Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปพิษฐาน ตอนที่ 20 ติดต่อทีมงาน

สวัสดีเช้าวันจันทร์มิตรรักนักอ่านทุกท่านครับ ขอขอบคุณกิฟต์ตอนที่ผ่านมาจากคุณ  Friday Story, คุณ Jeab_Forest55, คุณ เรียวรุ้ง, คุณ yaimooyoyo, คุณ แก้วกังไส, คุณ Hermosa, คุณ Travel to the moon, คุณ มานีโอลา, คุณ Regenbogen ^_^, คุณ นารีจำศีล,คุณ kdunagin, และคุณ เรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก ด้วยนะครับ

สาปพิษฐาน ดำเนินมาใกล้ถึงบทอวสานเข้าทุกทีแล้วครับ ปมหลายเรื่องจะเริ่มคลี่คลายไปเรื่อยๆ แนะนำติชมได้เลยนะครับ เป็นความยินดีของคนเขียนอย่างยิ่งที่รู้ว่ามีคนอ่านคอยติดตามเรื่องของเราไปพร้อมกันจนจบ

สำหรับตอนที่18-19 ที่ผ่านมาครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10519172/W10519172.html
คุณ kaburapat : สิงหราปาตีตัวจริง จะออกโรงในตอนหน้าครับ สำหรับตอนนี้ขอยกให้เป็นบทของปรมาไปก่อนนะครับ

คุณแก้วกังไส : เหตุผลและผลลัพธ์จะปรากฏในตอนนี้แล้วครับคุณแก้ว

คุณRegenbogen ^_^ : คำตอบอยู่ในบทนี้พอดีเลยครับ หวังว่าคงถูกใจนะครับ

คุณโตยธาร : เหตุการณ์จะนำไปสู่บทสรุปของเจ้าหญิงเกนหลงในตอนนี้แล้วครับ

คุณนุ้ย (นารีจำศีล) : ขอบคุณครับ

คุณ scottie: จะค่อยๆเฉลยไปเรื่อยๆครับ

คุณกุลธิดา : ตอนนี้ เกนหลงดาระหวันก็สมหวังแล้วนะครับ

คุณเรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก : ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ตอนที่ 20 มาแล้ว อ่านต่อได้เลยครับผม

สาปพิษฐาน บทที่ 20

    ภาพปรากฏเบื้องหน้าแทบไม่ต่างจากภาพจินตนาการในฝันร้ายแดนนรก!!

     มหานครกุรุงปักกาอันโอ่อ่ารุ่งเรืองโอฬาร ทั้งเทวสถาน โบสถ์วิหารพระอาราม ทั้งเคหสถานอันเป็นที่พำนักอาศัยของชาวพารา รวมถึงตัวอาคารเรือนยอดแห่งมหาปราสาท กำมังละการพระตำหนัก ปะเสหรันอากงวังลูกหลวงหรือแม้แต่ติกาหลังอันประดับดารดาษด้วยทองคำ ล้วนถูกกระแสคลื่นสมุทรอันสูงละลิ่วลิบพุ่งเข้ากลืนกินอย่างหิวกระหาย จนจ่อมจมลงสู่ใต้เบื้องบาดาลในชั่ววิบตา

    ยอดเศวตฉัตรหักโค่นลงเมื่อไม่อาจทานพลังวาตะได้ ยอดเสาหลักเมืองใจกลางมหานคราอันเคยสูงตระหง่านเสียดฟ้ากระยาหงันถูกเกลียวคลื่นพุ่งเข้ากระทบจนเริ่มโอนเอนอย่างน่าพรั่นสะพรึง กระแสน้ำอันรายรอบไหลทะลักเทบ่ารวมเข้าหาใจกลางนคราจากทั่วทุกทิศทางโดยปราศจากความปรานี

     เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานดังขึ้นระงม ไม่ต่างกับสรรพสัตว์ที่กำลังแหวกว่ายเอาชีวิตรอดอยู่กลางทะเลนรกอันกอปรขึ้นด้วยน้ำกรดอันมีฤทธานุภาพร้ายแรง น่าสยดสยองยิ่งนัก

      เพราะในทันทีเมื่อกระแสน้ำมฤตยูพุ่งเข้าปะทะใส่ผิวกาย มวลมนุษย์ที่ได้รับการสัมผัสก็เกิดปฏิกิริยาของการแปรสภาพเรือนกายไปอย่างน่าสยดสยอง จากองคาพยพแห่งมนุษย์อันงดงามแปรเปลี่ยนเป็นร่างอสูรร้ายกอปรด้วยก้อนเนื้อผลิเผล็ดออกมาตามเนื้อตัวทั่วร่างราวกับเนื้องอกวิปริตไปในบัดดล!!

       เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวสุดพรรณนาประสานกันราวกับท่วงทำนองมหาคีตาที่บรรเลงขึ้นมาจากห้วงนรกานต์ บรรดาชาวกุรุงปากาทุกคนต่างกลับกลายเป็นผีดิบกระหายเลือด มีเพียงนัยน์ตาแดงก่ำสะท้อนแสงประดุจก้อนทับทิม

     พวกมันตะเกียกตะกายไล่จับบรรดามนุษย์ด้วยกันเองที่เหลือรอดจากการกลายสภาพ แล้วกลุ้มรุมฉีกกินเป็นภักษาหารอย่างหิวกระหายเกินระงับ ไม่เลือกญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก ทุกอย่างแปรเปลี่ยนจากความเป็นมนุษย์ให้กลายเป็นยิ่งกว่าสัญชาตญาณของสัตว์เดรัจฉาน จากนั้นเมื่อคลื่นนรกพุ่งเข้ากระแทกใส่ ก็กวาดบรรดาทั้งปีศาจและเศษซากมนุษย์ด้วยกันเองให้กลืนหายลงไปในความมืดมิดเบื้องล่าง!!

      เหนือยอดหอคอยสูงสง่าอันเคียงคู่กับเสาหลักเมือง ร่างขององค์รายากำลังเร่งเสด็จประทับหนีขึ้นไปตามขั้นบันไดอันแคบชันวกวนด้วยพระอาการร้อนรน ต่ำลงไปด้านล่าง เจ้าชายสิงหราปาตีพยายามจะแบกวรกายอันปราศพระชนม์ชีพของระเด่นติกาหลังหนึ่งหรัดตามขึ้นมาด้วย เสียงหอบหายใจด้วยความหนักหน่วงแข่งกับเสียงกระแสน้ำไหลบ่าไล่ตามขึ้นมาไม่ละลด

       “ปล่อยร่างของมันทิ้งลงไปเสีย สิงหรา เจ้าไม่เห็นดอกรึว่านางกาลกิณีผู้นี้เป็นผู้สาปแช่งพวกเราให้ต้องพินาศกันทั้งหมด!!”

     สุรเสียงกราดเกรี้ยวด้วยโทสะแข่งกับเสียงพายุฝนคำรนรอบด้าน หากพระโอรสผู้อัปภาคย์ก็ส่ายพักตร์ปฏิเสธ บนวงพักตร์บิดเบี้ยวอัปลักษณ์สายฝนกำลังชะคราบอัสสุชลให้ไหลมารวมกันจนมิอาจจำแนกได้ว่าสิ่งใดคือหยาดฝนสิ่งใดคือหยดน้ำพระเนตร...

   “หม่อมฉันจะไม่มีวันทิ้งนางไป ไม่ว่าจะมีพระชนม์ชีพอยู่หรือไม่ก็ตาม”

     “ถ้างั้นก็ตามใจ เชิญเจ้าไปอยู่ร่วมกับนางในนรกเบื้องล่างนั้นก็แล้วกัน”

      เมื่อความเจ็บแค้นใจ ความผิดหวัง และมิได้ดังปรารถนามารวมกันถึงจุดสูงสุด องค์รายาบุหลันรัศมีก็ไม่อาจข่มพระทัยไว้ได้อีก ทรงตรัสบริภาษพระโอรสรุนแรงและเผลอยกหัตถ์ผลักพระโอรสที่กำลังอุ้มร่างติกาหลังหนึ่งหรัดตามขึ้นมาบนขั้นบันไดอันสูงชันโดยลืมองค์

       จังหวะนั้นเองที่สิงหราปาตีมิทันระวังองค์ ด้วยมีร่างน้อยในอ้อมพาหาเป็นตัวถ่วงน้ำหนักเอาไว้ในจังหวะที่ทรงเสียหลักพอดี และเบื้องล่างกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากก็พัดพากลุ่มฝูงสัตว์นรกแปรสภาพก็เคลื่อนมาถึง วรกายแห่งเจ้าชายหนุ่มหงายหล่นตูมลงไปเบื้องล่างต่อหน้าพระพักตร์พระมารดาที่ประทับยืนตะลึงอยู่ด้านบนโดย

     “สิงหราลูกแม่!!”

      รายาบุหลันรัศมีหวีดร้องสุดพระสุรเสียงด้วยสัญชาตญาณความห่วงใยแห่งความเป็นพระมารดา เมื่อทรงมองเห็นวรกายของเจ้าชายแห่งกุรุงปักกาถูกกระแสวารีมรณะโอบล้อมและฉุดดึงจนจมดิ่ง หายลับลงไปใต้กระแสน้ำอันคลุ้มคลั่ง ก่อนพรายฟองนับร้อยพันจะผุดกรูขึ้นมาพร้อมเงาร่างของระเด่นแห่งกุรุงปักกาปรากฏกระเพื่อมไหวเบื้องใต้ประดุจถูกชุบตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และเมื่อร่างนั้นโผล่พ้นผิวน้ำ ก็กลับกลายร่างเป็นอสูรร้ายอันน่าสยดสยองไปในพริบตา

     “ฮื่มม์ม์ม์ม์”

      เสียงคำรามสะท้านสะเทือนไม่ต่างจากอสุรกายอันมีสัญชาตญาณดิบแห่งความกระหายหิวเกินควบคุม หากน่าแปลกที่เหล่าปีศาจรายรอบอันมีท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือกลับเป็นฝ่ายล่าถอยหลีกห่างออกโดยพร้อมเพรียง ราวกับพวกมันต่างล่วงรู้ถึงพลังอำนาจอันเหนือกว่าของมหาปีศาจตนใหม่ที่เพิ่งผุดขึ้นจากม่านมหานทีผู้นั้น อันเป็นประดุจราชันย์แห่งฝูงปีศาจทั้งปวง

   บนแผ่นหลังปูดโปนขนาดหมึมาเหมือนเป็นก้อนเนื้องอกผุดออก กลับมีร่างอรชรของพระศพเจ้าหญิงติกาหลังหนึ่งหรัดแบกรับเอาไว้อย่างมั่นคงหวงแหน น่าแปลกที่วรกายโสภาขององค์ตากาหลังหนึ่งหรัดหาได้แปรสภาพเป็นอสูรร้ายเช่นเดียวกันไม่

       อย่างรวดเร็วเมื่อร่างนั้นเริ่มต้นป่ายมืออันยาวเหยียดอันกอปรด้วยเล็บแหลมคมกริบพาดไต่บันไดเพื่อไล่ตามองค์รายาขึ้นมา ลมหายใจพ่นออกจากส่วนงองุ้มอันเคยเป็นนาสิกเกิดเป็นพวยควันสีขาวขุ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง ประกายสีแดงดุจปัทมราชเรืองรองกลางตำแหน่งที่เคยเป็นเบ้าตาเจิดจ้าเหมือนพยัคฆ์สะกดเหยื่อ และเริ่มเลื่อนใกล้เข้ามาทุกขณะ...

    ฮื่มม์ม์ม์ม์

     “สิงหราปาตี จงอย่าเข้ามานะ ข้าคือพระมารดาของเจ้า”

      หัตถ์หนึ่งกอบประทับไถ้ปัศตู* สำหรับใส่ “ของสองสิ่ง”ที่ทรงผูกปลายด้านหนึ่งยึดไว้กับบั้นพระองค์ ขณะที่หัตถ์อีกข้างก็ทรงเหนี่ยวแนวบันไดไว้แน่นระหว่างการไต่ขึ้นไปสู่ยอดหอยคอยสูงสุดใจกลางนครา มองลงไปเบื้องล่างด้วยขุมขนโลมาลุกชัน ณ ที่นั้นแทบไม่ต่างกับห้วงทะเลนรกอันปั่นป่วนคลุ้มคลั่ง กลิ่นของความตายโชยระอุขึ้นมาจนสัมผัสได้

       หอสังเกตการณ์นี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับเป็นป้อมปราการในการรักษาเวรยามแจ้งเหตุในยามวิกาล ด้วยขนาดความสูงตระหง่านเหนือทุกอาคารในกุรุงปักกา บัดนี้แรงเชี่ยวกรากของคลื่นทะเลที่พุ่งกระแทกเข้าใส่จนหอศิลาเริ่มคลอนไหว หากองค์รายาก็ยังเสด็จขึ้นไปเรื่อยๆสู่ลานด้านบนสุดด้วยพระทัยอันแน่วแน่

        บัดดล แรงกระแทกพุ่งเข้ามาอีกครั้ง และคราวนี้ก็สั่นฐานหอคอยให้สะเทือนราวกับจะถล่มลงมาในเวลาใดเวลาหนึ่ง จังหวะนั้นเองที่ห่อไถ้ผ้าที่ติดข้อพระกรขององค์รายาคลายปมออกจากกัน

      “ติกาหลังเรือนแก้ว โอ... ไม่!!”

      ติกาหลังปัตราคู่เมืองบุหรงปุระที่ทรงช่วงชิงมาได้โดยแลกกับสรรพชีวิตนับหมื่นแสน บัดนี้กลับหลุดพลัดลงไปยังเบื้องล่างพร้อมดวงทหัยที่หายวับตามลงไปด้วย เหลือเพียงกริชกุหนุงมัสที่ทรงฉวยคว้าเอาไว้ได้ทัน เรือนแก้วผลึกลอยละลิ่วราวเหินล่องลงไปในจังหวะนั้นพอดีและหล่นลงกระทบสู่อุ้งหัตถ์แห่งอสูรร้ายสิงหราปาตีที่ยิ้มร่ารอคอยอยู่แล้ว รายาบุหลันรัศมีหนาวเยือกจับพระทัย ทั้งจากพายุฝนกระหน่ำวรกายจนเปียกโชกและความหนาวเหน็บอันสยดสยองพระทัยเมื่อมองเห็นการล่มสลายของมหานครอันเรืองรุ่งต่อหน้าพระพักตร์

        เป็นครั้งแรกที่ทรงถามกับพระองค์เองว่าสิ่งที่กระทำลงไปก่อนหน้านี้ เพื่อแลกกับพระเกียรติยศชื่อเสียงของกุรุงปักกาเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้วฤาไฉน? แต่แล้วด้วยแรงทิษฐิมานะและความอหังการอันเหนือยิ่งกว่าความตระหนักในคุณธรรมแห่งพระทัยก็ย้อนกลับขึ้นมาเอาชนะ บดบังความสำนึกผิดชอบชั่วดีในพระทัยให้กลืนกลับลงไปใต้จิตสำนึกจนหมดสิ้น

      รายาบุหลันรัศมีรีบขยับวรกายไต่หนีขึ้นไปสู่ลานด้านบนสุดของหอคอย หากยังไม่ทันจะขยับองค์ต่อไป อสูรร้ายก็ไล่กวดตามขึ้นมาได้ทัน ณ เบื้องบนสุดของลานหอคอยอันโล่งละลิ่วกลางทะเลพายุโหมกระหน่ำพร่างพราย

     มือของมันพุ่งเข้าฉวยคว้าข้อพระบาทไว้ได้ทัน จนทรงสะดุดล้มลงไปบนพื้นศิลาที่เปียกโชก และร่างตระหง่านก็โผนเงื้อมขึ้นมาลุกคล่อมวรกายองค์รายาโดยมิอาจขยับดิ้นหนี ข้อมือกำยำของปีศาจสิงหราปาตีกำรอบพระศอบอบบางขององค์รายาไว้แนบแน่น เหลือเพียงการออกแรงบีบเค้นลงไปเท่านั้น พระชนม์ชีพก็จักปลิดปลิวออกจากวรกายโดยพลัน

      ในม่านฝนพร่างฟ้า เนตรต่อเนตรประสานกันกลางแสงพระจันทร์สีเลือด สิงหราปาตีในร่างปีศาจคล้ายหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ และจังหวะนั้นเองที่ทรงกระชากกุหนุงมัสออกมาแล้วเสียบลงไปยังร่างของพระโอรสจนมิดด้าม!!

     อากซ์ซ์ซ์...

       เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน แรงกดเริ่มคลายลง และเมื่อนั้นเองก็ทรงรับรู้ถึงความเจ็บปวดอันไม่แตกต่างกันเกิดขึ้นกับตนเอง

       รายาบุหลันรัศมีก้มพักตร์มองลงไปด้วยความตระหนกพระทัยสุดขีด และก็เห็นโลหิตไหลชุ่มนองออกมาจากช่องอุทรไม่ต่างกับใช้กริชเสียบเข้าวรกายของตนเอง...

      ร่างอสูรนอนบิดกายทุรนทุรายแม้มิได้มีโลหิตสักหยาดหยดไหลออกมา และก็มิได้ถึงแก่การอวสา นของมัน ราวกับมีชีวิตใหม่ที่เป็นอมตะเหนือกว่าประกาศิตของพญามัจจุราช

     
  ด้วยแรงสาป ประกาศิต มหิทธิเดช
จงอาเพศ ก่อกำเนิด เกิดสักขี
แก่ปวงเหล่า ปักกา ประชาชี
สมกับที่ บีฑา ด้วยอาธรรม์

    ...เพราะมันคือคำสาปแช่งก่อนชีวิตจะแตกดับจากนางเชลยผู้นั้น!!

     เมื่อข้าทุกข์ ก็ให้เจ้า จงเนาทุกข์
ไร้สิ้นสุข ตรอมตน ชนม์สลาย
ด้วยเลือดเนื้อ เชื้อไข ไม่เว้นวาย
เมื่อต้องตาย ก็ให้ม้วย ไปด้วยกัน
    จงอย่าได้ มีสมมติ ผุดกำเนิด
เมื่อใจเกิด จากละโมบ โลภโทสัน
ให้จิตเวียน วนว่าย ไปนิรันดร์
ต่อถึงวัน เปลื้องบาป สิ้นสาปเทอญ!!

     อนิจจา ติกาหลังปัตราที่ช่วงชิงมาได้สำเร็จ ทั้งจากบุหรงปุระและจากเงื้อมมือของไอ้อลัชชีเฒ่าที่นางหลงเชื่อถือศรัทธามาแต่แรก สู้หลงคิดไปว่าสามารถครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างได้ดังหทัยปรารถนา หากท้ายที่สุด แม้แต่จะหาผืนแผ่นดินสักองคุลี เพื่อหลบซ่อนหนีให้ปลอดภัยพ้นจากมหาวารีนรกที่กระหน่ำซัดรอบด้านก็ยังมิอาจแสวงหา...

       แล้วแรงแห่งมหาชลธีอันกราดเกรี้ยวก็กวาดร่างอสูรแห่งเจ้าชายสิงหราปาตีให้หลุดผ่านสายพระเนตรลงไปยังสายนทีเชี่ยวกรากเบื้องล่างแล้ว โลหิตของนางค่อยๆไหลซึมผ่านภูษานุ่งและผ้าซ่าโบะพาดกายาจนเปียกชุ่ม ส่วนหนึ่งไหลรินลงชะกับสายพิรุณจนเจือจาง รายาบุหลันรัศมีมิอาจขยับวรกายได้อีกต่อไป สายพระเนตรทอดมองเรือนแก้วที่อยู่เบื้องหน้าเกินเอื้อมหัตถ์ไขว่คว้าด้วยพระทัยอันร้อนรุ่มทุรนทุรายมิอาจมอดดับ

   แม้ว่าจะเป็นในห้วงกาลสุดท้ายแห่งวาระพระชนม์ชีพก็ตาม!

      “ติกาหลังหนึ่งหรัด ข้าจะไม่มีวันมีอันเป็นไปอย่างที่เจ้าสาปแช่ง ข้าจะต้องไม่ตาย ไม่ตาย! เรือนแก้วปัตราจะต้องเป็นของข้าเท่านั้น!!”

     ด้วยดวงหทัยอันเหนี่ยวรั้งยึดมั่นต่อติกาหลังปัตราเป็นสรณะ ทันทีเมื่อจิตดิ่งลงสู่มรณวิถี แรงผูกพันอันเป็นเสมือนสัญญาแห่งอดีตก็เหนี่ยวโยงดวงพระวิญญาณของรายาแห่งกุรุงปักกาให้พุ่งตรงเข้าสู่ภายในเรือนแก้วติกาหลังเป็นเป้าหมาย เสมือนประดุจครรโภทรของผู้ให้การปฏิสนธิ ต่างกันแต่เพียงการถือกำเนิดนั้นหาได้ล่วงเข้าสู่ภพภูมิใหม่แห่งความเป็นมนุษย์ไม่

      ดวงพระวิญญาณนั้นจึงถูกจองจำเอาไว้ในเรือนแก้วที่ทรงตั้งแรงปรารถนายึดมั่นก่อนการแตกดับ ไม่ต่างกับเป็นเรือนจองจำพันธนาดวงวิญญาณโดยมิอาจไปผุดเกิดได้ ดังคำสาปขององค์ระเด่นติกาหลังหนึ่งหรัดไม่แผกผิดกัน!!

      และแล้วกระแสคลื่นสุดท้ายก็โถมกลืนท่วมทับยอดหอคอยสูงตระหง่านแห่งมหานคราจนมิเหลือสิ่งใดปรากฏขึ้นอีกต่อไป ติกาหลังปัตราและกริชกุหนุงมัสอันคู่บ้านเคียงเมืองถูกพลังแห่ง มหาชลธีสาดซัดและหลุดลอยหายลับไปในพริบตา บัดนี้ทั่วทั้งเมืองคลาคล่ำด้วยฝูงปีศาจกระหายเลือดที่แปรสภาพจากร่างมนุษย์ลอยคอกันพล่าน ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกพลังแรงจากวังน้ำเบื้องล่างดึงดูดให้จมดิ่งลงสู่ใต้ผืนสมุทรไปพร้อมกัน...

      กุรุงปักกาบัดนี้ถูกครอบงำด้วยมหามนตราปิดบังการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของมวลมนุษย์ ทะเลหมอกวิปริตเคลื่อนตัวเข้าครอบคลุมคล้ายถูกเสกสร้างขึ้นมาโดยแรงอาถรรพ์แห่งคำสาป เมื่อม่านควันประหลาดเลือนสลาย ทุกอย่างก็เหลือแต่เพียงตำนานเล่าขาน เป็นนิทานปรัมปราที่เจือจางความน่าเชื่อถือลงไปตามกาลเวลา ก่อนจะค่อยเลือนหายไปความทรงจำในที่สุด

       มีเพียงบางครั้งบางคราเท่านั้นที่ร่องรอยซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่แห่งเมืองล่มกุรุงปักกาจะปรากฏขึ้นผุดขึ้นมาจากผืนชลธี ในท่ามเงื้อมเงาใต้แสงสนธยามลังเมลือง

     เพลาฤกษ์มรณะซึ่งบรรดาปวงอสูรร้ายที่หิวกระหายจักได้ล่อลวงบรรดาลูกเรือหรือเหยื่อชะตาขาดที่พลัดหลงเข้ามาในอาณาบริเวณของมันเพื่อจับกินเป็นภักษาหาร โดยการเสกสร้างด้วยมหามนตรามายาการที่ถูกสาป บังเกิดขึ้นเป็นตัวเมืองอันโอฬาฬิกเฉกเช่นในเพรงอดีต กลบเกลื่อนร่องรอยแนวปราการคูเมืองอันเคยแกร่งกล้าท้าแดดลมล่มสลายลงด้วยกาลเวลาและการกัดเซาะของน้ำทะเล เหลือเแต่พียงใบเสมาศิลาสลักที่ยังคงรูปอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งนคราอันสาบสูญไปจากความทรงจำ...

       โยคีครู ผู้เฒ่า จึงเล่าเรื่อง
นี่คือเมือง ท้าวปักกา ภาษาไสย
เพราะพรากพระ โคดม จึงจมไป
เห็นแต่ใบ เสมา อยู่ช้านาน
 เมื่อแรกล่ม สมเพช พวกมนุษย์
มาม้วยมุด มรณา หนักหนาหลาน
พลไพร่ ไม่น้อย สักร้อยล้าน
อดอาหาร หิวตาย จึงร้ายแรง **

     “และที่นี่ก็คือกุรุงปักกา นครที่ไม่มีวันได้กลับออกไป!!”

    “พี่ปอ... แล้วถ้าเช่นนั้นพี่ก็...”

     ศาปานต์เอ่ยค้างด้วยเสียงแหบพร่า ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจรดลำคอจนมิอาจเอ่ยอันใดอีก เมื่อหันมามองร่างของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง...

                 *********************

    “นี่มันคือใบ...”

     สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือซากศิลาของใบเสมาอันแสดงเขตแห่งสังฆาวาสของนครกุรุงปักกานั่นเอง หากปรมาก็มิได้มีโอกาสครุ่นคิดอีกต่อไป หาดทรายที่มองเห็นทอดยาวขาวโพลนแต่แรกคล้ายเป็นเพียงภาพลวงตาจากมนตร์แห่งอสูร

      ผืนแผ่นดินที่หล่อนกำลังเหยียบอยู่กลับค่อยๆจมตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยแทบจะไม่ทันได้ก้าวขาออกไปด้วยซ้ำ เหมือนกับพื้นทั้งหมดกำลังยุบตัวทรุดต่ำลงไปเรื่อยๆ จนมองเห็นผืนน้ำเริ่มสูงขึ้นราวกับกำลังยกตัวขึ้นเป็นผนังปราการแห่งมวลน้ำขนาดมหึมาจนแทบจะอยู่เลยเหนือศีรษะขึ้นไปทุกขณะ  เสียงหัวเราะนั้นยังตามมา ก่อนที่ร่างนั้นจะชะโงกกายค้ำอยู่เหนือร่างของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย

     ปรมาเงยหน้าขึ้นไปพอดี เห็นดวงตาแดงก่ำลุกโชนกำลังจ้องมองลงมา ด้วยประกายแห่งความกระหายบางอย่างอันนอกเหนือไปจาก “ความหิวโหย” และก่อนที่ประกายนั้นแปรแสงเป็นความผิดคาดอย่างมหันต์

    ผิดคาดและผิดหวังรุนแรงเกินควบคุม...

     “ไม่ใช่! นางไม่ใช่... ติกาหลังหนึ่งหรัด ไม่ใช่!!”

      เสียงนั้นคำรนกึกก้องไม่ต่างกับสายอสนีบาต กังวานยาวไกลไปทั่วทั้งผืนฟ้าและแผ่นดินจนเกิดกระแสสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นปานพสุธาถล่มทลาย

       แล้วเกลียวคลื่นที่กำลังม้วนตัวอย่างบ้าคลั่งอยู่เหนือศีรษะก็เทไหลบ่าทะลัก ก่อนจะท่วมทับลงมายังร่างบอบบางของหญิงสาวอย่างรวดเร็วจนไม่ทันแม้แต่จะเปล่งเสียงหวีดร้องใดๆออกมาได้ทัน

      ปรมายืนนิ่งงัน ยอดคลื่นผงาดเหนือร่างและเคลื่อนผ่านไปอย่างนุ่มนวลโดยมิได้สะดุดติดขัดหรือสัมผัสแม้จะกระทบผิวกายให้เปียกชื้น ร่างของหล่อนยังคงยืนนิ่งขึงอยู่เบื้องหน้า มิรู้สึกรู้สมต่อแรงลมพัดหรือมหันตภัยรายรอบด้าน ยืนนิ่งโดยมิสะทกสะท้านใดๆราวกับคลื่นพายุมิอาจแผ้วพานเรือนกายได้แม้สักระผีกริ้น

    มันเกิดอะไรขึ้น?

       คำตอบมาถึงอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า เมื่อหญิงสาวหันกลับไปยังทิศเบื้องหลังที่หล่อนวิ่งจากมา ร่างน้อยร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นทรายเจิ่งน้ำที่ทวีความสูงขึ้นเรื่อยๆ ร่างนั้นอยู่ในสภาพเปียกโชก ส่วนศีรษะกระแทกกับขอบใบเสมาหินที่แตกร้าวและบิ่นเป็นแง่งคมกริบ มันเสียบทะลุผ่านกะโหลกศีรษะเข้าไปในจังหวะที่เจ้าตัววิ่งสะดุดล้มและกระแทกลงมาพอดี โลหิตไหลทะลักออกมาอาบใบเสมาจนเป็นรอยแดงฉานน่าสยดสยอง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในพริบตาโดยมิทันแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องก่อนที่วิญญาณจะหลุดออกจากร่าง

       ...และเป็นร่างของตัวหล่อนนั่นเอง!!

       คล้ายความคิดจะสามารถบงการ สภาพกายทิพย์อันโปร่งแสงได้ ปรมาพบว่าหล่อนหันกลับมาประจันกับกายาอสุรกายตระหง่านเงื้อมเบื้องหน้านั้นอีกครั้ง เสียงคำรนของมันยังแผ่วพร่าด้วยความไม่แน่ใจ ในขณะที่ความเข้าใจหลายๆอย่างรวมถึงความทรงจำจากห้วงอดีตอันไกลโพ้น ไกลเกินกว่าในชาติภพปัจจุบันจะย้อนตามไปถึง กลับเริ่มแจ่มชัดขึ้นในมโนจิต

      “เจ้าไม่ใช่ติกาหลังหนึ่งหรัด... แต่เจ้า... เจ้าเป็น!!”

      ประกายอำมหิตแห่งความกระหายเหือดมอดไปอย่างรวดเร็วเมื่ออสูรร้ายได้ประจักษ์ชัดถึงร่างตรงหน้า ดึงรั้งความทรงจำที่หลับไหลผ่านการนิทรามายาวนานแสนนานของปรมาให้ฟื้นตื่นอีกครา

      “เกนหลงดะราหวัน! ใช่!ข้ากลับคืนมาแล้ว สิงหราปาตี ข้ากลับมาหาท่านอีกครั้ง…”

      หญิงสาวได้ยินเสียงของตนเองโต้ตอบกลับออกไปดังใจคิด และพลันเมื่อร่างของหล่อนในสภาพอันแผกจาก “ปรมา”หากกลับกลายเป็นสตรีในราชสำนักแห่งกุรุงปักกา ก็โผเข้าสู่อ้อมพาหาของร่างสูงตระหง่านเบื้องหน้า...

          เหตุการณ์ในอดีตชาติคล้ายจะหวนคืนเข้าสู่การรับรู้ ทั้งรัก ทั้งปวดร้าว หลอมรวมกันอยู่ในกายาอันโปร่งแสงของตัวเอง

       ภาพอสูรร้ายรูปทรงวิปริตกลับเลือนสลายเผยให้เห็นถึงภาพเนื้อในอันเป็นโครงรูปมนุษย์ของเจ้าชายหนุ่มผู้พระทัยแหลกสลายด้วยความรักแห่งกุรุงปักกา

        รักหนึ่งคือรักต่อติกาหลังหนึ่งหรัด ผู้ที่ทรงเฝ้าตามหาอย่างคลุ้มคลั่งด้วยความลุ่มหลงเร่าร้อนดังต้องมนตรา แต่ก็ไม่เคยได้สมดังปรารถนา

      หากอีกรักหนึ่ง จากเกนหลงดะราหวัน แม้จะทรงผลักไสถอยหนีสักเท่าใด หากรักพิสุทธิ์จากนางนั้นก็ย้อนกลับคืนมาอีกครั้งราวปาฏิหาริย์

     ฤานี่จักเป็นลิขิตแห่งกระงาหงันฟากฟ้า??

      ฤาเป็นพลังแห่งรัก?

    รักจำพราก จากไป ไกลสุดหล้า
สิ้นสัญญา สิ้นสวาท นิราศหาย
หัวใจแหลก ลาญลับ ลงกับกาย
ต้องตรมตาย จำร้าง รักห่างไกล
     รักจำพราก จากไป ไกลสุดหล้า
ย้อนกลับมา คืนจิต คิดไฉน
ใจที่แหลก ลาญยับ กลับฟื้นใจ
เมื่อรักได้ หวนคืน มาชื่นรัก!!

     ครั้งแรกที่ดวงจิตของหญิงสาวผู้เสียชีวิตได้รับรู้ถึงความอบอุ่นคุ้นเคยจากผู้ที่เป็นภัสดาในอดีตภพ บุรุษที่ตนเองเฝ้ารอคอยแม้แต่ในห้วงความฝัน หากมิเคยค้นหาได้พบพาน เนื่องเพราะเขามิได้เป็นมนุษย์อาศัยอยู่ที่ใดบนผืนหล้านี้ หากเป็นเพียงดวงวิญญาณที่ล่องลอยเฉกสัมภเวสีอยู่บนเกาะร้างที่ต้องคำสาป… โดยมิอาจไปที่ใดได้ดังหวัง

     สาปจากเจ้าหญิงติกาหลังหนึ่งหรัดหรือศาปานต์ น้องสาวของตัวเองในปัจจุบันภพ!!

      มือหยาบกระด้างแตะเพียงแผ่วเบาบนร่างน้อยที่แนบสนิทในอ้อมอุระ เสียงกระซิบแผ่วเบาหากกังวานกลบแม้แต่เสียงคลื่นโหมกระหน่ำรอบด้าน

      “ข้าขอโทษ เกนหลงดะราหวันยอดดวงยิหวาแห่งสิงหราปาตีเอย เพลานั้นข้ามิอาจรู้ได้เลยว่าเจ้าจากไปอยู่ ณ ที่แห่งใด มันเป็นด้วยความลุ่มหลงต่อเจ้าหญิงแห่งบุหรงปุระ จนทำให้ข้ากระทำการอันมิควรด้วยทอดทิ้งเจ้าไป เมื่อได้สำนึกตนอีกครั้งทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้สอนให้สิงหราปาตีรู้ซึ้งถึงโทษทัณฑ์แห่งผิดบาปนั้นแล้ว เกนหลงดะราหวันได้โปรดให้อภัยต่อภัสดาของเจ้าเถิด”

     สุรเสียงสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกภายใน

      “แล้วท่านเองมิได้ตามหาติกาหลังหนึ่งหรัด เพื่อให้ความรักสมปรารถนาดอกหรือสิงหราปาตี? แท้จริงท่านต้องการสิ่งใดจากนางกันเล่า?”

     คลื่นความน้อยเนื้อต่ำพระทัยแห่งเจ้าหญิงเกนหลงดะราหวันถูกแทนที่ด้วยความอ่อนหวานลึกล้ำอย่างมิคาดคิด ดวงจิตที่ต้องแตกดับด้วยการพลีพระชนม์ชีพแบหลาตนเองแด่สมุทรเทวีในท่ามกระแสคลื่นเกลียวสมุทร ก่อนคำสาปสัมฤทธิ์ผล ทำให้นางได้ไปถือกำเนิดยังชาติภพใหม่ โดยมิต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นปีศาจกระหายเลือดคอยอยู่เฝ้าท้องน้ำและมหานคราอันจมจ่อมใต้บาดาลเฉกชาวพารากุรุงปักกาทั้งมวล

       หากกระนั้นด้วยความผูกพันเสน่หาต่อเจ้าชายอัปลักษณ์แห่งกุรุงปักกา โดยมิเสื่อมคลาย แรงแห่งสัญญานั้นจึงนำพาให้หวนกลับมาพานพบกันอีกครั้ง...

        แม้จะมิได้อยู่ในสภาพแห่งมนุษย์!!

         “ใช่! เกนหลงดะราหวัน ตลอดระยะเวลายาวนานของความทุกข์ทรมาน ข้าเพียรเฝ้ารอคอยตามหาติกาหลังหนึ่งหรัด ข้าคิดถึงทุกลมหายใจ หากมิได้เพื่อหวังให้นางมาร่วมเคียงบัลลังก์อีกต่อไป ข้าประจักษ์ในสัจธรรมอันแท้จริงแห่งรักแล้ว สิ่งที่ข้าต้องการเพียงสิ่งเดียวก็คือการถอนคำสาป... สาปแห่งการพิษฐานก่อนวายชนม์ของนางที่มีผลมาถึงปรัตยุบันภพ

       จากองค์ติกาหลังหนึ่งหรัดเพียงผู้เดียวเท่านั้น!!”

                **************************
* ปัศตู : เป็นผ้าทอขนสัตว์เนื้อนิ่ม ซึ่งต่างจากผ้าสักหลาดซึ่งจะเป็นผ้าทอขนสัตว์เนื้อแน่น ไม่ซึมน้ำ
** พระอภัยมณี : สุนทรภู่

จบตอนที่ 20 ครับ
หมอกมุงเมือง

จากคุณ : สามปอยหลวง
เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 08:38:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com