3 เพื่อนสนิท
แหวะ?
เปล่านะ ข้าวขวัญไม่เคยกินเหล้าจนอวกแตก เสียงนั้นดังมาจากในบ้านต่างหาก
และมันก็ทำให้หนุ่มสาวทั้งสองหันไปมอง
อ่า... พ่อ! ข้าวขวัญดีใจที่มีพวกมาเสริมกำลังหนุน รีบหนีไปหลบหลังคุณพ่อหนุ่มใหญ่ตัวโต ส่วนนำทัพพ์ยกมือไหว้พร้อมส่งยิ้มประจบ
หวัดดีครับลุงสิบ
ทนฟังไม่ไหววุ้ย อวกจะแตก มุขจีบสาวของหนุ่มสมัยนี้ทำไมมันเชยระเบิดระเบ้ออย่างงั้นวะ เข้าบ้านไปไป๊ ไอ้เป๋นี่ปล่อยให้พ่อจัดการมันเอง! ดันตัวลูกสาวเข้าบ้านเรียบร้อย ปิดประตูแล้ว ลุงสิบก็หมุนตัวกลับมา ...อยากให้เลี้ยงไปตลอดชีวิตเหรอ ได้ๆๆ ...เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง เอาข้าวสารไปเดือนละกระสอบละกัน
โธ่ลุงสิบครับ จะให้ผมกินข้าวเปล่าเหรอ? ...คนเค้าอุตส่าห์เอาลูกสาวมาส่งให้ นำทัพพ์รีบเปลี่ยนเรื่องทวงบุญคุณ นึกว่าจะรอด ที่ไหนได้ ลุงสิบได้ยินแล้วเต้นผาง
ว่าไงนะ เอาลูกสาวฉันเร๊อะ?
เอ้ย... ย้าง...ยังไม่ได้เอ๊า...
แค่ใช้ภาษาไทยไม่ถูกสุขลักษณะหน่อยเดียว ทำเขาเกือบตาย กว่าจะอธิบายให้ลุงสิบเข้าใจว่าเขา มาดี ไม่มีสกปรก ไม่มีพิษมีภัยกับลูกสาวสุดที่รักของแกก็ต้องใช้เวลานานทีเดียว เฮ่อ...
คนอะไรไม่รู้หวงลูกสาวเป็นบ้า ...แต่ก็นะ ถ้าคำนวนจากอายุลุงสิบกับข้าวขวัญ ก็จะรู้ว่าลุงแกมีลูกตอนอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ เมื่อเอามารวมกับข่าวลือที่คนแถวนั้นเค้าเม้ากันแล้ว แสดงว่าลุงสิบตอนหนุ่มๆ ก็ร้ายใช่ย่อย ทำผู้หญิงท้องตั้งแต่อายุน้อยๆ ไม่แปลกใจเลยที่โตขึ้นมากลายเป็นคุณพ่อจอมโหด เคยทำใครเค้าไว้ เลยกลัวคนอื่นมาทำกับลูกตัว
มิน่าล่ะ ถึงมาหาว่ามุขจีบสาวของเขาเชยระเบิด แต่...เขาไม่ได้จีบซะหน่อย
ไม่ได้จีบจริงอ่ะ?
ครับๆ ไม่จีบครับ
แน่ใจนะ?
นำทัพพ์พยักหน้าหงึกๆ ก็เขาไม่ได้จีบเธอจริงๆ นี่นา... แค่อยากเป็น เพื่อนเธอ เท่านั้น...
ไม่แต่เฉพาะคนเป็นพ่อ ตัวลูกสาวเองก็สงสัยเหมือนกัน
นี่... เธอไม่ได้จีบฉันจริงๆ ใช่มั๊ย? ข้าวขวัญถามย้ำกับหนุ่มหน้าใสที่ชอบมานั่งคอยเธอตรงม้านั่งหลังตึกเรียนเป็นประจำ
นำทัพพ์ตามดูเธอจนรู้ว่าตรงนั้นมีร้านไอศกรีมโฮมเมดเจ้าอร่อยของโปรด เธอชอบซื้อมานั่งกินใต้ต้นไม้เงียบๆ คนเดียวเสมอ แต่พักหลังๆ นี้ บนม้านั่งไม้ข้างๆ ดาวมหาลัยมาดมั่นที่มักฉายเดี่ยวไปทุกที่ กลับมีหนุ่มหน้าตาน่ารักจากเกษตรฯ นั่งด้วยอีกคน จากนั่งห่างๆ กัน ก็ค่อยๆ ใกล้กันขึ้น วันละนิด... วันละนิด... จนน่าสงสัย แต่ไม่รู้ไอศกรีมเย็นไปหรือไง ทำให้คนกินปากแข็ง
เฮ่ย... ใครเค้าจีบเธอ? ไม่มี๊ เราแค่มากินติม ขอชิมของเธอหน่อยสิ... ไม่รอเจ้าของอนุญาต เขาก็รีบ ตีซี้ เอาช้อนมาจ้วงไอศกรีมในมือเธอไปเข้าปาก... อื้ม... อร่อย เปรี้ยวๆ หวานๆ แบบนี้ป้าเราก็ชอบกินเหมือนกัน ...มันรสไรอ่ะ?
เสาวรส... อย่าบอกนะว่า มานั่งรอตรงนี้ทุกวันเพื่อกินไอติม? ข้าวขวัญเหล่มองหน้าเขาด้วยความไม่ไว้วางใจ
ไม่ต้องห่วงน่า เราไม่จีบเธออยู่แล้ว อย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนกันนะ
ข้าวขวัญได้ยินคำว่า เพื่อน จากปากเขาอีกครั้ง รู้สึกอกใจไหววูบอย่างประหลาด บอกไม่ถูกว่าทำไมเธอถึงมีอาการแปลกๆ แบบนั้น ได้แต่คิดหาเหตุผลมาบอกตัวเองว่า ถ้าเป็นเพื่อนกับเขา คบกันแบบบริสุทธิ์ใจ ไม่คิดอะไรเกินเลยก็น่าจะดี อย่างน้อยๆ รอยยิ้มของเขาก็ดูจริงใจ ไม่มีพิษมีภัย และเขาก็เป็นคนเดียวที่รู้จักพ่อเธอ รู้ว่าบ้านของเธออยู่ไหน และ...เหมือนจะรู้จักเธอดีกว่าใคร
งั้นก็โอเค เป็นเพื่อนกันก็ได้ แต่บอกไว้ก่อน... ห้ามจีบฉันนะ ไม่งั้น จะฟ้องพ่อด้วย
ไปฟ้องเล้ย... เราก็มีเรื่องเธอจะฟ้องลุงสิบเยอะแยะ
อา... จริงด้วย เขาเป็นคนที่รู้เรื่องที่บ้านเธออย่างที่เพื่อนคนอื่นไม่มีใครรู้ ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่เห็นเธอตอนอยู่นอกบ้านอย่างที่พ่อเธอไม่เห็น!
นอกจากฟ้องลุงสิบแล้ว เรายังมีเรื่องอยากป่าวประกาศเกี่ยวกับน้องข้าวดาวมหาลัยด้วย
งั้นไปให้พ้นเลย ไอ้บ้า คนอะไร ไม่น่าคบที่สุด
นี่ ภาษิตฝรั่งเค้าว่า ให้คบศัตรูสนิทชิดใกล้กว่ามิตรนะ ฮ่าๆ... นำทัพพ์หัวเราะชอบใจที่ได้เห็นเธอทำหน้างอง้ำ ผู้หญิงอะไรหน้าตาออกจะเซ็กซี่ แต่เวลาทำปากยื่นเหมือนป้าจี้ของเขาเลย
โอ๋ๆ ...ล้อเล่นน่า เราไม่ใช่คนปากมากสักหน่อย
ถึงเขาไม่ปากมาก แต่... มันน่าหงุดหงิดนี่นา ที่มีใครบางคนมามีส่วนร่วมกับความลับส่วนตัว อย่าให้เธอจับจุดอ่อนของเขาได้บ้างก็แล้วกัน ฮึ่ม
...บอกว่าเป็นเพื่อนก็เพื่อนจริงๆ ซี่ อย่าคิดมาก เอ้า... ชิมของเรามั๊ย เอสเปรสโซ่คาราเมล หอมดี
เขายื่นถ้วยไอศกรีมในมือตัวเองให้เธอ พร้อมกับตักป้อนถึงปาก ข้าวขวัญนั่งนิ่งมองเนื้อครีมสีน้ำตาลอ่อนที่เริ่มละลายตรงหน้าด้วยความรู้สึกแสนแปลกเหมือนเห็นหัวใจตัวเองค่อยๆ ละลายอยู่ในมือเขาช้าๆ
เธอเป็นคนเก็บตัวและรักสันโดษมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยมีเพื่อนที่คบจนสนิทสนมรู้จักเธอดีเลยสักคน แบบที่แบ่งกันกินขนมถ้วยเดียวกันก็ไม่มี เพื่อนผู้ชายที่สนิทถึงขั้นนั้นยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่ เธอจึงไม่รู้ว่า เพื่อน
เค้าทำอะไรกันบ้าง มีขอบเขตขนาดไหน เพื่อนผู้ชายเค้าตักไอศกรีมป้อนเพื่อนผู้หญิงแบบนี้ด้วยเหรอ? สัญชาตญาณบอกว่า ไม่น่าจะใช่ แต่... ก็เขายืนยันว่าเป็นเพื่อนกันนี่นา
กินเข้าไปเหอะน่า... เราไม่ได้เป็นโรคอะไร นอกจากขาเป๋ ไม่ติดต่อกันทางน้ำลาย ต่อให้เธอกินเข้าไปเป็นลิตรก็ไม่ติดโรคเป๋
ในที่สุด เธอก็กินของเขาจนได้ ...ไม่รู้ทำไมเอสเปรสโซ่คาราเมลที่กำลังละลายอยู่ในปากเธอถึงได้หอมหวานกว่าปกติ
เออ... จริงสิ... ขาเธอเป็นแบบนั้นได้ไง ข้าวขวัญพยายามไม่เขิน หาเรื่องชวนคุยกับเขาด้วยคำถามที่ติดใจสงสัย ...ตกลง ไม่ใช่ฉันทำใช่มั๊ย?
ตอนเก้าขวบ รถที่เรานั่งชนกับรถบรรทุก นำทัพพ์เฉลยยิ้มๆ
ไอ้บ้า แล้วมาหลอกให้ฉันรับผิดชอบ ทุเรศจริงๆ เดี๋ยวอัดให้เป๋สองข้างซะเลย!
เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งโมโหซี่... เราแค่ล้อเธอเล่นขำๆ เท่านั้นเอง ใครจะไปรู้ว่าเธอเชื่อล่ะ
น่า... ฟังเราเล่าให้จบก่อน แล้วเธอจะต้องโกรธไม่ลง
ข้าวขวัญไม่อยากยอมรับว่า แค่เธอเห็นบุ๋มที่แก้มเขาก็โกรธไม่ค่อยลงแล้ว
ตอนนั้น เราเกือบตายแน่ะ ต้องอยู่ในห้องไอซียูเป็นเดือนๆ คิดดูดิ เด็กตัวเล็กๆ ต้องผ่าตัดซ้ำๆ ตั้งหลายรอบ เจ็บปวดทรมานแทบขาดใจ กายภาพบำบัดอีกหลายปีกว่าจะเดินได้แบบนี้
ที่แย่กว่านั้น พ่อแม่เรา น้องสาวน้องชายตายหมดบ้านเลย เหลือเราคนเดียว
ฟังเขาเล่ามาถึงตรงนี้ ข้าวขวัญไม่ใช่แค่โกรธเขาไม่ลง แต่เธอสงสารเขาถึงกับพูดไม่ออก หยดน้ำใสๆ ร่วงหล่นจากตาคมสวยที่พยายามกระพริบไล่น้ำตากลับเข้าไปข้างใน
นำทัพพ์ค่อยๆ เรียนรู้ในภายหลังว่า อดีตแชมป์มวยเยาวชนหญิง ดาวมหาลัยสวยเริดเชิดหยิ่งคนนี้ความจริงเป็นเด็กขี้แย เจ้าน้ำตาและใจอ่อนที่สุด ไม่ต้องถึงกับดูหนังดราม่า แค่อ่านการ์ตูนเจอตอนพระเอกอกหักนั่งเหม่อมองหิมะตกก็ร้องไห้ได้ หรือแค่ฟังเพลงเศร้าตาคมสวยของเธอก็เปียกแล้ว แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นล่ะก็ เธอจะรีบปิดมันทันทีแล้วบ่นว่า ไร้รสนิยม...น้ำเน่า แหวะ!
อย่างเรื่องของเขาก็เหมือนกัน
เขาสังเกตเห็นเธอกลั้นน้ำตาสูดจมูกเสร็จแล้วหันมาทำหน้าล้อเลียน
สมควรพิจารณาตัวเองนะนั่น โดนเข้าไปขนาดนั้นแล้วไม่ตาย ...สวรรค์ยังไม่รับเลยนะเธอ!
ใจร้าย! นำทัพพ์โวยวาย แต่แล้วก็กลับเงียบไป ข้าวขวัญกลัวว่าเขาจะโกรธ เลยรีบขอโทษ
ฉันพูดเล่นนะ แค่ไม่อยากให้เธอเศร้า
เปล่า เราไม่ได้โกรธเธอ แต่เรายังเล่าไม่หมด
เรื่องที่ครอบครัวเรารถคว่ำ ทุกคนรู้ แต่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่เคยบอกใครเลย...
เขาไม่แม้แต่อยากจะนึกถึงมันด้วยซ้ำ มันเหมือนฝันร้ายที่ไม่น่าจดจำ แต่ไม่รู้ทำไม เวลานี้ เขากลับอยากเล่าให้ข้าวขวัญฟัง เขาไม่ได้ต้องการจะเอาชนะ อยากเห็นน้ำตาของแชมป์มวยเยาวชนหญิง หรือใช้มันตีสนิทกับเธอ...เขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมถึงอยากเล่า เรื่องที่คิดว่าถ้าชาตินี้ลืมมันไม่ได้ก็คงเก็บเป็นความลับฝังไปกับตัวจนวันตาย ให้ เพื่อน คนนี้รู้
...ตอนนั้นเรายังเด็ก แต่ก็จำเหตุการณ์ในรถก่อนหน้าจะเกิดอุบัติเหตุได้ไม่มีวันลืม
พ่อกับแม่เราทะเลาะกันอย่างหนัก เราฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่รู้อยู่อย่างหนึ่ง... นำทัพพ์สูดหายใจเข้าลึกเหมือนกำลังข่มกลั้นความเจ็บปวดก่อนจะกัดฟันดึงเสี้ยนที่ค้างคาแผลลึกในหัวใจออกมา ...แม่เรามีชู้!
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ข้าวขวัญอยากรู้จุดอ่อนของนำทัพพ์เหลือเกิน จะได้ใช้มันข่มขู่เขากลับคืนบ้าง ตอนนี้ เธอก็ได้รู้จุดที่อ่อนที่สุดของเขาแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด
เพราะพ่อจับได้ว่าแม่มีชู้ ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันระหว่างขับรถ ไม่ระวัง สุดท้ายก็พุ่งชนรถบรรทุกที่วิ่งสวนมา
ข้าวขวัญฟังเรื่องของเขาแล้วไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ เธอรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่สาหัสยิ่งกว่า ขาพิการ ทรมานยิ่งกว่า ผ่าตัดซ้ำๆ...
ทำไมเลือกฉัน? ...ทำไมเธอถึงเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง?
แล้วข้าวขวัญก็ต้องตะลึงไปเมื่อได้เห็นยิ้มแก้มบุ๋มของเขา
ไม่รู้สิ ...เรารู้แต่ว่า รู้สึกดีที่ได้เล่า และคนที่รับฟังคือเธอ
นำทัพพ์รู้สึกอย่างที่บอกเธอจริงๆ ...ถึงรอยด่างสีดำมืดสนิทนี้จะไม่มีวันลบเลือนกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ไปได้ แต่มันก็ซีดจางลงจนเขาไม่รู้สึกว่ามันน่าเกลียดน่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเราถึงต้องโมโหขนาดนั้นเน๊อะ ความจริงมันก็แค่... มีคนอื่นบนโลกนี้มารักแม่เราเพิ่มอีกคน
คิดอย่างงั้นได้ก็ดีสิ งี้ฉันกับพ่อก็ไม่ต้องเศร้าที่แม่ทิ้งพวกเราไปแล้ว
อ้าว... แม่เธอก็มีชู้เหมือนกันเหรอ?
ฉันก็ไม่แน่ใจ ได้แต่ฟังชาวบ้านเค้าเม้าอีกทีนะ... ข้าวขวัญเองก็แปลกใจตัวเองที่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังได้หน้าตาเฉย ...ไม่รู้หนีตามชู้ไป หรือหายไปไหน แม่ฉันเค้าลึกลับ ไม่แน่อาจจะไปทำงานเป็นซีไอเออยู่ก็ได้
ไม่แน่ว่าแม่เธออาจจะเป็นเอเลี่ยนรึเปล่า?
ไอ้บ้า แม่เธอดิ
จากวันนั้นมา เธอก็รู้สึกว่า กำแพงที่มองไม่เห็นระหว่างเขากับเธอค่อยๆ บางลงเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
:-)... มืงไม่ได้คิดอะไรกับเค้า นอกจากเป็นเพื่อนกันจริงๆ เหรอวะ? พี่:-)เหล่มองรุ่นน้องด้วยสายตาไม่เชื่อสุดๆ
จริงพี่ แค่เพื่อน นำทัพพ์ยังยืนยัน
ใครเชื่อก็บ้าแล้ว! ยัยข้าวขวัญนี่ดูเหมือนจะร้าย แต่:-)...เจออะไรงี่เง่าๆ กลับตามไม่ทัน เค้าเรียกว่าฉลาดจนโง่ กว่าจะรู้ตัว คงเสร็จไอ้เสือเป๋
นี่พี่เห็นผมเป็นอะไร?
ไอ้บ้า อย่ามาทำหน้าขาวใสอมชมพูใส่กู เก็บไปทำหลอกยัยข้าวขวัญเหอะว่ะ!
บ้า... ไม่ใช่แฟนฉันซักหน่อย ข้าวขวัญรีบปฏิเสธทันทีที่โดนแก๊งขาเม้าเรียกตัวไปซัก
ฉันก็ว่า ระดับอย่างข้าว มีเหรอจะสนนายเป๋โนเนมแบบนั้น
นั่นสิ ถึงจะหน้าตาน่ารักก็เหอะ แต่ดู ละอ่อน ไม่เหมาะกับข้าว... อย่างข้าวน่ะ ต้องหุ่นแมนสุดเท่ห์แบบพี่เอ๊ดดี้
ไม่พอๆ ต้องหล่อระดับเทพเหมือนนายตันด้วย
แค่หล่อก็ไม่พอ ต้องไฮโซโปไฟล์เริดอย่างคุณชายไมค์ด้วย
ไฮโซแต่โง่ก็ยังใช้ไม่ได้ ต้องเสริมด้วยพลังสมองไอคิวสองร้อยแปดสิบ แบบอิ๊กคิวซังตัวพ่ออย่างไอ้ก้องด้วย ถึงจะเฟอร์เฟ็คพอจะเดินคู่กับข้าว
ชื่อที่พวกเพื่อนเธอพูดถึงคือ เดือนมหาลัย ที่เข้ามากระทบไหล่ข้าวขวัญกินเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มหนุ่มสาวแถวหน้าของมหาลัย ยกเว้นคนสุดท้าย เป็นเด็กอัจฉริยะผู้โด่งดังจากคณะวิศวะฯ ที่มีขนาดเส้นรอบหัวยาวกว่ามนุษย์ธรรมดาเกือบสองเท่า
ที่ข้าวขวัญยังไม่สนหนุ่มคนไหน ไม่ใช่เพราะเธอมองหาชายหนุ่มสมบูรณ์แบบขนาดนั้นหรอก แต่เธอยังไม่เคยชอบใครจริงๆ เลยสักคน
ถ้าถามว่าเธอชอบผู้ชายแบบไหน อืม... ไม่รู้สิ แต่ไม่ใช่แบบนายเป๋แน่ๆ ...อย่างน้อย ผู้ชายของเธอต้องตัวโตสูงใหญ่ ถ้าได้ผิวคล้ำ หน้าเข้มๆ เหมือนพ่อได้ยิ่งดี ไม่ใช่ตัวผอม ผิวขาว หน้าตี๋เหมือน เขา ไม่เห็นดูเข้ากับเธอเลย แถมยังตัวเล็กกว่าเธอด้วย
ไม่นะ!... เขาไม่ได้ตัวเล็กกว่าเธอหรอกเหรอ!? ข้าวขวัญมองเงาสะท้อนกระจกหน้าร้านค้าที่นำทัพพ์กับเธอเดินผ่าน พอมายืนเทียบกันจริงๆ เธอสูงแค่ระดับหูของเขา แต่ว่า ไม่รู้ทำไม ถ้าไม่ยืนเทียบกันอย่างงี้ ข้าวขวัญจะรู้สึกว่าตัวเองสูงกว่า ...คงเป็นเพราะเธอดูเป็นหญิงสาวร่างสูงระหง หุ่นนางแบบ ส่วนนำทัพพ์ดูเป็นหนุ่มน้อยรูปร่างสูงโปร่ง ด้วยผิวที่ขาวจัด รอยยิ้มสดใส ทำให้เขาหน้าอ่อนกว่าวัย ดูรูปร่างเล็กกว่าความเป็นจริง ยิ่งมีท่าเดินที่ไม่ปกติแบบนั้น ยิ่งทำให้เขาดู... เด็ก และ อ่อน!
ไม่รู้ล่ะ ไม่ใช่แฟนฉันแน่ ข้าวขวัญย้ำเสียงเข้ม ...เป็นได้อย่างมากก็แค่เพื่อน ไม่ใช่แค่ย้ำกับคนอื่น แต่เธอพยายามย้ำกับตัวเอง
แค่เพื่อนเท่านั้น!
คุณทัพพ์จะซื้อคอนโดฯ แถวมหาลัยไปทำไมนะครับ? ทนายที่ช่วยดูแลทรัพย์สินถามด้วยความสงสัย เขาเดาว่าคำตอบของคุณนำทัพพ์คงประมาณ ผมอยากอยู่ใกล้มหาลัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยนี้ที่อยากออกจากบ้าน มีโลกส่วนตัว ห่างสายตาผู้ปกครอง โดยเฉพาะผู้ปกครองที่ไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ แต่กลับผิดคาด
อ่า... ผมว่าจะลงทุนซื้อไว้ปล่อยเช่า นำทัพพ์ตอบ และนึกต่อในใจ ...แต่เจาะจงผู้เช่าเท่านั้น
งั้น... ทำไมคุณทัพพ์ไม่ดูย่านสุขุมวิทล่ะครับ หาชาวต่างชาติมาเช่าได้ง่ายกว่า
ไม่ล่ะ... ผมจะเอาที่นี่แหละ ไว้ให้นิสิตเช่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาตระเวนหาคอนโดฯ จนทั่วแล้ว ถูกใจโครงการนี้ที่สุดเพราะใกล้มหาลัย เดินทางสะดวก ดูปลอดภัย เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ โอนเข้าอยู่ได้เลย
เขาเลือกยูนิตแบบสองห้องนอนซึ่งอยู่มุมอาคารชั้นสิบเจ็ด มีหน้าต่างสองด้านรับวิว
สองห้องนอนใหญ่ไปมั๊ยครับ ให้นิสิตเช่าน่าจะซื้อเป็นสตูดิโอหรือหนึ่งห้องนอน น่าจะหาคนเช่าได้ง่ายกว่า
ผมตัดสินใจและวางเงินจองไปแล้ว รบกวนคุณอาจัดการเอกสารให้เสร็จภายในศุกร์นี้เลยนะครับ เผื่อสัปดาห์หน้าผมหาผู้เช่าได้ เค้าจะย้ายเข้าอยู่ เขาสั่งเชิงตัดบท ...ต้องรีบหน่อยล่ะ เพราะกลัวข้าวขวัญได้ที่อยู่ซะก่อน
ข้าวขวัญมองประกาศที่เพื่อนส่งต่อๆ กันมาให้ด้วยความสนใจ เธอกำลังกลุ้มเรื่องที่พักอยู่พอดี นี่ก็เรียนจนจะจบปีหนึ่งแล้ว ยังหาหอพักถูกใจพ่อไม่ได้สักที บางที่พ่อก็ว่าเก่าไป บางที่คับแคบไป บางที่แพงไป บางที่ไม่ปลอดภัย และเหตุผลต่างๆ นานาอีกล้านแปดที่พ่อจะยกมาอ้างไม่ให้เธอออกมาอยู่ในเมืองคนเดียว จนเธอแทบจะถอดใจแล้ว แต่... ลองไปดูที่นี่เป็นที่สุดท้าย ก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา
สองห้องนอนเหรอคะ?
ห้องนี้ถูกใจเธอทุกอย่าง ตกแต่งอย่างหรู วิวเลิศ มันดีเกินไปด้วยซ้ำสำหรับนิสิตปีหนึ่งเช่าอยู่ โดยเฉพาะขนาดห้องเกือบเจ็ดสิบตารางเมตร แบ่งเป็นสองห้องนอน มีครัว ห้องนั่งเล่นและโต๊ะกินข้าวคั่นอยู่ตรงกลาง
ถ้าคุณมีเพื่อนมาแชร์ค่าเช่าด้วยก็จะคุ้มมากเลยค่ะ
นั่นแหละปัญหาล่ะ ข้าวขวัญไม่อยากอยู่กับเพื่อนนี่นา นึกไปนึกมา... ไม่มีเพื่อนคนไหนที่เธอจะอยู่ด้วยได้อย่างสนิทใจเลย หรือพูดให้ถูกคือ ในบรรดาเพื่อนเป็นฝูงๆ ที่กินเที่ยวด้วยกันทุกวันนี้ เธอไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักครึ่งคน นอกจาก...
ปัดๆๆ ปัดหน้าขาวตี๋ของใครคนหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาพร้อมคำว่า เพื่อนสนิท ออกไปให้พ้น
คุ้มนะคะ คิดดูดีๆ ค่าเช่าห้องชุดตกแต่งพร้อมอยู่สองห้องนอนกลางเมืองแบบนี้หาได้ที่ไหน
จริงสินะ ค่าเช่าห้องนี้ถูกจนไม่น่าเชื่อ ราคาแพงกว่าค่าเช่าอพาร์ตเม้นขนาดเท่ารูหนูอยู่ในซอยที่เธอเคยไปดูแค่พันห้า ถ้ามีเพื่อนหารครึ่งแบ่งค่าเช่ากันก็จะถูกกว่าอยู่หอซะอีก ทำไมหนอ?
เอ่อ... หวังว่าจะไม่มีอะไรแถมมาด้วยนะคะ
เราแถมทีวีกับตู้เย็นแถมค่ะ นายหน้ารับฝากเช่าคอนโดหันมาบอก
ไม่ใช่ค่ะ อ่า... ฉันหมายถึง ห้องนี้ไม่เคยมีคนตาย ไม่เคยเป็นฉากฆาตกรรมสยองอะไรแบบนี้มาก่อนใช่มั๊ยคะ?
อู๊ย... ไม่มีหรอกค่ะ คุณน้อง คอนโดฯ นี้เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ เจ้าของห้องเพิ่งโอนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเอง
แล้วทำไมค่าเช่าถึงได้ถูกแบบนี้ล่ะคะ?
เพราะว่าคุณชื่อข้าวขวัญ อุ๊บ... นายหน้าสาวแก่อุดปากตัวเองแทบไม่ทัน ลืมไปว่านี่เป็นความลับสุดยอด... เจ้าของห้องตั้งค่าเช่าไว้สองราคา เฉพาะ นิสิตชื่อข้าวขวัญ สีลม มา ก็ให้ราคาสุดพิเศษ ส่วนคนอื่นๆ ตั้งราคาไว้สูงลิบเหมือนไล่ลูกค้ากันเลย
เอ่อ...คือว่า ดิฉันก็เป็นแค่นายหน้า ไม่ทราบเหตุผลหรอกค่ะ อาจจะเป็นไปได้ว่า เจ้าของห้องกลัวหาคนเช่าไม่ได้ หรือไม่ก็คงไม่รู้ราคาตลาด แต่ยังไงก็ตาม งานนี้คนเช่าได้เปรียบ คุณน้องคงต้องรีบตัดสินใจด่วนหน่อยนะคะ มีคนอื่นสนใจเยอะมาก เย็นนี้ก็มีมาอีกสามคน ถ้าไม่รีบๆ เซ็นสัญญาคงโดนคนอื่นแย่งไปแน่เลย
ข้าวขวัญก็ยังงงงงตอนเดินออกมาจากคอนโดฯ ทำไมเธอตัดสินใจง่ายจัง คงเป็นเพราะเหนื่อยกับการหาที่พักแล้วมาเจอที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะคำนวนยังไงก็คุ้ม เอาไว้ก่อน สองห้องนอนก็ได้ เผื่อไว้ในอนาคต เธอคงหาเพื่อนสนิทพอที่จะมาอยู่ด้วยช่วยหารค่าเช่าห้องได้ล่ะน่า
ตอนแรกที่รู้ ลุงสิบโกรธมาก แน่ล่ะ ตัดสินใจเองโดยไม่ผ่านอนุมัติ แต่พอคุณพ่อได้ไปเห็นที่อยู่ใหม่ของลูกสาวแล้ว ก็เหลือแต่งอนนิดหน่อยกับเสียงบ่น...
รู้สึกไม่น่าไว้ใจ มันถูกเกินไป และ ดีเกินไป...
ไม่เอาน่า...พ่อ... อย่าคิดมาก
คนเป็นพ่อห่วงลูกสาวถึงขนาดมานอนเป็นเพื่อนอยู่เกือบเดือน ช่วยสอนเธอหุงหาอาหารกินเองจนเป็นไม่อดตาย ฝึกทำงานบ้านจนพอใช้ได้ และเห็นว่าไม่มีอะไรอันตรายจริงๆ ก็กลับบ้าน ก่อนจะกลับ ยังอุตส่าห์กำชับข้าวขวัญซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า
ล๊อคประตูดีๆ นะลูก
แต่ถ้าลุงสิบได้เห็น รอยยิ้มเปี่ยมสุขสมหวัง ของ เจ้าของห้องชุดให้เช่า ตอนมองกุญแจสำรองในมือแล้วมีหวังรีบลากลูกสาวกลับบ้านแทบไม่ทันแน่นอน!
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
7 พ.ค. 54 22:41:06
|
|
|
|