=============
จอมใจอเวจี
บทที่ 9
The wall......กำแพงกั้นใจ?
GTW
=============
บทที่ 8
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10535640/W10535640.html
ความเดิม
ไนท์ออกไปหามาร้ลาสเพื่อขอบัตรผ่าน
ไปยังยอดเขาสื่อสาร เพื่อนำเฟรี่ไปติดต่อหาคนรักให้ได้
และบาดเจ็บหนักกลับมา
----
ประกายตาคนแจวเรือไม่สั่นไหว เรือเคลื่อนออกจากฝั่งหายไปในม่านหมอก เสียงพายจางหาย สายลมอ่อนล้า หมอกเมฆปกคลุม ลมหายใจขาดห้วง เรือส่งวิญญาณลาลับกับบรรยากาศเยือกเย็น
เทวบุตรมารยังคงจ้องมองไปในม่านหมอก แววตาของเขาก็คล้ายมีม่านหมอกปกคลุมเช่นกัน
-------
“ท่านชนะแล้ว”
บริวารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากผ่านความเงียบงันไปครู่หนึ่ง มาร์ลาสยังไม่พูดอะไรออกมา สายตาซึ่งเหลือสภาพการใช้งานได้เพียงข้างเดียวมองผ่านกลุ่มหมอกเลือนรางในสายน้ำแห่งความตายอันเวิ้งว้างเนิ่นนาน ก่อนเอ่ยออกมาช้า ๆ ว่า
“ข้าเป็นฝ่ายแพ้ต่างหาก”
บริวารทั้งสามมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ เพราะต่างก็เห็นชัดเจนว่าการต่อสู้ครั้งนี้คนพ่ายแพ้หมดท่าคือนักรบปีศาจคนนั้นต่างหาก ไม่ใช่เจ้านายของตนเองเลยที่พ่ายแพ้ แต่เทวบุตรมารหนุ่มก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม หันหลังก้าวเท้ายาวๆกลับไปยังดินแดนซึ่งเป็นอาณาเขตในการปกครองดูแลของเขา
เรือแจวผ่านไปในม่านหมอกหนาทึบจนไม่อาจกำหนดรับรู้สภาพของกาลเวลาภายนอก เหนือผิวน้ำอันเยือกเย็นคือทะเลหมอกสีหม่นมองไปไม่เห็นฝั่ง มีเพียงเสียงพายกระทบน้ำอยู่เป็นระยะ ชายชรายังคงทำหน้าที่ของเขาอย่างเงียบงัน สายตาจับจ้องไปข้างหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
มือของไนท์ขยับไหว
ธารเลือดจากอกด้านซ้ายแห้งเหือดหาย หัวใจเริ่มทำงานอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นการพลิกฟื้นกลับมาครั้งที่เท่าไรราวกับการต้องคำสาปครั้งแล้วครั้งเล่า
ลุกขึ้นมานั่งพิงขอบเรืออย่างอ่อนล้า
สิ่งของบางอย่างหลุดลงบนพื้นเรือ เขาหยิบขึ้นมาดู
ใบผ่านทางไปยังยอดเขาสื่อสารนั่นเอง!
ตอนมาร์ลาสวางดาบลงบนอก เขาได้วางใบผ่านทางมาให้ด้วยราวกับจะรู้ว่านักรบปีศาจผู้นี้จะต้องฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ใบผ่านทางจะทำให้ไนท์พาเฟรี่ไปยังยอดเขาสื่อสารได้สะดวกขึ้น เนื่องจากบางช่วงของเส้นทางอยู่ในเขตการปกครองของมาร์ลาส ถ้าไม่มีใบผ่านทางคงจะต้องฝ่าฟันอันตรายมากมาย ซึ่งอาจหมายถึงความปลอดภัยของนางฟ้าตกสวรรค์คนนั้นด้วย ถ้าหากนักรบปีศาจเป็นอะไรไป
ชายชราคนส่งวิญญาณเหมือนรับรู้ความเคลื่อนไหวของผู้โดยสาร พูดขึ้นมาลอยๆว่า
“หัวใจที่แหลกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังพลิกฟื้นคืนสภาพขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่านี่ดีหรือไม่ดีอย่างไรกัน...”
ดีหรือไม่ดี..
หัวใจของผู้คนไม่ใช่ก้อนอิฐหินซึ่งพอแตกสลายก็ไม่สามารถกลับคืนสภาพเดิม แต่เป็นหัวใจซึ่งก่อกำเนิดความมีชีวิตรับรู้สิ่งต่างๆมากมายหลายหลาก การพลิกฟื้นคืนสภาพมารับรู้ความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่อาจนับเป็นเรื่องดีได้ นอกจากคนมีความทรงจำงดงาม แต่ในความจริงชีวิตย่อมมีทั้งสุขสมหวังหัวเราะ หยดน้ำตารอยยิ้มและความเศร้าหมองปะปนกันไปเป็นชีวิตอันพิสดาร
“บางที...ข้าก็ไม่อยากฟื้นคืนมา”
นักรบปีศาจพูดขึ้นมาลอย ๆ เช่นกัน เหมือนไม่ได้จำเพาะเจาะจงตอบใคร
“บางที..การลาลับดับสูญไปเลยก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม มันอาจไม่ใช่การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แต่คงไม่ต่างกันมากนักในแง่ของความรู้สึก ภพต่อไปก็ไม่ต้องรับรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร”
“แต่ผู้คนยังแย่งชิงไขว่คว้า ยึดถือ..” ชายชราเอ่ยปากขึ้นมาอีกด้วยวิธีการพูดจาในลักษณะเดิม “คิดว่านั่นนี่คือของเรา คนของเรา ใจของเรา สุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้”
เรือน้อยเคลื่อนคล้อยลอยหายไปในม่านหมอกหนาทึบ
มีเสียงเคาะประตูหลายครั้งอย่างสุภาพ เฟรีซึ่งกำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่บนเตียงหันไปมองแต่ยังไม่เดินไปเปิดประตูตามสัญชาตญาณของการระมัดระวังตัวเมื่อมาอยู่ต่างถิ่น จนกระทั่งมีเสียงคุ้นหูดังขึ้นว่า
“มีเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนค่ะ”
พูดจาเพราะๆแปลกๆแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสาวใช้ชั้นยอดคนนั้นหญิงสาวยิ้มออกมาได้เพราะกำลังเหงาอยู่พอดี การมีใครสักคนมาพูดคุยด้วยก็ทำให้หายเหงาไปได้
พอเปิดประตูออกไปก็พบว่าเป็นสาวใช้คนนั้นจริงๆ ยืนยิ้มอยู่ ในมือมีเสื้อผ้าชุดดำถือมาด้วยอย่างเรียบร้อย พอพยักหน้าให้เข้ามาในห้องได้สาวใช้คนเก่งก็เดินเข้ามายืนกลางห้องแล้วคลี่ยกชุดนั้นออกให้ดูพลางบอกอย่างยิ้มแย้มว่า
“ชุดนี้เหมาะกับคุณนะคะ”
นางฟ้าตกสวรรค์มองอย่างงงๆ เพราะสีดำเป็นสีซึ่งคนเบื้องบนไม่นิยมกัน
“จะลองสวมดูก็ได้นะคะ ”
“มันดูสั้นจัง”
"ส้ันๆแบบนี้ดูสวยนะคะ รูปร่างคุณเฟรี่ดีอยู่แล้วสั้นยังไงก็สวย และนายท่านกำชับว่าให้ใส่ชุดนี้ไปทานอาหารเย็นด้วย"
หญิงสาวทำจมูกย่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมยื่นมือไปจับเสื้อผ้าสีดำชุดนั้นมาทาบตัวดู รู้สึกว่ามันน่าจะพอดีกับตัวอย่างน่าแปลกใจราวกับมีช่างตัดเสื้อมาวัดตัวไปตัดให้
“ลองใส่ดูเลย เรียบร้อยก็ออกไปทานข้าวกันนะคะ”
ว่าพลางสาวใช้ก็หลบแวบออกไปอย่างนกรู้ ปล่อยให้หญิงสาวเปลี่ยนชุดตามลำพังและสะดวกใจ
ตอนแรกเฟรี่ไม่คิดจะใส่เสื้อผ้าชุดนี้เลย แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ลองเปลี่ยนเปลี่ยนชุดมาสวมชุดนี้ดู ซึ่งพบว่าพอดีกับเรือนกายของเธออย่างเหมาะเจาะลงตัวที่สุดให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่รัดไม่หลวมมากจนเกินไปราวกับเสื้อผ้าราคาสุดแพงในโลกเบื้องบน
ชุดสีดำขับผิวขาวสะอาดนวลเนียนของเธอให้กระจ่างสว่างชัดมากขึ้นทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจเพราะไม่เคยคิดว่าเสื้อผ้าสีดำจะสามารถทำให้สวมใส่แล้วรู้สึกสวยงามถูกใจได้
อาหารมื้อเย็นที่ไหนกัน.....น่าจะเรียกว่าอาหารมืดมากกว่า แต่หญิงสาวก็ยอมออกจากห้องลงไปยังห้องอาหารตามคำเชิญของปีศาจสาวเจ้าบ้าน เพราะรู้สึกว่าหิวขึ้นมาแล้ว
ในห้องอาหารอันเรียบง่าย โต๊ะอาหารรูปสามเหลี่ยม เก้าอี้วางสามที่ ช้อนจานวางสามชุด แสดงว่าจัดไว้สำหรับคนสามคน ปีศาจขาวเจ้าของผมสีขาวยาวสลวยและใบหน้าอันขาวซีดนั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น แม้จะไม่มีลูกตาสีดำก็พอจะเดาได้ว่ากำลังจ้องมองมาอย่างสนใจ
“สวยน่ารักดีนี่”
หลังจากแขกผู้มาเยือนนั่งลงเจ้าบ้านก็เป็นฝ่ายทักทายขึ้นก่อน ทำเอาเฟรี่อดไม่ได้ต้องยิ้มแบบเขินๆ แต่แล้วก็ตอบอย่างหน้าตาเฉยว่า
“ใครๆ ก็พูดกับข้าแบบนี้บ่อย ๆ จนข้าชินแล้ว”
“เบื้องบนคงมีแต่คนสวยๆงามๆ”
“ใช่แล้ว ส่วนมากก็สวยๆงามๆกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่หมดทุกคนหรอกนะ”
“อ้าว..”
ปีศาจขาวร้องเสียงสูงหันหน้ามามองขณะสาวใช้คนเก่งนำแก้วน้ำมาวางให้ “ข้านึกว่าจะมีแต่คนสวยๆงามๆเสียอีก แต่ถ้าเป็นแบบนั้นคงรู้สึกพิลึกดี”
“ไม่มีที่ไหนสมบูรณ์พร้อมหรอก”
เฟรี่ว่าขณะมองถาดอาหารบนโต๊ะอย่างไม่แน่ใจว่าอาหารมื้อเด็ดของค่ำคืนนี้จะเป็นศีรษะของใครอีก
“เบื้องบนความจริงข้าเองก็ยังไม่แน่ใจว่าอะไรคือด้านบนด้านล่างกันแน่หรือจะเป็นเพียงการเรียกแบบนั้นเท่านั้น”
ปากพูดไปแต่ใจก็นึกถึงช่วงเวลาที่โต้เถียงกับนักรบปีศาจคนนั้นเรื่องโลกกลมโลกแบนด้านบนด้านล่างตอนแรกก็เห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอคิดไปคิดมาก็น่าคิดเหมือนกัน บางอย่างแตกต่างกันอยู่ที่มุมมองเท่านั้น
“บางทีข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าโลกสวรรค์ที่ข้ารู้จัก จะเป็นโลกสวรรค์จริงๆ หรือไม่ แล้วสวรรค์จริงๆมันอยู่ที่ไหนกัน”
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ปีศาจขาวพูดขึ้นมาบ้าง “ว่าอเวจีแห่งนี้เป็นดินแดนนรกจริงๆ หรือไม่ แล้วนรกที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหนกัน ถ้าพูดถึงเบื้องบนเราก็มักจะนึกถึงสูงขึ้นไปจากพื้น แต่ถ้าโลกกลมทุกด้านก็สามารถเป็นด้านบนได้ทั้งนั้นเมื่อห่างออกไปจากผิวของทรงกลม”
พูดเหมือนไนท์เลย เฟรี่คิด
ว่าแต่เก้าอี้ว่างๆ อีกตัว รอให้ใครมานั่งกัน
แต่ดูเหมือนว่าจะรอไม่นานนัก เพราะร่างในชุดดำมอมแมมของใครคนหนึ่งก็ก้าวช้าๆมาจากประตูทางเข้าด้วยท่าทางระโหยโรยแรง หญิงสาวหันไปมองแล้วเบิกตากว้าง
นักรบปีศาจนั่นเอง ท่าทางตายยาก นึกถึงอยู่ก็โผล่มาทันที
ว่าแต่ไปฟัดกับใครมานั่น.... เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยขาดวิ่นสกปรกมีคราบเลือดสีดำเปรอะเปื้อนทั่วทั้งร่างโดยเฉพาะบริเวณอกด้านซ้ายและบ่าทั้งสองข้าง
พอไนท์นั่งลง เฟรี่รีบขยับเก้าอี้ออกห่างอย่างไม่แน่ใจ กลัวอีกฝ่ายจะกระโดดกัดคอหอยทั้งที่ยังไม่มีทีท่าคุกคามอะไรเลยสักนิด แต่ภาพของเขาซึ่งจับมือของเธอเอามีดแทงอกตัวเองยังจำติดตา คนบ้าแบบนี้จะไว้ใจได้แค่ไหนกัน
ปีศาจหันไปพยักหน้าถามสั้นๆว่า
“เรียบร้อย”
ไนท์พยักหน้าตอบโดยไม่ส่งเสียง หน้ากากสีขาวเย็นชาไร้อารมณ์ให้ความรู้สึกเย็นยะเยียบจับใจ
“ดีแล้ว”
เจ้าบ้านว่าพลางเอื้อมมือไปจับฝาครอบอาหารกลางโต๊ะ หญิงสาวหันหน้าไปด้านข้างยกมือปิดใบหน้าแบบไม่รู้ตัวไม่กล้ามอง
ปีศาจขาวหัวเราะเบาๆ ชะงักมือเอาไว้หันมาบอกว่า
“ไม่มีหัวของใครหรอกน่า ข้าไม่เคยใช้มุกเก่า”
ว่าพลางเปิดฝาครอบออก เฟรี่เอียงคอค่อยลืมตามองลอดผ่านนิ้วมือของตัวเองทีละน้อย ท่าทางเหมือนเด็กทำให้ปีศาจขาวอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ส่วนคนรับใช้สาวยืนอมยิ้มอยู่ด้านข้าง
ไม่มีอะไรน่ากลัว มีผักผลไม้มากมายหลายชนิดจัดวางพับซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ยิ้มออกมาได้
“ข้าชอบผักผลไม้ที่นี่”
หญิงสาวบอกพลางจับช้อนส้อมขึ้นมาอย่างหมายมั่นปั้นมือ เธอชอบรสชาติของผักที่นี่จริงๆ ให้ความกรุบกรอบอร่อยหลากหลายรสผสมผสานกันอย่างลงตัวจนลืมไปเลยว่ากำลังกินแบบมังสวิรัติ
แต่พอบังเอิญมองหน้านักรบปีศาจซึ่งนั่งเฉียงออกไปทางซ้ายมือก็ต้องรีบหลบตายิ้มแห้งๆ ด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆในใจ..เหตุการณ์ในสุสานความจริงเป็นเธอเองที่ไปหาเรื่องก่อกวนตอแยเขาก่อน แต่เรื่องจะให้ยอมรับผิดไม่มีวันเสียล่ะ
ว่าแต่ใส่หน้ากากแบบนั้นจะกินอาหารได้อย่างไร
ราวกับว่าไนท์จะล่วงรู้ความคิดในใจของอีกฝ่าย เขายกมือไปจับบริเวณคางแล้วมีเสียงดังคลิกเบา ๆ ส่วนของหน้ากากซึ่งปิดบริเวณปากพลันเลื่อนออกไปด้านข้างทำให้เกิดช่องว่างสามารถดื่มกินอะไรได้อย่างสบาย
“แบบนี้ขี้โกงนี่นา....” เฟรี่โวยวายขึ้นอย่างลืมตัว
”จะถอดหน้ากากออกก็ถอดให้ตลอดสิ มาถอดบางส่วนแบบนี้ได้ยังไง ไม่ยุติธรรมไม่ถูกต้องขี้โกงกันชัดๆ!”
ไนท์หันมามองคู่กรณีทันที ทำเหมือนจ้องหน้าครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“แล้วมีกฎหมายที่ไหนห้ามถอดหน้ากากบางส่วน ความจริงมันเป็นเรื่องส่วนตัวของข้า เป็นหน้ากากของข้า ข้าจะทำอะไรกับมันก็ได้ จะถอดหรือไม่ถอดยังไงก็เป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้าสักนิด”
“ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่ามันไม่ถูกต้อง” ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“แล้วถูกต้องคือยังไง”
“ก็ต้องกินแบบไม่ต้องถอดหน้ากากสิ หากใส่ดีนัก”
“แบบนั้นเป็นไปได้ที่ไหนกัน”
“ไม่รู้ล่ะ นั่นมันปัญหาของเจ้าไม่ใช่ปัญหาของข้า”
คราวนี้นักรบปีศาจหัวเราะหึหึในลำคอ ส่ายหน้าเหมือนขบขันอารมณ์พาลไม่มีเหตุผลและอยากเอาชนะของอีกฝ่าย หันไปตักอาหารมาวางบนจานของตัวเอง สังเกตได้ว่ามือยังสั่นระริกอย่างบังคับไม่ได้อันเป็นผลมาจากการต่อสู้ปางตายในช่วงบ่ายยังส่งผลมาถึงบัดนี้
“ท่าทางจะโดนมาหนักนะงานนี้”
ปีศาจขาวซึ่งนั่งเงียบๆอยู่พลันเอ่ยปากขึ้น ไนท์ถอนใจพูดช้าๆ ว่า
“เขาเป็นคนเก่ง ถ้าลงมือเต็มที่จริงๆ ข้าคงตายไปจริงๆแล้ว ดาบสุดท้ายเขายั้งมือเอาไว้ไม่แทงทะลุหัวใจของข้า”
เจ้ารู้ว่าเขาต้องยั้งมือ..?”
“ไม่..ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าเสี่ยงดูเท่านั้น”
คราวนี้ปีศาจสาวเจ้าบ้านเป็นฝ่ายถอนใจบ้าง แม้จะรู้จักกันกันมานานก็ไม่คิดว่าไนท์จะบ้าบิ่นเสี่ยงตายขนาดนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลในการเสี่ยง มาร์ลาสความจริงถึงตอนนี้จะอยู่คนละฝ่ายก็จัดว่าเป็นนักรบลูกผู้ชายคนหนึ่งเช่นกัน
เฟรี่ซึ่งกำลังตักอาหารเข้าปากต้องชะงัก มองหน้าไนท์อย่างสงสัยและไม่เข้าใจ หมอนี่ไปทะเลาะหนักกับมาร์ลาสคนนั้นได้ยังไง ไปทั้งๆที่บาดเจ็บจากคมมีดเจียนตายแบบนั้นยังมีหน้าไปหาเรื่องชาวบ้านอีกหรืออย่างไร ทำไมไม่รู้เรื่องเลย
“ปรกติหมอนั่นก็ไม่ใจอ่อนกับใครง่ายๆ” หมอนั่นของปีศาจขาวหมายถึงมาร์ลาส “นับว่าเจ้าทำอะไรที่เสี่ยงมากแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้มาร์ลาสจะแพ้เจ้าไปแล้ว แม้ว่าจะชนะทางกำลังฝีมือก็ตาม”
“ความจริงเขาก็เป็นคนไม่เลวคนหนึ่ง”
“นี่....แล้วเจ้าไปหาเรื่องชาวบ้านเขาตั้งแต่ตอนไหน” เฟรี่ถามขัดคอขึ้นอย่างอดใจไว้ไม่ได้ แต่ปีศาจขาวเป็นคนตอบแทนว่า
“ก็ตอนที่เจ้านอนสลบหมดสติอยู่นั่นล่ะ”
นี่ก็แปลว่าไม่ได้พักอะไรเลยสินะ ถึงมีท่าทางจะเป็นจะตายแบบนี้ และนี่คงเพิ่งจะกลับเข้ามาเพราะดูเสื้อผ้าท่าทางผ่านการเดินทางมาใหม่ๆ
“คืนนี้ข้าให้ไนท์พักอยู่ในตึกนี้” ปีศาจขาวบอกขึ้นมาอีก หญิงสาวหันไปมองหน้าคนจะมาพักร่วมชายคาตึก อยากรู้เหมือนกันว่าคนแบบนี้เวลามานอนในตึกหรูหราไม่ใช่ในป่าในดงจะนอนชักดิ้นชักงอไหม
“นอนห้องข้างๆห้องของเจ้านั่นล่ะ”
ปีศาจขาวพูดต่อ คราวนี้เฟรี่สะดุ้งโหยงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง นี่จะให้คนน่ากลัวแบบนี้มานอนห้องข้างๆได้อย่างไรกัน
“อะไร...ที่อื่นมีถมเถ ทำไมต้องมานอนห้องข้างๆข้าด้วย”
“เราไม่มีคนมาพักด้วยนานแล้ว ห้องอื่นๆเลยไม่ได้เตรียมเอาไว้ค่ะ” คนใช้สาวเป็นคนตอบแทน “อีกอย่างการที่เปิดห้องข้างๆติดกันแบบนี้ก็เป็นการสะดวกในการดูแลรับใช้นะคะ”
“แต่ความปลอดภัยของข้าล่ะ”
“อ๋อ.....มีผนังห้องกั้นอยู่แบบนั้น ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ข้าเจาะผนังเก่งมาก จะบอกให้” นักรบปีศาจกระซิบแผ่วเบา เฟรี่ฟังแล้วแทบจะร้องกรี๊ด ยิ่งเห็นรอยยิ้มมุมปากแบบชั่วร้ายของคู่กรณียิ่งทำให้รู้สึกใจคอไม่ดี เลยหันไปฟ้องปีศาจขาวด้วยเสียงอันดังว่า
“เขาบอกว่าจะเจาะผนังไปหาข้า”
“เอ๊ะ.....” ปีศาจขาวทำหน้าไม่รู้เรื่อง
“ข้าไม่ได้ยิน ว่าแต่เจ้าพูดแบบนั้นจริงๆหรือ” ประโยคหลังหันไปถามนักรบปีศาจ ไนท์พยักหน้าตอบว่า
“ใช่...ข้าพูดจริง”
“แย่จริง....” ปีศาจขาวส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“แบบนี้ข้าต้องให้เจ้าจ่ายค่าซ่อมผนังห้องให้ข้า”
อะไรกัน....นางฟ้าตกสวรรค์ฟังแล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีจนกลืนอาหารไม่ลงคอ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ ยังจะมาห่วงเรื่องผนังจะพังไม่พังอีก แทนที่จะห่วงคน พวกนี้เป็นบ้าอะไรกันหมดแล้ว
“ย้ายห้องข้าไปที่อื่นได้ไหม”
หันไปถามคนรับใช้สาว เธออมยิ้มตอบด้วยสีหน้าท่าทางเห็นอกเห็นใจที่สุดว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะ ห้องอื่นไม่ได้เตรียมและอีกอย่างห้องที่จัดให้ตอนนี้เป็นห้องผีดุน้อยที่สุด”
“หมายความว่ายังไง” ทำตาโตร้องถามเสียงสูง
“ก็หมายความว่าห้องอื่นผีดุกว่าห้องที่คุณเฟรี่พักอยู่ในตอนนี้น่ะสิคะ”
ฟังแล้วจะเป็นลม
ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ทำให้หญิงสาวรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที ตึกหลังนี้มีผีอยู่ทุกห้องเลยหรืออย่างไรกัน
ไนท์ตักอาหารใส่ปากอีกสองสามคำ แล้วขอตัวลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหารไป หญิงสาวหันหน้ามาทางปีศาจขาวทำท่าเหมือนจะถามอะไรออกมา แต่เจ้าของบ้านชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่า
“ตอนนี้สภาพของไนท์เขาต้องการพักผ่อนพักฟื้น ออกไปนอนในป่าในเขาไม่ได้ จะทำให้อาการแย่ลง เจ้าคงไม่ต้องการเสียคนนำทางมือดีในการพาออกไปสู่ยอดเขาสื่อสารหรือออกไปจากดินแดนแห่งนี้หรอกนะ”
เหตุผลแบบนี้ทำให้หญิงสาวพูดไม่ออก หันไปทางคนรับใช้สาวแต่รายนั้นก็พูดดักคอขึ้นก่อนอีกว่า
“ที่นี่มีกฎเหล็กว่าห้ามไม่ให้คนรับใช้นอนเป็นเพื่อนกับคนมาพักโดยเด็ดขาดค่ะ”
นี่มันอะไรกัน ...เฟรี่รู้สึกมึนงงไปหมด สุดท้ายเลยหันมากิน กิน กิน เป็นการใหญ่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองก่อนขอตัวกลับห้องพักด้วยอาการอ่อนใจ
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 21:28:31
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 21:13:03
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 21:00:24
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 20:58:08
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 20:56:01
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 20:53:23
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 20:43:57