ศาสตราแห่งเดราเนียร์ตอนพิเศษ อดีตของฟอร์เซ็ตติ
|
 |
อดีตของฟอร์เซ็ตติ
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านใบไม้ลงมากระทบผืนดินขับไล่ไอเย็นออกไปและสร้างความอบอุ่นให้บังเกิดขึ้นกับทุกชีวิตในผืนป่า เหล่านกกาและสัตว์นานาชนิดต่างพากันออกจากรังเพื่อหาอาหารด้วยความสดชื่น พวกมันเดินเมียงมองร่างของเอลฟ์กลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังยืนชุมนุมกันอยู่ที่ลานกว้างรูปวงกลม สีหน้าของชนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เงียบสงบไร้ความรู้สึก ยกเว้นนางเอลฟ์ผู้สวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดซึ่งยืนอยู่กลางกลุ่ม สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความหมองเศร้าราวกับว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก เบื้องหน้าของเอลฟ์สาวผู้นั้นมีร่างสูงโปร่งงดงามของอิสตรีผู้หนึ่ง เครื่องทรงของนางล้วนแล้วแต่เป็นสีทองอร่ามตาแลดูน่าเกรงขาม หัตถ์เรียวงามยกขึ้นลูบศีรษะของเอลฟ์วัยเยาว์อายุราวสามขวบซึ่งยืนอยู่ข้างกายของเอลฟ์สาวด้วยกิริยาเอ็นดูรักใคร่ สีหน้าของเอลฟ์สาวผู้เป็นแม่ยิ่งฉายแววโศกสลด นางมองดูอาคันตุกะด้วยสายตาวิงวอน
บุตรชายของข้าจำต้องไปที่มาร์วัลลัสจริงๆหรือ นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สตรีในชุดทองยิ้มอย่างอ่อนโยน
เขามีชะตาอันยิ่งใหญ่รออยู่ในวันข้างหน้า ท่านนานนา โปรดอย่าได้กังวลใจไปเลย เราสัญญาว่าจะดูแลบุตรชายของท่านให้ดีเท่ากับตัวของท่านเลยทีเดียว
ข้าไว้ใจท่าน องค์มีย์อาร์ นานนากล่าวพลางลูบเรือนผมสีเงินสลวยของบุตรชาย ข้ามั่นใจว่าท่านสามารถดูแลบุตรชายของข้าได้ แต่คนของท่านคงไม่ยินดีนักหากรู้ว่าเขาเป็นบุตรของใคร
แน่นอนพวกเขาจะต้องรู้ มีย์อาร์ ราชินีแห่งอาณาจักรมาร์วัลลัสกล่าว และพวกเขาจะต้องยอมรับ
ข้าเกรงว่าพวกเขาคงทำใจยอมรับได้ยาก นานนากล่าวด้วยใบหน้าเศร้า ข้าไม่อยากให้ท่านนำบุตรของข้าไป
บุตรชายของท่านจำต้องได้รับการศึกษาด้านเวท เขามีพลังอันลึกล้ำมากกว่าชาวมาร์วัลลัส พลังของเขาสามารถสร้างสันติในเวลาเดียวกันอำนาจที่เขามีอยู่นันทรงพลังถึงขนาดทำลายอาณาจักรจอมเวทให้พังพินาศได้ภายในชั่วข้ามคืน
ถ้าอย่างนั้นเรายิ่งไม่ควรปล่อยเขาให้ไปกับท่าน เอลฟ์หนุ่มตนหนึ่งเอ่ยขึ้น องค์มีย์อาร์แย้มสรวล
เขายิ่งควรไปกับเราต่างหาก ท่านบลาร์กายน์ และหากท่านไม่ยินยอมเราคงต้องใช้กำลังบังคับ
พวกจอมเวทก็ดีแต่ใช้กำลังแย่งชิงของรักของผู้อื่น บลากายน์กล่าวด้วยใบหน้าเคียดแค้น แต่นานนากลับโบกมือห้าม
ท่านกล่าวว่าพลังของบุตรชายข้าสามารถทำลายอาณาจักรมาร์วัลลัสให้พังพินาศได้อย่างนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันเพราะข้าไม่เคยเห็นเขาใช้พลังอะไรได้เลยนอกจากเวทบงการธรรมชาติ
ฟอร์เซ็ตติมีพลังอีกด้านที่ท่านไม่รู้ นานนา มือของราชินีแห่งมาร์วัลลัสไล้เรือนผมสีเงินละเอียด เอลฟ์ตัวน้อยเงยหน้าขึ้นพร้อมกับกล่าวเสียงใส
ทำไมท่านจึงเรียกข้าว่าฟอร์เซ็ตติ ข้าไม่ได้ชื่อนั้นสักหน่อย ชื่อของข้าคือ.........
ปลายนิ้วอันเรียวงามวางจรดลงบนริมฝีปากสีชมพูที่น่ารัก องค์มีย์อาร์ทรงน้อมวรกายลงและกล่าวกับเอลฟ์น้อยด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความปราณี
เหล่าจอมเวทจะไม่เอ่ยชื่อของตนให้ผู้อื่นรู้เป็นอันขาด
แต่ข้าไม่ใช่จอมเวท ข้าเป็นเอลฟ์แห่งป่ามนตราต่างหาก เอลฟ์น้อยเถียงเสียงดัง เขาถอยหลังไปยืนข้างกายนานนาทันทีและมองจ้องราชินีมาร์วัลลัสด้วยสายตาขุ่นเคือง พระนางยิ้ม
เจ้ามีสายเลือดของจอมเวทผู้เก่งกาจและทรงพลังที่สุด ฟอร์เซ็ตติ เจ้ามีพลังสูงส่งมากกว่าจอมเวททั้งหลายในมาร์วัลลัส พลังที่สามารถสยบทุกคนให้ยอมศิโรราบแก่เจ้าได้หากเจ้าต้องการ
ข้าไม่มีพลังที่ว่านั่น เอลฟ์น้อยกล่าวเสียงห้วนและเงยหน้าขึ้นมองดูมารดาของตน ท่านแม่บอกนางให้เข้าใจทีว่าข้าเป็นเพียงแค่เอลฟ์ธรรมดาไม่ใช่พวกจอมเวทดังที่เขาเข้าใจ
นานนาขบริมฝีปากของตนเองจนแน่นพร้อมหลับตาลงคล้ายกำลังตัดสินใจก่อนลืมขึ้นและทรุดกายนั่งลงตรงหน้าฟอร์เซ็ตติ มืออันแสนอบอุ่นปัดไรผมที่ปรกหน้าบุตรชายก่อนเลื่อนลงมาไล้พวงแก้มใสอย่างแผ่วเบาราวปลอบโยน
องค์มีย์อาร์กล่าวถูกต้องแล้วลูกรัก เจ้ามีสายเลือดของจอมเวทไหลอยู่ในกายครึ่งหนึ่ง
ไม่จริง! เอลฟ์น้อยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาสีฟ้าใสมองหน้าผู้เป็นมารดาแน่วนิ่ง เมื่อเห็นแววตาอันจริงจังของนาง สีหน้าของเอลฟ์ผู้เยาว์จึงคลายลง
ทำไมท่านไม่เคยบอกข้าสักคำ เอลฟ์น้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายตัดพ้อ ดวงตาเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าของราชินีแห่งมาร์วัลลัส หมายความว่าข้าจะต้องไปกับนางจริงๆ
แม่ไม่อยากให้เจ้าไป นานนากล่าวพลางกอดบุตรชายเอาไว้แนบอก แต่เจ้าสมควรได้รับรู้เรื่องราวของเหล่าจอมเวทเอาไว้บ้าง จงเรียนรู้ให้ทันพวกเขา และจงอยู่เหนือพวกเขาให้ได้นะ ลูกรัก
แต่ข้าไม่อยากไปมาร์วัลลัส เอลฟ์น้อยสะอื้น เขาซุกหน้าลงบนทรวงของผู้เป็นมารดาและเริ่มต้นร้องไห้ ข้าไม่อยากเป็นจอมเวท ชนพวกนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักนิด
หัวใจของนานนาแทบสลายเมื่อได้ฟังคำของบุตรชายตัวน้อยจบลง นางกอดร่างเล็กๆเอาไว้แน่นและเช็ดน้ำตากับเรือนผมสีเงินก่อนดันเขาออกห่างและลุกขึ้นหันไปทางองค์มีย์อาร์ซึ่งกำลังยืนมองนางนิ่ง
ข้าขอให้ท่านรับปากว่า จะดูแลดวงใจของข้าให้ดียิ่งกว่าสิ่งมีค่าที่สุดในมาร์วัลลัส
ข้ารับปาก ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัสรับคำด้วยสีพระพักตร์จริงจัง ฟอร์เซ็ตติจะพำนักในวังและเรียนรู้การใช้เวทจากผู้ทรงความรู้ที่สุดในพระนคร เขาจะมีพลังเหนือกว่าผู้ใดข้าให้สัญญา
และเมื่อใดข้าได้ยินว่าพวกท่านไร้ความเมตตาต่อเขา ข้าและพวกพ้องของข้าบุกเข้าไปในวังของท่านและแย่งชิงเขากลับคืนสู่ป่าแห่งมนตรา
พวกท่านจะไม่ได้ทำเช่นนั้นแน่ ท่านนานนา องค์มีย์อาร์ตรัสพร้อมกับส่งรอยยิ้มแสนอ่อนโยนให้ฟอร์เซ็ตติ เอลฟ์น้อยมีสีหน้าบึ้งตึงขณะเกาะกุมมือมารดาของตนแน่น นานนาก้มหน้าลงมองดูเขา
จงเชื่อฟังราชินีแห่งมาร์วัลลัส ให้เกียรติและมอบความไว้วางใจแก่พระนางเพียงผู้เดียว
ข้า...ไม่...
รับปากแม่
น้ำตาของเอลฟ์ตัวน้อยไหลพรากอาบแก้ม เขาก้มหน้าลงพร้อมกับรับคำมารดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ นานนาระบายลมหายใจของตนก่อนส่งบุตรชายให้กับองค์มีย์อาร์ พระนางกุมมือน้อยๆเอาไว้
สายมากแล้ว เราคงต้องกล่าวคำอำลาพวกท่านเสียที ราชินีแห่งมาร์วัลลัสกล่าวกับนานนาและเหล่าเอลฟ์ของป่าแห่งมนตรา พวกเขาผายมือออก
พวกเราจะไม่ย่างเท้าออกไปนอกเขตแนวป่า ดังนั้นโปรดอภัยที่จำต้องขอส่งท่านเสียตั้งแต่ตรงนี้
องค์มีย์อาร์ทรงแย้มสรวลและหันไปทางนานนา นางมองดูบุตรชายด้วยสีหน้าและสายตาอาดูรก่อนยกมือขึ้นโบกอำลา
ลาก่อนดวงใจของแม่
ฟอร์เซ็ตติหันหน้าซึ่งเจิ่งนองไปด้วยน้ำตากลับมามองมารดาของเขา เอลฟ์น้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเครือ
ลาก่อนท่านแม่
*/*/*/*/*
เหล่าจอมเวทผู้ทรงวัยวุฒิสี่ห้าคนพากันมองร่างของเอลฟ์วัยสามขวบซึ่งยืนเคียงข้างกายของราชินีด้วยสายตาแสดงความดูแคลนออกมาอย่างไม่ปิดบัง จอมเวทผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
พระองค์จะให้พวกข้าสอนเวทให้กับเจ้าเอลฟ์น้อยตนนี้หรือ
ท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว ฟอรัม องค์มีย์อาร์ตอบพลางก้มหน้าและส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้กับฟอร์เซ็ตติ เขายิ้มรับด้วยท่าทางขัดเขินก่อนเลื่อนสายตามองเหล่าจอมเวทที่กำลังยืนรายล้อมโดยรอบด้วยความรู้สึกไม่ไว้วางใจ ฟอรัมเบ้หน้าเล็กน้อย
ข้าไม่แน่ใจว่ามีความสามารถมากพอที่จะสอนเอลฟ์ได้ เขาถลึงตาใส่ฟอร์เซ็ตติ ดังนั้นโปรดทรงให้อภัยด้วยหากเวทของเขาไม่ก้าวหน้ามากไปกว่าอาคมของชาวไร่รอบนอก
แล้วท่านจะแปลกใจ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มีเพียงดวงตาที่ส่องประกายวาววับน่าเกรงขาม ฟอรัมขยับไม้เท้าของเขาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
ถ้าเช่นนั้นพระองค์ประสงค์จะให้เขาเริ่มเรียนเมื่อใด
พรุ่งนี้ องค์มีย์อาร์ตรัสตอบ
*/*/*/*/*
ใครบอกให้เจ้าร่ายเวทบทนี้กัน ฟอร์เซ็ตติ! เสียงฟอรัมดังลั่นออกมาจากห้องดึงความสนใจจากเหล่าจอมเวทที่กำลังเดินผ่านไปมา บางคนถึงกับหัวเราะเสียงดังด้วยความขบขันที่เห็นภาพของเอลฟ์น้อยหน้าตาน่ารักกำลังมีสีหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธจากการถูกตำหนิ
ข้าเรียนคาถาบทนี้มาตลอดทั้งสามอาทิตย์ ฟอร์เซ็ตติเถียง ในขณะที่จอมเวทคนอื่นเรียนเกินกว่าข้าไปตั้งหลายสิบบทแล้ว
เจ้ายังร่ายมนตร์ได้ไม่ดีนัก ฟอรัมตบมือลงบนหนังสือ ข้าจะให้เจ้าท่องมันจนไม่ลืมแม้ยามละเมอ
ข้าจำเวทบทนี้ได้ทั้งหมดตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ท่านสอน เอลฟ์น้อยเถียงอย่างไม่ลดละ ข้าเคยร่ายมันให้ท่านดูตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ได้สนใจเลยสักนิด
แค่ร่ายเวทง่ายๆก็ลำพองใจจนคิดว่าเก่งแล้ว แบบนี้อย่าหวังเลยว่าข้าจะยอมสอนเวทบทอื่นให้กับเจ้า จงท่องบทนั้นต่อไปอีกสักสองอาทิตย์เถอะ ฟอร์เซ็ตติ
ไม่! เอลฟ์น้อยตะโกน พอกันที!ข้าไม่เรียนแล้ว! ข้าจะไปบอกองค์มีย์อาร์ว่าจะกลับป่าแห่งมนตรา
รีบออกไปเสียตั้งแต่วันนี้เลยยิ่งดี! ฟอรัมปิดหนังสือโดยแรง ข้าจะไปทูลบอกถึงความดื้นด้านและโง่เง่าของเจ้าให้องค์ราชินีได้รับฟัง!
*/*/*/*/*/*
องค์ราชินีแห่งมาร์วัลลัสทรงหันพระวรกายที่กำลังทรงมองดูทิวทัศน์ด้านนอกของวังพร้อมกับเลิกคิ้วเมื่อได้ฟังคำของฟอร์เซ็ตติและฟอรัมจบลง พระนางไล่สายตามองคนทั้งสองราวกับกำลังพิจารณาก่อนเอ่ย
เจ้าว่า เจ้าสามารถจำเวทที่ท่านฟอรัมสั่งให้ท่องจนแม่นยำดีแล้วจริงหรือ
ข้าจำได้แม่นตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นมนตราบทนี้ ฟอร์เซ็ตติกล่าวด้วยใบหน้าขึงขังจน องค์มีย์อาร์ทรงแย้มยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูก่อนหันไปทางฟอรัม
ส่วนท่านกล่าวว่าฟอร์เซ็ตติทั้งดื้อด้านและไร้ปัญญาจนเกินกว่าจะเสี้ยมสอน
ข้ากล่าวเช่นนั้นจริง ฟอรัมค้อมกายลงขณะกล่าว ราชินีแห่งมาร์วัลลัสทรงยิ้ม
แสดงให้เราดูหน่อยว่าเจ้าจดจำเวทได้มากน้อยเพียงใด พระองค์ทรงตรัสกับเอลฟ์น้อยด้วยน้ำเสียงปราณี เขาขบกรามตนเองแน่นก่อนหลับตาลงและร่ายเวทออกมา ฟอรัมแสยะยิ้มเหยียดอย่างนึกดูถูกโดยไม่ปิดบัง
เจ้าไม่มีทางร่ายเวทได้แน่หากปราศจากไม้เท้า เจ้าเอลฟ์โอหัง
แสงไฟสว่างวาบขึ้นทันทีที่ความคิดของจอมเวทผู้นั้นสิ้นสุดลง เพลิงสีฟ้าสุกสว่างรูปทรงกลมลอยอยู่เหนืออุ้งมือเล็กๆ ใบหน้าของฟอรัมซีดสลดลงต่างจากฟอร์เซ็ตติซึ่งกำลังยิ้มกว้างขณะจ้องมองดูไฟเวทในมือของตน
ดูเหมือนเอลฟ์น้อยของเราจะเรียนรู้ได้มากกว่าตำราที่ท่านสอนเสียอีกนะ ฟอรัม
องค์มีย์อาร์ทรงตรัสด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม ฟอรัมโค้งกายลงจนต่ำพร้อมกับตอบ
ข้าไม่ทราบว่าเอลฟ์น้อยตนนี้จะมีพลังมากถึงขนาดร่ายเวทได้โดยไม่ต้องอาศัยไม้เท้าช่วย ข้าจะรีบแก้ไขปรับปรุงการสอนให้มากขึ้นกว่าที่เป็นมา
เราคงไม่รบกวนท่านถึงขนาดนั้น ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัส เพราะเราจะให้จอมเวทผู้อื่นเป็นคนสอนมนตราให้กับฟอร์เซ็ตติ
พระองค์จะทรงให้ผู้ใดมาสอนเขาแทนข้า ฟอรัมรีบถามด้วยความรู้สึกตระหนกมากกว่าอยากรู้ องค์มีย์อาร์มองหน้าเขา
นูเอดา
นูเอดา จอมเวทผู้ยะโสเอ่ยทวนด้วยความรู้สึกฉงนใจ แต่เขาเป็นจอมเวทแห่งไฟ เหตุใดถึงได้.....
เพราะฟอร์เซ็ตติเหมาะกับเวทแห่งไฟและแสงสว่างมากที่สุด
*/*/*/*/*/*
นูเอดา จอมเวทหนุ่มผู้มีผมสีแดงเพลิงยืนมองฟอร์เซ็ตติ ศิษย์วัยห้าขวบกำลังยืนหลับตาเพื่อรวบรวมสมาธิในการร่ายเวทแห่งไฟ เขากระตุกยิ้มออกมาเมื่อเห็นเปลวเพลิงสีแดงฉานปะทุกขึ้นกลางอากาศ มันบิดม้วนตัวไปมาราวกับมีชีวิตและสลายไปเกือบจะทันที เอลฟ์น้อยขมวดคิ้วและลืมตาขึ้น
ข้าจะลองเวทเพลิงเบรนเนนดูอีกครั้ง เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจัง นูเอดากดไหล่ฟอร์เซ็ตติและกล่าวเสียงเรียบ
การร่ายเวทแห่งเบรนเนนเลสไม่ใช่สิ่งที่สามารถกระทำได้โดยง่าย เจ้านับเป็นจอมเวทอายุน้อยที่สุดที่สามารถร่ายเวทนี้สำเร็จ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะดึงดันทำให้ได้สมดังใจ
ข้าไม่ได้ดึงดัน เอลฟ์น้อยพูด เพียงแต่ข้าไม่ชอบละทิ้งสิ่งที่กระทำลงกลางคัน
ที่เจ้ามุมานะมิใช่เพียงเพราะความไม่ชอบทำสิ่งใดค้างคาไว้ หากแต่ต้องการเอาชนะสายตาดูแคลนของเหล่าจอมเวทที่คอยจับจ้องมองดูความล้มเหลวของเจ้าเพื่อนำไปเยาะเย้ยถากถางต่างหาก
นูเอดากล่าวพร้อมกับวาดไม้เท้าในมือสร้างลูกไฟกลมโตสว่างเจิดจ้าขึ้นดวงหนึ่ง ฟอร์เซ็ตติมองดูด้วยความสนใจและกระหายที่จะทำให้ได้เหมือนผู้เป็นอาจารย์ จอมเวทผมแดงยิ้ม
ข้าสามารถสร้างกลุ่มเพลิงด้วยเวทแห่งเบรนเนนเลสได้ก็จริง แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับจอมเวทเช่นข้าสามารถทำได้ แต่เจ้า...
เขาจ้องดูศิษย์ตัวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาแน่วนิ่ง
ด้วยพลังที่มีอยู่ในตัวมาตั้งแต่เกิด เจ้าสามารถเรียกแม้กระทั่งเพลิงโลกันต์จากนรก แต่เจ้าจะไม่มีทางทำได้สำเร็จหากหัวใจของเจ้ายังคงมีแต่ความต้องการเอาชนะเพื่ออยู่เหนือคนอื่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดองค์มีย์อาร์จึงระบุให้ข้ามาสอนเวทเพลิงแก่เจ้า ทั้งที่พระองค์ก็ทรงสั่งสอนเจ้าอยู่แล้ว
เพราะพระนางไม่ชำนาญด้านเวทเพลิง ฟอร์เซ็ตติตอบ นูเอดาสั่นหน้า
องค์ราชินีทรงมีพลังเวทเหนือผู้ใดในอาณาจักรมาร์วัลลัส พระนางสามารถเรียกเวทเพลิงทุกบทได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ เพียงแต่พระองค์ไม่ประสงค์ที่จะทำต่างหาก จอมเวทแห่งเพลิงหันไปทางลูกไฟที่เขาสร้างขึ้น จงดูนี่
ท่ามกลางความรู้สึกสงสัยของฟอร์เซ็ตติ นูเอดายื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปในเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วงแดงฉาน ดวงตาของเอลฟ์น้อยถึงกับเบิกกว้างอย่างตระหนก เขาอุทานเรียกชื่อของผู้เป็นอาจารย์พร้อมกับทำท่าคล้ายจะดึงแขนของนูเอดาออกมา แต่จอมเวทแห่งไฟกลับยิ้มพร้อมกับดึงแขนของเขาออกจากกลุ่มเพลิง ฟอร์เซ็ตติรีบคว้าแขนของผู้เป็นอาจารย์มาตรวจด้วยความห่วงใยแต่ก็ต้องรู้สึกพิศวงเมื่อพบว่าไม่มีริ้วรอยแผลใดปรากฏอยู่บนท่อนแขนกำยำข้างนั้น
ไฟมิได้มีไว้เพียงเพื่อการแผดเผาหรือทำลาย นูเอดากล่าวขณะที่ดึงแขนออกจากมือของเอลฟ์ตัวน้อย ในบางครั้งเปลวเพลิงก็สามารถชำระล้างจิตใจและวิญญาณของเราให้สะอาดได้ด้วยเหมือนกัน
ข้าไม่เข้าใจ ฟอร์เซ็ตติพูดด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความงงงัน ไฟก็คือไฟ ไม่ว่าอย่างไรมันก็มีไว้เพื่อเผาสิ่งอื่นให้มอดไหม้พินาศ
ตราบใดที่เจ้ายังคงมีความคิดเช่นนี้ เจ้าก็จะไม่มีวันเรียกเพลิงแห่งเบรนเนนเลสได้ และจะไม่มีทางใช้เวทสูงสุดของเทพผู้เป็นอารักษ์ประจำตัวของเจ้าได้เช่นเดียวกัน
เทพผู้เป็นอารักษ์ประจำตัว เอลฟ์น้อยขมวดคิ้ว ข้ามีเทพประจำตัวด้วยหรือ
ใช่ว่าจอมเวททุกคนจะมีอารักษ์ประจำตน นูเอดากล่าวพร้อมกับเดินตรงกลับไปยังปราสาทขององค์มีย์อาร์ เทพอารักษ์จะปกปักรักษาเฉพาะผู้ที่มีหัวใจสะอาดและบริสุทธิ์เท่านั้น ไม่จำเพาะเจาะจงว่าเขาจะเป็นจอมเวทชั้นใดและหากคนผู้นั้นเป็นผู้ไร้มลทิน เขาสามารถขอยืมพลังแห่งเทพอารักษ์ประจำตนมาใช้ได้ในบางกรณีหรือในคราวที่จำเป็น
แล้วท่านมีอารักษ์ประจำตัวหรือไม่ ฟอร์เซ็ตติถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา นูเอดายิ้มอย่างเศร้าสร้อย
ข้ามี แต่มิอาจเรียกใช้พลังของพระองค์ได้
เพราะเหตุใด
เสียงระบายลมหายใจอันหนักหน่วงจากผู้เป็นอาจารย์ทำให้จอมเวทตัวน้อยรู้ได้ในทันทีว่าเขาจะไม่มีวันได้รู้คำตอบอย่างแน่นอน นูเอดาแหงนหน้าขึ้นมองท้องพระโรงซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของพระราชวัง
องค์มีย์อาร์คงตอบคำถามของเจ้าได้ดีกว่าข้า เขาเลื่อนสายตาลงมามองศิษย์ตัวน้อย เลยยามเที่ยงไปมากแล้ว เจ้าควรรีบขึ้นไปหาพระนางเพื่อร่ำเรียนวิชาของพระองค์ต่อไป
จอมเวทผมสีแดงเพลิงขยับไม้เท้าในมือของเขา ร่างน้อยๆของฟอร์เซ็ตติจึงลอยขึ้นไปยังด้านบนและหายเข้าไปในท้องพระโรง เมื่อเสียงบานประตูปิดลง นูเอดาจึงเดินจากไป
*/*/*/*/*
องค์มีย์อาร์ทรงยืนอยู่ที่หน้าต่างเมื่อตอนที่ฟอร์เซ็ตติก้าวเข้าไป สายพระเนตรของพระนางจ้องแน่วนิ่งไปทางทิศเหนือ ผ่านเลยเทือกเขาสูงไปยังดินแดนรกร้างว่างเปล่า ราชินีแห่ง มาร์วัลลัสทรงะระบายลมหายใจออกมาก่อนหันมาทางจอมเวทน้อยซึ่งกำลังมองพระองค์ด้วยสายตาห่วงใย
ดูเหมือนท่านจะมีเรื่องกังวลยู่ในใจ ฟอร์เซ็ตติพูดพลางขมวดคิ้ว ใครทำให้ท่านไม่สบายใจหรือ
เจ้าจะทำเช่นไรหากเราบอกนามของคนผู้นั้น พระนางทรงตรัสถาม จอมเวทน้อยขบกรามตนเองก่อนตอบ
ข้าจะเผาร่างของมันให้มอดไหม้เป็นจุณ ให้สาสมกับความผิดที่บังอาจทำให้ท่านต้องขุ่นข้องหมองใจ
ถ้าเช่นนั้นเราคงบอกอะไรแก่เจ้าไม่ได้ องค์มีย์อาร์ทรงดำเนินไปนั่งบนบัลลังก์ทอง ฟอร์เซ็ตติมีสีหน้าบูดบึ้งขึ้นมาในทันที ราชินีแห่งมาร์วัลลัสจึงเอียงพระพักตร์และตรัส
ดูเหมือนเจ้าเองก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน
ข้าเพียงแค่รู้สึกหงุดหงิดใจเท่านั้น เอลฟ์น้อยตอบก่อนพ่นลมหายใจออกโดยแรง องค์มีย์อาร์ทรงยิ้มราวกับรู้ทัน
นูเอดาคงขัดใจเจ้า พระนางตรัสขึ้น เขาไม่ยอมสอนเวทบทใดให้กับเจ้าหรือ
ท่านอาจารย์ไม่เคยปฏิเสธเวทที่ข้าต้องการจะรู้ นอกจากเบรนเนน เวทเพลิงโลกันต์
แล้วเขาให้เหตุผลแก่เจ้าว่าอย่างไร
ท่านอาจารย์บอกว่าใจข้ายังมืดมนและไร้ความสะอาด ฟอร์เซ็ตติมองหน้าองค์มีย์อาร์และถาม ข้าไม่เข้าใจคำพูดของท่านนูเอดาว่าเหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น
คำตอบของเราอยู่ในคำพูดของเจ้าเมื่อครู่นี้ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตอบ จอมเวทน้อยขมวดคิ้วแน่นขณะครุ่นคิด
คำตอบอยู่ในคำพูดของข้า เมื่อครู่ข้าพูดอะไรออกไปบ้าง
จอมเวทที่ดีย่อมไม่ลืมคำพูดของตนเอง องค์มีย์อาร์เปรยขึ้น เจ้าจะมีหัวใจไม่ต่างไปจากเหล่าจอมเวทที่คอยดูถูกเหยียดหยามเจ้าหากไม่รู้จักจดจำในสิ่งที่ตัวเองพูดหรือกระทำลงไป
ข้าบอกว่าจะเผาผู้ที่ทำให้ท่านต้องขุ่นใจ ฟอร์เซ็ตติกล่าวเสียงเบา ราชินีแห่งมาร์วัลลัสยิ้ม
ดีจริงที่เจ้าจำคำของตนได้ สีพระพักตร์อันอ่อนโยนเคร่งขรึมขึ้น เจ้ายังจำเรื่องราวของบิดาที่เราเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนได้หรือไม่ ฟอร์เซ็ตติ
ข้าจำได้ไม่มีวันลืม เอลฟ์น้อยตอบ ท่านบอกว่าหัวใจของบิดามีแต่ความมืดดำและเคียดแค้นชิงชังอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเทียบเท่า
หัวใจของเจ้าก็กำลังจะเป็นเช่นนั้น องค์มีย์อาร์ตรัสต่อ เพียงแค่ความคิดที่ว่าจะทำร้ายผู้อื่นแม้เพียงปลายก้อยก็สามารถสร้างความดำมืดให้บังเกิดขึ้นในจิตใจได้ และเมื่อใดที่มันสามารถครองใจเจ้า เมื่อนั้นเจ้าก็จะกลายไปเป็นอสูรร้ายที่รู้จักแต่การทำลายล้าง ฆ่าได้แม้แต่ผู้ที่เจ้ารักและคนที่รักเจ้า เจ้าอยากจะเป็นเช่นนั้นหรือ
ไม่ ฟอร์เซ็ตติตอบสั้นๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายออก ข้าไม่อยากกลายเป็นอสุรกายร้าย ข้าอยากจะเป็นจอมเวทที่ดีเหมือนท่านและอาจารย์ของข้า
ความดีเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก บางครั้งเราต้องผ่านการทดสอบอันหนักหนาสาหัสเพื่อพิสูจน์หัวใจว่าแน่วแน่และมั่นคงหรือไม่ แต่เมื่อเจ้าทำมันสำเร็จแล้ว จะไม่มีสิ่งใดลบล้างความดีของเจ้าให้หมดไป นอกจากตัวของเจ้าเอง
ข้าเข้าใจแล้ว ฟอร์เซ็ตติกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างน่ารัก ข้าจะไม่ยอมให้หัวใจตกอยู่ภายใต้ความมืดดำเหมือนท่านพ่อหรือเจ้าพวกจอมเวทหัวเก่านั่นเป็นอันขาด
ดีมาก องค์มีย์อาร์ทรงลูบเรือนผมสีเงินของเอลฟ์น้อยด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู จงจำไว้ว่าเจ้ามีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่รออยู่ในภายภาคหน้า ตั้งใจศึกษาเวททุกสาขาให้ดี ใช้มนตราทุกบทด้วยความรอบคอบ ช่วงชีวิตของเจ้ายืนยาวกว่าเหล่าจอมเวททั้งหลายในมาร์วัลลัสดังนั้นจงใช้เวลาทั้งหมดเรียนรู้ทุกสิ่งในพื้นปฐพีอย่าได้ย่อท้อต่ออุปสรรคใด
ข้าจะจำคำสอนของท่านตลอดไป จอมเวทน้อยมองพระพักตร์องค์มีย์อาร์ด้วยความรู้สึกเคารพรักในตัวของพระนางอย่างที่สุด ราชินีแห่งมาร์วัลลัสทรงยิ้ม
ดูเหมือนเจ้าจะมีคำถามที่ไม่กล้าเอ่ย
อาจารย์ของข้าพูดถึงเทพอารักษ์ ฟอร์เซ็ตติมีท่าทางลังเลใจเล็กน้อยก่อนพูดต่อ เขาบอกว่าข้าสามารถใช้พลังของพระองค์ได้
เจ้าไม่อาจใช้พลังของเทพได้ ฟอร์เซ็ตติ แต่เจ้าสามารถยืมพลังของพระองค์ผ่านร่างของตนโดยอาศัยเวทเป็นสื่อ
ข้าไม่เข้าใจ จอมเวทน้อยทำสีหน้ายุ่งราวกำลังครุ่นคิดตาม ข้าใช้อำนาจของเทพไม่ได้แต่กลับขอยืมพลังของพระองค์ได้ มันแตกต่างกันตรงไหน
พลังของเหล่าเทพนั้นมหาศาลนัก กายของเจ้าหรือเหล่าจอมเวทไม่อาจทานรับอำนาจโดยตรงของพระองค์ได้ แต่เจ้าสามารถเอ่ยนามของพระองค์เพื่อขอยืมพลังโดยอาศัยคำศักดิ์สิทธิ์เข้าช่วย และสร้างสมาธิอันเข้มแข็งให้บังเกิดขึ้นเพื่อรองรับอำนาจจากพระองค์โดยใช้พลังกายของตนแลกเปลี่ยนพลังเทพที่ถ่ายทอดผ่านเข้ามายังร่างของเจ้าก่อนปล่อยออกไป
ฟังดูไม่น่าจะยาก ฟอร์เซ็ตติกอดอกและทำท่าคิด องค์มีย์อาร์ทรงเลิกคิ้วราวกับขบขันในท่าทางของเขา
ในความเป็นจริงแล้วมันยากมาก เจ้าอาจจะทำได้หรือทำไม่ได้เลยชั่วชีวิต
ข้าอยากลอง ฟอร์เซ็ตติลดแขนทั้งสองข้างลง ท่านอาจารย์คงสอนข้าได้
เขาไม่สามารถสอนเจ้าได้ ราชินีทรงเอ่ยขัดขึ้น ในนครแห่งนี้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถอัญเชิญพลังของเทพผ่านกายของตนได้
จอมเวทน้อยมององค์มีย์อาร์แน่วนิ่งด้วยเข้าใจในความหมายของพระนาง เขาจึงค้อมกายลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
โปรดเมตตาสอนวิธีอัญเชิญพลังเทพให้แก่ข้าด้วย
เราเมตตาต่อเจ้าเสมอ ฟอร์เซ็ตติ
*/*/*/*/*/*
แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 09:24:18
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ค. 54 09:23:02
|
|
|
|