Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL จอมใจอเวจี 8....(หัวใจคนไกลบ้าน) ติดต่อทีมงาน

=============
จอมใจอเวจี
บทที่ 8
หัวใจคนไกลบ้าน
GTW Ft. PSYCHO MAN
=============


ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10465821/W10465821.html

------

เฟรี่ไปก่อกวนไนท์ในสุสาน
จนเกิดเรื่อง

------




“ไม่อะไร ทำไมไม่ลองแทงดู เมื่อครู่ยังแข็งแรงดีอยู่นี่นา ถ้ากลัวไม่มีแรงพอข้าจะช่วย”

ว่าพลางจับมือของเฟรี่พลิกให้หันปลายมีดเข้าหาหน้าอกตำแหน่งหัวใจของตัวเอง มองหน้าหญิงสาวผู้ตอนนี้เหมือนตกใจจนขวัญกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว

ก่อนจับมือของเฟรี่ให้กุมด้ามมีดแทงเข้าหัวใจของตนเองเต็มแรง


--------


แม้ว่าจะเป็นการถูกดึงมือให้จับด้ามมีดแทงก็ตาม ในความรู้สึกของนางฟ้าตกสวรรค์มองเห็นและรู้สึกว่าตนเองเป็นคนจ้วงแทงเข้าไปจริง เสียงดังฉึกหนักๆ คมมีดจมเข้าไปในอกของไนท์จนมิดด้าม ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของหญิงสาวซึ่งปากอ้าตาค้างยืนตัวแข็ง เวลาเหมือนจะหยุดนิ่ง ประสาทชาค้าง แต่สายตายังมองเห็นเลือดสีดำค่อยไหลซึมออกมาจากอกของอีกฝ่าย แต่ท่าทางของเขากลับดูเย็นชาไร้ความรู้สึกเหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆ

“เป็นไง รู้สึกดีขึ้นไหม ที่ได้แทงแบบนี้ เอ๊ะ...หรือว่ายังไม่สะใจ งั้นเอาใหม่ดีไหม”

ยังมีหน้าเอ่ยปากถามด้วยเสียงเย็นชาพลางจับข้อมือของหญิงสาวให้ดึงมีดออกจากอก เลือกเปลี่ยนจากการไหลซึมเป็นไหลจนชุ่มโชก เฟรี่รู้สึกว่าพื้นใต้เท้าหมุนคว้างหัวใจเหมือนหล่นวูบลงไปในห้วงหุบเหวลึกอันเวิ้งว้างว่างเปล่าก่อนโลกอเวจีจะถล่มครืนเปลี่ยนเป็นความมืดดำในอึดใจต่อมา

คนบ้าแบบนี้ก็มี ... รู้สึกกลัวคนบ้าแบบนี้ขึ้นมาแล้วจริงๆ ทำอะไรเหมือนคนไม่มีความคิดไม่มีเหตุผล ชอบทำร้ายตัวเองเหมือนคนโรคจิต พวกโลกเบื้องล่างเป็นแบบนี้ทุกคนไหมนะ

“แล้วไง..”

เสียงเย็นชาไร้อารมณ์แว่วเข้าหู หญิงสาวหันไปมองก็พบว่านักรบปีศาจคู่กรณีถูกปักตรึงอยู่กับโคนต้นไม้ใหญ่ตายซากด้วยดาบยาวปักแน่นตามแขนขาหน้าอกไหล่ราวเป็นกางเขนมีชีวิต ศีรษะห้อยพับไปด้านข้าง เบื้องหลังเป็นขุนเขาหม่นมัวอยู่ในกรอบท้องฟ้าสีแดง นกแร้งนรกกลุ่มหนึ่งลอยวนเป็นวงกลมอยู่ไกลๆ โดยมีเสียงกรีดร้องแหลมเล็กเสียดประสาทอยู่เป็นระยะ

นั่นใครบางคนสวมชุดสีขาวผมยาวประบ่าเดินช้าๆออกมาจากเงาไม้ด้านข้างด้วยท่าทางไม่รีบร้อน แต่ในมือถือดาบยาวคมกริบเป็นประกายเล่มหนึ่งมาด้วย คมดาบอาบแสงสีแดงร้อนแรงของไฟโลกันตร์ ดูแล้วคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน

จะไม่คุ้นหน้าคุ้นตาได้อย่างไร นั่นไม่ใช่ใครอื่นไกล ก็เป็นตัวของเธอเอง เฟรี่ยกมือขึ้นอุดปากตัวเองไม่ให้ร้องออกมา กับภาพยิ่งกว่าฝันร้าย มองตัวเองด้วยความรู้สึกสับสนหวาดกลัวและตื่นตระหนกระคนกันไป พอเดินเข้าไปใกล้ก็ยกดาบขึ้นสูงพร้อมด้วยรอยยิ้มอันน่ากลัว รอยยิ้มซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้

“อย่า...”

คราวนี้ร้องออกมาสุดเสียง แต่เสียงกลับหลุดออกจากปากแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน มองเห็นภาพตัวเองตวัดคมดาบฉับเดียวศีรษะของไนท์ก็ขาดกระเด็นลอยหมุนคว้างขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆเหมือนกาลเวลายืดยาวออกไปจนเนิ่นนาน หน้ากากสีขาวไร้ความรู้สึกกระจ่างลอยเด่นชัดอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางสีแดงฉานเจิดจ้าแล้วหยุดชะงักค้างกะทันหัน

หญิงสาวแห่งเบื้องบนได้ยินเสียงตัวเองร้องจนแสบแก้วหู โลกมืดหม่นหนักอึ้งถล่มโครมครืนลงมาจนหมุนวนอยู่ในกระแสความมืดมืดอันบ้าคลั่ง

ใครบางคนกำลังเขย่าตัวเธออยู่ และมีเสียงร้องเรียกชื่ออยู่ข้างหู

ผวาลุกขึ้นมานั่งตัวสั่นระริกอยู่บนเตียงหินอ่อนปูด้วยที่นอนอ่อนนุ่ม เบิกตากว้างด้วยอาการของคนซึ่งเพิ่งตื่นจากฝันร้ายอันน่ากลัว ภาพในความฝันยังแจ่มชัดในความทรงจำ จนแทบจะปรากฏออกมาเป็นตัวเป็นตนเบื้องหน้า

คนนั่งข้างๆจับแขนด้วยสีหน้าท่าทางเป็นห่วงเป็นสาวรับใช้คนคุ้นเคยนั่นเอง

“ไม่เป็นไรแล้ว..ไม่เป็นไรแล้ว”

เสียงของสาวใช้หน้าใสเต็มไปด้วยแววปลอบใจพลางบีบข้อมือเบาๆเหมือนเป็นการเตือนให้ได้สติ หญิงสาวนั่งนิ่ง พยายามระงับสติอารมณ์นึกทบทวนความจำอย่างช้า ๆ แล้วก็เริ่มจำได้ว่าก่อนหมดสติเจออะไรบ้าง

สิ่งสุดท้ายที่จำได้ตอนนั้นคือกำลังมองตัวเองกุมด้ามมีดแล้วแทงใส่บริเวณอกของนักรบปีศาจ ความรู้สึกอันน่ากลัวจับใจกับการทำแบบนั้นยังประทับอยู่ในความรู้สึก

“ไม่...ไม่ใช่ข้า” เสียงร่ำร้องในใจ

“คนบ้า....อยากจะตายทำไมต้องทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนด้วย ฮือ..”

พอคิดขึ้นมาได้ก็น้ำตาไหลพรากจนต้องเอาแขนเสื้อมาป้ายเช็ดน้ำตาไปมาเหมือนเด็กๆ ทั้งโมโหทั้งแค้นใจทั้งรู้สึกกลัว คิดว่าทำถูกหรือไงกับการทำแบบนั้น แน่จริงทำไมไม่เดินไปที่ไหนสักแห่งให้ลับหูลับตา ไม่ต้องให้ใครเห็นแล้วจะแทงอะไรตรงไหนก็แทงไป รับรองไม่มีทางห่วงเลยสักนิดกับคนแบบนั้น  จะปล่อยให้นอนตายอยู่เพียงลำพังจ้างให้ก็ไม่วิ่งหาคนมาช่วยดูใจ

ว่าแต่หมอนั่นจะตายหรือยัง โดนหนักขนาดนั้นไม่น่ารอด

หันไปมองหน้าสาวใช้ แต่ยังไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร สาวใช้ก็พูดขึ้นมาเหมือนจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร

“ไนท์เขาไปแล้วค่ะ”

“ไปไหน..”  หลุดปากถามอย่างงงๆ และไม่เข้าใจ

“เขาอุ้มคุณเฟรี่มาส่งที่ตึกนี้ เลือดอาบไปทั้งตัว ส่งเสร็จเขาก็เดินกลับไป”

“เขา...เอ่อ.. นายคนนั้นยังเดินไหวเหรอ”

“ก็คงไหวมั้งคะ แต่ท่าทางจะแย่จะหนักมากเหมือนกัน”

“ทำไมไม่ดูแลรักษาเขา”  น้ำเสียงมีแววตำหนิและไม่พอใจแฝงอยู่เล็ก ๆ สาวใช้ส่ายหน้าตอบช้าๆว่า

“เขาไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครง่ายๆหรอกค่ะ เป็นคนแปลกมากทีเดียว หยิ่งทั้งที่ไม่มีอะไรจะหยิ่ง คนแบบนี้น่าปล่อยให้ตายดีไหมคะ”

“ดี”

ตอบสั้นๆพลางหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก คนแบบนี้น่าปล่อยให้ตายจริงๆ ตัวเองเจ็บปางตายยังมีหน้ามาบังอาจอุ้มคนอื่นมาส่งอีกไม่เจียมสังขารเจียมตัวเอาเสียเลย แถมยังมาเข้าฝันโดยไม่ขออนุญาต

“ไนท์นี่ไม่เจียมตัวเลยนะคะ” หูยังแว่วเสียงใสๆของสาวใช้ต่อไป

“เป็นคนพวกโลกมืดเบื้องล่างแท้ๆ กลับกล้าบังอาจแตะต้องสาวชาวสวรรค์ ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเลย คนแบบนี้นิสัยไม่ดีเลยนะคะ แต่จะว่าไปเขาก็นิสัยเสียแบบนี้มานานแล้วล่ะค่ะ คงรักษาไม่หายคุณเฟรี่คิดแบบนี้ไหมคะ”

ประโยคหลังหันมาถาม ทำเอาหญิงสาวต้องหันไปมองหน้าอีกฝ่าย แต่ก็เห็นเพียงสีหน้าแววตาใสซื่อเท่านั้น ไม่เลวเลยสำหรับสาวใช้คนนี้ เฟรี่นึกในใจ พูดจาฉะฉานซ่อนคมซ่อนเล็บดีแท้ๆ ถ้าเจอคนแบบนี้อยู่เบื้องบนคงไม่รีรอแม้แต่น้อยจะรีบจ้างรีบรับเข้าทำงานทันทีแบบไม่เกี่ยงเงินเดือน

“ข้าเองก็คิดแบบนั้นล่ะ เรื่องอะไรมาจับมาแตะตัวข้า เสียราศีคนเบื้องบนหมด แบบนี้ยอมนอนตายอยู่ในสุสานบ้าๆนั่นดีกว่า ว่าแต่....”

หญิงสาวชะงักคำพูดนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อไปแบบไม่เต็มเสียงหนัก

“ท่าทางเขาเป็นไงบ้างล่ะ”

“คงไม่พ้นคืนนี้หรอกค่ะ”

สาวใช้ตอบเรียบๆ แต่ทำให้คนฟังสะดุ้งทั้งตัว ร้องถามเสียงสูงว่า

“อะไรที่ว่าไม่พ้นคืนนี้”

“ก็ไนท์ยังไงคะ โดนหนักแบบนั้น เลือดท่วมตัวแบบนั้น ยังไม่ยอมรักษาตัวเดี๋ยวก็ตายค่ะรับรองไม่เกินคืนนี้ สบายใจได้เลย”

“ตายเสียได้ก็ดี คนแบบนั้น”

เฟรี่พูดดังๆ ขยับตัวจะลุกขึ้นแต่แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองอยู่ในชุดสีขาวสะอาดใหม่เอี่ยม แต่ไม่ใช่เสื้อผ้าของตัวเองเลยสักนิด สาวใช้คนเก่งสังเกตเห็นท่าทางก็รีบบอกโดยไม่ต้องให้ถามว่า

“อ๋อ....ไม่ต้องกังวลใจค่ะ ชุดของคุณเปื้อนเลือดจนสกปรก กำลังซักตากอยู่นอกระเบียง อุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ครบเก็บไว้ให้แล้วค่ะไม่ต้องห่วง”

“ข้าหมดสติไปนานไหม” เปลี่ยนเรื่องถาม

ประมาณครึ่งวันค่ะ ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว”

“เอ่อ...ใครมาดูแลข้า”

“ไนท์เขาเป็นคนเปลี่ยนชุดให้คุณค่ะ” ตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ

“กรี๊ด......”

คราวนี้เป็นอาการร้องบ้านแตกจริงๆ สาวใช้คนดีรีบเผ่นออกมาให้พ้นรัศมีพลางเอามือปิดบ้างหัวเราะพลางบอกพลางว่า

“ล้อเล่นล่ะ..อาการหนักแบบนั้นจะมาทำแบบนี้ได้ไง จะมีใครทำแบบนั้นได้ถ้าไม่ใช่สาวใช้คนนี้”

เฟรี่ถอนใจอย่างโล่งอก เปลี่ยนจากตกใจผสมโกรธ มาเป็นโล่งใจผสมอารมณ์หงุดหงิดอารมณ์เสีย ก่อนกลายมาเป็นโมโหและเปลี่ยนเป็นทั้งโมโหขำในที่สุด

“ร้ายมากนะ”

เค้นเสียงพูดพลางยิ้มแบบดุๆ ทำท่ามองหาอะไรสักอย่างพอจะขว้างใส่หัวคนรับใช้จอมร้ายแต่อีกฝ่ายหลบแวบไปอย่างรู้ทัน มีเพียงเสียงดังลอดประตูมาพอให้ได้ยินว่า

“อีกสักครู่จะมาตามไปทานอาหารมื้อเย็นนะคะ”

หญิงสาวส่ายหัวอย่างอ่อนใจ พวกเบื้องล่างนี้กำลังเป็นโรคกวนประสาทระบาดหนักหรืออย่างไรกันจึงพากันกวนประสาทคนไปตามๆกันไม่ว่าจะเป็นนายหรือลูกน้อง กระทั่งนักรบจิตตกคนนั้น

ไม่...ไม่ได้เป็นห่วงอะไรหรอก เพียงกลัวว่าไม่มีคนนำทางเท่านั้น รับรองว่าเราไม่มีวันเป็นห่วงคนประสาทแบบนั้นแน่นอน เรามันคนเบื้องบน เป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์ไม่มีทางลดตัวลงไปเป็นห่วงคนบ้าแบบนั้น แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

ว่าแต่จะตายจริงๆ หรือเปล่านะ

แค่นึกดูเล่นๆก็รู้สึกว่าไม่เข้าท่า ไนท์เองก็คงไม่คิดว่าเธอจะเป็นลมสลบกลางอากาศเอาแบบนั้น ทำไมไม่นึกนะว่าคนเบื้องบนไม่ชินไม่คุ้นเคยกับการทำอะไรร้ายกาจรุนแรงโรคจิตแบบนั้น ใครจะไปรับได้ พอเห็นอีกฝ่ายหมดสติแทนที่จะเดินหนีไปกลับทะลึ่งทำมาเป็นอุ้มเอามาส่ง แบบนี้มันไม่ถูกเรื่องเลยสักนิด หรือจะถือโอกาสมาแตะเนื้อต้องตัว คนบ้าคนประสาทคนโรคจิต ทำไมไม่ปล่อยเราไว้แบบนั้น แค่เดินหนีไปก็สิ้นเรื่อง

ไม่ได้ ก่อนจะตายไปจริงๆ ต้องไปต่อว่าสักหน่อย เดี๋ยวด่วนตายไปก่อนจะหมดโอกาส

ลุกขึ้นสำรวจดูตัวเอง เอาล่ะ ชุดแบบนี้พอรับได้ อาวุธและอุปกรณ์ยังชีพทุกอย่างวางอยู่บนหัวเตียงไม่มีการสูญหายทำให้รู้สึกเบาใจขึ้นมา ในอเวจีแห่งนี้ความจริงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เผลอๆน่าอยู่ด้วยซ้ำไป เอามือเสยผมลวกๆให้เข้าที่เข้าทางแล้วค่อยๆเดินออกมาจากห้องพัก หน้าประตูมีรองเท้าวางรออยู่เหมือนจะรู้ใจว่าจะต้องออกไปจากตัวตึก ทายใจเราถูกตามเคยนะแม่สาวใช้ตัวร้าย...

แต่พอออกมาบริเวณหน้าตึก เฟรี่ก็ชักใจคอไม่ดีเมื่อเห็นข้างนอกเริ่มมืดลง ในโลกแห่งนี้ไม่มีดวงอาทิตย์ แต่กลับมีปรากฏการณ์กลางวันกลางคืนซึ่งบอกไม่ถูกว่าเกิดจากอะไรเหมือนกัน ความสวยงามตอนกลางวันเริ่มกลับกลายเป็นความน่ากลัวอย่างประหลาดทั้งที่ยังไม่มีตัวอะไรโผล่ออกมาให้เห็นนอกจากความมืดเท่านั้น

หน้าผาบริเวณซึ่งน่าจะเป็นที่พักของไนท์ตอนนี้ดูมืดทะมึนไกลลิบออกไปหน้าลานดอกไม้สังเกตเห็นผู้หญิงผมยาวชุดขาวรุ่มร่ามยืนนิ่งอยู่ ถึงจะมองเห็นเพียงด้านหลังก็จำได้ว่านั่นเป็นปีศาจขาว เจ้าของสถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนเธอกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความคิด สายลมเย็นๆทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมา เฟรี่ยกมือขึ้นมากอดอกห่อตัวห่อไหล่อากาศเย็นๆในอเวจีแตกต่างจากอากาศเย็นของเบื้องบนเพราะทำให้ยะเยือกจับจิตจับใจมากกว่า ความหนาวเย็นคล้ายปลายเข็มแหลมคมทิ่มแทงเจาะลึกเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจ

อยากไปก็ไป กลัวก็กลัว สุดท้ายเลยหันรีหันขวางอยู่หน้าตึก ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นว่านักรบจิตตกคนนั้นจะเป็นอย่างไร ถ้ากำลังจะตายจะได้ไปหัวเราะใส่หน้าสักนิด พูดจาเจ็บๆ ให้ได้ยินสักหน่อย แล้วจะปล่อยให้ตายตาหลับ

เจ้าของบ้านดูเหมือนจะรู้ว่ามีคนมาหันรีหันขวางอยู่ข้างหลัง เดินเอามือไพล่หลังเดินทอดน่องกลับมาอย่างไม่รีบร้อน ภายใต้ท่าทางเย็นชาและแปลกประหลาดแบบสุดโลกตกอเวจีของปีศาจขาวตอนนี้กลับดูไม่น่ากลัว ตรงกันข้ามกลับรู้สึกถึงความเป็นมิตรและอบอุ่น ทำไมพวกโลกมืดแตกต่างจากตำราซึ่งเคยเรียนมามากมาย

“มืดแล้ว ไม่ควรออกมารับลม อเวจีไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็คืออเวจี ไม่เหมาะกับพวกเบื้องบน”

นั่นเป็นคำทักทายกึ่งเตือนของปีศาจสาวเจ้าบ้านขณะมาหยุดอยู่เบื้องหน้า ทำท่าเหมือนจ้องมองแขกผู้มาเยือนครู่หนึ่งจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้นอีกว่า

“อืม..น่ารักมากเลยนะ”

เฟรี่ยิ้มแบบเขินๆเล็กน้อย ทั้งที่ความจริงอยู่โลกเบื้องบนก็ได้รับความชมแบบนี้แทบทุกวัน ถึงจะไม่ใช่ดาราดวงเด่นแห่งเบื้องบนแต่ศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าหญิงน้อยก็ทำให้มีคนรักใคร่นับถือชื่นชมมากมาย

“เดี๋ยวก็ถึงมื้อเย็นแล้ว กลับเข้าไปเตรียมตัวสำหรับมื้อเย็นดีกว่า”

พูดจบก็ทำท่าจะเดินผ่านไป เฟรี่รีบเอ่ยปากถามขึ้นว่า

“เห็นไนท์ไหม”

ปีศาจผมขาวหันมามอง เพราะความที่นัยน์ตาทั้งหมดเป็นสีขาวจัดจ้าจึงไม่อาจอ่านแววตาคู่นั้นได้แต่ก็พอจะรู้ได้ว่ากำลังสงสัยและไม่แน่ใจกับคำถามนั้น

“ข้าเกรงว่าจะไม่มีคนนำทาง”

หญิงสาวรีบอธิบายเพิ่มเติม กลัวจะถูกหาว่าเป็นห่วงคนซึ่งไม่น่าเป็นห่วงคนนั้น ปีศาจสาวเจ้าบ้านฟังแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วบอกว่า

“ไม่ต้องห่วง มีหลายคนนำทางได้ แม้ว่าจะทำหน้าที่ไม่ดีเท่าไนท์ ถึงเขาจะเป็นอะไรไปข้ารับปากว่าจะจัดหาคนนำทางไปส่งจนออกจากขอบอเวจีนี้ได้”

เฟรี่หันไปมองหน้าผามืดดำอย่างไม่ตั้งใจ ปีศาจขาวเลยบอกขึ้นอีกว่า

“ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นหรอก ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ไม่ต้องไปกังวลหรอก บอกแล้วไงว่าจะหาคนนำทางให้ ข้าเองก็ขี้เกียจวุ่นวายกับเขาแล้ว เข้าไปกันเถอะ วันนี้อาจจะมีแขกพิเศษมากินมื้อเย็นกลับพวกเราด้วย”

เฟรี่ไม่ถามอะไร เพราะทันใดนั้นเองก็รู้สึกถึงความรู้สึกชนิดหนึ่ง

ปีศาจขาวผู้นี้ภายใต้ท่าทางเย็นชาไร้น้ำใจ แต่ความจริงซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ภายใต้ท่าทางเย็นชา

เหงาไหม เศร้าไหม สายลมเหมือนกระซิบถาม

เหงากับการมีชีวิตอยู่อย่างอ้างว้างเดียวดาย เศร้าไหมกับการหนีอะไรบางอย่างมาแสนไกล เหงาอะไร เศร้ากับอะไร เป็นความรู้สึกที่หญิงสาวแห่งแดนสรวงรับรู้ได้อย่างไม่คาดคิดมาก่อน

ผู้หญิงคนคนหนึ่งไม่ว่าจะแข็งแกร่งปานใด พยายามบอกเหตุผลกับตนเองปานใดก็ตาม หรือหนีอะไรบางอย่างก็ตาม  สุดท้ายก็ต้องอยู่กับความเหงาเศร้าโดยไม่ปริปากให้ใครรับรู้

นางฟ้าตกสวรรค์จู่ๆ ก็พลันรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา

“ท่าน”

ปีศาจขาวหันมามองกับคำถามนั้น เฟรี่สะกดใจก่อนพูดต่อไปว่า

“ท่านไม่ใช่คนที่นี่”

เหมือนมีรอยยิ้มชนิดหนึ่งปรากฏบริเวณมุมปากของเจ้าบ้าน แต่ไม่ได้อธิบายอะไร หันหน้ามองไปยังความมืดนอกตึกอีกครั้ง

“เจ้าก็ไม่ใช่คนที่นี่”  ปีศาจขาวพูดเรียบเรียบๆ พอเห็นอีกฝ่ายเงียบเฉยจึงพูดต่อไปว่า

“คนบางคนมีเหตุผลมากมายในการละทิ้งบ้านเกิด เจ้าก็มีเหตุผลนั้น ข้าเองก็มี มีเหตุผลเพื่อความอยู่รอดหรือชีวิตที่ดีกว่า ละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด ไม่มองคนคุ้นเคยใกล้ตัว มันเป็นเหตุผลเพื่ออะไรข้าไม่รู้ แต่มันก็ทำให้คนเราอยู่ได้ เจ้าจากบ้านมาไม่นานยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอเจ้าอยู่นานไปเจ้าก็จะมีทางเลือกสองทาง หนึ่งอยู่ต่อไป อยู่กับชีวิตใหม่ของเจ้า ละทิ้งอดีตของเจ้า อยู่กับความสะดวกสบายและชีวิตใหม่ แต่เจ้าเคยคิดถึงถิ่นกำเนิดของเจ้าไหม”

“ข้ารู้ว่าข้ามีที่มาอย่างไร” หญิงสาวเถียงเสียงแข็ง ปีศาจขาวเจ้าบ้านยิ้มบางๆ ชี้มือไปยังสวนดอกไม้ด้านนอกซึ่งเริ่มมีประกายวับวาวพราวแพรว

“เห็นไหม นั่นคือหิ่งห้อย”

ใช่แล้ว..หิ่งห้อยนับร้อยนับพันกระพริบแสงยิ่งกว่าดาราราย เคลื่อนไหวโบยบินราวเป็นชีวิตมากมาย ไม่ใหญ่โตแต่ละเอียดเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

“แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่หิ่งห้อยที่ข้าเคยเห็นในบ้านเดิมของข้า”

ฟังแล้วใจหาย

คนบางคนอยู่ไกลบ้านเกินไปจะรู้สึกแบบนี้ทุกคนไหมนะ อยู่เพื่ออะไร ยังคิดถึงถิ่นฐานบ้านเดิมไหม ตื่นเช้ามานอกจากคำว่าหน้าที่การงานแล้ว ยังคิดถึงจุดเริ่มต้นของตัวเองไหม ชีวิตคืออะไรแล้วอยู่เพื่ออะไร มีความหมายอะไรเท่าไรกัน รอยยิ้มของพ่อแม่พี่น้องลืมเลือนไปแล้วหรืออย่างไรกัน หรือมันเป็นเพียงความทรงจำไร้ตัวตน ไกลแสนไกล..

เฟรี่พลันใจหายอย่างประหลาด
ท้องฟ้าเดียวกัน ดวงดาวเดียวกัน แต่หัวใจกลับเป็นคนละดวง

ปีศาจขาวไม่พูดอะไรอีก หันกลับออกเดินช้าๆ ไปยังตึกใหญ่  ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในใจของธิดาตกสวรรค์

เหมือนมีเสียงเพลงในอดีตลอยมาตามสายลม

+++

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:02:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com