Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นิทานหลังฉาก หน้ากากตัวตลก(บทเมืองคนใบ้-8) ติดต่อทีมงาน

บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10381644/W10381644.html

บทเมืองคนใบ้-1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10388061/W10388061.html

บทเมืองคนใบ้-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10407169/W10407169.html

บทเมืองคนใบ้-3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10425013/W10425013.html

บทเมืองคนใบ้-4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10443019/W10443019.html

บทเมืองคนใบ้-5   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10456626/W10456626.html

บทเมืองคนใบ้-6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10480110/W10480110.html

บทเมืองคนใบ้-7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10506714/W10506714.html

 

 

 

 

8

 

            เมื่อยามที่ความมืดโรยตัวลง ปราศจากแสงแดดอันอบอุ่นจากดวงตะวัน ไร้ซึ่งสายลมร้อนที่อบอ้าวห่อหุ้มกาย เหลือแต่เพียงความเงียบเหงา และสายลมอันหนาวเหน็บเมื่อราตรีกาลมาเยือน ยามนั้นหัวใจที่เฉยชากลับยิ่งร้อนรุ่ม

            ตัวตลกเร่งสาวเท้า วนเวียนอยู่ในป่ามานานนับชั่วโมงได้ นานเพียงไรแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกห่วงใยในตัวคนแปลกหน้า ความรู้สึกในตอนนี้ก่อเป็นคำถามมากมายว่าเพราะเหตุใดเขาจึงต้องพยายามรับผิดชอบความรู้สึกของเด็กน้อยคนหนึ่งถึงเพียงนี้  ในเมื่อเป็นเขาเองที่เฝ้าย้ำกับหัวใจตนอยู่เสมอว่าอย่าได้เอาใจไปผูกกับใคร

            จริงอยู่ มีคนบนโลกใบนี้มากมายที่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่บนโลกใบนี้  แต่ยากนักจะได้เห็นแววตาอย่างที่เขาได้เห็นจากเด็กหญิง นางทั้งเยาว์วัยนัก ทว่าเฉลียวฉลาดยิ่ง ลึกลงไปในแววตาอันเยียบเย็นนั้นเปี่ยมไปด้วยความทระนงในศักดิ์ศรียากจะหยั่งถึง 

            เช่นนั้นแล้ว คำตอบคงเป็นเพียงว่า...เขาเห็นนางเป็นดั่งเงาในอดีตที่สะท้อนอยู่บนกระจก

            พลันความคิดอันวุ่นวายหยุดลง แว่วเสียงประหลาดดังอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มตัดสินใจเดินลัดเลาะตามเสียงนั้นไปด้วยความระแววระวัง เกรงเป้าหมายจะรู้ทันแล้วเร่งหนีไป  เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกนิด ใกล้ๆ เป็นลำธารเล็กที่สงบนิ่ง ทว่าสิ่งที่สะดุดตาเขาคงเป็นร่างเล็กๆ ที่นั่งคุดคู้อยู่บนโขดหิน

            “เจ้า...”

            เขาตั้งใจจะเอ่ยปากเรียกเด็กหญิง ทว่าเสียงสะอื้นราวกับจะขาดใจของนางทำให้เขาขยับตัวหลบหลังต้นไม้แทน ความรู้สึกของเขาในตอนนี้เหมือนดั่งได้เห็นภาพที่บาดหัวใจ เสียงสะอื้นจากนางในแต่ละครั้งราวกับคมมีดที่กรีดหัวใจ

            คล้ายกันเกินไป...น้ำตาของนางเรียกให้ความทรงจำเมื่อแสนนานหวนกลับมาอีกครา

            ชายหนุ่มหันหลังให้กับภาพนั้น และยืนรอฟังจนกระทั่งเสียงสะอื้นนั้นแผ่วค่อยลงไปอย่างอดทน จึงหันกลับไปมองท่าทีของนางอีกครั้ง ดูนางกลับคืนความเยือกเย็นได้บ้างแล้วแต่ยังหลุดสะอื้นออกมาในบางที

            “เจ้าคนตรงนั้น โผล่หัวออกมาซะ”

            นางสั่งทั้งที่ยังนั่งคุดคู้หันหลังให้ เขาเพียงทำตามอย่างว่าง่าย

            “รู้ได้อย่างไร”

            ตัวตลกถามเสียงนุ่ม ขณะที่ก้าวเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างกายนาง การขยับกายเคลื่อนไหวของเขาในแต่ละครั้งเป็นไปอย่างนุ่มนวลและระมัดระวัง เหมือนดั่งนายพรานที่พยายามย่องเข้าหาสัตว์เล็ก


            “มองเห็นหินก้อนนั้นหรือไม่ เงาของเจ้าสะท้อนอยู่บนนั้น”

            นางชี้มือไปทางหินก้อนใหญ่บริเวณอีกฝากของลำธาร ภาพนั้นทำให้ชายหนุ่มยิ้มละไมออกมาอย่างเสียไม่ได้ วินาทีนี้เขาทั้งนึกเอ็นดูและสงสารเด็กน้อยคนนี้เป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปลูบศีรษะของนาง

            “เด็กดี....”

            เพียงเท่านั้นน้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้งไป และความคิดว่าชีวิตของตนนั้นคงจะเหลือแต่เพียงบ่อน้ำตาอันเหือดแห้งอย่างนี้ไปชั่วชีวิตก็เอ่อล้นออกมาอีกครั้ง ทำนบทุกอย่างพังทลายในพริบตา เหมือนดั่งนางในตอนนี้เป็นเพียงแก้วร้าวที่แสนจะเปราะบาง เพียงสะกิด น้ำข้างในก็ไหลทะลักออกมา

            “มาเถอะ พิงไหล่ใครสักคน”

            ชายหนุ่มรั้งศีรษะเล็กเข้ามาซบลงบนไหลกว้าง มือข้างหนึ่งลูบศีรษะนางเพื่อเป็นการปลอบประโลม ขณะที่มืออีกข้างยกขึ้นถอดวิกผมสีฟ้าออก พร้อมกับพ่นลมถอดถอนหายใจออกมาโดยไร้เสียง


            “เหตุใดทุกคนจึงทอดทิ้งข้า เหตุใด ขะ...ข้าจึง...” เด็กหญิงแค่นเสียงออกมาทั้งสะอื้น นางตอนนี้แลดูเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง เปราะบางเสียจนเขารู้สึกกลัวที่จะแตะต้องนาง “เจ้าไม่ไปไหนได้หรือไม่...”

            คำถามเดียวที่ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันให้แก่เขา

            “ข้าเข้าใจ เจ้ายังต้องพเนจรต่อไปอีก”

            คำว่าเข้าใจดังออกมาจากปากของเด็กหญิงที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมด้วยซ้ำไป ทว่ากลับส่งผลให้เขารู้สึกแปลกๆ อยู่ข้างในอย่างหาสาเหตุไม่ได้ รู้เพียงว่าไม่ได้ยินคำนี้มาแสนนาน นานพอๆ กับช่วงเวลานับตั้งแต่เขาตัดสินใจออกเดินทางเพียงคนเดียว

            “เจ้าเข้มแข็ง”

            ตัวตลกเปรย แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจในคำพูดของตัวเองครานี้นัก

            “แต่ไม่มากพอที่จะอยู่เพียงตัวคนเดียวได้...” เขาได้แต่ฟังแล้วหุบปากเงียบ เด็กหญิงคนนี้ช่างร้ายกาจเสียจริง ตัวตลกนึกพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจปนเอ็นดู “คินโรห่วงใยข้า แต่ไม่มีวันที่จะเข้าใจข้า ในเมื่อเขานั้นเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม”

            เขารู้ดี ไม่สำคัญว่าใครคนหนึ่งที่เอ่ยปากออกมาว่าเข้าใจนั้นจะเข้าใจอย่างแท้จริงหรือไม่ หากมันออกมาจากปากของคนที่ไม่เคยประสบเรื่องราวเช่นเดียวกับมาก็รังแต่จะก่อให้เกิดความเคลือบแคลง


            “บอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้ามาตามหาคนด้วยเหตุใด เขาเป็นใครหรือ”

            “ข้ามาตามหาเขาตามคำไหว้วาน”

            ตัวตลกยอมตอบคำถามนางอย่างเอาใจ

            “เพศและอายุเล่า”          

            “ไม่บอกเพศแต่บอกมาว่าเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า นอกนั้นคนไหว้วานบอกเพียงว่าผู้ที่มีจุดแดงตรงต้นคอซ้ายนั้นไม่มีอีกแล้ว อ้อ ยังมีบอกมาอีกอย่างคือสถานที่”

            “เจ้าจะทำอย่างไรเมื่อเจอเขา”

            เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขาไม่กระพริบตา คล้ายว่าสนอกสนใจในบทสนทนานี้นักหนา ซึ่งก็ดีแล้วตรงที่มันพอจะทำให้นางลืมความโศกเศร้าไปได้บ้าง

            “หาทางส่งจดหมายกลับไปบอกว่าเขาคนนั้นสบายดีหรือไม่ แต่หากเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ก็ขอให้ข้าช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้”

            ชายหนุ่มเริ่มเอะใจขึ้นมาโดยสังหรณ์ ความคิดบางอย่างผ่านเข้ามาในหัวสมองวูบหนึ่งก่อนจะลบทิ้งไป  ขณะที่เด็กหญิงในตอนนี้กลับไปนั่งคุดคู้ดังเก่าราวกับกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง นานเสียจนสังหรณ์ของเขาเริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกที

            “ตัวตลก”

            เด็กหญิงเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับจะกระซิบ

            “มีอะไรก็ว่ามาเถิด”

            “เป็นข้าเอง...”

            ชายหนุ่มได้ฟังแล้วก็เอื้อมมือไปวางลงบนศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน รู้สึกแปลกใจเพียงเล็กน้อย หากยังไม่ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของนางว่าจริงเท็จเพียงไร ในตอนนี้เขาก็แค่รอนางพูดออกมาให้หมดเสียก่อน เพียงอดทนรอคอยนางอย่างใจเย็น

            แต่แล้วเด็กหญิงกลับทำเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากขึ้นมา เมื่อมือเล็กๆ ของนางเอื้อมไปลอกผิวหนังบริเวณต้นคอซ้ายออกอย่างเนิบช้า เผยให้เห็นสิ่งที่เขาดั้นด้นมาตามหาถึงหมู่บ้านแห่งนี้

จุดสีแดง…

            “จริงหรือ”

            เขาถามย้ำ ขณะที่เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา ความมุ่งมั่นในแววตาคู่นั้นเกือบจะทำให้เขารู้สึกขนลุกด้วยพลังอันแรงกล้าบางอย่างที่มีต้นกำเนิดมาจากความมุ่งมั่นของนาง

            “ยังมีนี่อีก”

            นางปิดเปลือกตาลงสนิทด้วยสีหน้าที่ราวกับจะทำใจกับอะไรบางอย่างอยู่ เป็นอย่างนั้นอยู่นานก่อนที่แผ่นหนังขนาดใหญ่กลางศีรษะจะถูกดึงให้หลุดออกมาทีละน้อยท่ามกลางความรู้สึกประหลาดใจอย่างล้นเหลือของเขา

            ทว่าทั้งหมดนั้นยังไม่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเท่ากับคำพูดต่อมา...

            “ได้โปรดพาข้าไปด้วยเถิด”

            นางค้อมศีรษะลงแทบจะติดโขดหิน แววตาคู่นั้นที่เหลือบมองเขาทั้งวิงวอนและทอประกายมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

            ...ยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธได้

แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 23:00:42

จากคุณ : w.ra
เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 22:58:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com