Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 14 : ห่วง ติดต่อทีมงาน

อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 14 ห่วง

เรื่องเล่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเขียนดีหรือไม่ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบสองปีแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

...มันอาจจะเป็นเพียงความห่วงหา ความคิดถึง ก็เป็นได้...

เหตุการณ์แปลกๆ ในครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมอยากเจอตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ผมต้องเผชิญกับสิ่งที่อธิบายไม่ได้เหล่านี้

..............................................................

กว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้หญิงที่ผมและทุกคนในครอบครัวรักมากที่สุดจากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากจัดการกับทุกเรื่องแล้วพวกเราทุกคนก็กลับมาเริ่มต้นสู้ชีวิตกันใหม่อีกครั้ง

ทว่าเหตุการณ์แรกเกิดในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังพิธีทางศาสนานั่นเอง

ด้วยจิตใจที่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าปกติ ทำให้เย็นวันหนึ่งผมแวะดื่มกับเพื่อนร่วมงานที่ร้านข้างทางจนกระทั่งเวลาล่วงเลยจากเวลากลับบ้านปกติมาพอสมควร

หลังดูนาฬิกาแล้วพวกเราต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

...ในวันนั้น...

รถประจำทางสายเดิมที่นั่งโดยสารเป็นประจำมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น

กลิ่นธูปฟุ้งอบอวลอยู่ในรถตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในนั้น ในขณะที่รถแล่นไปเรื่อยๆ ผมก็พยายามพิสูจน์กลิ่นอยู่นานจนในที่สุดก็มั่นใจว่ากลิ่นลอยอยู่ในรถอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่คิดผิดอยู่อย่างหนึ่งก็คือกลิ่นนั้นอาจจะไม่ได้ลอยอบอวลอยู่ในรถ หากแต่อาจจะอบอวลอยู่รอบตัวผมเท่านั้น

เมื่อผมลงจากรถโดยสารและเดินเท้าต่อไปเพื่อนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเข้าหมู่บ้าน ผมยังคงได้กลิ่นนั้นอยู่จนกระทั่งนั่งมาถึงหน้ารั้วบ้านของผมนั่งเอง

“อาม้าเค้าคงเป็นห่วงน่ะ เลยมาส่ง”

เป็นคำตอบที่ทุกคนที่ได้ฟังต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

..............................................................

“ฝันถึงแม่เอ็งบ้างรึเปล่า”

หลังเหตุการณ์แรกไม่นาน จู่ๆ พ่อผมก็ถามขึ้นมาเสียเฉยๆ ฟังแล้วอดแปลกใจไม่ได้ผมเลยถามกลับ

“ทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า ป๊าฝันถึงม้าเหรอ”

“เปล่า ก็ตั้งแต่เค้าเสีย ไม่เห็นเค้ามาเข้าฝันใครเลย”

ท่านคงสงสัยอย่างนั้นจริงๆ เพราะตามความเชื่อของเราๆ เมื่อมีคนเสียชีวิตก็มักจะมีคนฝันถึง หรือที่บางคนบอกว่ามีการเข้าฝัน

“ก็มีฝันถึงน่ะ หลายวันแล้ว แต่ไม่ค่อยอยากเล่า”

ผมบอกไปอย่างที่คิด เนื่องจากเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์อันน่าเสียใจมา

“ฝันว่ายังไงมั่งล่ะ”

ผมเล่าให้ฟังหลังจากที่ท่านเอ่ยถาม

ในความฝันอันเด่นชัด อาม้านอนอยู่บนเตียงในห้องไอซียูโดยมีผมนั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าซีดเซียวนั้นติดตรึงอยู่ในความทรงจำเป็นอย่างดี

“เอ็งรู้มั้ยว่า ตอนพวกเอ็งมาเยี่ยมกันน่ะ อาม้ารู้ตัวตลอดแหละ”

จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมา

“พวกเอ็งพูดอะไรกัน ทำอะไรกัน อาม้ารู้หมด แต่อาม้าแค่ขยับตัวไม่ได้เท่านั้นเอง อยากจะพูดด้วยก็ทำไม่ได้ อยากจะโต้ตอบก็ทำไม่ได้”

ผมเอื้อมมือไปจับแขนท่าน น้ำตาเริ่มซึมออกมา

“รู้มั้ยว่าตอนอยู่บนเตียง อาม้าทรมานมาก”

ท่านพูดต่อ ผมน้ำตาไหล บีบมือท่านแน่นขึ้น

“ให้อาม้าไปน่ะดีแล้วล่ะ เอ็งไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอก”

หลังจบประโยคผมก็ลืมตาตื่นด้วยจิตใจวูบไหวอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ตอนฝันผมรู้ด้วยซ้ำว่านั่นเป็นความฝัน แต่มันก็เหมือนจริงมากจนทำให้ผมเก็บทุกรายละเอียดได้มาจนทุกวันนี้

“ดีแล้วล่ะ เค้าคงเป็นห่วงเอ็ง”

พ่อบอกผมหลังจากฟังที่ผมเล่าจนจบ

ในช่วงเวลาหลังจากนั้น ทุกคนในครอบครัวมักพูดให้ผมฟังว่าได้กลิ่นเหมือนกลิ่นในโรงพยาบาลอบอวลอยู่บริเวณหน้าห้องนอนของผม

จะมีก็แต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้กลิ่นผิดปกติอะไรเลยแม้แต่น้อย

..............................................................

ประมาณหกสัปดาห์หลังจากนั้น หรือราวๆ สามเดือนหลังจากที่อาม้าจากพวกเราไป ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้าซึ่งเร็วกว่าเวลาปกติที่ผมต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน

หลังจากที่หยิบนาฬิกาขึ้นมาดู ผมก็หลับตาลงอีกครั้ง ฉับพลันภาพก็ไหลย้อนกลับไปยังบ้านหลังเก่าที่พวกเราเคยอยู่อาศัยมานาน

ภาพฝันมีอาม้า อาป๊า และผมอยู่ในนั้น เราทั้งสามยืนอยู่ในบริเวณที่ถูกจัดไว้เป็นครัว

“กินนี่สิ แล้วก็มีนี่ด้วย”

เสียงอาม้าคะยั้นคะยอให้ผมกินนั่นกินนี่ตามนิสัยประจำตัวของท่าน ผมสังเกตเห็นว่าท่านเดินได้คล่องขึ้นกว่าช่วงที่ท่านยังมีชีวิตมาก แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าท่านยังไม่หายจากอาการอัมพฤกษ์

เหมือนกับว่ากำลังจะหายจากโรคที่เป็นอยู่ แต่ยังไม่หายสนิทดี

“อ้าว ม้าหายแล้วเหรอ จะกลับมาอยู่ด้วยกันแล้วใช่ป่ะ”

ผมถามไปด้วยความดีใจ

แต่เพียงสิ้นคำถามเท่านั้น บรรยากาศที่ดูครึกครื้นเมื่อสักครู่กลับเงียบลงอย่างน่าใจหาย ท่านดูสงบลงจนน่าประหลาด

“เปล่าหรอก แม่เอ็งเค้ารู้ตัวแล้ว”

อาป๊าซึ่งอยู่ด้วยพูดออกมา ผมเริ่มงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนจะมองไปยังอาม้า

“อาม้ามาลา อาม้าจะไปเกิดแล้ว”

ท่านบอกกับผมอย่างนั้น

“อาม้าน่ะไม่มีห่วงอะไรแล้วล่ะ เหลือแต่พวกลื้อนั่นล่ะที่ยังมีห่วงอยู่”

สิ้นเสียงสุดท้ายนั้น ผมลืมตาตื่น น้ำตาไหล นาฬิกาบอกเวลาหกโมงสามนาที

และนั่นเองอาจจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยและได้ฝันถึงท่าน มันเป็นคำพูดที่ติดตราตรึงใจผมมาจนทุกวันนี้ กับเรื่องราวความฝันที่เหมือนจริงมากจนน่าประหลาดใจ

“อาม้าน่ะไม่มีห่วงอะไรแล้วล่ะ เหลือแต่พวกลื้อนั่นล่ะที่ยังมีห่วงอยู่”

พวกเรารู้ดีว่าท่านต้องไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าเมื่อโอกาสมาถึงเราก็จะได้พบกันอีกไม่วันใดก็วันหนึ่ง

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 22:46:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com