4 เก้าอี้สีแดง
ปกติ เพื่อนสนิทคู่นี้ไปไหนมาไหนด้วยกันเกือบทุกที่ ยกเว้นที่เดียวที่นำทัพพ์ยังไม่เคยย่างก้าวเข้าไปพร้อมข้าวขวัญ ก็คือห้องชุดที่ (เขาซื้อให้) เธอ เช่าอยู่ ในราคา กันเอง นี่แหละ ทุกครั้งเขาจะเดินจากมหาลัยมาส่งเธอแค่หน้าอาคาร หรือใกล้ที่สุดก็แค่มานั่งรอเธอตรงล๊อบบี้หรือริมสระว่ายน้ำ
จนกระทั่ง เย็นวันหนึ่ง...
เป็นอะไรรึเปล่า? ข้าวขวัญถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทหน้าจ๋อยๆ ตอนเดินมาส่งเธอที่โถงทางเข้าคอนโดฯ เหมือนทุกวัน
ทะเลาะกับป้ามา... นำทัพพ์ไม่ได้โกหก เขาทะเลาะกับป้าจี้มาจริงๆ นะ แม่เจ้าปะคุณไม่ยอมกินข้าว กินแต่ขนม เขาว่าเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อ เดี๋ยวนี้โตแล้วดื้อมาก เถียงฉอดๆๆ ว่าขนมมีประโยชน์ เอาข้อมูลโภชนาการข้างกล่องมาโชว์เขาด้วย เจ้าตัวเล็กมันร้ายจริงๆ
คนแก่ก็อย่างงี้แหละ... แล้วนี่จะทำยังไง รีบกลับบ้านไปง้อแกซี่ ไม่แปลกหรอกที่เธอนึกภาพป้าของเขาเป็นหญิงแก่วัยทองขี้โมโห คงต้องปล่อยให้เธอคิดแบบนั้นไปก่อน แล้วไว้เมื่อถึงเวลา เขาค่อยจับเจ้าตัวเล็กมาอวดเธอ
ยังไม่อยากกลับบ้านเลย... นี่ก็ไม่ได้โกหก แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ทะเลาะกับป้าจี้สักหน่อย เขาแค่อยากอยู่ใกล้ๆ เธอ ไม่อยากกลับบ้านตอนนี้นี่นา
แต่พรุ่งนี้สอบไฟนอลวันแรกนะ ไม่รีบๆ กลับบ้านไปอ่านหนังสือเหรอ?
ขวัญ... ถ้าเราขอขึ้นไปอ่านหนังสือบนห้องเธอได้เปล่า? นำทัพพ์หมายความตามนั้น อ่านหนังสือจริงๆ ไม่มีกิจกรรมอื่นแทรกแซง
ข้าวขวัญเจอคำขอของเขาเข้าไป ได้แต่อ้ำอึ้ง ตอบอะไรไม่ถูก รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย แล้วภาพเธอกับเขา... บนเตียงกว้างที่เกิดขึ้นในสมองเมื่อแรกพบเขาก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เกือบจะลืมมันไปแล้วตั้งแต่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน... ไม่นะ ลบๆๆๆ หญิงสาวรีบลบมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
บ้าจัง... นี่เธอเป็นอะไรไป เขาแค่มาอ่านหนังสือด้วย ไม่เห็นแปลกเลย ก็แค่เพื่อนมาบ้าน จะเสียหายอะไรเล่า คนอื่นเค้าไปอ่านหนังสือกับเพื่อนที่หอพักก็มีตั้งเยอะแยะ
อ่า... ไม่เป็นไร นำทัพพ์เห็นเธอไม่ตอบก็ผิดหวังจนหน้าจ๋อยอย่างเห็นได้ชัด ...เดี๋ยวเราไปอ่านบ้านเพื่อนคนอื่นก็ได้
เฮ่ย... จะไปไหนเล่า มาถึงนี่แล้ว ก็อ่านที่บ้านฉันนี่แหละ ข้าวขวัญพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรแปลกใหม่ตรงไหนเล้ย มีเพื่อนมาเที่ยวบ้านเธอเป็นล้านคนแล้ว (ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีใครมาสักคน) นำทัพพ์ได้ยินแล้วแอบยิ้มขำเธอ
แต่บอกไว้ก่อนนะ ห้ามชวนฉันคุยด้วย เพราะพรุ่งนี้ฉันสอบวิชาสถิติ ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย
เออน่า
พอสบายใจขึ้นแล้วก็รีบๆ กลับไปคืนดีกับป้านะ
โอเค ...คืนดีกับเจ้าตัวเล็กน่ะเหรอ ง่ายจะตายไป!
นี่เป็นความลับนะ ข้าวขวัญไม่อยากให้ใครรู้เลย โดยเฉพาะพ่อ ...ถ้าพ่อรู้ว่าเธอเข้าห้องฉันแบบนี้ จะต้องฆ่าเธอแน่ แล้วฉันก็คงโดนพ่อตีตาย
ลุงสิบไม่ว่าอะไรหรอกน่า ...เขาไม่ได้คิดอะไรสกปรกสักหน่อย แล้วก็จะไม่ทำอะไรสกปรกด้วย รับรองทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ไม่ทำอะไรหกเลอะเทอะใส่พรมที่เขาเลือกซื้อเองกับมือหรอก
ฉันกลัวพ่อเข้าใจผิดน่ะสิ
เข้าใจผิดยังไงเหรอ?
เขาชอบจัง ได้แกล้งให้เธอเขินแบบนั้น
อ่า... ก็... เข้าใจผิด... อ่า... คือพ่อฉันเขาหัวโบราณน่ะ พ่อสอนนักสอนหนาว่า อย่าไว้ใจผู้ชาย ห้ามอยู่ในห้องปิดตายกับผู้ชายสองต่อสอง ข้าวขวัญขอบคุณสิ่งศักดิ์ในใจที่ให้เธอเกิดมาหน้าไม่ขาว ไม่งั้นต้องโดนเขาจับได้แน่เลยว่าเธอกำลังหน้าแดงไปถึงหูแล้ว
ทำไมเหรอ ลุงสิบกลัวลูกสาวก่อเหตุฆาตกรรมในห้องปิดตายรึไง?
ไอ้บ้า... พ่อเค้ากลัว อ่า... กลัว... ช่างเหอะๆ เธอจะกินน้ำอะไร ข้าวขวัญรีบตัดบทแล้วหลบสายตาวิ้งๆ คู่นั้นโดยการหันไปเปิดตู้เย็นหาอะไรดื่มแก้เขิน พยายามทำตัวเป็นเจ้าบ้านรับแขกอย่างปกติที่สุด
บ้านฉันไม่มีน้ำอัดลม หรือน้ำหวานกระป๋องนะ บอกไว้ก่อน
ทำไมนำทัพพ์จะไม่รู้เรื่องนี้ ข้าวขวัญดื่มน้ำอัดลมไม่เป็น เธอบอกว่า มันเผ็ด
วันนี้มีน้ำลำใย ใบเตย แล้วก็มะตูม พ่อต้มแบบเข้มข้นแล้วส่งมาฉันให้แช่ช่องแข็งไว้ผสมน้ำดื่ม อร่อยนะ
ลุงสิบคงฝึกนิสัยลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ไม่ให้ดื่มกินของที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สิ้นเปลือง และไม่ใช่อาหารที่ผลิตได้เองในบ้าน เธอดื่มแต่น้ำเปล่าและน้ำผลไม้ ข้าวขวัญจึงกลายเป็น ยัยคุณหนูเรื่องมาก โดยไม่รู้ตัว ...เวลาไป เที่ยว กับเพื่อน เธอไม่ยอมดื่มวิสกี้ผสมโซดาหรือน้ำอัดลมเหมือนเพื่อนคนอื่น สั่งแต่คอกเทลที่ผสมเหล้ากับน้ำผลไม้สด ไม่แน่ว่าถ้าลุงสิบรู้ว่าลูกสาวชอบดื่มเหล้าอาจจะหมักยอดข้าวให้ลูกสาวดื่มเองกับมือก็ได้
ไม่มีใครรู้ที่มาของความเรื่องมาก แต่ถ้าใครได้เห็น ข้าวกล่อง ของเธอเหมือนเขา คงมีมุมมองข้าวขวัญในอีกแบบหนึ่ง... นำทัพพ์พนันได้เลย ไม่มีใครเดาถูกว่าเจ้าของกล่องข้าวนั้นเป็นคนเดียวกับสาวสวยเซ็กซี่ที่รับแก้วค็อกเทลมาดมก่อนดื่ม แล้วทำหน้าไม่พอใจ กระดิกนิ้วเรียกบริกรด้วยมาดนางพญามาบอกให้เอาไปเปลี่ยน ด้วยเหตุผลที่น่าหมั่นไส้มากถึงมากที่สุด ...
นี่มันไม่ใช่น้ำผลไม้คั้นสดเหรอคะ ฉันไม่ดื่มอะไรแบบนี้หรอก มันเหม็นกลิ่นกระป๋องที่ติดมาด้วย ช่วยจัดการให้หน่อยค่ะ
อ้อ... แต่ก็ไม่แน่ว่าคนอื่นอาจจะตีความ น้ำพริกผักต้ม ในกล่องข้าวของเธอผิดๆ คิดว่า ดาวมหาลัยหุ่นนางแบบกำลังควบคุมแคลอรีเพื่อลดน้ำหนักอยู่ก็ได้
น่าเสียดาย ไม่มีใครเคยเห็นข้าวขวัญกินข้าวตอนกลางวันเลย เธอมักจะหาที่นั่งแอบกินคนเดียวเงียบๆ จนกระทั่ง คบนำทัพพ์เป็นเพื่อนสนิท ...ก็กลายเป็นมีเขามานั่งกินข้าวด้วยเสมอ
หลังจากโดนเพื่อนแย่งกินข้าวในกล่องอยู่สองสามวัน ข้าวขวัญก็ทำอาหารมาเผื่อเขาด้วย นำทัพพ์เลยชินกับน้ำพริกรสชาติประหลาดของเธอ... ใครจะเชื่อว่า หน้าตาเผ็ดร้อน อย่างแม่คุณจะกินเผ็ดไม่เป็นเอาเลย น้ำพริกของเธอหวานเหมือนไม่ใช่น้ำพริก
ไม่ใส่พริก แล้วจะเรียกน้ำพริกได้ไงเธอ?
ฉันชอบแบบนี้นี่นา พ่อตำให้กินมาตั้งแต่เด็ก
อ้อ... แต่ก็ไม่แน่อีกนั่นแหละ คนอื่นอาจจะตีความ น้ำพริกรสคุณหนูๆ เป็นว่า ดาวมหาลัยหน้านวลเนียนไม่กินเผ็ดเพื่อถนอมผิวพรรณก็ได้
ลุงสิบนี่เลี้ยงลูกมาแบบคุณหนูแท้ๆ ...เขานึกถึงเจ้าป้าตัวน้อยที่บ้าน พวกพี่เลี้ยงทำแต่ อาหารเด็ก จำพวก แกงจืด ผัดผัก ไข่เจียวให้กินทุกมื้อๆ จนโตป่านนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกินเผ็ดเป็นเลย
ลูกสาวลุงสิบมีอะไรมากมายที่ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึง ระหว่างที่ข้าวขวัญหันเข้าครัวไปทำเครื่องดื่มให้เขา นำทัพพ์ก็มองสำรวจไปทั่วห้อง ของแต่งห้องกุ๊กกิ๊กและข้าวของเครื่องใช้จุกจิกของเธอวางให้เห็นอยู่ทั่วไปหมด แต่ละอย่างไม่เข้ากับหน้าสักนิด โดยเฉพาะพวกผลิตภัณฑ์ลายการ์ตูนหวานแหววสีชมพู ส่วนใหญ่ดูเหมือนของเก่าที่เธอใช้มาตั้งแต่สมัยยังเด็กจนโตไม่คิดจะเปลี่ยน แปลว่าความจริงเธอก็ประหยัดพอดู
ไอ้บ้า ...อย่าหัวเราะฉันน้า ข้าวขวัญเห็นเขานั่งจ้องกล่องใส่ของลายคิตตี้สีชมพูของเธอแล้วอมยิ้มก็รีบอธิบาย ...พ่อเป็นคนซื้อของพวกนี้ให้ฉัน เลยทิ้งไม่ลง
สรุปว่า เหตุผลที่ทำให้รสนิยมข้าวขวัญคิกขุไม่ตรงกับบุคลิกภายนอกแบบนี้ เป็นเพราะลุงสิบอีกนั่นแหละ ซิงเกิ้ลแด๊ดดี้มือใหม่คงคิดว่า ลูกสาวต้องใช้แต่สีชมพูเท่านั้นละมั๊ง ไปตลาดนัดหรือที่ไหนๆ เห็นอะไรที่ ออกแบบมาสำหรับเด็กหญิง ก็เหมาซื้อเอามาให้เธอด้วยความรัก
พ่อฝึกถักผมเปียติดกิ๊บให้ฉันด้วยล่ะ นำทัพพ์รับรู้ถึงความรักมากมายที่ลุงสิบมีให้ลูกสาวคนเดียว จากคำบอกเล่าง่ายๆของเธอ เขานึกถึงหน้าคมเข้มของลุงสิบกำลังเล่นถักเปียตุ๊กตาเจ้าหญิงแล้วได้แต่ยิ้ม ช่างเป็นคุณพ่อที่น่ารักจริงๆ ยังดีที่ป้าจี้ของเขามีพี่เลี้ยงช่วย ไม่งั้นเขาก็คงต้องเล่นถักเปียตุ๊กตาเหมือนกัน
ประหลาดแท้ นำทัพพ์เกิดคำถามขึ้นในใจ ทำไมหลายครั้งหญิงสาวร่างระหงตรงหน้าถึงทำให้เขาคิดถึงเจ้าตัวน้อยที่บ้านได้ก็ไม่รู้ ป้าจี้กับข้าวขวัญมีอะไรคล้ายกันหรือไง?
อืม... ไม่มีนี่นา... รายนั้นน่ะ โตขึ้นมาก็คงเป็นสาวหมวยหน้ากลมตาหยี ผิวสีขาว ตัวเล็กๆ น่ารักแบบใสๆ... ไม่มีทางกลายเป็นสาวสวยเซ็กซี่ หุ่นนางแบบ ตาคมหวานหน้าเรียวยาวผิวน้ำผึ้งเหมือนข้าวขวัญได้เลย ต่อให้ผ่านมีดหมอทำศัลยกรรมสักร้อยครั้งแล้วจับไปตากแดดสักสิบปีก็เหอะ เหอๆ...แปลกจัง
อ่า... เธออ่านหนังสือไปนะ ฉัน... ขอตัวไปอาบน้ำก่อนล่ะ
ข้าวขวัญรีบลุกหนีทันทีที่มีโอกาส เธอทนนั่งอยู่กับเขาในห้องเล็กๆ นานกว่านี้ไม่ได้ ...รู้สึกแปลกๆ อายๆ ยังไม่รู้ อยู่ๆ ก็มีใครอีกคนมาอยู่ร่วมกันในที่ที่เคยเป็นของเธอคนเดียว ทั้งๆ ที่ย้ำกับตัวเอง ท่องไว้ในใจตลอดเวลาว่า แค่เพื่อนมาบ้านอ่านหนังสือ แต่หัวใจกลับสั่นไหววูบวาบในอกจนอยากจะควักมันออกมาปาทิ้งไปไกลๆ นัก อีตาบ้าก็นั่งยิ้มส่งสายตาวิ้งๆ มาให้เธออยู่ได้
บ้าจริง แล้วคืนนี้เธอจะอ่านหนังสือรู้เรื่องเหรอเนี่ย หวังว่าได้อาบน้ำ มีน้ำเย็นๆ รดหัวแล้วไอ้อาการแปลกๆ นี่จะหายไปนะ...
อาการแปลกๆ ที่เกิดกับข้าวขวัญไม่ได้เกิดกับเธอคนเดียว นำทัพพ์อาการหนักกว่าอีก นอกจากหัวใจเต้นแรงผิดปกติ รู้สึกหวิวๆ ในอกแล้ว แก้มของเขายังบุ๋มค้างไม่ยอมหาย ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องของเธอมา เหมือนกล้ามเนื้อที่หน้าเขามีปัญหา ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้เลย
พอลับหลังเธอ... แทนที่อาการจะดีขึ้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำกลับทำให้อาการสาหัสขึ้นอีก โดยเฉพาะเมื่อเขาหยิบพวกกุญแจหมีพูห์ออกมานั่งเหม่อมองมันอยู่นานสองนาน...
หนึ่งในกุญแจสำรองทั้งสี่ดอกนี้คือกุญแจเปิดห้องน้ำ!
เขาคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ แค่นั่งจ้องกุญแจ ฟังเสียงน้ำไหลจากข้างในห้องน้ำ ถึงได้มีความสุขขนาดนี้ ไม่... เขาไม่คิดจะเปิดประตูบานนั้นเลย เพียงแต่รู้ว่าเขาสามารถทำได้ ก็มีความสุขแล้ว
ตกลง... เขาบ้าใช่ไหม?!
ไม่เห็นรู้สึกดีขึ้นสักนิด ข้าวขวัญปิดฝักบัวหลังจากเปิดให้น้ำเย็นๆ ผ่านตัวอยู่ร่วมชั่วโมง อาการแปลกๆ ยังไม่ยอมหายไป ดูสิ... แค่คิดว่า ด้านตรงข้ามของประตูบานนี้มีเขานั่งยิ้มอยู่ไม่ไกล รอดูเธอแปลงโฉมเดินออกไปในชุดนอน เธอก็มือไม้อ่อนไปหมดแล้ว บีบขวดโลชั่นยังแทบไม่มีแรงเลย น่าโมโหตัวเองจริงๆ
หลังจากทาโลชั่นสามรอบ ปะแป้งสี่รอบ แล้วใส่เสื้อผ้าเสร็จ ลูกสาวลุงสิบก็ดูตัวเองในกระจกสำรวจความเรียบร้อยอยู่เป็นนาน ไม่กล้าแตะลูกบิดประตูก้าวออกไปเผชิญหน้าเขาเสียที... ทั้งที่คืนนี้เธอเลือกชุดนอนที่ดูเรียบร้อยที่สุดแล้ว เป็นเสื้อยืดแขนสั้นคอวีสีชมพูตัดด้วยผ้าสำลีมีลายกระต่ายน้อยสีขาวตัวเล็กๆ กระจายไปทั่วกับกางเกงขาสั้นลายเดียวกันเข้าชุด... แต่ก็ยังกังวลไปหมด... กางเกงขาสั้นไปมั๊ย? เสื้อคอวีโป๊ไปรึเปล่า? ทั้งที่เวลาออกไปเที่ยว เธอกล้าใส่เสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นกุดอวดสายตาใครๆ ก็ได้ ไม่เห็นเคยอายเลย
กลัวอะไรเล่า ยัยบ้า... ออกไปเซ่ หรือเธอจะหลบหน้าเขาอยู่ในส้วมทั้งคืน นี่มันบ้านเธอนะ แล้วเขาก็เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น ทำไมต้องรู้สึกเหมือนเจ้าสาวที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้าห้องหอคืนแรก กำลังประหม่ากลัวเจ้าบ่าวพาขึ้นเตียงด้วย
ขวัญ! เสียงเรียกของเจ้าบ่าว... เอ้ย... เพื่อนของเธอดังอยู่หน้าประตูใกล้จนเธอตกใจสะดุ้งทำขวดโลชั่น แป้ง และเครื่องใช้กระจุกกระจิกหล่นกระจายหมดเลย
เป็นอะไรรึเปล่า? นำทัพพ์ที่อยู่ข้างนอกเห็นเสียงน้ำเงียบหายไปนานก็รู้สึกเป็นห่วง ...เกิดอะไรขึ้น? นั่นเสียงอะไร?
ปะ...เปล่าๆ ไม่มีอะไร เธอกลั้นใจตะโกนบอกไป พยายามทำเสียงให้ฟังดูปกติที่สุด
ไม่มีอะไรจริงนะ นำทัพพ์กำกุญแจห้องน้ำเตรียมพร้อม... ถ้าเกิดอะไรฉุกเฉินจริงๆ เขาก็จะใช้มันทันที
ไม่มีอะไร ฉัน... อ่า... แค่ทำของตก
ได้ยินคำตอบของเธอแล้วนำทัพพ์ก็ค่อยโล่งใจ แต่ตอนเก็บกุญแจเข้ากระเป๋ากางเกง เขาแอบเสียดายเล็กๆ ...อดใช้เจ้าหมีพูห์เลย นึกว่าจะได้รับบทพระเอกเปิดประตูเข้าไปช่วยอุ้มนางเอกที่หมดสติออกมาผายปอดปั๊มหัวใจซะหน่อย
ข้าวขวัญสูดลมหายใจเข้าออกอีกหลายทีก่อนจะกลั้นใจเปิดประตูออกมา เธอแทบไม่กล้ามองหน้าคนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำเลย แต่ก็ต้องฝืนเงยหน้าขึ้นมา เห็นสายตาคู่นั้นกำลังสำรวจกระต่ายน้อยทั่วตัวเธอ แล้วมาหยุดนิ่งที่ใบหน้า เมื่อตาสบตา... หัวใจที่กำลังเต้นระรัวก็เหมือนจะหยุดลงตรงนั้น...
ทำไมช้าจัง คนเค้าปวดขี้ รอเข้าส้วมอยู่เนี่ย ทรมานเป็นบ้า!!!
ประโยคนั้นเหมือนค้อนอันโตทุบอั๊กลงมากลางกระหม่อม ข้าวขวัญแทบจะอกตกตาย อาการแปลกๆ หายเป็นปลดทิ้งทันที!
ไอ้บ้า ห้ามมาปล่อยห้องฉันน้า เดี๋ยวเหม็น
ไม่ไหวแล้ว ถอยๆๆๆ...
เขาจับแขนเธอทั้งสองข้างเลื่อนร่างสูงระหงที่กีดขวางตรงหน้าออกไปแล้วเข้าห้องน้ำปิดประตูอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงทุบปังๆๆ
เดี๋ยวๆ เอาผ้าขนหนูออกมาก่อน ฉันกลัวมันดูดกลิ่นขี้
หอมดีออก เขากลั้นหัวเราะแล้วตะโกนตอบ ...เจ๋งกว่าร่ำเทียนหอมอบผ้าอีกนะ
กรี๊ด... ไม่น้า...
นี่... ถ้าอยากลองแบบเบาๆ ดูก่อน ก็ไปสูดเอาแถวๆ โซฟาที่ตะกี๊เรานั่งสิ น่าจะยังมีเหลืออยู่บ้าง ฮ่าๆๆๆ
อี๋... ไอ้สกปรก ทุเรศที่สุดเลย มาตดใส่บ้านเค้าได้ไง๊ เสียงโวยวายยังวนเวียนอยู่หน้าห้องน้ำ ไม่ยอมไปไหน
หรืออยากเข้ามาสูดแบบเข้มข้นข้างในด้วยกัน?
ไอ้บ้า สูดไปคนเดียวเหอะ!
พอเธอจากไป นำทัพพ์ก็เป่าปากด้วยความโล่งใจ แล้วเอาฝาโถส้วมปิดลงมาแทนเก้าอี้ นั่งสูดไอชื้นหอมกลิ่นสบู่และแป้งของเธออยู่อย่างงั้นเนิ่นนาน ...นึกกลุ้มใจสงสัยตัวเองว่าคงเป็นโรคจิตจริงๆ
บ้าจังเลย... หลังจากเข้าห้องนอนปิดประตู ข้าวขวัญก็กระโดดขึ้นเตียงต่อยหมอนระบายอารมณ์ด้วยความคับแค้นที่เธอดันมีอาการประหลาดอยู่คนเดียว แล้วดูเขาสิ... ฮึ... ไม่รู้สึกรู้สมอะไรสักนิด ชวนเธอดมตดหน้าตาเฉย
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่เขาไม่คิดอะไรกับเธอ เป็นเพื่อนกันจริงๆ น่ะ ดีสุดแล้ว
ต่อไปนี้ห้ามมีอาการประหลาดแบบนั้นอีกแล้วนะ ข้าวขวัญสั่งตัวเอง
แต่ถึงไม่เกิดอาการประหลาด แต่ก็ใช่ว่าจะปกติ ขนาดว่าเธอไม่กล้านั่งอ่านหนังสือกับเขา เก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอน ปล่อยห้องนั่งเล่นให้เขายึดครองชั่วคราว เพราะคิดว่า ผนังห้องจะช่วยกั้นเขาออกไปจากเธอได้ แต่ทั้งสมาธิสติปัญญาและหัวใจของเธอเหมือนถูกดูดซึมผ่านผนังสีขาวออกไปภายนอกช้าๆ เหมือนปฏิกริยาออสโมซิส จนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย มัวแต่ห่วงพะวงถึงคนที่อยู่ข้างนอกร่ำไป ภาพเขากำลังนั่งๆ นอนๆ ในท่าทางต่างๆ อยู่บนโซฟาแทรกขึ้นมาในจินตนาการเป็นระยะๆ สลับกับคำถามมากมาย... ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่... เขาหิวหรือยังนะ... แอร์ข้างนอกเย็นไปมั๊ย...
ทำไมเขาเงียบไป... หรือกลับบ้านแล้ว... มาจนถึงคำถามสุดท้าย ข้าวขวัญก็อดไม่ได้ แง้มประตูยื่นหน้าออกมาดู แล้วก็ได้พบกับภาพที่เธอคิดไม่ถึง...
อา... เขาหลับ!
เธอเห็นดังนั้นก็กล้าที่จะย่องออกจากห้องมายืนดูเขาใกล้ๆ... ท่านอนตะแคงขดตัวนิ่งบนโซฟากับใบหน้าอ่อนใสที่กำลังหลับตาพริ้มพร้อมรอยยิ้มบางๆ ชวนให้นึกเอ็นดู ถ้าไม่เห็นว่าเหนือริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อนกับที่คางขาวๆ มีไรหนวดและเคราบางๆ เธอคงคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กชายไร้เดียงสาคนหนึ่ง ข้าวขวัญอดไม่ได้ที่จะปัดปอยผมยุ่งๆ ที่ปรกหน้าเขาให้อย่างเบามือ สัมผัสของผมเส้นบางอ่อนนุ่มนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นข้างในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก และมันก็ทำให้เธอเข้าใจในทันทีว่า ความรู้สึกแปลกๆ ที่เขามาอยู่ร่วมห้องทำให้เธอเกิดอาการประหลาดนั้น มีส่วนผสมของความรู้สึกอบอุ่นอันนี้รวมอยู่ด้วย
ความรู้สึกอบอุ่นนี้มีรสหวานปนเปื้อน ไม่เหมือนกับที่เธอเห็นพ่อนอนอยู่บ้านเป็นประจำ... มันเป็นอีกอย่างที่แตกต่างออกไป ...แปลกใหม่ ...ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
บัดนั้น ข้าวขวัญก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้นในใจ... จะเป็นยังไงนะ ถ้าห้องของเธอมีอีตาคนนี้มานอนอยู่อย่างงี้ทุกวัน... ทุกวัน... ลองหลับตานึกภาพว่า เธอทำโน่นทำนี่อยู่ตรงนั้นตรงนี้ของห้อง หันมาก็เห็นเขานอนอยู่... ตลอดไป
บ้าสิ! เธอคิดได้ไง เขาจะมานอนอยู่ในห้องเธอได้ไงทุกวัน ข้าวขวัญรีบปัดความคิดบ้าๆ ของตัวเองทิ้งอย่างรวดเร็วแล้วหาเหตุผลแก้ตัว สงสัยเธอไม่เคยมีเพื่อน จนเกิดเป็นความเหงาเร้นลึก พอมีเพื่อนสนิทเข้ามาใกล้ชิดก็รู้สึกอยากให้เขาอยู่ด้วยตลอดไป แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า รีบๆ ปลุกอีตาบ้าให้ตื่นแล้วกลับบ้านไปซะดีกว่า
แต่ลมหายใจสม่ำเสมอของเขาเหมือนกำลังออดอ้อนเธอว่า... เราง๊วง งวง... อย่าใจร้ายขับไล่เราไปเลยนะ สงสารเราเถอะ ให้เรานอนอีกหน่อยนะ นะ...
ข้าวขวัญหันไปมองนาฬิกา เกือบตีหนึ่งแล้ว จะเอายังไงดีล่ะนี่? เรื่องไม่มีรถกลับคงไม่ต้องห่วง นำทัพพ์ขับรถมามหาลัยเอง เขาคงจอดรถไว้ที่ใดที่หนึ่งในมหาลัยในระยะเดินถึง
ใจหนึ่งสั่งเสียงเฉียบขาดว่าไล่เขากลับบ้านไปซะ ให้เขานอนตรงนี้จนถึงเช้าไม่ได้หรอก ถึงอยู่แค่ห้องนั่งเล่น แต่ก็ถือว่านอนค้างกับเธอแล้วนะ ถ้าพ่อรู้ล่ะก็ จองสองศาลาได้เลย ทั้งเขาและเธอต้องตายแน่ๆ แต่ว่า... ถ้าให้เขาขับรถกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ในสภาพงัวเงียแบบนี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เธอจะทำยังไง แค่คิดก็แทบขาดใจตายแล้ว ไม่ๆๆๆ... เธอไม่ยอมเด็ดขาด
ขณะยังคิดหาทางออกไม่ได้ ดวงตาคู่นั้นก็ลืมขึ้นช้าๆ หรี่มองเธอแล้วขยี้ตาทำท่าง่วงมากถึงมากที่สุด
อ้าว ตื่นแล้วเหรอ จะกลับบ้านแล้วใช่มั๊ย? ข้าวขวัญไม่ได้โล่งใจเหมือนท่าทางที่เธอพยายามทำเลย แต่กลับ... ใจหาย เหมือนไม่อยากให้เขาจากไป
ใครว่าล่ะ เราจะหาที่นอนที่มันสบายกว่านี้ต่างหาก โซฟานี่มันนอนไม่สบายเลย (แพงซะเปล่า) ขอนอนบนเตียงได้มั๊ย? นำทัพพ์มองเข้าไปในห้องนอนของเธอซึ่งเปิดประตูค้างไว้
ภาพเธอกับเขา...บนเตียงกว้างภาพเดิมแว๊บขึ้นมาเด่นชัดในสมองทันที!
กรี๊ดดดด คราวนี้เธอไม่ลบมันออกจากสมองแล้ว แต่ฉีกกระชากมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
เฮ่ย... ไม่ด้ายยยย!!! เจ้าของห้องร้องลั่น อาการใจสั่นกำเริบกระทันหันจนเกือบจะช๊อค
พรุ่งนี้เราสอบไฟนอลนะ ถ้านอนไม่ดีคะแนนห่วยขึ้นมา เธอจะรับผิดชอบยังไง?
... ข้าวขวัญได้ยินแล้วอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงเป็นคนมีเหตุมีผลได้ขนาดนี้
นำทัพพ์กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม เห็นหน้าเธอแล้วรู้สึกสงสาร เลยไม่อยากแกล้งต่อแล้ว
ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นล่ะ เราไม่ได้ขอนอนกับเธอซะหน่อย
บ้านนี้มีสองห้องนอนไม่ใช่เหรอ? เขาชี้ไปที่ประตูห้องนอนที่เหลือ
เอ้อ... จริงด้วย มีอีกห้องนึง เหมือนฟ้าประทานหนทางสว่างมาให้แล้ว ข้าวขวัญรีบกุลีกุจอเปิดประตูให้เขาทันที ...เธอนอนห้องนี้ละกัน
ได้ๆ เรานอนห้องนี้แหละ ขอบใจมาก ฝากปิดไฟด้วย ฝันดีนะเธอ นำทัพพ์ไม่รอช้า โดดขึ้นเตียงห่มผ้าแล้วรีบหลับไปในทันทีก่อนที่เธอจะคิดได้และเปลี่ยนใจ ทิ้งให้ข้าวขวัญยืนงงๆ นี่ตกลงเธอยอมให้เขาค้างด้วยง่ายๆ ได้ยังไงกัน?
น่า... อยู่คนละห้อง ไม่ถือว่าค้างคืนด้วยกัน มีห้องนั่งเล่นกับอีกสองผนังคั่นกลาง และห้องนอนเธอยังมีล๊อคด้วย คงไม่เป็นไรมั๊ง ข้าวขวัญพยายามหาเหตุผลมาปลอบตัวเองให้สบายใจ เธอดับไฟให้เขาแล้วปิดประตูเดินออกไป ไม่ได้เห็นนำทัพพ์หลับตาหยิบพวงกุญแจหมีพูห์ออกมาจูบเบาๆ แล้วเอามันซุกไว้ใต้หมอนนอนอมยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่คิดเปิดห้องนอนเธอหรอกน่า... แต่ว่า... ขอแค่รู้ว่าทำได้ก็มีความสุขมากมายแล้ว
นำทัพพ์สรุปกับตัวเอง เขาต้องเป็นโรคจิตแน่นอน!
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
10 พ.ค. 54 00:18:21
|
|
|
|