ตอนที่ 39
วิษุวัตจ้องมองโทรศัพท์มือถือในมืออย่างร้อนใจ เมื่ออยู่ๆสัญญานก็ขาดหายไปเฉยๆหลังจากเขาได้พูดความในใจออกไป เขาพยายามกดโทรซ้ำอีกหลายครั้ง แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงตอบรับอัตโนมัติที่ตอบกลับมาว่า เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ก็นึกอยากจะไปดักรอถึงที่หน้าคอนโดมิเนียมซะเดี๋ยวนี้เลย ทว่า มันก็คงเป็นได้เพียงแค่คิด เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ อาจจะทำให้เธอยิ่งโกรธมากกว่าเดิมจนระยะห่างมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆก็ได้ แต่คอยดูเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ เพียงเพราะอุปสรรคเพียงแค่นี้หรอก
ขณะที่ในรถยนต์ของมิ่งกมล อันธิกาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าแล้วก็ถอนใจยาวพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเบาะอย่างเหนื่อยๆ
เฮ้ย นี่ อย่าบอกนะว่าแกกดตัดสายพี่ปาล์มแล้วก็ปิดเครื่องน่ะ มีอะไรน่าจะพูดกันดีๆนะ
มิ่งกมลบอกอย่างไม่สบายใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาหลังรับโทรศัพท์ของเพื่อน
เปล่า ไม่ได้ตัดสาย ฉันเคยตัดสายใครทิ้งที่ไหนล่ะ ถึงจะไม่ใช่พี่ปาล์มก็เถอะ แต่แบตมันหมดพอดี ก็ดีเหมือนกัน
อันธิกาตอบน้ำเสียงเนือยๆ คำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากวิษุวัตคล้ายยังดังก้องอยู่ในหู อ้าวเหรอ แล้วมีเรื่องอะไรด่วนมากรึเปล่า ใช้โทรศัพท์ฉันโทรกลับไปก็ได้นะ แกน่าจะจำเบอร์พี่เค้าได้นี่
ฉันจำไม่ได้หรอก ช่างมันเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย ฉันง่วงแล้ว ขอนอนแป๊บนึงนะ ถึงแล้วปลุกด้วย
ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนพูดโกหกคำโต แต่เห็นท่าทางเหมือนไม่อยากพูดเรื่องนี้จริงๆ มิ่งกมลก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรอีก เพราะเท่าที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนปี 1 จนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร อันธิกาก็จะจัดการได้ด้วยตัวเองเสมอ ไม่ค่อยเล่าหรือปรึกษาอะไรใครมากนัก ตรงกันข้าม เธอมักจะเป็นที่ปรึกษาของเพื่อนๆและคอยพูดแนะนำเวลาใครมีปัญหาอะไรมาเล่าให้ฟังอีกด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อันธิกามีปัญหาเรื่องความรัก และเท่าที่เห็นตั้งแต่เกิดเรื่อง จนถึงวันนี้ แม้ภายนอกเธอจะดูเข้มแข็ง ดูเหมือนไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่มิ่งกมลที่เป็นเพื่อนใกล้ชิดที่สุดก็รับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เพื่อนๆทุกคนเห็นเลย การที่เพื่อนรักของเธอรีบลุกหนีจากเสียงเพลงของวิษุวัต ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่า อันธิกายังแคร์เขามาก ไม่เช่นนั้นก็คงนั่งอยู่ที่นั่นต่อไปได้โดยไม่สนใจอะไรใดๆรอบตัวทั้งนั้น
ชีวิตการทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในช่วงเทอมแรกของวริษากำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อลองมานั่งคิดทบทวนดูตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานจนถึงวันนี้ เธอค่อนข้างพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่พอสมควร การได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา มาถ่ายทอดให้กับบรรดาลูกศิษย์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งในแง่วิชาการหรือประสบการณ์การร่ำเรียนจนจบการศึกษาระดับสูงสุด มันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอมีความสุขกับการทำงานตรงนี้ ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ แต่ในมุมมองของผู้อาวุโสและมีความเชี่ยวชาญที่อยากให้เธอได้เติบโต ก็มีความปรารถนาดี และอยากเห็นหญิงสาวได้ก้าวหน้าในสาขาอาชีพมากกว่านี้ ทำให้มีข้อเสนอที่วริษาต้องตัดสินใจ และแน่นอนว่า ผู้ที่เธอนึกถึงและต้องขอคำปรึกษาก่อนใครก็คือ คุณตากับคุณยายผู้เป็นที่เคารพรักที่สุดในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
ว่านก็ไม่รู้ว่าจะเร็วเกินไปรึเปล่านะคะ ที่จะรับตำแหน่งฝ่ายบริหาร แถมยังต้องไปอยู่ไกลถึงระยอง คุณตากับคุณยายคิดว่าเป็นไงบ้างคะ
หญิงสาวเล่าเรื่องการประชุมภายในของอาจารย์ในคณะสถาปัตย์ฯ เกี่ยวกับการขยายสาขาของคณะไปที่วิทยาเขตระยองเพิ่มอีกแห่งในปีการศึกษาหน้า และจะมีรองคณบดีที่ได้รับเลือกท่านหนึ่งไปรับตำแหน่งคณะบดีของวิทยาเขต ในขณะที่ ตัวเธอเองก็ได้รับการทาบทามจากคณบดีโดยตรงให้ไปเป็นอาจารย์ประจำที่นั่นควบคู่กับตำแหน่งรองคณบดีฝ่ายวิชาการด้วยเช่นกัน
เอ ตอนนี้ว่านก็เริ่มเขียนหนังสือเพื่อขอเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์อยู่ไม่ใช่เหรอลูก ตาว่ามันก็ไม่ได้เร็วไปหรอกมั้ง ถึงเราจะมีประสบการณ์สอนยังไม่มาก แต่ความรู้ความสามารถอื่นๆมันก็ทดแทนกันได้อยู่นะ
ว่านก็ทำตามคำแนะนของคุณตากับคุณยายไงคะ เรื่องตำแหน่งทางวิชาการ แต่ก็ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อยสองปี ตามหลักเกณฑ์ จะว่าไปแล้ว ถึงเวลานั้น ว่านน่าจะพร้อมทำงานอื่นๆที่นอกเหนือจากงานสอนมากกว่าตอนนี้นะคะ
ยายว่า ก็น่าสนใจดีนะลูก ยายกับตาก็เคยไปมหาวิทยาลัยที่นั่น บรรยากาศดีมาก อากาศก็ดี ถ้าเกิดว่านอยากไปจริงๆ เราน่าจะซื้อบ้านใกล้ๆทะเลสักหลัง จะได้เอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศด้วยดีมั้ยลูก บางทีตากับยายเบื่อๆ จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง
ฟังที่ผู้เป็นยายออกความเห็นแล้ว วริษาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
คุณยายคิดเหมือนที่ว่านคิดไว้เลยค่ะว่า ถ้าต้องไปอยู่จริงๆ ก็อยากจะไปซื้อบ้านใกล้ๆทะเล บรรยากาศสบายๆ อยู่ที่นั่น คงเป็นชีวิตที่สงบและก็เรียบง่ายดีนะคะ
ระหว่างกำลังพูดคุยกัน สาวใช้ในบ้านก็เดินตรงเข้ามาใกล้และบอก
คุณว่านคะ คุณเมฆกับคุณผึ้งมาหาค่ะ นั่งรออยู่ที่ศาลากลางสวน
ขอบใจจ้ะ เอ้อ คุณตาคุณยายคะ ถ้างั้นว่านขอตัวออกไปหาเพื่อนๆก่อนนะคะ
วริษาบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นตรงไปยังศาลากลางสวน และก็พบเพื่อนทั้งสองมานั่งรออยู่แล้ว
คุณตากับคุณยายพักผ่อนอยู่รึเปล่าว่าน ตอนแรกว่าจะเข้าไปทักทายท่าน แต่มันจะสี่ทุ่มแล้ว เลยไม่แน่ใจว่าควรจะเข้าไปดีมั้ย แบบว่าเกรงใจน่ะ
สายน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อวริษาเดินมานั่งลงข้างๆ
ความจริง คุณตากับคุณยายก็ยังไม่นอนหรอก แต่ก็ใกล้ได้เวลาแล้วเหมือนกันแหละ ไม่เป็นไรหรอก ไว้วันหลังมาเร็วๆกว่านี้หน่อยสิ จะได้ทานมื้อเย็นด้วยกัน ว่าแต่ มากันดึกป่านนี้มีอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าเนี่ย
วริษามองหน้าเพื่อนทั้งสองคนสลับกันไปมาเหมือนจะหาคำตอบ
ก็ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก พอดีว่า วันนี้เรากับผึ้งต้องทำงานล่วงเวลาเลิกดึกมากทั้งสองคนเลย ทำถึงสามทุ่มได้มั้ง พอลงมาจากตึกก็เลยนึกอยากมาหาว่านเฉยๆน่ะ อยากแวะมาคุยด้วย แล้ววันนี้ปาล์มอยู่บ้านรึเปล่า
อยู่ข้างบนห้องน่ะ อ่านหนังสือสอบ ทำไม เมฆอยากเจอเหรอ เดี๋ยวให้เด็กไปเรียกมาให้ก็ได้
เปล่าหรอก ไม่ได้อยากเจอตอนนี้ ปล่อยให้อ่านหนังสือไปเถอะ ก็แค่นึกเป็นห่วง เพราะตั้งแต่กลับจากชุมพร ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย
ได้ยินภูเมฆาพูดถึงชุมพรแล้ว สายน้ำผึ้งก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
แล้วเรื่อง พินัยกรรมของคุณพ่อว่านเป็นไงบ้าง ว่านต้องลงไปชุมพรอีกมั้ย
วริษาส่ายหน้าปฏิเสธ
จะไปทำไมอีก เรามีทนายความประจำตัวอยู่นี่ เอ๊ะ เหมือนยังไม่ได้เล่าให้ฟังใช่มั้ย เราให้คุณโชติดำเนินการเรื่องทุกอย่างแทนทั้งหมด ตั้งแต่ไปรับฟัง ก็ โรงแรมกับรีสอร์ทรวม 4 แห่งของคุณพ่อ ท่านยกให้เราสองแห่ง แล้วก็ยกให้ภรรยาคนปัจจุบันอีกสองแห่ง แต่ในกรณีนี้ เค้าเสียชีวิตไปพร้อมกันก็คงตกเป็นของทายาท แล้วเราก็คุยกับคุณตาคุณยาย คุยกับปาล์ม ว่าจะเอายังไง สรุปได้ว่า ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะขายหุ้นกับกรรมสิทธิ์ทั้งหมดที่ได้รับให้กับหุ้นส่วนหรือคนอื่นที่สนใจไปดูแลต่อแล้วกัน
โห แล้ว ว่านไม่เสียดายเหรอ
สายน้ำผึ้งหยุดพูดเพียงแค่นั้น เมื่อมองสบตากับภูเมฆาที่ใช้สายตาสั่งให้เธอหยุด เพราะเขาเห็นสีหน้าและแววตาอีดอัดของวริษาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ถูกถามเรื่องนี้ และชายหนุ่มก็เข้าใจดีถึงเหตุผลในการตัดสินใจของเธอกับครอบครัวด้วย
ความจริงวันนี้เราน่าจะชวนคุณโชติมาด้วยเนอะเมฆ เห็นวันก่อนที่ไปทานข้าวกันบอก อยากเห็นสวนป่าในบ้านว่านบ้างสักครั้ง
สายน้ำผึ้งชวนเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย ซึ่งก็ทำให้วริษามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง
สวนป่าเลยเหรอ จะดีใจดีมั้ยเนี่ย ฟังดูเหมือนบ้านเราเป็นป่ารกมาก
นี่ว่าน ว่านพอจะรู้มั้ย ว่าคุณโชติเค้า เอ่อ เค้ามีแฟนรึยัง
คำถามนี้ทำเอาวริษาต้องหันไปมองสบตากับภูเมฆาทันที ต่างฝ่ายต่างมีอาการแปลกใจไม่ต่างกัน ถามแบบนี้หมายความว่าไงผึ้ง คิดอะไรกับคุณโชติรึเปล่า
โอ๊ย ว่าน ตอบไม่ตรงคำถามนี่นา แหม เราก็เห็นว่าเค้าเป็นคนอัธยาศัยน่ารักดี แถมยังขี้อายอีก ผู้ชายขี้อายน่ารักออก
เท่าที่รู้มา เหมือนว่าตอนนี้ยังโสดนะ เค้าเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันสมัยเรียนเมื่อปีก่อน แล้วก็ยังไม่มีใครใหม่เลย แต่ผึ้งชอบผู้ชายขี้อายเหรอเนี่ย เพิ่งรู้ เราว่า เมฆก็ขี้อายเหมือนกันนะ
คนถูกพาดพิงปั้นหน้าไม่ถูก และไม่ทันจะได้อ้าปากโต้ตอบอะไร สายน้ำผึ้งก็พูดสวนขึ้นก่อน
จากคุณ |
:
Travel to the moon
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ค. 54 02:03:17
|
|
|
|