Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 14 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10530478/W10530478.html

บทที่ 14

'คุณยายหรือ' ปุราณอุทานตระหนกนิดๆ พลางเลิกคิ้ว รีบเหลียวไปมองตรงมุมที่สาวแม่บ้านย้ายตาไปจับอย่างตกตะลึง พร้อมกับร้องอุทานอย่างตื่นเต้นเมื่อวินาทีก่อน

เขาเลียปากเบาๆ ไม่แน่ใจว่า จะมีร่างใดปรากฏอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า เขาเคยเห็นแต่ร่างโปร่งเบาขาวนวลของสรัล แต่รับรองว่า ภรรยาไม่มีทางเข้ามาปรากฏซุกซนในห้องพระเป็นแน่ หล่อนทำไม่ได้หรอก แล้วหล่อนเองก็เคยบอกอย่างนั้น

"ดวงวิญญาณของสรัลยังไม่มีพลังมากพอหรอกค่ะ แค่ว่าปูมองเห็นบ้างอย่างเลือนรางอย่างนี้ สรัลก็พอใจแล้ว"

"แต่มันก็คงต้องแลกกับพลังที่คุณต้องเค้นมันออกมา หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ดวงวิญญาณก็อาจแตกสลายได้ แล้วทีนี้ คุณจะเป็นยังไงครับ"

"จะเป็นยังไงก็ช่างเถอะค่ะ มันเป็นเรื่องของวันข้างหน้า เราอย่าไปกังวลถึงเลยค่ะ รับรู้แค่ปัจจุบันกับ ณ เวลานี้ก็พอแล้ว"

"แต่ผมเป็นห่วง ผมไม่ต้องการสูญเสียคุณไป เพราะความรักที่เห็นแก่ตัวของผมเอง"

"ไม่หรอกค่ะ ปูไม่ได้เห็นแก่ตัว เรารักกันมากต่างหาก เพราะความรักของเรา ทำให้เราต้องมาเจอกันอีก และจำต้องครองคู่กันอย่างนี้ทุกที่ทุกแห่งและทุกเวลา ณ ยามใดก็ตาม ที่สรัลสามารถเปล่งพลังอำนาจได้อย่างสูงสุด"

ซึ่งก็ต้องไม่ใช่ในห้องพระอันเคร่งขลังและปกคลุมไปด้วยพลังอำนาจแห่งพระพุทธคุณ หากแต่ความจริงที่ปรากฏตรงหน้าของเขาเวลานี้ มันก็หวาดเสียวไม่หยอกเลย ถ้าวัสอรจะบอกเขาว่า 'เธอเห็นคุณยาย'

"มันเป็นเรื่องปกติของคนบนโลกใบนี้อยู่แล้ว เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นวัฏจักรที่เราเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่หรือ การจากไปของยายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่ฝนจะต้องแตกตื่น"

"แล้วทำไมฝนไม่รู้เรื่องคะ ทำไมฝนไม่ได้ไปงานศพคุณยาย ฝนไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะเพิกเฉยและไม่รู้สึกอะไรเลยกับการจากไปของคุณยาย นี่ฝนกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ทั้งหมดนี้คือความฝัน มันไม่ใช่ความจริงหรอกใช่ไหม ฝนหลับอยู่ใช่ไหมคุณยาย"

"อยู่กับคุณปูนะฝน อยู่เคียงข้างเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฝนหรือกับเขาก็ตาม เป็นคู่ทุกข์คู่ยากกันแล้ว ก็ต้องร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกันให้ได้ตลอดรอดฝั่ง อย่าทอดทิ้งและหันหลัง ต่อให้เขาจะทำอย่างนั้น ฝนก็อย่ายอมนะลูก ฝนเกิดมาเพื่อเขา"

"อะไรนะคะ"

"ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ตื่นแต่เช้า หมั่นตักบาตรให้ทุกวัน ตอนเช้าขึ้นมากราบพระ ก่อนนอนก็กราบพระ กราบหมอน สวดมนต์ แผ่เมตตา ทำทั้งหมดนี้ให้ทุกวัน จนถึงเดือนเกิดวันเกิด แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี"

"คุณยาย"

"ยายยังคงวนเวียนอยู่ที่เรือนริมน้ำได้อีกสักพักใหญ่ แต่เมื่อถึงเวลา เราสองฝ่ายก็ต้องแยกจากกันอย่างถาวร ฝนก็ยังคงต้องอยู่ในโลกใบเดิม เคียงข้างคุณปูต่อไป ส่วนยายก็ต้องก้าวไปตามเส้นทางสายใหม่และอาจจะเป็นโลกใบไหนสักใบที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว"

"คุณยาย.. คุณยายขา.. คุณยาย"

ปุราณรีบถลันตามประกบสาวแม่บ้านที่เคลื่อนปุบปับไปยังมุมที่ร่างของแม่นมอ่อนค่อยๆ เลือนจาง จากนั้นก็ลอยสูงเหนือพื้น แล้วแทรกทะลุผ่านเพดานเพียงชั่วอึดใจ

พ่อหม้ายหนุ่มมองไม่เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่วัสอรเห็น แต่เขาไม่แปลกใจมากนัก กับอิริยาบถเงยแหงนคอตั้งบ่าของสาวหน้าหมอง อาจเป็นเพราะเขาเองก็เคยชินกับการได้เห็นเงาของสรัลอยู่บ่อยๆ ในขณะที่คนทั้งบ้านไม่มีใครแลเห็นได้สักคน

และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ทุกคนมองว่าเขาเพี้ยน ใกล้จะบ้า จนต้องแอบรายงานส่งข่าวให้ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพรับรู้แล้วพากันวิตกกังวลไปร้อยแปด

เขาเองก็เพิ่งทราบตอนไปร่วมงานศพของแม่นมอ่อนนั่นล่ะ แต่คร้านจะเอาเรื่อง มิหนำซ้ำ ยังทราบเพิ่มเติมจาก 'อุไร' ซึ่งเป็นมารดาของวัสอร อีกเล็กน้อยในวันหลังๆ ด้วย ทำนองว่า

"อุ๊ย ดิฉันน่ะ ทั้งกลุ้มทั้งกลัว บอกไม่ถูกเลยว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้วหรือที่ยอมส่งฝนไปทำงานเป็นแม่บ้านสายสืบให้คุณยาย มันน่ากลัวออก หากที่นั่นมีผีจริง หรือว่าคุณปูเพี้ยนไปจริงๆ ฝนของดิฉันไม่อันตรายแย่หรือ"

"แล้วตอนนี้ละ คุณอุไรยังคิดอย่างนั้นอยู่อีกหรือเปล่า"

"อุ๊ย ไม่คิดแล้วละค่ะ ดูคุณปูสิคะ ออกเท่เสียขนาดนี้ หน้าตาท่าทางภายนอกที่เห็น ก็ไม่ได้มีเค้าวิปริตวิปลาสที่ตรงไหนเลย เสียงก็ทุ้มพริ้งเสียขนาดนี้ หล่อเก๋เสียขนาดนี้ ดิฉันว่าตอนนี้ มีแต่ใครต่อใครพากันอิจฉาฝนของดิฉันมากกว่า ที่ได้ไปทำงานเป็นแม่บ้าน ได้ใกล้ชิดคุณปูแบบชิดจริงๆ "

อุไรจีบปากจีบคอด้วยน้ำเสียงครึกครื้น หล่อนคุ้นเคยกับจริตแพรวพราวที่ต้องใช้เป็นประจำในผับในบาร์ มันเป็นส่วนหนึ่งของงาน ที่หล่อนอาจจะเผลอดึงมาใช้ในงานศพ และต่อหน้าเขา

หรือแม้แต่ปลายประโยคของหล่อน ซึ่งเขามองว่าส่อไปในทางกำกวมล่อแหลม คล้ายจะเปิดทางหรือชี้ช่องให้เขาลองหาโอกาส 'คิดไม่ซื่อ' กับบุตรสาวตัวเองสักครั้ง

แต่ก็คงไม่หรอก เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น แล้วเขาก็รักสรัลมากจนไม่เหลืออณูกระจิริดไว้สำหรับแบ่งปันให้หญิงใดอีก ดังนั้น เขาจึงต้องปิดทางที่หล่อนปรารถนาดี ด้วยประโยคผู้ใหญ่ๆ ว่า

"อยากให้ลูกสาวย้ายกลับมากรุงเทพก็ได้นะ สิ้นแม่นมอ่อนแล้ว ฝนก็ไม่จำเป็นต้องทำงานแทนต่อแล้วล่ะ เธอยังเด็ก หน้าที่แม่บ้านไม่ค่อยจะเหมาะกับเธอนัก เพิ่งเรียนจบด้วยไม่ใช่หรือ ย้ายกลับมากรุงเทพ หางานทำที่มันเข้ากับวัยเข้ากับวุฒิที่เรียนมา มันจะเข้าท่ากว่า"

"แหม อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ฝนมันละค่ะ ดิฉันคงไม่บังคับมันแล้วล่ะ อีกอย่าง หากอยู่ทางโน้นแล้วฝนมันสบายใจปลอดภัย ดิฉันก็อยากให้อยู่ต่อค่ะ ดีกว่ากลับมาทางนี้ แล้วใจดิฉันเองที่ไม่สบาย เพราะมัวแต่หวาดระแวงว่า เอ้อ พ่อเลี้ยงจะย่องเข้าปล้ำไม่รู้คืนไหนอีก"

และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาเพิ่งทราบ และทราบอย่างตระหนกทีเดียว สาวหน้าใสอย่างวัสอร หนีร้อนในบ้านตัวเองไปพึ่งเย็นที่เรือนริมน้ำ

แต่กลับต้องมาปะทะกับแรงหึงหวงขาดสติของภรรยาผู้พรากจาก ถึงขั้นเกือบจะเอาชีวิตกันทีเดียว ดูไปแล้ว เธอก็น่าเวทนา คล้ายตกที่นั่ง 'หนีเสือปะจระเข้' โดยแท้

แต่เรื่องนั้นก็เก็บเอาไว้ก่อนเถอะ เขาควรทำความเข้าใจกับเรื่องตรงหน้าให้ถ่องแท้กว่าการมองวัสอรหลั่งน้ำตาเงียบๆ เธอยื่นมือไปลูบไล้พื้นว่างเปล่าตรงนั้น ด้วยท่าทางอาลัยอาวรณ์

ปากเม้มสั่นกั้นสะอื้นไม่ให้เล็ดลอด แต่น้ำตาแห่งความเสียใจกลับไม่อาจกลั้น และจำต้องปล่อยให้มันหยดเนืองลงสู่พื้น หยดแล้วหยดเล่า

"ออกไปข้างนอก แล้วค่อยคุยกัน"

เขากระซิบ แล้วพาไปกราบพระอีกหน พอออกมาถึงข้างนอก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หลานสาวแม่นมอ่อนก็หยุดยืนพิงฝาผนังแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

'ความอดทนและอดกลั้นคงหมดสิ้นแล้วกระมัง' เจ้านายพ่อหม้ายมองอากัปกิริยาอ่อนแออย่างเข้าใจระคนเอ็นดู เธอร้องไห้ได้น่ารัก เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมจึงเกิดความรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาได้

แต่ลักษณะอาการที่เธอทำอยู่ มันบอกให้เขารับรู้ว่า เธอเสียใจมากกับการสูญเสียคุณยายที่รักแสนรัก หากแต่วิถีอาดูรกลับแลเรียบง่ายเพียงแค่ยืนเฉยๆ ทิ้งน้ำตาร่วงพรู กับปลดปล่อยเสียงสะอื้นเป็นจังหวะกลมกลืนกับทรวงกระเพื่อม

เท่านี้เองที่เธอทำ แต่สายตาของเขา มันกลับถูกดูดดึงให้มองอย่างมั่นคง มองจนไม่รู้สึกตัวเลยว่า ร่างสูงค่อยๆ ขยับเข้าไปหา และยังคงมอง ทั้งที่สองแขนค่อยๆ รั้งสาวเศร้ามากอดประโลมขวัญ

มันน่าเหลือเชื่อเสียจัง ที่แม้แต่ร่างน้อย จะไหลเคลื่อนเข้ามาซุกร่ำไห้อย่างว้าเหว่ในอ้อมแขนใหญ่แล้ว หากแต่สายตาคู่นี้ ก็ยังคงไล่ตามลงมอง ซึ่งเวลานี้ ก็เห็นได้แต่เฉพาะกระหม่อมบางที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมแน่น 'เท่านั้น'




เงาปีศาจค่อยเลือนหายไปด้วยความเคียดแค้น ภาพที่สามีตระกองกอดปลอบขวัญเนื้อคู่แท้ ช่างบาดตาบาดใจเสียจนทนมองนานไม่ไหว

ในจิตกร้าวมันฟุ้งไปด้วยความพยาบาท และกระหายต่อการปลิดชีวิตของวัสอรให้แหลกคามือ บางที อาจต้องฝังไว้ในที่ที่ดวงวิญญาณล่องลอยไปผุดไปเกิดใหม่ไม่ได้ มันถึงจะสาสมกับโทษบัดซบที่เจ้าตัวก่ออย่างอุกอาจเมื่อครู่นี้

"ทำไมไม่ไปตามเส้นทางคนดีของแม่นมคะ มาตามจุ้นจ้านกับสรัลทำไม"

มวลควันดำหนาชะงักอยู่กลางอากาศ ก่อนจะโฉบลงกลางสะพาน อาศัยพลังลี้ลับจากแสงเดือนดาว แปรรูปเปลี่ยนร่างเป็นสรัลผู้ชาเย็น

"นมปรารถนาดี ไม่อาจตัดใจทอดทิ้งคุณสรัลไว้กับภพภูมิที่ไม่ใช่ของตัว นมยังพอมีเวลาก่อนจะไปจากที่นี่ จึงอยากใช้เวลานี้เกลี้ยกล่อมคุณสรัลให้ถึงที่สุด"

แม่อ่อนพลิ้วร่างขาวนวล ที่ล้อมละมุนด้วยประกายบุญเจิดจ้ามาหยุดห่างจากร่างเบาโปร่งสีดำจาง สายลมยามตีสามเศษ กำลังพัดไหวพาร่างไร้มวลทั้งสองกวัดแกว่งและโยกเอนแผ่วๆ

กลางลำน้ำกระจายด้วยเงาตะคุ่มของเหล่าบัวและพันธุ์ไม้น้ำ ตาไร้แววทั้งสองคู่ทอดลงจับนิ่งด้วยอาการสงบ พลางปล่อยความสงัดเข้ามาแทรกกลางอยู่ชั่วครู่

"เชื่อนมเถอะค่ะ ไม่มีใครในโลกสามารถฝืนชะตาลิขิตของฟ้าได้ แม้ปากจะบอกว่า ไม่มีใครจะมาบงการบังคับให้ทำโน่นนี่ได้ หากเจ้าตัวไม่เต็มใจ แต่นั่นก็ยังคงเป็นความดื้อรั้นธรรมดาที่ฟ้ากำหนดไว้เช่นกัน ส่วนเราต่างหมดสิ้นความผูกพันกับโลกใบนี้ และจำต้องย้าย.. "

"แม่นมอยากไปก็ไปเถอะ แต่สรัลทิ้งสามีของสรัลไปไม่ได้ เราสองคนรักกัน แม่นมก็เห็นนี่คะ แล้วทำไมยังคอยขัดขวางไม่ยอมให้เราได้อยู่ด้วยกันอีก สรัลบอกตามตรงว่า ไม่เคยต้องการเป็นศัตรูกับแม่นม เพราะแม่นมเป็นเสมือนแม่ของปู แต่ว่า.. "

"นมก็ไม่เคยมีความคิดนั้นค่ะ และที่ต้องคอยเกลี้ยกล่อมขัดขวางอยู่อย่างนี้ ก็เพราะว่านมเป็นเสมือนแม่ของคุณปูนี่ละค่ะ มีแม่ที่ไหนบ้างคะ อยากเห็นลูกตัวเองใช้ชีวิตคู่กับภรรยาที่ตายจากไปแล้ว มันเป็นการอยู่กินที่ผิดธรรมชาติ"

"ผิดธรรมชาติแล้วยังไง" ภรรยาผู้พรากจากหันขวับมากระชากเสียงแข็งกร้าว "คนทุกคนก็ต้องมีชีวิต มีทางเดิน เป็นของตัวเองไม่ใช่หรือ ก็มีไปสิ เดินไปสิ มายุ่งวุ่นวายอะไรกับชีวิตคนอื่น ทางของคนอื่น สรัลกับปูก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้ อย่างมีความสุขมาตั้งนานแล้ว ถ้าแม่นมไม่ส่งนังนั่นมาที่นี่"

"นมไม่ได้ส่งมาค่ะ ฟ้าส่งมาเองต่างหาก อย่าลืมสิคะ วันที่ฝนมาถึงที่นี่ นมยังไม่ทราบอะไรเลย จนถึงวันที่ใกล้จะหมดอายุขัย วันที่ร่างของนมแยกออกจากกายหยาบแล้วลอยมาที่นี่ วันนั้นเองที่นมค่อยทราบว่าอะไรเป็นอะไร"

ร่างไร้มวลของปีศาจสาวลอยโยกไปแทรกเหล่ากอบัว มือที่หย่อนลงแตะน้ำ ทะลุแทรกมวลน้ำจนดูผิวเผินคล้ายมือข้างนั้นจมอยู่ข้างล่าง

"สรัลไม่สนหรอก ไม่ว่านังนั่นจะเป็นเนื้อคู่แท้ หรือเป็นแค่เสี้ยนหนามตำใจ สรัลก็จะกำจัดมันออกไป แล้วถ้าแม่นมอยากช่วยหลานสาว หรือคิดขัดขวางสรัล เราก็ค่อยมาดูกันเถอะว่าใครจะแน่กว่าใคร สรัลไม่เชื่อหรอกว่า จะต้านพลังอำนาจของแม่นมไม่ได้"

"ก็ไม่ได้จริงๆ ค่ะ"

แม่อ่อนสวนกลับเนิบนุ่ม ทำให้ตาไร้แววเหลือกขวับมาถลน หากคนทั่วไปมาเห็นเข้า คงจะขนลุกขนพองด้วยความกลัวสุดขีดเป็นแน่

"ในจิตของคุณสรัลเวลานี้ มันเต็มไปด้วยแรงบาป มันเป็นบาปที่เกิดจากการไม่ยอมปล่อยวาง การยึดติดอยู่ในความรักที่จบแล้ว การไม่ยอมยุติความผูกพันที่ขาดแล้ว การหึงหวงอย่างขาดสติ มันคงไม่เป็นไร หากดวงวิญญาณจะเพียงแต่ลอยวนเวียนและคร่ำครวญอย่างเงียบๆ แต่คุณสรัลก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นเลย"

"สรัลไม่กลัวบาปหรอก สิ่งที่สรัลกลัวที่สุด ก็คือสูญเสียปูไปต่างหาก"

"แต่นี่คือความจริงนะคะ สองฝ่ายต่างก็สูญเสียแล้ว คุณปูยังอยู่ต่อไปได้โดยมีความทรงจำที่งดงามของคุณเป็นเพื่อน แล้วทำไมคุณไม่ทำอย่างเขา ไปสู่ภพภูมิใหม่ ที่นั่นก็มีความรักใหม่ และเนื้อคู่ของคุณเองรออยู่"

ร่างที่ละมุนขาวไปด้วยประกายบุญพลิ้วลงสู่กอบัวใหญ่เคียงข้างกับปีศาจสาว ตาไร้แววมองเจ้าตัวลอยหนีไปแทรกเหนือพันธุ์ไม้น้ำ แล้วเสียงยืดยานโหยหวนก็ค่อยเปรยขึ้นว่า

"สรัลเคยคิดง่ายๆ ว่าจะขออยู่กับปูอย่างนี้ไปจนกว่าดวงวิญญาณจะแตกสลายไปเอง เขาอยู่ที่ไหน สรัลก็จะอยู่ที่นั่น แม้จะต้องอยู่อย่างเงียบๆ สรัลก็ยินดี"

"ที่ทำผ่านมาก็นับว่าเกินพอแล้วนะคะ"

"ใครจะไปคิดละว่าคืนหนึ่ง ปูจะมองเห็นสรัล แล้วเราก็ได้กลับไปใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนเดิม แม้มันจะถูกมองว่าวิปริตผิดธรรมชาติก็ช่างปะไร แต่เราก็มีความสุขตามประสาเราเอง ไม่เคยเรียกร้องความยุติธรรมจากฟ้าหรือจากใคร"

"คุณสรัลคะ นั่นไม่ใช่ความสุข แต่มันเป็น.. "

"นั่นคือความสุขของเราค่ะ เพราะสรัลอยากเห็นความสุขของเรายั่งยืน สรัลจึงต้องเป็นฝ่ายคิดอยู่ตลอดเวลาว่า จะทำยังไงให้ร่างของสรัลสามารถปรากฏกายได้อย่างชัดเจนขึ้น จะทำยังไงให้ปูได้สัมผัสกับร่างของสรัลได้ จะทำยังไงให้ตัวเองได้กลับไปเป็นคนอีกครั้ง ในจิตของสรัลมันเต็มไปด้วยคำว่า จะทำยังไง จะทำยังไง และจะทำยังไง"

น้ำตาเลือดสีดำเริ่มไหลหยดติ๋งจากเบ้าตาที่คั่งแดง มันร่วงแล้วแห้ง ร่วงแล้วหาย ก่อนจะลงสู่พื้นน้ำ แม่อ่อนเลื่อนตามองตามมวลควันดำหนาที่ลอยขึ้นไปไหวโยกกลางอากาศ ทำให้นางต้องตามไปด้วย

"สรัลจะทำให้ได้ แล้วสรัลก็เคยทำได้ตั้งหลายวันด้วย"

"หมายถึงฉกฉวยร่างคนอื่นน่ะหรือคะ นั่นก็ยิ่งบาปใหญ่ คุณสรัลกำลังทำร้ายฝนอยู่ ถ้าเธอถูกสิงร่างนานเกินไป พลังชีวิตของเธอก็จะค่อยๆ ถูกดูดออกไป เธอจะไร้เรี่ยวแรง สุดท้ายก็ต้องตาย คุณกำลังฆ่าเธอทั้งเป็น แล้วเมื่อเธอตายแล้ว คุณจะทำยังไง ต้องหาร่างใหม่มาสิงสู่ต่อไปใช่ไหม คุณต้องทำอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่"

"เมื่อไหร่ก็ช่างสิ"

"ถามคุณปูสักคำหรือยังว่าเขาต้องการแบบนี้หรือเปล่า ในสายตาของคนอื่น จะมองว่าเขาเป็นพ่อหม้ายมักมากในกาม ภรรยาตายจากไปไม่เท่าไหร่ ก็คว้าแม่บ้านวัยน้องวัยหลานไปขึ้นเตียง อยู่ไปไม่ทันไร เธอก็ตายจากอีก แล้วเขาก็ไปคว้าสาวที่ไหนก็ไม่รู้คนแล้วคนเล่ามาขึ้นเตียง อยู่กันได้ไม่นานก็ตายจากอีก"

"นี่แม่นมจะบอกอะไรก็บอกมาตรงๆ เถอะ" สรัลกระชากเสียง เริ่มหวั่นไหวในเหตุผลที่ตนไม่เคยนึกถึง

"จะบอกว่า ต้องให้มีคนตายอีกสักกี่คน กว่าที่คุณปูจะหมดอายุขัย ต้องให้เขาถูกมองเป็นผู้ชายบ้ากามไปทั้งชีวิตเลยหรือเปล่า หรือไม่ก็ เขาอาจจะถูกตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคู่นอนของตัวเองถึงได้อายุสั้นนัก อยู่ด้วยกันเดือนครึ่งเดือนก็มาตายจากไปคนแล้วคนเล่า"

"แม่นมอ่อน นี่มัน.. "

"แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป สังคมที่เคยรายรอบตัวเขา ก็จะพร้อมใจกันทอดทิ้งผู้ชายพฤติกรรมแปลกๆ คนนี้ ให้เผชิญกับความโดดเดี่ยว บทลงเอยเช่นนี้หรือคะ ที่คุณสรัลเรียกมันว่าความสุข"

"เงียบนะแม่นม นี่จะปรักปรำหาว่าสรัลให้ร้ายปูใช่ไหม สรัลไม่เคยคิดอย่างนั้น"

"แต่สิ่งที่คุณทำอยู่ จะทำให้เขาเป็นอย่างนั้น หยุดเสียทีเถอะค่ะ มันไม่มีประ.. "

"ไม่หยุด ไปให้พ้นนะ ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อม ไม่ต้องมายกเหตุผล สรัลไม่ฟัง ไม่กลัว ไม่เชื่อ ก็ให้มันรู้ไปสิว่านังเนื้อคู่แท้มันจะอายุสั้น จริงๆ พูดไปพูดมา สรัลก็เพิ่งจะนึกออกว่าไอ้เหตุผลห่วยๆ เมื่อกี้นี้ มันก็แค่พล่ามเพื่อปกป้องหลานสาวเท่านั้นเอง"

"คุณสรัล"

"สรัลไม่โง่นะ ตอนมีชีวิตฉลาดยังไง ตอนนี้ความฉลาดมันก็ยังอยู่ ในเมื่อนังวัสอรมันเป็นเนื้อคู่แท้ สรัลก็จะใช้ร่างมันครองคู่อยู่กินกับปูไปจนกว่าไม่ใครก็ใครตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าปูตายก่อน เราสองคนก็จะไปเกิดพร้อมกัน แต่ถ้านังนั่นมันใจเสาะขอตายก่อน สรัลก็จะหาเหยื่อดวงตกรายใหม่ต่อไปเอง"

ถ้อยคำหนักแน่นเด็ดเดี่ยวเช่นนั้น ทำให้แม่อ่อนต้องส่ายหน้าเวทนา นางอยากจะเลิกล้มความตั้งใจเหนี่ยวรั้งวิญญาณจอมดื้อ

แต่ด้วยความรักความผูกพันที่มีต่อเจ้านายหนุ่มกับหลานสาว นางจึงไม่อาจปล่อยปละละเลย ไม่ว่ายังไง ก็จะขอใช้เวลาที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อย ทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนที่นางรักให้สำเร็จลุล่วงเถอะ

อึดใจต่อมา กลางสระใหญ่ก็พลันแลเวิ้งว้างไปด้วยความเงียบกับความมืด ร่างขาวนวลของแม่อ่อน ค่อยลอยเหนือกอบัวอย่างช้าๆ สูงขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน กระทั่งเหลือเพียงจุดสีเงินระยิบระยับขับแข่งกับแสงดาวเดือน ก่อนจะจางหายไปจนสิ้น




'ณ ยามสาง' ห่างร้างสุดที่รักเสียแล้ว ปุราณยืนกอดอกหน้าระเบียงด้วยใจสลด เขาพร่ำเรียกภรรยาผู้พรากจากอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

แต่หล่อนก็ไม่ยอมมาปรากฏกายให้เห็น เสียงก็ไม่ยอมส่งมาให้สดับ ลมผะแผ่วที่หล่อนชอบเป่ารดต้นคอบ้าง แผงอกบ้าง บางคราก็จูบแก้มจนอุ่นบ้าง ก็ไม่มีเลย

หล่อนคงเสียใจที่สามีออกปากไล่อย่างหยาบคายในคืนนั้น น้อยใจและระแวงว่าสามีปันใจให้สาวแม่บ้าน แต่มันไม่จริง หล่อนก็น่าจะถ่องแท้กับความมั่นคงของเขาไม่ใช่หรือ

"ไม่ปรากฏตัวก็ไม่เป็นไร ส่งเสียงก็ได้นี่ แค่ให้ผมรู้ว่าคุณอยู่ใกล้ๆ ผมก็สบายใจแล้ว อย่างอนผมแบบนี้ได้ไหม ผมคิดถึงคุณนะ นี่เพิ่งจะตีห้านะครับ กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นก็อีกนาน ที่รักของผม มาหาผมนะ"

สรัลร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขานี่เอง หล่อนยื่นสองมือขาวซีดที่แลน่ากลัวจนขนลุกขนพองด้วยเหล่าเล็บที่งอกยาวเรียวสีดำจัด โลมลูบใบหน้าเศร้าอย่างแสนรัก แล้วค่อยกอดรัดร่างหนาอย่างหวงแหน

ตอบตัวเองไม่ได้เลยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเยื่อใยพิศวาสเสียแล้ว แม้ว่าร่างไร้มวลจะยังทะลุผ่านไปได้ แทรกค้างกลมกลืนกับร่างหนาได้ แต่สามีกลับไม่รู้สึกใดๆ ต่อสัมผัสเสน่หาที่หล่อนกำลังหยิบยื่น นอกจากคร่ำครวญหาหล่อนอย่างน่าสงสาร

หรือต่อให้เขาไม่รู้สึกใดๆ เลยก็ตาม แต่หากหล่อนจะยังคงร่างโปร่งเบาขาวนวลไว้ได้ดังเดิม ก็คงพอที่จะเผยอย่างรางเลือนให้เขาได้ยลอย่างชื่นใจบ้าง

เพราะวัสอร เพราะเนื้อคู่แท้สารเลวคนนั้น ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในความสัมพันธ์ สามีภรรยาที่ได้กลับมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ก่อเยื่อใยสายสวาทผ่านสัมผัสเหนือธรรมชาติ มีความสุขกันตามอัตภาพอย่างสงบและเงียบๆ กลับต้องมาร้าวฉานพลัดพรากอีกหน

ดูสิ ประจันหน้ากันจนชิดขนาดนี้ แล้วหล่อนก็กำลังกอดเขาอยู่อย่างนี้ แต่เขากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนอง ดั่งจะบอกว่า ความสัมพันธ์ทั้งหมดจะต้องหยุดลงและย้อนกลับไปสู่สามปีก่อนที่หล่อนเพิ่งจากไปใหม่ๆ

น้ำตาเลือดสีดำไหลหยดติ๋งๆ แทรกอยู่ในแผ่นหลังของปุราณ เขายังกอดอกมองจ้องไปยังสะพานกลางสระแน่วนิ่ง วาดหวังว่าจะเจอเงาโปร่งรางเลือนของภรรยาผู้พรากจากปรากฏขึ้น

นอกจากจะไม่รับรู้การกกกอดหมดสองแขนเสน่หาของภรรยาไร้ร่างแล้ว สามียังรำพันตัดพ้อในใจยาวเหยียดทีเดียว ทำนองว่า

'ขอบฟ้าเริ่มเปล่งแสงสีส้มจางเป็นขลิบเป็นริ้วบ้างแล้ว ไก่ก็เริ่มส่งเสียงขันแว่วมาจากสวนฟากโน้นแล้ว เช้าวันใหม่ใกล้จะมาเยือนเต็มทีแล้ว แต่ดูภรรยาแสนงอนสิ ช่างใจจืดใจดำกับสามีผู้เฝ้าคะนึงหาได้ลงคอ ทำเหมือนหมดรักหมดสวาทกันแล้วอย่างนั้นล่ะ'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 17:44:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com