.
บทที่ 32 อ้อมแขนของเวลา
เดือนพฤศจิกายนผ่านไป แล้วเดือนธันวาคมก็ผ่านเข้ามาครับ อะฮ่อย... อะฮ่อย... (ตัวนี้ยังอยู่อีกเหรอคุณพีท?)
สัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคมเป็นช่วงสอบกลางภาค และเป็นสัปดาห์สุดท้ายสำหรับการวาดภาพของชะลอด้วย เพราะต้องวางในแกลเลอรี่ล่วงหน้าก่อนถึงวันประมูล
เวลาสี่สัปดาห์จะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น โตมรไม่ได้ไปหาศิลปินหนุ่มรุ่นพี่เลยซักครั้ง ไม่ได้โทรหา ไม่ได้ติดต่อพูดคุยโดยตรง แต่ก็พอรับรู้ข่าวคราวจากภานุบ้าง ว่าช่วงนี้ชะลอของดช่วยกิจกรรมชุมนุมเพราะกำลังเร่งวาดภาพ และได้ยินจากพิชานว่าศิลาหรือพี่แพนกำลังช่วยเตรียมงานอยู่
พอวันเสาร์หลังสอบเสร็จ อาจารย์พิชานก็จัดงานเลี้ยงปีใหม่ในหมู่เพื่อนฝูงอาจารย์ศิษย์ที่สนิทกัน ปีนี้จัดที่บ้านของพลเดช (อ่านว่า พล-เดช นะครับ ไม่ใช่ พล-ละ-เดช) คุณพ่อของพันแดน นักเรียนชั้น ม.2 ห้องที่อาจารย์น้ำฝนประจำชั้น แถมยังเป็นพี่ชายสุดที่รักของอาจารย์พิชานมาตั้งแต่วัยเด็ก
บ้านนี้พิชานก็เคยอาศัยอยู่หลายปีตั้งแต่ก่อนไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ แต่ตอนนี้ทั้งพิชาน ทั้งคุณพ่อพลเดชกับคุณลูกพันแดน ต่างก็แยกย้ายไปอยู่คอนโด บ้านนี้เลยปิดเอาไว้เฉยๆ แต่มีคุณพ่อคุณแม่กับพี่สาวของพลเดชอยู่บ้านอีกหลังในบริเวณเดียวกัน
เจ้าภาพสองคนแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย พิชานนำทีมจัดการอาหารกับเครื่องดื่ม มีน้ำฝนเพื่อนซี้ช่วยเป็น:-)านดูแลในครัว ภานุกับคีติอดีตนิสิตฝึกสอนรับตำแหน่งกุลีกุจอทำงานออกแรงทุกชนิดตามคำสั่งของ:-)านและพ่องาน ส่วนพลเดชเจ้าภาพอีกคนรับผิดชอบเรื่องสถานที่ โตมรกับลูกศิษย์หนุ่มน้อยหลายคนก็อยู่ทีมนี้และมาช่วยกันเตรียมงานตั้งแต่เช้า
ก่อนลงมือทำงาน สาวๆ หนุ่มๆ ทั้งหลายก็ได้อาศัยข้าวต้มกระดูกหมูที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม ฝีมือกรณิกา คุณแม่ของกตถกลศิษย์รักอีกคนของพิชาน ซึ่งตื่นมาตั้งเตาตุ๋นให้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
กำหนดเริ่มกินเลี้ยงจริงจังตอนมื้อเที่ยง ช่วงสายนี้หนุ่มสาวต่างวัยก็ทำงานกันไป เล่นกันไป แกล้งเพื่อนบ้าง (ได้แก่นายพากเพียรจอมแสบ) โวยวายบ้าง (คนที่ถูกนายพากแกล้ง) กรี๊ดกร๊าดบ้าง (นำโดยน้ำหวาน เพื่อนสาวที่แสบไม่แพ้นายพาก) แล้วก็มีเสียงดุแกมบ่นแบบโบราณๆ บ้าง (อาจารย์พิชานแน่นอนเป็นอันขาด)
พอนายพากแอบย่องเข้าครัวทีไร ก็ถูกอาจารย์พี่คีเห็น แล้วหิ้วปีกออกมาส่งอาจารย์โตทุกที
บอกว่าไม่ได้ไปขโมยอะไรกินก็ไม่มีใครเชื่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ใกล้เที่ยง ทีมจัดสถานที่เสร็จงานเรียบร้อย โตมรล้างมือแล้วก็ออกมายืนดูรอบๆ เผื่อมีอะไรหลงหูหลงตา หันไปเห็นหญิงชายเดินคู่กันเข้าประตูมา โตมรรีบคลี่ยิ้มสำหรับรับแขก แล้วกลับชะงักกึกเลิกคิ้วสูงก่อนจะเดินเข้าไปหา
มาได้ไงวะไอ้เงิน! ใครเชิญ?
เพื่อนรักหัวเราะชอบใจ ร่างล่ำอยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกกับกางเกงยีนเหมือนโตมร ผิดกันแต่เสื้อผ้าของฝ่ายนั้นรัดรูปอวดเนื้อตัวแน่นเปรี๊ยะตั้งแต่หน้าอก หน้าท้อง หน้าขา ไปจนถึงหน้าแข้งเหมือนเดิม
อาจารย์พิชานกับพี่ฝนเชิญเว้ย ข้าเสน่ห์แรงขนาดไหนเอ็งก็น่าจะรู้ แหมๆ ทำเป็นลืม
โตมรหัวเราะหึ ผงกหัวทักทายไปยังหญิงสาวผมยาวที่ยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง แล้วหันกลับมาหาเพื่อนรัก
เออ! รู้! แล้วนึกไงเรียกพี่ฝนว่าพี่ฝน แต่เรียกพี่ฟ่อนว่าอาจารย์พิชาน
รณรัชต์หันซ้ายหันขวาทำท่าหลบๆ ซ่อนๆ กระซิบ
ก็พี่ฝนออกจะสาว คงไม่แก่กว่าพวกเราเท่าไหร่ แต่อาจารย์พิชานอะ...
โตมรรีบกระแอมขัด กลอกตามองฟ้าให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ หนึ่งที แล้วหันไปหาหญิงสาวด้านข้าง
ฝากคุมไอ้เงินด้วยนะครับ ปากมันอยู่ไม่ค่อยสุขคุณบัวคงรู้แล้ว อาจารย์พิชานน่ะใจดีไม่ถือหรอกครับ แต่ถ้านายคีได้ยินเข้า มีหวังไอ้เงินโดนหามออกจากงานแน่ครับ
หญิงสาวหัวเราะเสียงใส รับปากรับคำจะคอยดูแลอย่างดี ส่วนหนุ่มล่ำผู้ถูกพาดพุง เอ๊ย พาดพิง ทำเสียงฮึ่มฮ่ำในลำคอ แล้วก็ก้าวเข้ามารวบตัวโตมรไว้เต็มอ้อมกอด แถมก้มหน้าหอมซอกคอเขาอีกฟอดใหญ่
โตมรหัวเราะ ยกแขนขึ้นโอบตอบ ตบหัวตบหลังเพื่อนเบาๆ
ชะลอเดินเข้าประตูมาพอดี
โตมรรอจนรณรัชต์กับหญิงสาวคนรักหันไปทักทายชะลอแล้วขอตัวเข้างานไปก่อน ตัวเองถึงค่อยยกมือไหว้พี่ชาย
ร่างสูงกว้างอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงทำงาน อกยังผึ่งผาย หลังไหล่ยังเหยียดตรง แต่ใบหน้าคมสันนั้นดูเหนื่อย ผมที่รวบไว้ตอนนี้ยาวเลยบ่าลงไปเล็กน้อย คงไม่มีเวลาตัดเล็ม
...แต่หนวดยังเรียวเท่เหมือนเดิม... โตมรยิ้มกว้าง ยังไม่ทันเอ่ยปากถามไถ่ ก็มีเสียงโหวกเหวกอารมณ์ดีดังลั่นมาจากข้างหลัง
เฮ้ย! ไอ้ลอ! เป็นไงมั่งวะ!
พี่ชายยิ้มอ่อนสบตาเขา แล้วหันไปทำหน้านิ่งใส่เพื่อนหนุ่มที่จ้ำมาถึงพอดี
เออ! ยังไม่ตาย!
ภานุหัวเราะจนตากลายเป็นเส้น หันมาพยักพเยิดหาพวกบ่นเสียงดัง ดูมัน! ดูมัน! แล้วก็เหวี่ยงแขนกอดบ่าเพื่อนหนุ่มที่ตัวสูงกว่า ชะโงกหน้าเรียกโตมรให้เดินกลับเข้าไปข้างในพร้อมกัน
เสียงภานุถามไปเล่าไปหัวเราะไป มีเรื่องคุยมากมายตามประสาคนเฮฮา พี่ชายตอบบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ปล่อยให้เพื่อนรักเป็นฝ่ายพูด แทบไม่ต่างจากตอนคุยกับบุญทาที่หมู่บ้าน โตมรหัวเราะเบาในลำคอ แอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมสัน หัวใจอุ่นวูบขึ้นมา
...รักมาก... มากเหลือเกิน...
พื้นที่พักผ่อนกินดื่มคือสนามหญ้ากว้างปูเสื่อกกไว้หลายผืน โต๊ะวางอาหารตั้งชิดไปทางตัวบ้าน เครื่องดื่มวันนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะนอกจากจะมีเด็กเยอะแล้ว ผู้ใหญ่หลายคนยังขับรถมาด้วย จานชามที่ใช้เป็นพลาสติกเนื้อหนา ทนทานกว่าจานของโรงอาหารโรงเรียน คุณพ่อพลเดชลงทุนซื้อใหม่ทั้งหมดเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
โตมรถูกลูกศิษย์ร้องเชิญให้ไปนั่งวงนั้นบ้างวงนี้บ้าง นักเรียนที่มางานมีทั้งสมาชิกชุมนุมสิ่งแวดล้อมที่พิชานกับน้ำฝนดูแล ชุมนุมศิลปะที่ภานุดูแล ชุมนุมเทนนิสที่เขาดูแล แล้วก็เด็กนักเรียนห้องที่น้ำฝนกับพิชานเป็นอาจารย์ประจำชั้นทั้งรุ่นนี้และรุ่นก่อน หลายคนก็อยู่ชุมนุมบาสเก็ตบอลที่คีติเคยไปช่วยดูแลด้วย
แค่วิ่งรอกระหว่างบรรดาเด็กๆ กับรณรัชต์เพื่อนรัก โตมรก็ไม่มีจังหวะเหลือให้ไปหาพี่ชายอีก แต่สายตาเขาก็จดจ่อไปทางนั้นอยู่ทุกระยะ เห็นว่าพี่ชายมีภานุประกบข้างอยู่เกือบตลอดเวลาก็ค่อยคลายใจ
พี่ชายทำหน้านิ่งเฉยตามปกติ แต่พอหันมาสบตาเขาทีไร ฝ่ายนั้นก็จะกระตุกหนวดนิดเดียว
...แค่นี้ก็อุ่นไปถึงหัวใจแล้ว...
.
จากคุณ |
:
พิธันดร
|
เขียนเมื่อ |
:
10 พ.ค. 54 18:57:39
|
|
|
|