Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มณีนาคินทร์ ตอนที่ 40 - 41 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 40

   
      แสงขวัญออกเดินทางพร้อมกับอัญญานี จนเข้าสู่เขตแดนฉิมพลี แต่ก็ต้องรอซุ่มดูสถานการณ์ด้านนอกเสียก่อน

“เราจะทำอย่างไรต่อไปดีเพคะ?”   อัญญานีเอ่ยถาม

“ก่อนที่เราจะประจันหน้ากับพญาครุฑิการ เราต้องช่วยกัญชพรออกมาให้ได้ก่อน นางจะได้ไม่เป็นอันตราย จริงๆ แล้วนางไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย เป็นเพราะเราแท้ๆ เป็นต้นเหตุ ความใจร้อนของเรานำความเดือดร้อนมาสู่ผู้คนรอบข้าง”

แสงขวัญเริ่มโทษตัวเอง รู้สึกผิดมาตลอด เพราะทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากตัวเขาเป็นต้นเหตุทั้งหมด

“อย่าทรงโทษพระองค์เองสิเพคะ ทุกอย่างไม่ได้เกิดเพียงพระองค์แต่ฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่เพราะพระองค์ป้องกันพระเกียรติและประยูรญาติต่างหากนะเพคะ พวกนั้นเป็นอันธพาลหาใช่ความผิดของพระองค์เพียงผู้เดียว”   อัญญานีปลอบ

“ขอบใจนะอัญญานี ที่เจ้าเข้าใจเรามาตลอด คงมีเพียงไม่กี่คนล่ะมัง ที่จะเข้าใจเราอย่างแท้จริง”    

แสงขวัญกล่าวขอบใจ แล้วทรงหันมองขึ้นไปยังเบื้องบน เห็นนครฉิมพลีลอยอยู่เหนือหิมพานต์

“เราเป็นห่วงกัญชพรมาก ไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรบ้าง?”   แสงขวัญนึกถึงแต่นางอันเป็นที่รัก

“นางคงยังไม่มีอันตรายใดๆ หรอกเพคะ”  อัญญานีออกความเห็น

“เราก็หวังเช่นนั้น”    แสงขวัญตอบเบาๆ


    กัญชพรยืนมองออกไปนอกบัญชรของห้อง เห็นหมู่เหล่าปักษาและปักษีบินวนกันไปมาอยู่ริบๆ เธอพยายามใช้ความคิดหาหนทางหนีออกจากนครฉิมพลี แต่คิดอย่างไรก็ยังหาทางไม่ได้สักที ในนาทีนั้นเธอก็นึกถึงพระเทวีศรีบงกชคนงาม รอยยิ้มปรากฏบนเรียวปากของกัญชพรทันที  

“พระเทวีต้องมีทางช่วงเราได้แน่”    

กัญชพรเอ่ยกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกได้ดังนั้น เธอจึงรีบเดินจากบานบัญชรตรงไปที่ประตูห้อง เปิดมันออกและรีบรุดตรงไปยังตำหนักที่หมายทันที เมื่อถึงหน้าพระตำหนักจึงแจ้งความจำนงกับนางกำนัลต้นห้องที่นั่งเฝ้าอยู่

“ฉันขอพบพระเทวีศรีบงกช”    กัญชพรบอก

“แม่นางกัญชพรโปรดรอที่นี่สักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”    นางกำนัลต้นห้องบอก และนางก็หายเข้าไปในพระตำหนักเพียงครู่หนึ่ง จึงออกมารายงานตอบว่า

“พระเทวีเชิญแม่นางกัญชพรเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ”

“ขอบใจจ้ะ”    กัญชพรยิ้มและกล่าวขอบใจ แล้วเดินผ่านนางกำนัลผู้นั้นเข้าประตูตำหนักไป


     พระเทวีศรีบงกชทรงประทับนั่งรออยู่ที่แท่นประทับที่เป็นรูปของครุฑสีขาวตัวใหญ่กางปีกอันทรงพลังเหมือนดั่งจะโอบพระองค์ไว้อย่างหวงแหน เมื่อพระเทวีเห็นกัญชพรเดินเข้ามา พระนางยิ้มรับอย่างอ่อนโยน กัญชพรเข้ามายืนไม่ไกลจากพระเทวีและยกมือประนมไหว้ทำความเคารพพระนาง

“ตามสบายเถอะกัญชพร มาสิ มานั่งตรงนี้กับข้า”    

พระเทวีทรงเมตตาเธอเสมอ  กัญชพรยิ้มและเดินเข้าไปนั่งที่พื้น พระเทวีทรงรีบลุกขึ้นและเอาพระหัตถ์ทั้งสองข้างของพระองค์ยื่นไปจับแขนทั้งสองข้างของกัญชพร ให้ลุกขึ้นยืนและดึงพามานั่งบนพระแท่นประทับตัวเดียวกับพระนาง แต่กัญชพรฝืนกายไว้ และพูดว่า

“ไม่สมควรมั้งคะ พระเทวีมีศักดิ์สูงส่ง กัญเป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น กัญว่ากัญนั่งที่พื้นเหมือนพวกพี่ๆ เขาดีกว่า”    

พระเทวีแห่งพญาครุฑยิ้มและส่ายหน้ามองหญิงสาวชาวมนุษย์อย่างเอ็นดู และกล่าวว่า

“เจ้าเอาอะไรมาวัดหรือว่าข้าสูงกว่าเจ้า ถ้าเจ้าหมายถึงตำแหน่งล่ะก็ เจ้าลืมมันไปได้เลย บอกตรงๆ นะว่าข้าถูกชะตากับเจ้าตั้งแต่แรกเห็น ข้ารักเจ้าเหมือนน้องสาวของข้า มาสิ มานั่งคุยกับข้าบนนี้”

“งั้น กัญก็ขอบคุณค่ะ”   กัญชพรยกมือไหว้พระเทวีอีกครั้ง พระเทวีรีบรวบมือทั้งสองของกัญชพรไว้ และพูดว่า

“เจ้าไม่ต้องไหว้ข้าบ่อยนักหรอก”  

พระเทวีพากัญชพรมานั่งที่ประทับเดียวกับพระนาง และเอ่ยถามต่อว่า

“เอ้าว่ามา เจ้ามีอะไรจะคุยกับข้าหรือ?”    

“คือ...กัญอยากออกจากนครฉิมพลีค่ะ พระเทวีช่วยกัญได้มั้ยคะ?”  กัญชพรบอกจุดประสงค์ตามตรง สีหน้าของพระเทวีเปลี่ยนไปทันที

“ให้ข้าทรยศต่อสวามีแห่งข้าหรือ?”   พระเทวีถาม

“พระเทวี...นะคะ ช่วยบอกทางให้กัญหนีเองก็ได้ กัญไม่อยากให้ทั้งสองฝ่ายต้องรบราฆ่าฟันกัน พระเทวีคงเข้าใจ พระองค์รักท่านพญาครุฑิการอย่างไร กัญก็รักพี่แสงขวัญอย่างนั้นเช่นกัน หวังว่าพระเทวีจะเข้าใจกัญนะคะ”      

กัญชพรพยายามเกลี้ยกล่อม พระเทวีทรงใช้ความคิดอย่างหนัก เมื่อมองหน้านางมนุษย์ผู้นี้นิ่งเพียงครู่ แล้วพระองค์ก็ทอดถอนใจยาว และทรงรับสั่งถามไปว่า

“เจ้าไม่ยินดีเป็นชายาของจ้าวพี่ของข้าหรือกัญชพร?”

กัญชพรนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะรู้ถึงหูของพระเทวีศรีบงกชได้ หรือว่าพญาครุฑิการมาบอกพระองค์ พระเทวีมองหน้ากัญชพรและรับสั่งต่อว่า

“ข้ายังรู้อีกว่า เมื่อวันก่อนจ้าวพี่เสด็จไปหาเจ้า และข้าก็รู้ว่าจ้าวพี่คงไม่สมพระทัย ถึงได้เสด็จฉุนเฉียวกลับมา”  

กัญชพรจ้องมองตอบพระเทวีอย่างเปิดเผย และตอบอย่างหนักแน่นว่า

“กัญยอมตายดีกว่า ที่จะต้องตกเป็นชายาของพญาครุฑิการ  กัญไม่ได้รักท่าน กัญมีพี่แสงขวัญคนเดียวในหัวใจอยู่แล้ว แม้ช่วยพี่แสงขวัญได้ ชีวิตของกัญก็ยอมแลกได้ค่ะ”

พระเทวีแห่งพญาปักษาผู้ยิ่งใหญ่ทรงยิ้มกว้าง และจ้องมองใบหน้านางมนุษย์น้อยอย่างอ่อนโยนและนับถือ พระองค์ทรงรับสั่งว่า

“จะมีนางมนุษย์สักกี่คนที่มีใจคอเด็ดเดี่ยวเช่นเจ้า เอาล่ะ ข้ายอมแพ้เจ้าแล้ว เอาเป็นว่าข้ารับปากว่าข้าจะพาเจ้าออกจากนครฉิมพลี พอใจเจ้าหรือยัง?”    

พระเทวีรับปาก กัญชพรดีใจจนน้ำตาซึม ซึ้งในน้ำพระทัยของพระเทวีคนงามแห่งนครฉิมพลี แล้วเธอก็โผเข้ากอดพระองค์ พระเทวีทรงกอดกัญชพรไว้อย่างเอ็นดู


     เมื่อถึงกาลที่พญาครุฑิการต้องเข้าบำเพ็ญตนเพื่อเพิ่มอิทธิฤทธิ์ เป็นเวลาเจ็ดราตรีในรอบปีแห่งแดนทิพย์ พระเทวีศรีบงกชจึงทรงวางแผนการพากัญชพรหลบหนีออกจากแดนฉิมพลี โดยให้นางกำนัลนางหนึ่งเป็นผู้นำทาง  เมื่อพญาครุฑิการเข้าสู่ฌาน พระองค์ต้องตัดขาดจากโลกภายนอกชั่วคราว นั่นคือโอกาสทองแห่งการหลบหนีจากวิมานฉิมพลี

“ข้าขอให้เจ้าโชคดีนะกัญชพร”    พระเทวีอวยพร

“ขอบคุณค่ะ กัญจะไม่ลืมพระคุณของพระเทวีเลย”    

กัญชพรประนมมือไหว้ขอบคุณ พระเทวีศรีบงกชทรงรวบมือเธอไว้ในพระหัตถ์ข้างซ้ายของพระองค์ และทรงยื่นของบางสิ่งจากพระหัตถ์ขวาให้...มันคือแหวนทองเป็นรูปดอกบัว กัญชพรเงยหน้าถามทันที

“อะไรหรือคะ?”

“ข้าให้เจ้าไว้ใช้ยามคับขัน มันคือแหวนสัตตบงกช เป็นสิ่งที่จะพาเจ้าออกจากแดนฉิมพลีนี้ได้โดยไม่เป็นอันตราย”    พระเทวีรับสั่ง

“ขอบคุณค่ะ”   กัญชพรรับแหวนจากพระหัตถ์ของพระเทวี น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจคลอเบ้าตาคู่สวยของหญิงสาวชาวมนุษย์

“ไปเถอะ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย หากเจ้าไปได้ไม่ไกล จ้าวพี่ของข้าก็ต้องตามเอาตัวเจ้ากลับมาจนได้ รีบไป”    

รับสั่งกับกัญชพรจบก็หันมาหานางกำนัลผู้ที่รับมอบหมายหน้าที่ และรับสั่งว่า

“เกศินี ข้าฝากเจ้าดูแลนางดีๆ นะ นางคือพระขนิษฐาแห่งเรา จำเอาไว้ เจ้าต้องพานางไปให้ปลอดภัย”    

“เพคะ หม่อมฉันจะปกป้องดูแลพระขนิษฐาของพระองค์ด้วยชีวิตเพคะ”    นางกำนัลเกศินีรับคำอย่างหนักแน่น

เกศินีรีบนำทางกัญชพรออกไปจากนครฉิมพลีทันที พระเทวีศรีบงกชทรงอธิษฐานขอให้กัญชพรหนีรอดและปลอดภัย


    แหวนสัตตบงกชของพระเทวีศรีบงกชถูกเนรมิตให้กลายเป็นดอกบัวดอกใหญ่ที่พากัญชพรและเกศินีเหาะลอยออกจากนครฉิมพลี โดยไม่มีผู้ใดผิดสังเกต เมื่อดอกบัวสัตตบงกชดอกใหญ่ค่อยๆ ลอยลงสู่พื้นป่าหิมพานต์ ทั้งสองนางจึงก้าวออกจากดอกบัว กัญชพรหันมองไปรอบๆ เห็นต้นไม้ และขุนเขา เธอหันกลับมาหาเกศินีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ขอบคุณพี่เกศินีมากนะคะ ที่พากัญมาถึงพื้นดินได้ ต่อไปกัญจะเดินทางต่อเอง กัญว่าพี่เกศินีรีบกลับไปนครฉิมพลีก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเกิดท่านพญาครุฑิการรู้เข้าพี่เกศินีจะลำบาก”  

“ไม่ได้หรอกเพคะ หม่อมฉันรับปากพระเทวีไว้ว่าจะดูแลพระองค์ด้วยชีวิตของหม่อมฉัน”  เกศินีกล่าว

“อย่าพูดแบบนี้กับกัญเลยนะคะ กัญขอร้อง เรียกชื่อกัญเฉยๆ ก็ได้ และขอให้พูดธรรมดากับกัญดีกว่าค่ะ”   กัญชพรบอก แต่ท่าทางของเกศินียังอิดเอื้อนอยู่

“เถอะค่ะ ถือว่าเป็นคำขอร้องนะคะ”   กัญชพรอ้อนวอน เกศินีจึงยิ้มให้และพยักหน้ารับแทน

“ดีมากค่ะ”     กัญชพรชม แล้วหันหลังเงยหน้ามองขึ้นไปที่แดนฉิมพลีอีกครั้ง และหันกลับมาถามกับผู้พาเธอหลบหนีออกมาว่า

“พี่เกศินี พระเทวีจะมีอันตรายมั้ยคะ?”    

“ไม่หรอก ยังไงท่านพญาครุฑิการก็ไม่ทรงทำอะไรพระเทวีศรีบงกชเด็ดขาด”   เกศินีตอบอย่างมั่นใจ ทำให้กัญชพรค่อยสบายใจขึ้น


    หนึ่งมนุษย์...หนึ่งอัปสร...รอนแรมอยู่ในเขตหิมพานต์ จนกัญชพรรู้สึกเหนื่อยอ่อน เกศินีเข้าพยุงกายของกัญชพร และถามอย่างห่วงใยว่า

“ท่านเหนื่อยมากแล้ว พวกเราพักกันแถวนี้ก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวเราค่อยเดินทางต่อ”    

“ดีเหมือนกันค่ะ กัญเหนื่อยเหลือเกิน”      กัญชพรตอบทั้งที่ยังหอบอยู่   จากการที่ต้องใช้พลังในการรักษาอัญญานีและตวงสิทธิ์ในครั้งนั้น ทำให้ร่างกายของกัญชพรยังไม่แข็งแรงดี แม้จะได้พลังจากมณีนาคินทร์คอยรักษาให้ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่  เกศินีรีบพากัญชพรเข้าพักใต้ร่มไม้ใหญ่ กัญชพรนั่งลงและเอนกายพิงโคนไม้ใหญ่อย่างอ่อนเพลีย

“ท่านคงจะหิว”    เกศินีบอก ขณะที่นางเอาผ้าสไบห่มกายเช็ดเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้างามของกัญชพร

“ก็หิวนิดๆ แล้วล่ะ”    กัญชพรตอบ

“งั้น ท่านรอเราอยู่ตรงนี้นะ อย่าไปไหน เราจะไปหาผลไม้และน้ำมาให้”  

เกศินีสั่งและกำชับ กัญชพรยิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อยและพยักหน้ารับแทนคำตอบ  นางอัปสรเกศินีจึงลุกเดินหายเข้าไปอีกด้านหนึ่งของป่า พอลับร่างของผู้คุ้มครองสาว กัญชพรก็หันมองไปรอบๆ บรรยากาศรอบกายเงียบจนผิดสังเกต  หญิงสาวชาวมนุษย์เอนศีรษะพิงต้นไม้หลับตาลง เพื่อให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า  ปิดเปลือกตาทั้งสองได้ไม่นาน กัญชพรก็ต้องตกใจ รีบลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ เธอได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างเหยียบกิ่งไม้หรืออะไรสักอย่างดัง...แกร๊ก...หญิงสาวรีบพาตัวเองหาที่หลบซ่อนทันที


     กัญชพรหลบซ่อนตัวหลังพุ่มไม้หนาใกล้กับโคนต้นไม้ใหญ่ที่เธอนั่งพักเมื่อครู่ ทำตัวให้เงียบที่สุด  เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา..ใกล้เข้ามา..หัวใจกัญชพรเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ และพวกนั้นก็มาหยุดยืนอยู่ใกล้กับที่เธอซ่อนตัว กัญชพรนึกภาวนาในใจขออย่าให้เป็นพวกคนไม่ดีเลย  ผู้ที่เดินผ่านเข้ามาใกล้ที่กัญชพรหลบซ่อน คือ...แสงขวัญและอัญญานี  กัญชพรแอบอยู่ เธอค่อยๆ แหวกใบไม้หนาเพื่อแอบดูผู้ที่มาใหม่ แล้วรอยยิ้มของเธอก็ผุดขึ้นทันที กัญชพรดีใจเมื่อได้เห็นบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองอีกครั้ง เธอรีบออกจากที่ซ่อนตัวทันที  แสงขวัญและอัญญานียังคงหันรีหันขวางว่าจะไปทางไหนดี

“พี่แสงขวัญ”      กัญชพรร้องเรียกเมื่อออกจากที่ซ่อน ทั้งแสงขวัญและอัญญานีหันมาทางต้นเสียงเรียกพร้อมกัน ทั้งคู่ดีใจเมื่อเห็นกัญชพรอีกครั้ง

“กัญชพร”  แสงขวัญเรียกหญิงอันเป็นที่รักเสียงหลง กัญชพรรีบวิ่งเข้าไปหาแสงขวัญ นาคราชหนุ่มอ้าแขนรับร่างของกัญชพรอย่างดีใจ เขาสวมกอดเธอไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะหลุดลอยหายไปอีก

“เจ้าจริงๆ ด้วย กัญชพร”    แสงขวัญดีใจกอดเธอไว้แนบอกแน่น อัญญานียืนยิ้มดีใจจนน้ำตาคลอ

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”    แสงขวัญคลายอ้อมกอดถาม

“พระเทวีศรีบงกชช่วยกัญค่ะ พระนางให้พี่เกศินีพากัญหนีออกจากนครฉิมพลี”    กัญชพรตอบ

“เอ๊ะ! ทำไมพระเทวีแห่งพญาครุฑิการจึงช่วยเจ้าล่ะ?”  แสงขวัญสงสัย

“พระเทวีไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพญาครุฑิการ”   กัญชพรตอบ

“งั้นหรือ”    แสงขวัญยังไม่ค่อยไว้ใจ แล้วเกศินีก็เดินหอบผลไม้และมีกระบอกน้ำที่ได้จากต้นไผ่ ตักน้ำมาจนเต็มกระบอก เมื่อนางเห็นกัญชพรอยู่กับชายหญิงคู่หนึ่ง นางจึงแปลกใจ ทั้งแสงขวัญและอัญญานีนั้นยืนหันหลังให้นางอยู่ กัญชพรเห็นเกศินีกลับมา เธอยิ้มให้และเอ่ยว่า

“พี่เกศินี เข้ามาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่พี่แสงขวัญ และนี่พี่อัญญานี”  

เกศินีได้ยิืนชื่อของนาคราชแสงขวัญ นางรีบยอบตัวนั่งลง วางสิ่งของที่หอบมาลงบนพื้น และยกมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“ถวายพระพรพญานาคราชแสงขวัญเพคะ”  

“เจ้านั่นเอง เราจำเจ้าได้ ไม่ได้พบกันเสียนาน”    แสงขวัญทักทาย กัญชพรมองหน้าทั้งสองฝ่ายอย่างงงๆ

“รู้จักกันหรือคะ?”   กัญชพรถาม

“ใช่ เราเคยพบกับนาง เมื่องานเลี้ยงขององค์อัมรินทร์ นางเป็นทหารเอกมือขวาของพระแม่อุมาเชียวนะ”   นาคราชแสงขวัญตอบ

“พระองค์กล่าวเกินไปแล้ว”    เกศินีถ่อมตัว  กัญชพรหันไปมองเกศินีและ้ยิ้ม

“จริงหรือคะ นี่พระเทวีให้พี่เกศินีคุ้มครองกัญมาเพราะพี่เป็นคนมีฝีมือเก่งนี่เอง”  

“พระเทวีทรงเอ็นดูกัญชพรเหมือนพระขนิษฐา ทรงกำชับให้ข้าพระบาทดูแลและปกป้องนางด้วยชีวิต”   เกศินีตอบ แสงขวัญเริ่มเข้าใจ

“ที่แท้ พระเทวีศรีบงกชก็หลงเสน่ห์กัญชพรให้แล้ว”     นาคราชแสงขวัญทรงเย้า

“พี่แสงขวัญก็ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พระเทวีท่านใจดีกับกัญต่างหาก”    
กัญชพรตอบ อัญญานีได้แต่ยืนยิ้ม เกศินีจึงเอ่ยเสียงเครียดว่า

“กัญชพรควรพักให้หายเหนื่อย แล้วพวกเรารีบออกเดินทางไปให้พ้นเขตนครฉิมพลีดีกว่า อีกเจ็ดราตรีท่านพญาครุฑิการก็จะออกจากการบำเพ็ญตะบะ เมื่อนั้นท่านก็จะรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น และต้องออกตามมาเอาตัวกัญชพรกลับไปแน่นอน”    

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย  แสงขวัญพากัญชพรกลับมาที่โคนต้นไม้ใหญ่ และเกศินีและอัญญานีก็ช่วยกันนำผลไม้และน้ำมาให้กัญชพรได้ดื่มและกิน พวกนางปล่อยให้นาคราชแสงขวัญคอยดูแลกัญชพร และหนึ่งนาคี...หนึ่งอัปสร...ก็เดินออกมาระวังภัยโดยรอบๆ




ตอนที่ 41

 
  ระหว่างการเดินทาง กัญชพรเล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอที่แดนฉิมพลีให้นาคราชแสงขวัญได้รู้ ยิ่งได้ฟังจากคำบอกเล่าจากกัญชพร กับสิ่งที่พญาครุฑิการคิดกระทำกับคนที่ตนรัก ยิ่งทำให้พญานาคราชแสงขวัญโกรธยิ่ง พระองค์ทุกกำปั้นลงบนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์เองอย่างแรง เพื่อระบายอารมณ์โกรธ

“ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย?”   นาคราชแสงขวัญเข่นเขี้ยวอย่างโกรธแค้น

“พี่แสงขวัญ อย่าโมโหไปเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว ใจเย็นๆ ดีกว่า กัญเชื่อว่าเราต้องมีหนทางแก้ไข”  

กัญชพรยื่นมือเข้าไปจับแขนของนาคราชหนุ่มไว้ พระองค์มองดวงหน้าของหญิงอันเป็นที่รัก และทรงเอ่ยลองใจว่า

“เจ้าไม่ยินดีเป็นชายาแห่งพญาครุฑแน่หรือ?”

“พี่แสงขวัญ พี่พูดอะไรน่ะ?”   กัญชพรถามด้วยเสียงอันขุ่นเคือง

“พี่ถามเจ้า เจ้ายังไม่ตอบพี่เลย”   นาคราชแสงขวัญถามย้ำ เท่านั้นใบหน้าของกัญชพรก็ง้ำงอไปทันที เธอเชิดหน้าใส่พระองค์และตอบว่า

“ถ้าคิดจะถามลองใจล่ะก็ ขอบอกว่าไม่มีทาง กัญยอมตายเสียดีกว่าจะเป็นชายาของพญาครุฑ”  

พูดจบก็หันหลังทำท่าจะเดินจากไป แล้วเธอก็ต้องชะงักหยุดอยู่กับที่ เพราะร่างของเธอนั้นถูกรวบเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดของนาคราชหนุ่ม พระองค์ก้มลงกระซิบข้างๆ หูของเธอว่า

“แล้วเจ้ายินดีเป็นชายาของพญานาคราชหรือไม่?”

เท่านั้นใบหน้าขาวนวลของหญิงสาวก็กลับกลายเป็นสีชมพูเรื่อ กัญชพรรู้สึกหน้าร้อนผ่าว เธอเอียงหน้าหลบชายผู้สวมกอดเธออยู่ และตอบเบาๆ ว่า

“บ้าจัง”

“แน่ะ...พี่ถามเจ้า เจ้ายังไม่ตอบ ยังมาว่าพี่อีก”    

นาคราชหนุ่มยิ้มและยังคงกระชับอ้อมกอดเข้าแนบตัวมากขึ้น กัญชพรเริ่มหันมองซ้ายทีขวาที และพูดด้วยใบหน้าเอียงอายว่า

“ปล่อยกัญเถอะ เดี๋ยวพี่อัญญานีกับพี่เกศินีมาเห็นเข้ามันไม่ดีนะคะ”

นาคราชแสงขวัญคลายอ้อมกอดเพียงหลวมๆ พระองค์จับตัวกัญชพรหมุนกลับมาหาพระองค์ และก้มเกือบชิดใบหน้าของหญิงสาว และกล่าวว่า

“เจ้าไม่ต้องห่วงทั้งสองคนนั้นหรอก พวกเขารู้หน้าที่ดี เจ้าไม่ต้องมาทำเฉไฉไปเรื่องอื่น ตอบคำถามพี่มาก่อนว่า เจ้ายินดีเป็นชายาของพญานาคราชหรือไม่?”

กัญชพรก้มหน้าเอียงอาย ก่อนให้คำตอบด้วยเสียงเบาว่า “ค่ะ”

“พี่ไม่ได้ยินเจ้าเลย”    แสงขวัญแกล้งทำเป็นเอียงหูฟังใหม่

“ค่ะ”    กัญชพรตอบเสียงดังขึ้นมาอีกหน่อย แสงขวัญยิ้ม พระองค์ใช้พระหัตถ์ข้างขวามาเชยคางของหญิงสาวในอ้อมกอดขึ้นสบตาพระองค์ และก้มลงจุมพิศหน้าผากอย่างอ่อนโยนและแสนรัก กัญชพรหลับตาลงและยอมรับจุมพิตนั้นด้วยความเต็มใจ  เมื่อถอนริมฝีปากที่จุมพิตหน้าผากของกัญชพรออก นาคราชแสงขวัญก็กอดกระชับร่างอรชรเข้ามาแนบอกไว้ และพูดว่า
“ถ้าเรารอดไปได้ พี่จะจัดพิธีอภิเษกระหว่างเราทั้งสอง เจ้าจะได้เป็นจอมนางแห่งนาคราช”

“กัญไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ขอเพียงได้อยู่กับพี่แสงขวัญ ไม่ว่าที่ไหนกัญก็ยินดีตามไป”    

กัญชพรตอบด้วยใจจริง แสงขวัญก้มลงจุมพิตเส้นผมอันอ่อนนุ่มของกัญชพรอีกครั้ง และกอดกระชับร่างนางไว้อย่างแสนรัก ดั่งกลัวว่าใครจะแย่งนางไปจากพระองค์อีก


    เวลาผ่านไปเจ็ดราตรี พญาครุฑิการดำเนินออกจากห้องพิธีกรรม สิ่งแรกที่พญาครุฑหนุ่มคะนึงหาคือใบหน้างามของกัญชพร หญิงสาวชาวมนุษย์ พระองค์จึงรีบดำเนินไปที่ห้องที่คุมขังนางไว้  ทรงเคาะประตูห้อง แต่ทุกอย่างเงียบไร้สิ่งมีชีวิตตอบรับ  พญาครุฑหนุ่มแตะพระหัตถ์ไปที่ประตูห้อง มันเปิดตัวมันเองอย่างง่ายดาย และทรงรีบดำเนินผ่านประตูเข้ามา ภายในห้องไร้ซึ่งกายของหญิงสาวชาวมนุษย์ ผู้เป็นเชลยของพระองค์ พญาครุฑหนุ่มรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด จึงรีบดำเนินออกจากห้องที่คุมขังกัญชพร ตรงไปยังตำหนักของพระเทวีศรีบงกชทันที


     พระเทวีศรีบงกชกำลังทรงเล่นพิณอย่างเพลิดเพลิน แล้วประตูพระตำหนักก็ถูกเปิดออกอย่างแรง  พญาครุฑิการดำเนินเข้ามาด้วยหน้าตาขึงขัง พระองค์มาหยุดใกล้กับที่พระเทวีกำลังทรงเล่นพิณอยู่ และถามเสียงเข้มว่า

“กัญชพรไปไหน?”

พระเทวีศรีบงกชทรงหยุดเล่นพิณ และเงยพระพักตร์มองพระสวามี ทรงยิ้มให้แล้วทรงถามกลับว่า

“พระองค์จะไม่ทรงถามน้องก่อนหรือเพคะ ว่าน้องเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เจ้าอย่ามามากความกับเรานะศรีบงกช เราถามว่ากัญชพรไปไหน?”

สีหน้าของพญาปักษาหนุ่มเริ่มเครียดขึ้น พระเทวีศรีบงกชจ้องมองพระสวามีนิ่ง และทรงตอบตามความจริงว่า

“น้องให้คนพากัญชพรออกจากนครฉิมพลีไปแล้วเพคะ”

“ศรีบงกช เจ้าทำอะไรลงไป!”    พญาครุฑิการตวาดเสียงลั่นดั่งฟ้าผ่า

“ก็ทำในสิ่งที่ควรทำสิเพคะ”   พระเทวีแห่งพญาครุฑตอบ ทำเอาพระสวามีแห่งพระนางโกรธจนตัวสั่น เหล่านางกำนัลพากันหวาดกลัว ต่างพากันหาที่หลบกันจ้าละหวั่น มีเพียงพระเทวีศรีบงกชที่ทรงลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับความโกรธของพระสวามี และพูดว่า

“พระองค์จะทรงไปแย่งของคนอื่นเขามาทำไมเพคะ มันผิดศีลใหญ่หลวงนะเพคะ กัญชพรเป็นคนรักของพญานาคราชแสงขวัญ พระองค์ไม่มีสิทธิ์จะไปขืนใจนางมาเป็นของพระองค์ มันจะกลายเป็นบาปนะเพคะ”    

“เจ้าไม่ต้องมาสอนเรา”    พญาครุฑิการทรงตวาดลั่น แล้วพระองค์ก็ทรงหรี่พระเนตรมองพระมเหสีแห่งพระองค์และแกล้งพูดยั่วว่า

“อ๋อ...เจ้าคงกลัวว่ากัญชพรจะมาแทนที่เจ้ามากกว่าล่ะมั้ง”  

พระเทวีทรงยิ้ม จ้องมองตอบพระสวามีและทรงรับสั่งว่า

“พระองค์เข้าใจผิดเสียแล้ว แม้พระองค์จะทรงมีชายามากเท่าไหร่ น้องก็ไม่เคยคิดจะว่า หรือหึงหวงแต่ประการใด แต่สำหรับกัญชพร น้องขอล่ะเพคะ ปล่อยนางไปเถอะ นางน่าสงสาร และน้องเองก็รักนางดั่งขนิษฐา น้องทนไม่ได้ที่จะเห็นนางต้องเป็นทุกข์ เพราะเห็นคนรักต้องทรมาน เช่นเดียวกันน้องเองก็ทนไม่ได้ ถ้าจ้าวพี่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนั้น”

พญาครุฑิการกำมือแน่นด้วยความโกรธ พระองค์ขี้เกียจต่อความยาวกับพระมเหสี จึงฟึดฟัดหันหลังออกจากตำหนักพระเทวีไป เมื่อคล้อยหลังของพระสวามี น้ำพระเนตรก็ไหลออกมา พระเทวีทรงหมดแรงทรุดนั่งลงที่แท่นประทับทรงพิณ


     ตลอดเจ็ดวันที่รอนแรมอยู่ในป่าหิมพานต์ ในที่สุดเกศินีก็พากัญชพร นาคราชแสงขวัญและอัญญานีมาที่สุดเขตแดนหิมพานต์ ทั้งคณะเดินทางมาหยุดยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่สองต้น เกศินีชี้นิ้วให้ทุกคนในคณะดู และพูดว่า

“พวกท่านต้องเดินผ่านระหว่างต้นไม้สองต้นนี้ไป  พวกท่านก็จะเข้าเขตแดนมนุษย์แล้ว รีบไปก่อนเถิด เพราะเวลานี้ ท่านพญาครุฑิการคงออกจากการบำเพ็ญแล้ว และคงกำลังตามพวกท่านมาแน่นอน”

“พี่เกศินีไปกับพวกเราสิคะ”    กัญชพรเอ่ยชวนเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของนางอัปสรผู้นำทาง

“ไม่ได้หรอก ข้าต้องกลับไปดูแลพระเทวีตามคำสั่งของพระแม่อุมา ข้าทำหน้าที่ที่มีต่อท่านสำเร็จแล้ว ขอให้ท่านและทุกคนโชคดี”    

เกศินีอวยพร ไม่รอช้า อัญญานีเดินนำหน้าไปก่อน ตามด้วยนาคราชแสงขวัญ พระองค์ทรงจับมือกัญชพรไว้แน่น  ก่อนจะก้าวพ้นประตูระหว่างมิติไป กัญชพรหันกลับมามองเกศินีที่ยืนส่งพวกเธออยู่ที่เดิม

“ลาก่อนค่ะ รักษาตัวด้วยนะคะ”      กัญชพรหันกลับมากล่าวอำลา และเดินหันหลังตามนาคราชแสงขวัญไป

“เช่นกัน ลาก่อนกัญชพร”       เกศินีกล่าวอำลาตามหลังหญิงสาวชาวมนุษย์  แล้วประตูระหว่างมิติก็ถูกปิดลง


    ที่บ้านพักตากอากาศริมโขง ตวงสิทธิ์ พินทิำพย์ แม่นิ่ม และรัศมี กำลังนั่งกลุ้มใจเรื่องการหายตัวไปอย่างลึกลับของกัญชพร ตำรวจระดมกันตามหา แต่ก็ไร้ร่องรอยและเบาะแสใดๆ  ขณะที่ทั้งหมดนั่งรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม พินทิพย์ก็เหลือกตาโตเป็นคนแรก และสะกิดตวงสิทธิ์และพูดอย่างตื่นเต้นว่า

“ตวง ดูสิคะ นั่น...น้องกัญนี่”  

“ไหน?”   ตวงสิทธิ์ขานเสียงดัง และมองไปที่ประตูด้านหน้า ทุกคนพากันมองตามและยืนขึ้นพร้อมกัน  แสงขวัญอุ้มร่างกัญชพรเดินเข้ามาในบ้าน ตามมาด้วยอัญญานี แม่นิ่มรีบวิ่งเข้าไปหานายสาวทันที และเอ่ยถามผู้ที่อุ้มร่างนายสาวว่า

“คุณแสงขวัญ คุณกัญเป็นอะไรไปคะ?”  

“อ่อนเพลีย คงต้องให้พักมากๆ”    แสงขวัญตอบได้แค่นั้น แต่สีหน้าของเขาเป็นกังวลยิ่ง แม่นิ่มมองกัญชพรซึ่งนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของแสงขวัญ

“พาขึ้นไปที่ห้องก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะตามหมอมา แม่นิ่มช่วยนำทางให้คุณแสงขวัญที”    ตวงสิทธิ์รีบจัดแจงออกคำสั่ง  

“ค่ะ...ได้ค่ะ”   แม่นิ่มรับคำ และรีบหันมาทางแสงขวัญและพูดว่า

“ทางนี้ค่ะ คุณแสงขวัญ”   และรีบออกเดินนำหน้าขึ้นไปข้างบนทันที
รัศมีจ้องมองแสงขวัญและอัญญานีอย่างหวาดๆ อัญญานีหาได้สนใจพวกคนเหล่านี้ไม่ นางรีบตามแสงขวัญขึ้นไปข้างบนติดๆ ส่วนพินทิพย์นั่นเดินตามตวงสิทธิ์ไป เหลือแต่รัศมีที่ได้แต่ยืนมองคนโน้นทีคนนี้ที อย่างลำพัง


     แพทย์แผนปัจจุบันเข้ามาตรวจอาการของกัญชพรในห้องนอนของเธอ กัญชพรนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน ใบหน้าเิริ่มซีดขาว ตัวเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ แพทย์ผู้มารักษาฉีดยาบำรุงให้ และหันมาเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋าเครื่องมือแพทย์เคลื่อนที่ ก่อนกลับยังกำชับญาติผู้ป่วยว่า

“ให้คนไข้พักผ่อนมากๆ นะครับ ร่างกายของคนป่วยอ่อนแอมาก แต่หมอฉีดยาบำรุงหัวใจให้แล้ว พรุ่งนี้หมอจะมาดูอาการอีกครั้ง”

ตวงสิทธิ์และพินทิพย์รับหน้าที่ลงไปส่งหมอถึงหน้าบ้าน ส่วนแสงขวัญเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงของกัญชพร เขาเอื้อมมือไปจับมือของกัญชพรมาแนบแก้มของตนและพูดว่า

“เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เจ้าต้องหาย พี่สัญญา”  


     กลางดึกของวันเดียวกัน นาคราชแสงขวัญปรากฏกายขึ้นในห้องของกัญชพรอีกครั้ง อัญญานีซึ่งนั่งเฝ้าระวังภัยให้อยู่ข้างๆ เตียง เมื่อเห็นเจ้านายมา นางจึงรีบลงไปนั่งทำความเคารพ

“เราจะรักษากัญชพรเอง ถ้านางยังอยู่ในสภาพแบบนี้ พญาครุฑิการคงมานำตัวนางไปอีกแน่ เราจะพานางไปนาคนคร แต่เราคงต้องรบกวนเจ้าแล้วอัญญานี เจ้าต้องปลอมตัวเป็นกัญชพรอยู่ทางนี้แทนนางไปก่อน”    นาคราชแสงขวัญบอก

“เพคะ ไม่มีปัญหา”    อัญญานีตอบ นาคราชแสงขวัญยิ้ม และพูดว่า

“เจ้านี่คล้ายมนุษย์เข้าไปทุกทีแล้ว รู้ตัวหรือไม่”  
อัญญานีได้แต่ยิ้มตอบ


     การที่กัญชพรไม่รู้สึกตัวเป็นเพราะเธอเดินทางผ่านมิติของเวลา ถ้ากัญชพรไม่มีมณีนาคินทร์คอยคุ้มครอง ร่างกายของเธอคงแตกสลายไปแล้ว การแพทย์ของมนุษย์รักษาเธอได้เพียงกายหยาบเท่านั้น แต่กายทิพย์ของเธอกลับบอบช้ำ เพราะแรงกระเทือนระหว่างเวลา ทำให้กัญชพรกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราบนโลกมนุษย์ไป


      นาคราชแสงขวัญค่อยๆ บรรจงวางร่างของกัญชพรลงบนเตียงนอนของพระองค์ ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปเขี่ยไรผมที่ระใบหน้าและข้างแก้มของเธอ ใบหน้างามที่บัดนี้เริ่มขาวจัดขึ้น ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ

“เจ้าต้องมาลำบากเพราะพี่เป็นต้นเหตุแท้ๆ กัญชพร”    นาคราชหนุ่มรำพึงรำพันกับร่างที่ไร้สติของกัญชพร


     การรักษากัญชพรเริ่มในวินาทีต่อมา นาคราชแสงขวัญถอดเสื้อผ้าของกัญชพรออกจนหมด เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าที่นอนทอดกายอยู่บนเตียงนอนของพระองค์ เหลือเพียงอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่ติดกายของหญิงสาวชาวมนุษย์ก็คือ...มณีนาคินทร์เท่านั้น  นาคราชแสงขวัญจ้องมองร่างเปลือยเปล่าของกัญชพรเพียงครู่ พระองค์ต้องยับยั้งใจ แล้วทรงร่ายพระเวทย์ พระวรกายของพระองค์กลับกลายคืนสู่เผ่าพงศ์เดิมแห่งมหานาคา เกล็ดสีเขียวมรกตงดงามทั่วลำตัวยาว ดวงตาสีแดงดั่งทับทิมจ้องมองลงมาที่ร่างอันเปลือยเปล่าที่นอนหายใจรวยริน  พญานาคราชแสงขวัญค่อยๆ เลื้อยลำตัวยาวเข้าพันรอบกายของกัญชพรจนมิดร่าง เหลือเพียงส่วนใบหน้าเท่านั้นที่โผล่ให้ได้เห็น พญานาคราชแสงขวัญชูส่วนเศียรขึ้นและก้มมองดวงหน้าที่ขาวซีดนั้น พระองค์หลับพระเนตรลง และร่ายพระเวทย์ต่อทันที


     กัญชพรรู้สึกเหมือนร่างกายถูกหลอมด้วยไฟ ร้อนระอุเกือบทนไม่ไหว หลายครั้งที่อยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ หรืออยากจะขาดใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะความทรมานจากความร้อนดั่งไฟ สักพักก็พลันรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด และก็ร้อนดั่งอยู่ในกองไฟอีก เป็นอย่างนี้สลับกันไปนับครั้งไม่ถ้วน


     นาคราชแสงขวัญห่มผ้าให้ร่างเปลือยเปล่าของกัญชพรอย่างทนุถนอม พระองค์นั่งลงข้างๆ เตียงจ้องมองใบหน้าอันงดงามของหญิงผู้เป็นที่รักอย่างไม่วางตา  การรักษากัญชพรครั้งนี้มันอาจทำให้กัญชพรถึงแก่ความตายได้ เพราะพระองค์ทรงรักษาเธอด้วยพิษแห่งนาคราช หากด้วยเธอมีมณีนาคินทร์คุ้มครองดูแล เธอจึงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ร่างของกัญชพรก็ดูดซับเอาพิษแห่งนาคาเข้าไว้ในกายเช่นกัน จากผิวที่ขาวซีดกลับมีเลือดฝาดขึ้นมา ทำให้กัญชพรดูเปล่งปลั่งอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ทำให้พญานาคราชแสงขวัญรู้สึกหนักใจอยู่ คือ...ทำไมเธอยังไม่ฟื้นคืนสติอีก?

“กัญชพร เจ้าจะทำให้พี่หัวใจสลายหรือ ลืมตาสิยอดรักของพี่”

พญานาคราชแสงขวัญกล่าวเสียงเศร้าสร้อย พระองค์จับมือของกัญชพรมาแนบแก้มของพระองค์  นิ้วของกัญชพรเริ่มกระดิก พญานาคาหนุ่มเริ่มมีความหวัง พระองค์เงยหน้ามองนางผู้เป็นดวงใจทันที กัญชพรเริ่มรู้สึกตัว เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า และกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับม่านตาของตนเองกับโลกใหม่ที่เธอเพิ่งตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือใคร กัญชพรจึงยิ้มอย่างอิดโรยให้พระองค์

“พี่แสงขวัญ”   ประโยคแรกที่กัญชพรเอ่ยเมื่อฟื้นคืนสติ นาคราชหนุ่มก้มลงไปหาใบหน้าของกัญชพรและจุมพิตบนหน้าผากของเธอ และเอ่ยอย่างดีใจว่า

“เจ้าฟื้นแล้ว พี่ดีใจจริงๆ เจ้ารู้มั้ย ถ้าเจ้าไม่ฟื้นขึ้นมา พี่คงหัวใจสลายแน่”

กัญชพรยกมือขึ้นข้างขวาขึ้นมาแตะที่แก้มของนาคาหนุ่มและตอบว่า

“กัญรักพี่ ยังไงกัญก็ต้องกลับมาหาพี่จนได้”

นาคราชแสงขวัญเอาพระหัตถ์ของพระองค์มาจับมือของกัญชพรที่แตะแก้มของพระองค์ให้แนบชิดแก้มของพระองค์ยิ่งขึ้น และก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางของกัญชพร เธอเองก็ยินดีและจูบตอบพระองค์อย่างดูดดื่ม นาคราชแสงขวัญถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากของกัญชพรอย่างสุดแสนเสียดาย และพระองค์ก็ทรงรับสั่งว่า

“พักผ่อนเถอะยอดรัก พี่จะอยู่ใกล้ๆ เจ้า จะไม่ห่างไปไหนอีกแล้ว”

กัญชพรยิ้มรับและค่อยๆ หลับตาลงด้วยความอิดโรยและเหนื่อยอ่อน

จากคุณ : ศรนรินทร์
เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 18:04:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com