บรรพที่ 9
ถนนดาลิสนั้นเป็นถนนท่องเที่ยวมีชื่อของกรุงกีลาล มากมายไปด้วยร้านค้าน่ารัก
ที่จัดรูปแบบคลาสสิกเก่าแก่คงศิลปะดั้งเดิมไว้ และผสมสานเข้ากับความสมัยใหม่
อย่างกลมกลืน นอกจากร้านค้าแล้วยังมีร้านกาแฟ น้ำชา รวมไปถึงร้านอาหารเก๋ๆ
อีกหลายร้าน แต่ข้อเสียก็คือทุกร้านตั้งอยู่บนเส้นทางไหล่เขา การจะจอดรถจึงจำเป็น
ต้องไปจอดในจุดที่กำหนดให้เท่านั้น แล้วเดินเท้าไปจนดาลิสกลายเป็นถนนคนเดิน
ไปในที่สุด
แล้วยิ่งเส้นทางคล้ายซอกซอยแตกเป็นดาลิสสายที่หนึ่งไปจนถึงห้าตามผังเมือง
ที่วางไว้อย่างลงตัว ทำให้ดาลิสกลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม แต่ก็ใช่ว่าจะมีการปิดถนน
รถห้ามผ่านไปเสียทีเดียว หากรถส่วนใหญ่มักจะตัดทางตรงไปที่ถนนดาลิสเส้นสุดท้าย
ที่อยู่นอกสุดที่ขนาบกับติรามากกว่า ถนนเส้นที่อยู่ในเขตวัสสา เพราะถนนคาคร่ำไปด้วย
ผู้คนทำให้รถผ่านได้ช้าๆ เท่านั้น
ดังนั้นคนที่จะเดินทางมาช็อปปิ้งหรือรับประทานอาหารบนถนนดาลิส มักจะเดินทาง
ด้วยรถประจำทาง หรือรถรางเคเบิ้ลที่วิ่งระหว่างติรากับสารินมาสิ้นสุดที่ดาลิส แต่ยังมี
พาหนะอีกชนิดนั่นคือรถม้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำกรุงกีลาลเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวเอง
ก็อดที่จะนั่งรถม้าชมเมืองไม่ได้ แม้ว่ารถม้านั้นจะกำจัดระยะทางแค่เขตสารินถึงถนนดาลิส
เท่านั้นก็ตาม เมื่อเป็นที่นิยมรถม้าที่มีมาแต่กาลก่อน จึงถูกอนุรักษ์ไว้ใช้งานท่ามกลาง
วัฒนธรรมที่เจริญขึ้นทุกวันแข่งกับกระแสโลก
ภามินก็เช่นกันเมื่อไม่ได้มาอย่างเป็นทางการชนิดต้องคำนึงถึงนามสกุลที่แบกอยู่ ชายหนุ่มก็
ทำอย่างที่ใครๆ ทำกัน นั่นคือเดินออกจากบ้านไปที่ป้ายรถประจำทาง แล้วนั่งมาถึงดาลิส
จากนั้นจึงลงเดินมายังร้านอาหารที่นัดหมายกับเพื่อนๆ เอาไว้ ไม่นานนักก็มาถึง กลุ่มชายหนุ่ม
ที่นั่งกันอยู่โต๊ะมุมในรีบลุกขึ้นยืนพลางกวักมือเรียก เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของเขาเดินเข้ามา
ในร้านอาหาร ภามินส่งยิ้มกลับแล้วรุดไปสมทบยังโต๊ะนั้น
ทางนี้ๆ มาช้าจริงแกโหนรถเมล์มาหรือไง? คนมาก่อนประชดแต่คนถูกถามถาม
กลับพยักหน้าหงึ่ก ทำเอาเพื่อนๆ ทั้งสามคนพากันนิ่งแล้วจ้องหน้าภามิน
ทำไมเหรอ?
อย่าบอกนะว่าแกนั่งรถเมล์มาจริงๆ
อือ
เฮ้ย!! นี่แกจำได้หรือเปล่าว่าแกนามสกุลอะไร? มาทำตัวเป็นยาจกไปได้
เพื่อนฝูงทำตาโตกันเป็นแถบ ยกเว้นแต่หนุ่มผมสีเข้มจนเกือบดำอย่างชานน ชาลากันต์
ที่ไม่แปลกใจกับคำตอบนี้ ทั้งยังมีสีหน้าบอกว่าปลงไปเรียบร้อยแล้วเสียด้วยซ้ำ สำหรับ
เขาแล้วภามินจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเพื่อน ไม่เห็นเกี่ยวกับนามสกุลอันใหญ่โตนั้นเลย
ว่าแล้วจึงออกตัวแก้ต่างให้แทน
ขับรถมาแถวนี้หาที่จอดยากจะตาย เต็มประจำล่ะ แล้วยังไงก็ต้องเดินมานี่อยู่ดี อีกอย่าง
รถเมล์ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่มาทุก 5 นาที แป๊บเดียวก็ถึงไม่เคยเห็นมีคันไหนต้องโหน
เหมือนแกว่าสักหน่อย
รถประจำทางของวิปุลานั้นมีกฎว่าหากที่นั่งผู้โดยสารเต็มแล้ว รถจะไม่จอดรับให้รอคันถัดไป
ที่จะมาในอีกห้านาทีข้างหน้า เพราะเป็นรถวิ่งแค่ระยะสั้นๆ ในเมือง จึงไม่มีปัญหารถ
ขาดตอนอีกด้วย
อีกอย่างค่ารถแค่ 3 เชเคน ถูกกว่าค่าที่จอดเสียอีก เพราะงี้ใช่ไหมแกเลยนั่งรถเมล์มา
ชานนวิเคราะห์ให้เสร็จสรรพ หาไม่แล้วอาจจะต้องเล่นเกมถามตอบกับภามินอีกไม่ต่ำกว่า
ครึ่งชั่วโมงแน่ ด้วยความที่รู้ซึ้งกับเพื่อนคนนี้เป็นอย่างดีเขาจึงตอบเองตัดปัญหาเสีย
ใช่..แต่ค่ารถขึ้นเป็น 5 เชเคนแล้วล่ะ ชานน...นายไม่ได้ขึ้นรถเมล์มานานเท่าไรแล้วล่ะ?
คนรูปงามยิ้มขำ
3 เชเคนนั่นมัน...สมัยเราเรียนมัธยมมั้ง บ้านก็อยู่แค่นี้ทำไมไม่นั่งรถเมล์มาล่ะ ที่จอดแถวนี้
ไม่ค่อยจะมีไม่ใช่เหรอ? ยิ่งพูดนัยน์ตาคู่นั้นยิ่งยิ้มยั่ว
ฉันไม่น่าช่วยแกเลยว่ะ คนถูกแหย่สะบัดหน้าไปอีกทางทันที ทำเอาคนที่เหลือหัวเราะ
กับท่าทางของชานน
ว่าแต่..ไอ้รูปหล่อ ไหงอยู่ๆ กลับมาล่ะ? เรียนจบแล้วเหรอ? แต่ละคนผลัดกันทักทายเขา
เป็นการใหญ่
เปล่า...เบื่อน่ะ หนุ่มตระกูลชลันธีร์ตอบสองคำถามรวบมาไว้ในประโยคเดียว ใช่ว่า
ทุกคนจะเข้าใจแต่คำถามนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก จึงถูกปัดทิ้งเปิดทาง
ให้คำถามใหม่เข้ามาแทน
แล้วได้ข่าวว่าไปดูตัวมากับสาวตระกูลอะไรนะ? เพื่อนชื่อธานัชพุ่งเข้าสู่เรื่องที่
อยากถามมาแต่แรก
ไคริกา เพื่อนอีกคนแย่งตอบ ทำเอาเจ้าของเรื่องลอบมอง ท่าทางเรื่องของเขาจะกระจาย
ไปทั่วเมืองแล้วสินะนี่ แต่ละคนดูท่าทางรู้ดีกว่าเจ้าของเรื่องกันหมด แล้วจะมาถามกัน
ทำไมอีกล่ะนี่ ว่าแล้วภามินก็หมดอารมณ์สนทนาไปเสียเฉยๆ
เป็นยังไง? ชอบไหม? เพื่อนชื่อวิดรณ์ถามแทรกขึ้นมา
ไม่รู้ไม่ได้เจอ... ภามินตอบสั้นๆ เช่นเคย ด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนได้พลาดดูละครยอดฮิต
ไปสักตอนหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่กลุ่มคนอยากรู้อยากเห็นพากันขมวดคิ้ว
อ้าว? ไหงงั้นวะ? ทำไมไม่ได้เจอล่ะ? หล่อนเบี้ยวเหรอ? หรือว่าแกไม่ได้ไป คำถามต่างๆ นานา
ประดังมา แต่คนถูกถามตอบเพียงแค่
ไม่รู้ คำตอบนี้ทำเอาเพื่อนทั้งกลุ่มพากันถอนหายใจดังเฮือก แล้วส่ายหน้าหนี แม้แต่ชานน
ที่ทำใจไปเรียบร้อยแล้วก็ยังอดกลุ้มไม่ได้
จะจบด็อกเตอร์อีกไม่กี่ปีอยู่แล้วนะเว้ย นี่แกยังพูดภาษาคนให้คนรู้เรื่องไม่ได้เรอะ!!
ก็เธอไม่มานี่ ทำไมก็ไม่รู้
เออ! ก็แค่นั้นแหละ ที่พวกเราถาม เฮ้อ!! ทั้งสามเสียงดังประสาน ด้วยอาการโล่งอก
หากข้องใจสักที
======================================
ได้รับแจ้งจากเพื่อนนักอ่านมาว่า คคห.1 หายไป
คาดว่าน่าจะมีคำต้องห้าม จึงถูกลบทิ้งโดยอัตโนมัติค่ะ
ดังนั้น อ่านพารากราฟนี้จบแล้ว รบกวนเลื่อนลงไปอ่านที่
คคห.10-14 นะคะ แล้วจึงค่อยย้อนกลับอ่านที่ คคห.2 ค่ะ
ขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ =_=" 
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 01:03:07
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 00:29:11