับการเรียนปริญญาโท ก็ทำให้เธอก้าวขึ้นมาอยู่ชั้นแนวหน้าของสายงานกับรายได้ที่สูงลิบลิ่วในแต่ละเดือน ทว่าวันนี้ต่างจากทุกวันนพมาศไม่ได้ขับรถฝ่าความยากลำบากมาเพราะเรื่องธุรกิจ แต่กำลังเดินทางมาที่วัดแห่งหนึ่งพร้อมกับลุงเอกและป้าพิมพ์จันทร์พ่อและแม่บุญธรรมของรัชชตะแฟนหนุ่มที่หายไปร่วมสี่เดือนแล้ว ทั้งสามคนในรถที่มาต่างมีความหวังเดียวกันในอันที่จะพึ่งบารมีของพระพุทธองค์ให้เป็นสื่อนำความระลึกถึง และความอาทรทั้งหลายทั้งมวลไปสู่รัชชตะนาคราชผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน วัดนี้ใช่ไหมคะ คุณลุง นพมาศถามขึ้น เมื่อเห็นซุ้มประตูวัดแต่ไกลก็จำได้แม้ว่าป้ายชื่อจะมองเห็นไม่ชัดนัก ใช่แล้วล่ะ หนิงนี่แหละวัดป่าธรรมสถิตย์ที่รัชชตะเคยมาบวช เอกกวาดสายตามองครู่เดียวก็จำได้ นพมาศเลี้ยวเข้ามาตามทางดินที่ทอดยาวซึ่งเรียงรายไปด้วยต้นไผ่สูงตรงตลอดทางจากซุ้มประตูวัดจนกระทั่งเข้ามาถึงบริเวณวัดด้านใน เมื่อจอดรถเรียบร้อยทั้งสามคนจึงเดินไปกราบนมัสการพระรูปหนึ่งที่ออกมาต้อนรับอุบาสกอุบาสิกาที่นำสิ่งของมาถวาย เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงสายของวันเสาร์ที่มักจะมีผู้คนทะยอยกันมาทำบุญมากกว่าวันธรรมดา ทั้งสามนั่งรอจนผู้ที่มาก่อนทะยอยออกไปจากศาลากันหมดแล้ว จึงได้ขยับเข้าไปนมัสการหลวงพ่อ กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ผมพาภรรยาแล้วก็หลานสาวมาทำบุญและจะขอขึ้นไปไหว้พระประธานที่โบสถ์สักหน่อยครับ เอกยกมือไหว้ไปพลางอย่างนอบน้อม เอาสิโยม การเข้าวัดด้วยจิตใจที่เป็นกุศล จะทำให้ใจของเราโปร่งสบายขึ้น พวกเราเป็นครอบครัวของรัชชตะ ที่เขาเคยมาบวชที่นี่ค่ะ พิมพ์จันทร์เอ่ยขึ้นเพื่อหวังว่าจะมีใครจำและพูดถึงบุตรชายของเธอบ้าง อืม อาตมาจำได้แล้ว ขณะที่บวชอยู่พระรัชชตะขยัน ไม่เกียจคร้านช่วยงานวัดทุกอย่าง อาตมาก็อบรมวิปัสสนาแก่ท่านไปบ้าง หลวงพ่อพูดเสียงเนิบ หลับตาลงเหมือนกำลังรำลึกความทรงจำ แต่ตอนนี้ลูกไม่อยู่ที่นี่แล้วค่ะพิมพ์จันทร์พูดต่อด้วยน้ำตาคลอ ฮึ โยมอย่าได้โศกเศร้าไปเลย รัชชตะกำลังทำหน้าที่ของเขา ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตน หรือพูดอีกอย่างว่ามีกรรมเป็นของตน หลวงพ่อลืมตาขึ้นพลางอธิบาย ค่ะ พิมพ์จันทร์จำยอมที่จะรับรู้เพียงเท่านั้น เพราะหลวงพ่อดูจะให้ความกระจ่างมากกว่านั้นไม่ได้ แม้นั่นเป็นสิ่งที่เธอคาดว่าท่านต้องรู้เป็นแน่แท้ ทั้งสามคนสนทนาอยู่กับหลวงพ่อสักครู่ จึงขอโอกาสเดินขึ้นเนินหลังศาลาเพื่อเข้าไปกราบนมัสการพระประธานในโบสถ์ ทุกคนต่างจุดธูป เทียน และวางดอกไม้ที่นำมาสักการะองค์พระปฏิมาซึ่งเป็นองค์ประธานในที่นี้ ต่างคนต่างตั้งจิตมั่นในอันที่จะอธิษฐานถึงรัชชตะ..... ขอกราบนมัสการองค์พระประธาน ผู้เป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอบุญบารมีพระรัตนตรัย พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ได้ช่วยเป็นสื่อนำพาความคิดถึงและปรารถนาดี จากดิฉันนพมาศไปยังรัชชตะนาคราชผู้เป็นที่รัก ขอให้เขาปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ได้กลับมาหาพ่อแม่และดิฉันในเร็ววันด้วยค่ะ รัชจำวันเกิดหนิงได้ใช่มั้ยจ้ะเดือนหน้านี้แล้ว หนิงอยากให้รัชกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนทุกๆปี นพมาศตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์พระประธาน อีกทั้งทิ้งความปรารถนาที่ต้องการให้รัชชตะมาร่วมงานวันเกิดเช่นทุกปี แม้รู้ว่ามันเป็นความปรารถนาที่เป็นจริงได้ยากเหลือเกิน! เส้นน้ำตาใสบางไหลรินลงมากระทบข้างแก้มและริมฝีปากบางได้รูป ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับสั่งใจตนเองให้หักความเศร้าโศกอาลัย .................................................................................................................................................................................................. ณ วิมานมรกต กลิ่นธูปหอมลอยลมมาจากที่ไกล สัมผัสกับการรับรู้ของรัชชตะนาคราชได้อย่างชัดเจน ร่างงูใหญ่เกล็ดเงินขณะนี้ยังคงนอนเหยียดกายอยู่บนพื้นสนามหญ้าเนื่องจากยังไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ และด้วยความพยายามที่ถูกใช้จนถึงที่สุดหลายครั้งต่อหลายครั้งทำให้ผู้เป็นเจ้าของร่างเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า กลิ่นหอมที่ลอยลมมาเป็นระลอกเช่นคลื่นมหาสมุทรที่ซัดเข้ากระทบฝั่งอย่างแรงนั้น ได้ปลุกให้ความอ่อนเพลียสลายไปสิ้น ไม่เพียงแค่กลิ่นธูป มันยังประกอบไปด้วยเสียงใส ๆ ของนพมาศที่ลอยมากระทบโสตประสาทจอมนาคาอย่างจัง นี่จะถึงวันเกิดหนิงแล้วเหรอ เรามาอยู่ที่นี่นานมากแค่ไหนแล้วเนี่ย รัชชตะขยับร่างใหญ่ยันกายและชูคอสูงขึ้น เมื่อเหลียวมองไปรอบกายไม่มีใครเลย ชานตตีทิ้งเขาไว้ที่นั่นอย่างที่เธอพูดจริง ๆ ไม่ว่ายังไง ผมจะต้องกลับไปหาคุณ ไปหาพ่อแม่ให้ได้ นอกจากนพมาศแล้วคำอธิษฐานของพ่อกับแม่ก็ลอยมาถึงเช่นกัน เฮ้ย
รัชชตะร้องระบายความเหน็ดเหนื่อยออกมาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะจากนี้จะไม่มีคำว่าล้มเหลว คราวนี้เขาจะทำให้สำเร็จ!
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 10:46:57
จากคุณ |
:
may_plk
|
เขียนเมื่อ |
:
7 พ.ค. 54 15:24:30
|
|
|
|