สวัสดีในวันหยุดของหลายๆท่านครับ เดือนนี้ได้หยุดพักผ่อนกันเต็มที่เลยทีเดียว สำหรับผมก็เตรียมตัวเตรียมใจ สำหรับภารกิจ เปิดเทอมที่จะมาถึงในอีกไม่นานข้างหน้านี้แล้วเหมือนกันครับ ตั้งใจว่ายังไงก็ตาม จะนำสาปพิษฐาน ให้ถึงฝั่งให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้แน่นอนครับ
สำหรับสาปพิษฐาน ตอนที่ 20 ที่ผ่านมา
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10537523/W10537523.html
ขอบคุณกิฟท์จากคุณ เรียวรุ้ง,คุณ atk, คุณ Hermosa,คุณ Sky With Rainbow,คุณ Jeab_Forest55, คุณ Travel to the moon,คุณ เรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก,คุณ Regenbogen ^_^, คุณ แก้วกังไส,คุณ นารีจำศีล,คุณ เขมปัณณ์, คุณมานีโอลา และคุณ kdunagin รวมถึงทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านด้วยครับ
คุณ kaburapat : คำตอบมีในบทนี้แล้วล่ะครับ
คุณ Hermosa : อดใจรออีกนิดเดียวครับ ใจผมเองก็อยากลงทีละสองตอนเหมือนกันครับ แต่ต้องแก้ไขจากไฟล์ word อีกรอบหนึ่งก่อนลงครับ เพราะเวลาส่งสำนักพิมพ์ไปแล้ว เขาจะส่งเป็นกระดาษกลับมาให้แก้ไขด้วยดินสออีกที ซึ่งค่อนข้างต่างจากในไฟล์พอสมควร เลยอดไม่ได้ที่จะปรับให้คล้ายคลึงกับในหนังสือมากที่สุดครับ
คุณ เรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก : เรือลำนี้ นำผู้โดยสารมาเพื่อการชดใช้ครับ การถอนคำพิษฐาน เป็นส่วนหนึ่งครับ
คุณ Regenbogen ^_^ : ตอนนี้ก็มีให้ลุ้นอีกแล้วครับ ถ้าทัน ตอนที่ 22 ผมจะพยายามนำลงภายในวันจันทร์นี้แหละครับ
คุณ กุลธิดา (kdunagin) : ตอนเขียนบทนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันครับ อดลุ้นไปกับตัวละครด้วยไม่ได้ เสียดายเหมือนกันว่าเหลืออีกแค่ไม่กี่ตอนก็จบแล้วครับ ใจจริงอยากเขียนให้ยาวกว่านี้อีกครับ แหะ แหะ
คุณโตยธาร : ดีใจครับที่คนอ่านได้ลุ้นไปด้วยกัน
คุณ Sky With Rainbow : ยอดเยี่ยมเลยครับ อ่านรวดเดียวเลย ตอนนี้เหลืออีกแค่ไม่กี่ตอนแล้วครับ ช่วยลุ้นไปด้วยกันเลยนะครับ
คุณscottie : เรื่องนี้ happy ending แน่นอนครับ
สาปพิษฐานตอนที่ 21
บทที่ 21
พี่ปอ... แสดงว่าพี่ตายจากป่านไปแล้วจริงๆ พี่จากแม่ จากป่านไปแล้ว... หยาดน้ำตาไหลคลอใบหน้าผู้เป็นน้องสาวเป็นประกายพร่างพราว ร่างโปร่งแสงของปรมาพยายามเอื้อมมือมาแตะซับข้างแก้มนวลของน้องรักเพื่อปลอบประโลมใจ หากก็เพียงได้แค่สัมผัสคล้ายสายลมรำเพยแผ่วเบา พลังของดวงวิญญาณหญิงสาวดูเหมือนจะเริ่มอ่อนล้าลงทุกขณะเวลาที่ผ่านไป
พี่รู้น้องรัก พี่ถึงได้พยายามติดต่อสื่อสารกับป่านตลอดเวลา พยายามเตือนถึงพันธสัญญาของการแก้ไขในสิ่งที่ถูกต้อง โชคดีเหลือเกิน... การตัดสินใจเดินทางมายังกระบี่ของป่าน ทำให้ทุกอย่างเริ่มง่ายขึ้น
ด้วยเตชะบารมีของเกนหลงดะราหวันในอดีตชาติ เมื่อนางตัดสินพระทัยพลีชีพให้กับไญ คิดุล เทวีแห่งท้องทะเลใต้ การณ์ในครั้งนั้นได้ก่อเกิดพลังอำนาจในระดับหนึ่ง เมื่อพี่เข้าสู่สภาวะของดวงวิญญาณที่หวนคืน พลังนั้นจึงเพียงพอจะใช้สื่อสารหรือเข้ามาช่วยเหลือป่านได้ในช่วงเวลาวิกฤต แม้ว่ามันจะปรากฏได้อยู่เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ช่วยเหลือหรือคะ?
จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเส้นทางเขาพนมได้ใช่ไหม? มือปืนกายอที่ถูกส่งมาสังหารผู้กองพระแสงและป่านระหว่างทาง นั่นเป็นช่วงที่พี่พอจะ จัดการคนร้ายให้กับป่านได้บ้าง ซึ่งนั่นก็ด้วยแรงกรรมของพวกมันส่วนหนึ่งด้วยที่ทำให้ดำเนินมาถึงจุดจบนั้นพอดี และก็ทำให้พี่รู้ว่า เวลาของตัวเองก็กำลังจะหมดไปเช่นเดียวกัน พี่ต้องรีบทำทุกอย่างเพื่อให้ป่านเดินทางมาที่นี่ พร้อมกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง และทางเดียวที่ทำได้คือการใช้ร่างจำแลงในนามของสิงหบดี ปกาพงศ์...
ศาปานต์ยืนนิ่งงัน ภาพของมือปืนสังหารที่ถูกพลังลึกลับบิดข้อมือมันจนย้อนกลับมาอัตวินิบาตกรรมตัวเองอย่างน่าสยดสยอง... หล่อนรู้แล้วว่าแท้จริง พี่ปอยังไม่ได้ไปไหนเลย แต่คอยช่วยเหลือน้องสาวคนนี้ด้วยความห่วงใยและผูกพันแม้ชีพดับลงไปแล้วก็ตาม... เบื้องหน้าดวงวิญญาณหญิงสาวเริ่มจางแสงลงทีละน้อย คล้ายเปลวเทียนที่กำลังเผาไหม้ตนเองลงไปทุกขณะ
ทุกคนทั้งหมดต่างตกอยู่ในห้วงแห่งคำสาปของเจ้าหญิงติกาหลังหนึ่งหรัด วิญญาณของพวกเขาเหล่านั้นมิอาจเดินทางไปยังภพภูมิหรือสถานที่ใดได้ นอกจากถูกจำกัดอยู่ภายในอาณาเขตวังน้ำแห่งนี้ มีเพียงเกนหลงดะราหวันหรือพี่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถติดต่อกับป่านได้
เกนหลงดะราหวันชิงแบหลาปลิดชีพตนเองก่อนคำสาปแห่งติกาหลังหนึ่งหรัดจักสัมฤทธิ์ผลและการสังเวยพระชนม์ชีพให้กับเทวีทะเลใต้ เจ้าหญิงผู้อาภัพรักพระองค์นั้นจึงเป็นผู้ที่สามารถทำหน้าที่แทนพวกเขาเหล่านั้นได้ ... และพี่ก็ได้เลือกแล้วเช่นกัน เลือกที่จะทำหน้าที่นี้ด้วยตัวเอง
สิงหบดี ปกาพงศ์... นามสกุลอันหมายถึงผู้สืบวงศ์แห่งกุรุงปักกา!
หล่อนเอ่ยคล้ายรำพึงกับตัวเอง เค้าหน้าคมสันละมุนละไม ฉาบพรางตัวตนของปรมาเอาไว้โดยไม่เคยมีผู้ใดคาดคิด แม้แต่น้องสาวร่วมสายเลือด!!
ใช่แล้วป่าน มันเป็นความจำเป็นด้วยเหตุหลายประการที่มิอาจแสดงร่างแท้จริงให้น้องเห็นได้ ถ้าพี่ปรากฏร่างในรูปของปรมา มีแต่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างวุ่นวายสับสน สิ่งเดียวคือการเสาะแสวงหาร่างใหม่ที่ไม่มีผู้ใดรู้จักมาก่อน ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นสัญชาตญาณความสงสัยต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะป่านซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดในครั้งนี้ จำดอกแก้วการะบุหนิงที่สิงหบดีนำไปให้ป่านได้ใช่ไหม?
หญิงสาวพยักหน้ารับโดยดุษณี
สิ่งนั้นก็คือพันธสัญญาของป่านกับองค์ระตูอิสมารา อินทราหรือผู้กองพระแสงในปัจจุบัน พี่ต้องการให้ป่านได้รำลึกและจดจำทุกอย่างในอดีตที่เป็นจริงทั้งมวล เพื่อการตัดสินใจจากหัวใจของป่านเอง เมื่อถึงที่สุดแล้วป่านต้องเป็นคนเลือก!
ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านจนหญิงสาวต้องห่อไหล่กับตนเอง คล้ายเสียงคร่ำครวญวิงวอนดังระงมรอบกายโดยไม่อาจมองเห็นเจ้าของเสียงเหล่านั้นได้ มีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่เกินกว่าจะระลึกตรึกรู้ จงจำไว้เถิดว่าพี่มิได้มีเจตนาร้ายใดๆต่อป่านเลย การโน้มนำให้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อให้รับรู้ว่า ทุกชีวิตกำลังรอคอยการปลดปล่อยและการเปลื้องบาปของตนเอง ตามวิถีที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือดวงวิญญาณก็ตาม...
วูบนั้นที่หล่อนนึกถึงทุกคนบนเรือสำราญลำนั้น หากยังมิได้เอ่ยอะไร น้ำเสียงของปรมาก็แทรกขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว รวมถึงโอกาสสำคัญที่ป่านจะต้องเลือกตัดสินใจด้วยเช่นกัน พี่มีหน้าที่เพียงแค่นำทางเท่าที่ความสามารถแห่งวิญญาณดวงหนึ่งจะพึงกระทำ เพื่อให้น้องมาถึงยังกุรุงปักกาอีกครั้ง และเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกการรอคอย ทุกความทรมานของดวงวิญญาณเหล่านี้ได้รับการตอบรับหรือ... ปลดปล่อย
พี่ปอ...
ป่านมีสิทธิ์ที่จะเลือกตัดสินใจทุกอย่างโดยชอบธรรม แต่ ณ เวลานี้ ยังมีอีกผู้หนึ่งที่รอคอยป่านอยู่ ต้องการจะได้พบกับป่าน เพื่อกระทำในสิ่งที่เขาต้องทำ
เขา? พี่ปอหมายความว่า...
หล่อนยังไม่ทันได้เอ่ยจบสิ้น ร่างๆหนึ่งก็ผงาดเงื้อมมายืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ร่างอันสูงตระหง่านและเต็มไปด้วยก้อนเนื้อตะปุ่มตะป่ำไปทั้งตัวอย่างน่าสยดสยอง
นี่คือองค์เจ้าชายสิงหราปาตีแห่งกุรุงปักกา!!
*************************
ศาปานต์ถอยกรูดไปเบื้องหลังอย่างลืมตัว เมื่อเห็นว่าร่างตระหง่านเงื้อมราวยักษ์ปักหลั่นก้าวตรงปรี่เข้ามา ท่าทีนั้นหาได้แสดงถึงการคุกคามหรือเจตนาจะทำร้ายอย่างใดไม่ ตรงกันข้ามเมื่อมาหยุดยืนอยู่เคียงกับร่างอันโปร่งแสงพลิ้วไหวเหมือนลอยเลื่อนอยู่เหนือผืนดินของปรมาแล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น
เจ้าชายสิงหราปาตีในคราบอสูรร้ายกลับทรงคุกพระชานุลงกับพื้นปฐพี พร้อมก้มพระเศียรน้อมลงไม่ต่างกับการขอษมา!!
ติกาหลังหนึ่งหรัด ขอได้โปรดรับการขออโหสิกรรมจากข้า สิงหราปาตีแห่งกุรุงปักกาด้วยเถิด...
ระเด่นสิงหราปาตี!!
หญิงสาวอุทานเสียงแผ่วหวิว ร่างกำยำในคราบอสูรอันทรงศักดานุภาพ หากบัดนี้กลับงอคู้ลงสยบนิ่งอยู่แทบเบื้องบาทของอดีตชาติเจ้าหญิงแห่งบุหรงปุระ โดยปราศจากท่าทีอหังการใดๆทั้งสิ้น
ทำไม...
ใบหน้าอัปลักษณ์น่าหวาดสยองเงยขึ้นเห็นนัยน์ตาแดงก่ำโชนแสงเจิดจ้า หากมิใช่ด้วยประกายอันหิวโหยตามสัญชาตญาณปีศาจอีกต่อไป คล้ายกึ่งกลางปัทมราชจักล้อแสงจันทร์เป็นเงาวาววามแห่งอัสสุชลคลอหน่วย
ข้าสำนึกในผิดบาปนั้นแล้วติกาหลังหนึ่งหรัด พวกเราชาวกุรุงปักกาต่างต้องทนทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว ทั้งจากความหิวโหยในสัญชาตญาณแห่งปีศาจ และความทุกข์จากการถูกกักขังดวงวิญญาณนี้มิให้ไปสู่ภพภูมิแห่งตน ไม่ว่าจะเป็นหนใด โดยเฉพาะเสด็จแม่ของข้า
ท่านหมายถึงรายาบุหลันรัศมี?
ศีรษะหลิมผิดรูปผงกรับ พลางผายหัตถ์อันเทอะทะมหึมาหากบิดงอคล้ายกระดูกอันประกอบเป็นโครงร่างเกิดขึ้นอย่างผิดส่วน ปลายดัชนีคมกริบชี้ตรงไปยังเบื้องหน้า ณ ท่ามกลางทะเลคลื่นเหนือชายหาดแห่งเกาะกุรุงปักกา
เมื่อนั้นเอง ศาปานต์จึงมองเห็นผืนทะเลเลื่อมระยับกลางแสงจันทร์แหวกออกเหมือนคลื่นถูกพลังอันมหาศาลฉีกให้กลายเป็นทวิภาค แล้ววัตถุชิ้นหนึ่งก็ลอยเลื่อนขึ้นมาอยู่เบื้องหน้า หญิงสาวอุทานในทันทีเมื่อสายตารับภาพนั้นได้ชัดเจน มันคือสิ่งที่หล่อนเคยเห็นมาก่อนแล้ว...
ติกาหลังปัตรา!!
เรือนผลึกเลื่อมระยับเป็นริ้วพรายสีเงินยวงกลางแสงบุหลันเต็มดวง
ใช่! นี่คือติกาหลังปัตรา เรือนแก้วคู่พระบารมีของติกาหลังหนึ่งหรัด แต่มันก็ไม่ต่างกับเรือนจองจำดวงพระวิญญาณขององค์รายาให้ถูกขังอยู่ภายในเรือนแก้วแห่งนี้ ทั้งด้วยแรงโลภความปรารถนาแห่งตัวนางเองและแรงสาปก่อนวายชนม์ของของผู้เป็นเจ้าของโดยแท้จริงของมัน!
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังแว่วผ่านออกมาจากภายในเรือนแก้วอันงดงามวิจิตร ราวกับทิพยพิมานนั้น
ปล่อยข้าออกไปเถิด ได้โปรดปลดปล่อยข้าให้ออกไป ข้าทรมานเหลือเกิน...
รายาบุหลันรัศมี!!
ภาพเหตุการณ์ในอดีตชาติปรากฏขึ้นในห้วงนิมิตอีกครั้ง คล้ายต้องการจะทดสอบจิตใจ รายาใจอำมหิตผู้ตัดสินพระทัยยกไพร่พลกุรุงปักกาเข้าเข่นฆ่าทำลายชาวบุหรงปุระจนหมดสิ้น นคราแห่งนั้นต้องล่มสลายลงไม่เหลือแม้เศษซากและสรรพชีวิต และด้วยผลกรรมนั้นเองที่ทำให้กุรุงปักกาอันมีอดีตความรุ่งเรืองสืบต่อยาวนานจนเป็นมหาอาณาจักรในคาบสมุทรต้องถึงกาลวิบัติลงเฉกเดียวกัน
ไม่มีทั้งชื่อเสียงเรียงนามและความทรงจำใดๆจักจรดจารึกลงในปูมประวัติศาสตร์ เหลือเป็นเพียงนิทานมุขปาฐะอันเหลือเชื่อที่เล่าขานสืบต่อกันมาเท่านั้น
ถึงเมืองล่ม จมสมุทร มนุษย์ม้วย ประกอบด้วย ยักขิณี พวกผีดิบ เห็นมนุษย์ สุดอยาก ปากยิบยิบ เสียงซุบซิบ เสแสร้ง จำแลงกาย...*
นอกจากพลังแห่งความคั่งแค้นพยาบาทที่สืบต่อโยงสายใยจากอดีตภพถึงปัจจุบันกาล จากห้วงเวลาอันยาวนานนับพันปี...
ทุกอย่างอยู่ที่การเลือกของเธอเท่านั้น ศาปานต์... ด้วยความแค้น ฤาการให้อภัย?
มือของหญิงสาวเผลอแตะลงที่ตำแหน่งทรวงแห่งตน ราวต้องการระงับความระทึกแห่งดวงหทัย หากปลายนิ้วกลับสัมผัสความอุ่นจัดของวัตถุชิ้นหนึ่งโดยบังเอิญ พระ!
สร้อยพระเส้นนั้นที่หลวงตา... ภิกษุชราแห่งวัดแก้วโกรวารามมอบให้มา เป็นเพียงองค์พระเครื่องธรรมดาแต่ทว่ากลับมีผลกระตุกหัวใจของหล่อนขึ้นมาอย่างประหลาด
หลวงตามอบให้แม่หนูก็เพราะ พระเป็นเครื่องหมายของความดี เราแขวนพระก็เพื่อให้คอยระลึกตรึกตนอยู่เสมอ เตือนใจให้มุ่งตรงไปสู่การกระทำความดี ละเว้นความชั่ว ละเว้นทิษฐิ หรือความผูกพยาบาททั้งปวง และสุดท้ายคือการให้อภัยในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว
ให้อภัย... ให้อภัย... ให้อภัย!!!
คล้ายแสงฟ้าขีดวาบขึ้นในม่านอนธการ มือของหล่อนกำองค์พระเอาไว้แนบแน่น ไม่ต่างกับสรณะแห่งชีวิตและการตัดสินใจ
ศาปานต์หันมามองร่างอสูรแห่งองค์สิงหราปาตีที่ทรงหยัดวรกายขึ้นแล้ว สุรเสียงสั่นพร่าตรัสกระหึ่มขึ้น
และ ณ บัดนี้ก็เหลืออีกเพียงสิ่งที่เดียวเท่านั้น ที่จะนำมารวมเป็นสักขีพยานแห่งการตัดสินใจของนางในครั้งนี้...
ท่านหมายถึงสิ่งใด?
กริชกุหนุงมัส ศัสตราวุธแห่งการปลงพระชนม์ชีวิตของเจ้าเองในอดีตชาติ!!
***********************
ไฟในห้องรับรองดับวูบลงพร้อมกัน เหลือเพียงประกายกริชวูบจ้าขึ้นอีกครั้งก่อนที่เสียงสมาชิกในลำเรือมณีไพลินจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง
จากหน้าต่างกระจกอันมีลายฝ้าจาง แสงจันทร์ภายนอกสะท้อนรูปเงาตะคุ่มของกลุ่มสิ่งมีชีวิตบางอย่างจำนวนมากมายเกินคณานับ พวกมันรุมเกาะออกันอยู่เต็มไปหมดรายรอบห้องขนาดใหญ่แห่งนั้น เงารูปอุ้งมือรูปทรงบิดเบี้ยวเกาะติดและป้ายปาดไปตามพื้นกระจก บ้างก็ระดมกำลังทุบผนังกระจกอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนพยายามตะกุยตะกายหาทางเข้ามาภายในห้อง
ฮื่มม์ม์ม์
เสียงร้องเซ็งแซ่จากภายนอกประสานกันเป็นท่วงทำนองราวบทเพลงแห่งความสยดสยอง มันบ่งถึงความกระหายหิวเต็มปรี่ หากก็น่าแปลกที่พวกมันไม่อาจพังประตูไม้เข้ามาด้านในได้สำเร็จราวกับผนังไม้อัดที่สร้างขึ้นคือปราการแข็งแกร่งเกินกว่ากำลังพวกมันจะฝ่าเข้ามาได้
ในความมืดทึบราวถูกเทราดด้วยหมึกข้น กลิ่นอายของความหวาดกลัวระเหยอบอวลไปทั่วบริเวณ เสียงพึมพำ เสียงสวดมนตร์เซ็งแซ่ แต่ชิงฉัตร ธารานพรัตน์ กลับรู้สึกถึงความร้อนรุ่มอย่างประหลาด หัวใจเต้นระรัวและภาพความทรงจำครั้งยังเป็นเพียง ไอ้ฉัตรเด็กหนุ่มลูกตังเกที่ออกล่องเรือประมงพร้อมเตี่ยกับบรรดาลูกเรือทั้งหลายก็หวนคืนกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่จะกลายเป็นเพียงเด็กกำพร้าในเวลาต่อมา ใช่! มันกำลังหวนคืนกลับไปสู่เกาะนรกแห่งนั้น!!
หรือว่าฝันร้ายที่เป็นความจริงในวัยเยาว์ที่พยายามลบเลือนไปจากก้นบึ้งแห่งจิตกำลังจะย้อนกลับมาเป็นจริงอีกในครั้งที่สอง???
และโดยสัญชาตญาณมือของนายหัวหนุ่มใหญ่ก็เอื้อมไปยังด้านหลัง ดึงกริชชวาด้ามนั้นออกมา ในจังหวะที่ประตูห้องเพียงบานเดียวถูกกระแทกผางให้เปิดออกจากกันพอดี
อย่างช้าๆเมื่อวัตถุชิ้นหนึ่งถูกโยนนำเข้ามาภายในห้องแห่งนั้นก่อน ความมืดสลัวทำให้ทุกคนมองเห็นเพียงแต่เป็นวัตถุทรงกลมคล้ายลูกบอลทรงกลม มันกลิ้งหมุนติ้วอย่างรวดเร็วเข้ามาด้วยแรงเหวี่ยงอันมหาศาลของคนภายนอก แล้วพุ่งเข้าสู่ใจกลางวงผู้ชุมนุมรวมกันอยู่จนแตกฮือ ก่อนที่แรงเหวี่ยงจะคลายลงและทำให้หยุดนิ่งสนิทอยู่กลางห้องพอดี
แสงสลัวจากภายนอกส่องเข้ามาในความเงียบสงัด ตามมาด้วยเสียงอุทานอย่างตื่นตระหนกของผู้ที่ปรับสายตามองเห็นภาพเบื้องหน้านั้นได้ชัดเจน เสียงหวีดร้องของสุภาพสตรีที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนั้น ดังประสานขึ้นพร้อมกันเซ็งแซ่
เพราะวัตถุชิ้นนั้นคือศีรษะของนายหัวยอดธง ทับคีรี!!
******************
อิสมารา... อิสมารา ท่านต้องไม่ตาย ท่านต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรอข้าาาาาาาาาาา
คล้ายเสียงเพรียกไกลสุดโพ้นฟ้า พระแสงรู้สึกถึงร่างตนเองกำลังจมดิ่งลงสู่ใต้ผืนนทีอันเย็นยะเยียบอย่างรวดเร็ว คลื่นมหึมาโยนตัวขึ้นก่อนที่จะกระชากร่างให้จมดิ่งกลับลงไปอีกหน ทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกับไม่มีวันหมดสิ้นจนแทบจะขาดลมหายใจ ความเจ็บปวดจากแรงกระแทกและบาดแผลจากรอยกระสุนทวีขึ้นเรื่อยๆพร้อมกัน จนดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมปลดปล่อยให้เขาหลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ทรมานรอบด้านสักขณะจิตเดียว
ก่อนสติสุดท้ายใกล้ดับสิ้นลง ทุกสรรพสิ่งก็หยุดนิ่งลงพร้อมกัน เขาได้ยินเสียงเพรียกหา เป็นน้ำเสียงที่อ่อนหวานยิ่งนัก...
อิสมารา... นามนั้นอีกแล้ว นามที่เขาคุ้นเคยกับมันแต่ไม่อาจสืบหาที่มาและความเป็นไปได้เลย น้ำเสียงละห้อยหาแฝงด้วยความเศร้าสร้อยและตัดพ้อที่หญิงคนหนึ่งจะมีต่อบุรุษที่ตนเองรักและรอคอย...
ติกาหลังหนึ่งหรัด!!
เพียงเปล่งชื่อนั้นออกจากลำคอได้สำเร็จ ชายหนุ่มก็สำลักน้ำและสติก็หวนกลับคืนมาอีกครั้ง กระแสคลื่นสาดปะทะใบหน้า หากเท้าก็เริ่มสัมผัสพื้นทรายหยุ่นเปียก
พระแสงพยายามพยุงกายขยับร่างเดินขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อระดับความลึกของน้ำลดลงจนถึงชายหาด เขาก็ทรุดร่างลงนอนแผ่หงายกับพื้นอย่างหมดแรง หากเมื่อสัมผัสถึงชุดที่สวมอยู่เปียกโชกแนบลำตัว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจขยับลุกขึ้น แล้วถอดเสื้อชุดขาวที่บัดนี้ปรากฏคราบรอยคล้ำของเลือดและเศษโคลนทรายออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาว มองเห็นต้นแขนตนเองปรากฏเป็นแผลรอยถากลึก
นั่นคือสาเหตุของอาการปวดจนชาที่เกิดขึ้นจากกระสุนปืนทางทิศด้านหลัง ฝีมือของไอ้ราไวย์นั่นเอง และมันก็ทำให้เขาเสียหลักพลัดหล่นลงมาจากดาดฟ้าท้ายเรือโดยไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัว
โชคยังดีที่กระสุนมิได้ฝังเข้าเนื้อหรือทะลุร่างจนเกิดแผลฉกรรจ์ให้เสียเลือดมากจนเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้กองหนุ่มถอนลมหายใจผ่อนคลายเพื่อตั้งสติให้กับตนเอง เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาที่น่าหวั่นเกรงใดๆสำหรับพระแสง เขาเคยเผชิญเหตุการณ์วิกฤตจนแทบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วหลายครั้ง ขอเพียงมีเจตนาอันสัตย์ซื่อในทุกการกระทำและมีสติอยู่ติดกาย เขาเชื่อว่าต่อให้ชีวิตต้องตกอยู่ในภยันตรายสักเพียงใด ก็ต้องมองเห็นหนทางออกได้ในที่สุด
ผู้กองหน่มดึงเสื้อกล้ามที่สวมอยู่ออกมาทางศีรษะแล้วฉีกออก เนื้อผ้าฝ้ายเหนียวหยุ่นช่วยพันซับรอยแผลให้เลือดแห้งขจัดปัญหาเฉพาะหน้าไปได้หนึ่งเปลาะ แต่ปัญหาต่อมาก็คือ... เขาอยู่ที่ไหน??
สายตาที่เริ่มชินกับความมืดมองฝ่าไปในท้องทะเลเบื้องหน้า มองเห็นเงาตะคุ่มของเรือมณีไพลินตระหง่านอยู่ไกลออกไปอีกโค้งหนึ่งของชายฝั่ง น่าแปลกแสงไฟระยิบระยับที่เคยประดับประดาเรือสำราญลำนี้ ดูเหมือนจะพร้อมใจกันดับวูบจนกลายเป็นมืดสนิทไม่ต่างกับเรือร้างกลางสมุทร...
และพื้นที่ๆเขากำลังยืนอยู่นี่กันเล่า??
พระแสงมองเห็นแต่อาคารรกร้างเหมือนเป็นซากปรักหักพังของโบราณสถานที่ปราศจากการดูแลมาเนิ่นนานแสนนาน ชายหนุ่มเดินลึกขึ้นมาเรื่อยๆมองเห็นแนวกำแพง และเสมาหินอันเป็นเขตสังฆาวาสของพุทธสถานโผล่พ้นพื้นดินเหลวเปียกขึ้นมาเป็นแง่งคมกริบ ส่วนตัวอาคารทั้งหลายที่เคยเป็นเทวสถาน โบสถ์หรือแม้แต่กุฏาคารทั่วไปก็เหลือแต่เพียงเศษซากกองทิ้งเอาไว้
คราบตะไคร่และเพรียงเกาะกันจนเต็มไปหมด ในท่ามความงุนงงสับสนนั้นเอง ชายหนุ่มมองเห็นอะไรบางอย่างอยู่ถัดจากซากเสมาหินเข้าไปด้านใน ดูเหมือนจะเป็นเสาหินขนาดใหญ่ที่ยังยืนหยัดเป็นรูปร่างปักเด่นเอาไว้ใจกลางลานศิลาที่เริ่มกร่อนไปตามสภาพแห่งกาลเวลา
เรือ?
ส่วนที่ยื่นออกมาคือลำเรือตะแคงคว่ำ เรือไม้รูปทรงประหลาดตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชายหนุ่มแตะมือลงไปเหมือนกลัวว่าจะเป็นเพียงความฝัน แต่ก็สัมผัสถึงเนื้อไม้แข็งแกร่งแม้จะรอยเพรียงเกาะและคราบสกปรกต่างปรากฏอยู่ก็ตาม
สายตานายตำรวจเดนตายหยุดชะงักงันเมื่อไล่สายตามองเยื้องออกไปและเห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน
เขาหยุดชะงักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านล่างแห่งฐานเสาหินขนาดใหญ่นั้นคือสายโซ่เหล็กผูกคล้องไว้กับส่วนอันเคยเป็นโครงกระดูกมนุษย์โครงหนึ่ง น่าประหลาดที่มันยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์อาจจะด้วยความเค็มของน้ำทะเล และบัดนี้โครงกระดูกมนุษย์ปริศนานั้นก็ปรากฏขาวโพลนขึ้นกลางแสงจันทร์เจิดจ้า!!
************************
ขอบคุณครับ หมอกมุงเมือง
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
13 พ.ค. 54 09:33:31
|
|
|
|