บทที่ 17 : คำเตือนจากมารร้าย
บัดนี้ประกายแก้วและยมทูตนำทางได้ยืนอยู่ต่อหน้าประตูเหล็กกล้าอันแข็งแกร่ง เด็กสาวไม่อยากคิดสภาพความโหดร้ายทารุณ รวมถึงเสียงคร่ำครวญที่คงเลื่อนลั่นไปทั่วขุมนรกอันเกิดจากการลงทัณฑ์อันโหดร้ายและน่าพรั่นพรึง .. ทว่าเพียงพอสาสมต่อการกระทำของวิญญาณชั่วที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์
ประตูสู่แดนอเวจีเปิดออกกว้าง ยมทูตชุดดำก้าวนำไปก่อนเช่นทุกครั้ง เด็กสาวเดินตามเข้าไปอย่างหวาดๆ ทว่าเมื่อย่างพ้นขอบเขตธรณีประตูเข้าไปแล้ว บรรยากาศกลับผิดแผกแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้มากมายนัก ที่นี่ไม่มีเสียงโหยหวนครวญคร่ำ !? ไม่ปรากฏสัตว์นรกตัวไหนวิ่งหนีการลงโทษทัณฑ์ ไม่มีสัตว์นรกพลัดตกหกล้ม เหยียบย่ำล้มตาย
มันคือนรกแห่งความเงียบ ! อเวจีแห่งความทารุณที่ร้ายกาจลึกล้ำ รุนแรงที่สุดในแปดมหานรก ประกายแก้วมองเห็นสัตว์นรกทุกร่างไม่อาจขยับเขยื้อนกายหลบหลีกเพื่อหลุดรอดพ้นจากการทรมานได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะร่างของสัตว์นรกทุกตนถูกเสียบติดกับเสาเหล็ก ! เสาโลหะสูงยาวที่ยึดแน่นกับพื้นดิน ปลายแหลมของมันเสียบร่างสัตว์นรกตั้งแต่ทวารทะลุออกยังปาก !
ยิ่งกว่านั้นที่ยืนเรียงรายโดยรอบสัตว์นรกแต่ละเสาก็คือนายนิรยบาลผู้คุมอเวจี ผู้ลงทัณฑ์ต่างพากันใช้หอกดาบเข้ารุมฟัน รุมแทง ทำร้ายจนกว่าสัตว์นรกตนนั้นจะตาย ... และแน่นอนว่าเมื่อสิ้นชีพลงคราใด วิญญาณก็จะพลันหวนกลับมาเกิดใหม่ยังขุมนรกเดิม ... วนเวียนไปเช่นนั้นจนกว่าเวรกรรมจะจบสิ้น
“ อเวจีมหานรกนี้มีไว้สำหรับผู้ที่ทำบาปหนัก 5 ประการ ซึ่งเรียกว่า อนันตริยกรรม ” “ ได้แก่ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุแยงให้พระสงฆ์องค์เจ้าแตกแยกกัน และข้อสุดท้ายคือการทำให้พระพุทธเจ้าได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย ... คนชั่วที่ตกอเวจีมหานรกนี้จักต้องชดใช้บาปยาวนานถึงหนึ่งอันตรกัป ” ชุดดำไว้หนวดอธิบาย
“ ทำให้พระพุทธเจ้าบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย ? หมายถึงอะไรคะ ? ” เด็กสาวถาม “ เช่นเมื่อครั้งอดีตกาล พระเทวทัตคิดวางแผนทำร้ายพระพุทธองค์ แผนการนั้นยังผลให้พุทธองค์ทรงบาดเจ็บห้อพระโลหิต ด้วยกรรมบันดาลนั้นจึงทำให้พระเทวทัตต้องมาเกิดยังนรกอเวจีแห่งนี้ และจะต้องชดใช้หนี้กรรมอย่างไม่มีวันดับสูญ
ประกายแก้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ เด็กสาวดูรอบๆอีกประเดี๋ยวก่อนที่จะรู้สึกมึนๆที่ศีรษะ “ เอาล่ะ เด็กน้อย บัดนี้ถึงเวลาอันสมควรที่จะกลับยังโลกมนุษย์ อีกทั้งเจ้าได้เยี่ยมชมมหานรกทั้งแปดขุมเรียบร้อย เดี๋ยวเราจะไปส่งเจ้าที่โลกมนุษย์ ” ชุดดำบอก “ ค่ะ ... ว่าแต่ยังไม่เห็นต้นงิ้วเลยนี่คะ ” แก้วก็ยังไม่วายตั้งคำถาม
“ สิ่งที่มนุษย์ขนานนามว่า ‘ ต้นงิ้ว ’ นั้นอยู่ใน ‘ สิมพลีนรก ’ อันเป็นนรกขุมเล็กที่อยู่รอบนอกมหานรกทั้งแปด คงต้องเป็นคราวหน้าหากต้องการชม สำหรับคราวนี้คงเยี่ยมชมไม่ทันแล้ว ” “ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งค่ะ ” แก้วยกมือไหว้ยมทูตนำทางที่ตอนนี้แม้เธอจะยังกลัวๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเหมือนที่เห็นในครั้งแรกๆ
ยมทูตชุดดำยิ้มเล็กน้อย หนวดดำเหนือริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงทำให้แก้วลดความหวาดกลัวลงบ้าง ชายชุดดำนำทางล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะหยิบเหรียญตราเล็กๆออกมาเหรียญหนึ่ง มันเรียบและมันปลาบ ทั้งยังมีสีดำสนิท เขามอบมันไว้กับมือของเด็กสาว “ รับไว้ นายท่านสั่งให้เก็บมันไว้ไม่ห่างกาย ” แก้วรับมาพร้อมพิจารณาเหรียญสีดำในฝ่ามือ มันเป็นเหรียญเรียบๆ ไม่มีลวดลาย ไม่มีกระทั่งตราหรือยี่ห้อใดๆทั้งสิ้น “ ขอบคุณค่ะ ” แก้วยกมือไหว้ “ เก็บไว้อย่าให้หาย ขอให้โชคดีและลาก่อน ” เป็นประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่สติของประกายแก้วจะพร่าเบลอมากขึ้นๆ ... จนกระทั่งสุดท้ายจึงดับวูบสนิท ... ...
ประกายแก้ว สกุลสุวรรณลืมตาขึ้นช้าๆ เสียงติ๊กต่อกเบาๆจากนาฬิกาแขวนผนังรวมถึงความนุ่มของเบาะเตียงนอนที่คุ้นเคยทำให้เด็กสาวรับรู้ว่าเธอกลับมาสู่ห้องนอน สู่โลกมนุษย์แล้ว สาวน้อยถอนใจยาว ประสบการณ์ผ่านนรกช่างน่าพรั่นพรึง ทว่าความโหดร้ายน่ากลัวนั้นกลับเตือนสติ ให้คำสอนและข้อคิดเป็นอย่างดี ลึกๆแล้วแก้วรู้สึกเสียดายอยู่ครามครัน ประสบการณ์ที่มีค่าดุจทองคำที่ได้พานพบกลับไม่อาจนำมาเล่าให้ใครฟังได้ เพราะหากพูดไปโดยไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วล่ะก็ เธอคงถูกหาว่าเพี้ยนแน่ๆ
คนที่พอจะเล่าให้ฟังได้ก็เห็นจะมีแต่ ยายมิ้นท์ – ศศิรัตน์ เพื่อนรักเท่านั้น ... ดีล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไปถึงโรงเรียนเมื่อไร เธอจะรีบแจ้นไปเล่าให้ฟังทันทีเลย คิดได้เพียงเท่านั้นความง่วงเหงาแห่งนิทรารมณ์จึงค่อยๆก่อตัว มากขึ้น กระทั่งในที่สุดเปลือกตาของแก้วจึงได้ปิดลงสนิท
เด็กสาวผู้มีเนตรเห็นวิญญาณหลับไปแล้ว เธอมัวตื่นเต้นกับเหตุการณ์ผ่านนรกมากเกินไป มิฉะนั้นคงไม่พลาดที่จะรับรู้บรรยากาศเงียบงันรอบกายหรอก ... โดยเฉพาะตรงหน้าต่างกระจกด้านผนังปลายเท้าของเตียงนอนนั่น ข้างนอกหน้าต่าง ... บัดนี้ปรากฏอาคันตุกะยามวิกาล !
มันคือเด็กน้อยผมจุกที่แต่งชุดโจงกระเบน !? ใช่ ! มันคือกุมารทองที่ตามติดหมอผีชุดขาวอยู่เสมอ ทั้งที่รถหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งที่สนามบิน ทว่าที่แตกต่างก็คือ บัดนี้กุมารทองหาได้มีนวลหน้าน่ารักน่าชังเฉกเช่นเด็กน้อยวัยละอ่อนอีกต่อไป
ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวและเกรี้ยวกราด ! แววตาคมกริบอันเปี่ยมประสงค์ร้ายจ้องจับเขม็งที่ร่างของเด็กสาวในห้องนอน มันกำลังคิดแผนการบางอย่าง ? ... แน่นอนไม่น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับแก้ว “ ข้าเข้าบ้านมันไม่ได้ ! แต่พรุ่งนี้มันต้องเจอกับข้า ฮิๆๆๆๆๆ ! ” เสียงหัวเราะกังวานก้องก่อนที่กุมารปิศาจจะเร้นกายเข้าสู่เงามืดของร่มไม้ในสวนข้างหน้าต่าง ...
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
12 พ.ค. 54 11:37:07
|
|
|
|