Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"แก้วนพเก้า" บทที่ ๒๙(กลมาร) -บทที่ ๓๑(คำสาป ) [แนวจักรๆวงศ์ๆ อิงตำนาน] ติดต่อทีมงาน

แก้วนพเก้า ตอนที่ ๑-๙
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10094105/W10094105.html

แก้วนพเก้า ตอนที่ ๑๐-๒๘

http://www.hongsamut.com/readniyai.php?NiyaiDetailID=3849&niyaiid=364


++++++++++++++


แก้วนพเก้า บทที่ ๒๙ กลมาร


ปรางค์ทองเจิดจรัสตั้งตระหง่านอยู่บนชั้นฟ้า ณ ที่ๆเคยเป็นวิมานที่กักกันโอรสแห่งพระเพลิง...ในเวลานี้แม้เคหสถานจะเปลี่ยนไป หากความหมายก็มิต่างกัน

ภายนอกปรางค์ทองสว่างเรืองรองงดงาม หากภายในกลับมืดมนอนธกาลราวตกอยู่ในขุมนรก มีเพียงทิพยรัศมีจากกายของเพลิงประลัยเท่านั้นที่ทอแสงอยู่ท่ามกลางความมืด

โอรสแห่งพระเพลิงซึ่งต้องพระอาญาจากพระอุมาเทวี นั่งบำเพ็ญสมาธินิ่งไม่ใส่ใจต่อความวิเวกเดียวดาย แรงกดดันก่อเกิดอำนาจจิตที่แข็งกร้าว

เพลิงประลัยลืมตาขึ้นอย่างทุกข์ทรมาน

...ภาพความหมางเมินของบิดา...

...ภาพนางฟ้าพัทธิราที่ดับสลายด้วยน้ำมือของตนเอง...

...ภาพความเกลียดชังจากเหล่าเทวดานางฟ้าทั้งหลาย...

ประดังประเดเข้ามารบกวน


...ไม่!...ข้าไม่ผิด...มันเป็นเพราะความเกลียดชังของพวกเทวดานั่นต่างหากที่ทำให้ข้าเป็นแบบนี้...สักวัน…วันที่ข้าสามารถทำลายปรางค์นี้ลงได้ ข้าจะทวงทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวสวรรค์เคยทำไว้กับข้าคืน!...


“เพลิงประลัย เรามาเยี่ยมเจ้า” กระแสเสียงอ่อนหวานทะลุผ่านปรางค์ทองเข้ามา เพลิงประลัยสะดุ้งจากสมาธิ เสียงที่เขาเฝ้าถวิลหา...นิศาเทวี!

“เจ้าเป็นยังไงบ้าง” เสียงหวานนั้นยังแฝงความอาทร แต่เขาก็ไม่เคยปริปากตอบกลับไป ไม่ว่านางจะคอยหมั่นมาชวนสนทนาเท่าไรก็ตาม

“เราขอโทษที่ไม่ได้มาเยี่ยมเจ้านานแล้ว”


...สบายดีงั้นหรือ...การที่ถูกกักขังอยู่ในปรางค์อันมืดมิดในเวลาที่ท่านจากไปนานๆ มันทรมานแค่ไหน...ท่านรู้บ้างมั้ย...

 
“นิศาเทวี” เสียงของนางฟ้าสร้อยดาราดังขึ้น นางฟ้าองค์นี้มาทำหน้าที่แทนนางฟ้าพัทธิรา แต่ก็มิได้หนักหนาเท่า เพราะปรางค์ทองเป็นเครื่องกักขังเพลิงประลัยได้ดียิ่งกว่ากำลังของเทพเทวาทั้งหมด

“ท่านดูอ่อนล้าเหลือเกินนะ” คำทักทายของนางฟ้าสร้อยดาราทำให้ผู้ที่อยู่ในปรางค์ชะงักงัน ความห่วงใยต่อเทพธิดาโฉมงามไม่เคยเสื่อมคลาย


นิศาเทวี...ท่านเป็นอะไร!


“เราไม่เป็นไรหรอก”

“เรารู้ว่าท่านทุ่มเทกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่การทำความดีของเจ้าบางทีมันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้หรอกนะ”



แม้จะไม่โต้ตอบแต่เพลิงประลัยก็ได้ยินทุกถ้อยสนทนาชัดเจน


“เราเข้าใจเรื่องนั้นแล้วล่ะ เวลานี้เราทำได้แค่เพียงคอยปกป้องคุ้มครองพระอังคารในภาคโอรสธีรวงศ์ให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนโอรสคีรีจักร...คงได้แต่คอยดูอยู่ห่างๆ”

“อย่าทำอะไรเกินความสามารถของตัวเองนะ นิศาเทวี ไม่เช่นนั้นตัวท่านเองอาจจะต้องแตกดับ...พระอังคารทรงจุติลงไปกระทำภารกิจสำคัญ บุญบารมีของพระองค์จะช่วยให้พ้นภัยพาลทุกประการ”



…พระอังคาร...ทำไมนิศาเทวีจะต้องคอยปกป้องพระอังคารอยู่ตลอดเวลาด้วย...ทำไมพระอังคารถึงได้สำคัญต่อใครๆนัก!...



ดวงจิตของเพลิงประลัยบังเกิดแรงริษยาขึ้นอย่างมิอาจหักห้ามได้…ริษยาที่ผู้อื่นได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา!



สายวาโยโบกโบยพัดพากลิ่นสุคนธ์กำยานหอมอวลเคล้าคลอเสียงบรรเลงคีตามาให้นิศาเทวีรู้สึกตน...ถึงเวลาที่ต้องไปเสียแล้ว

“เราต้องไปแล้ว ฝากท่านดูแลเพลิงประลัยด้วยนะ”



...ไม่นะ นิศาเทวี...ท่านจะไปไหน...ข้าไม่ยอมให้ท่านไป!...


“ไม่ต้องห่วงหรอก ปรางค์ทองของพระแม่เจ้าไม่มีสิ่งใดทำลายได้”

ร่างระหงเกิดประกายแสงสีทองระยิบระยับก่อนจะเลือนหายไป


...ทำไมท่านไม่อยู่กับข้า นิศาเทวี ข้าอยากให้ท่านมาอยู่ใกล้ๆข้า...ท่านไม่รู้หรือว่าข้าโดดเดี่ยวอ้างว้างเพียงใด...

ในขณะที่ข้าต้องการท่าน แต่ท่านกลับไปคอยปกป้องพระอังคาร...ทำไมท่านไม่มาปกป้องข้าบ้าง...

:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

พิธีสักการะเทวีน้ำค้างจัดขึ้นภายในวิหารบนยอดเขาเดือนห้า คลาคล่ำด้วยเหล่าเสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่มากมาย

กลีบปุษมาลัยขาวบริสุทธิ์พรมน้ำมันหอมโปรยปรายรอบฐานเทวรูปองค์เทวี รวมทั้งเครื่องบวงสรวงอันประกอบด้วยธัญพืชนานาชนิด

“เรา...ราชาศักรินทร์และมเหสีมณีกานต์ขอถวายเครื่องสักการะบูชาแด่องค์เทวี ขอขอบพระคุณที่ทรงช่วยคุ้มครองธีรวงศ์ โอรสของเราทั้งสองให้ปลอดภัย ขอองค์เทวีจงโปรดรับเครื่องสักการะบูชาที่เราทั้งสองได้จัดเตรียมถวายด้วยเถิด”

ทันทีที่องค์ศักรินทร์และพระมเหสีคล้องปุษมาลัยไว้ที่หัตถ์ของเทวรูปหินอ่อน รัศมีสว่างเรืองรองก็ทอออกมาจากรูปจำลองนั้นเป็นอภินิหารบ่งบอกดุจเทวีน้ำค้างทรงรับเครื่องสักการะนั้นไว้แล้ว

“โอ! เทวีน้ำค้างทรงแสดงปาฏิหาริย์แล้ว ช่างเป็นบุญตาของพวกข้าพระองค์ยิ่งนักพระเจ้าค่ะ” อำมาตย์ศักดากล่าวอย่างตื่นเต้นที่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์น่าอัศจรรย์นี้

“ด้วยความเมตตาจากเทวีน้ำค้างที่ช่วยรักษาชีวิตโอรสของเราไว้ เราจะขออยู่รักษาศีลที่วิหารเป็นเวลาสามวันนับจากวันนี้ไป” มเหสีมณีกานต์ตรัสออกมาด้วยความศรัทธา

“น้องน่าจะกลับไปพักผ่อนก่อนไม่ดีหรือ”

“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ ถ้าได้รักษาศีลสงบจิตใจอยู่ที่นี่ก็นับว่าเป็นการพักผ่อนแล้ว เดี๋ยวให้คุณท้าวเพกามาอยู่ด้วยก็ได้เพคะ”

เห็นกำลังใจอันเข้มแข็งของพระมเหสีแล้วราชาศักรินทร์จึงไม่อยากขัดใจ

หลังจากที่พระบิดาและพระมารดาถวายปุษมาลัยเรียบร้อยแล้ว คีรีจักรก็ขยับเข้ามาใกล้เทวรูปเทวีน้ำค้าง พนมกรขึ้นอธิษฐานบ้าง

“หม่อมฉันคีรีจักร...ขอขอบคุณองค์เทวีที่ทรงช่วยคุ้มครองเจ้าพี่ธีรวงศ์จนปลอดภัย ขอให้เจ้าพี่เสด็จกลับมาเร็วๆ ด้วยเถอะ” กุมารน้อยคล้องมาลาไว้บนหัตถ์ของเทวรูปซ้อนกับพวงของพระมารดา พลันหยดน้ำใสอุ่นก็ตกลงมากระทบหลัง
มือจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“หยดน้ำ?...เอ๊ะ ทำไมมีน้ำหยดลงมาได้ล่ะ” พระพักตร์ของเทวรูปหินอ่อนอาบไปด้วยหยาดน้ำใสราวกับอัสสุชลคลอคลอง...รูปปั้นเทวีน้ำค้างร้องไห้!  

“คีรีจักร มีอะไรรึเปล่าลูก” พระมเหสีตรัสถามเมื่อเห็นพระโอรสเอาแต่จ้องพระพักตร์เทวรูปไม่วางตา

“เสด็จแม่...เสด็จแม่ทรงเห็น...” แต่เมื่อคีรีจักรหันไปมองเทวรูปเทวีน้ำค้างอีกครั้ง หยาดน้ำตานั้นกลับเหือดแห้งหายไปแล้ว

“ไม่มีอะไรพระเจ้าค่ะ”

:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

เสร็จสิ้นพิธีสักการะเทวีน้ำค้าง คีรีจักรกลับตำหนักด้วยใจที่ว้าวุ่น ก็แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด...เทวีน้ำค้างร้องไห้เพราะอะไรกันนะ

“หรือว่านั่นเป็นลางร้าย! จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าพี่ธีรวงศ์...” เมื่อหวนรำลึกไปถึงพระเชษฐาก็ยิ่งหวั่นวิตก

“มันไม่ใช่ลางร้ายอะไรหรอก เจ้าแค่เห็นภาพลวงตาเท่านั้นเอง!” เสียงนั้นราวปลอบประโลมหากเจือด้วยกระแสความเยือกเย็น  

“โมรากาฬ! นั่นเสียงเจ้าใช่มั้ย เจ้าอยู่ที่ไหนน่ะ” ภายในตำหนักวังเวงด้วยไร้เหล่านางกำนัลเช่นเคย

ภายในเงาสะท้อนของกระจกร่างที่เหมือนกับคีรีจักรราวกับพิมพ์เดียวกันก้าวผ่านม่านแก้วออกมา!

“เราอยู่นี่ คีรีจักร”

โอรสน้อยมองดูโมรากาฬที่ก้าวผ่านกระจกออกมาเอง ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ แม้ว่าจะเคยพบเจอมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยชิน โมรากาฬก็ยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่เช่นเดิม

“โมรากาฬ เจ้ามาอย่างนี้ทำให้เราตกใจนะ” ริมฝีปากของโมรากาฬหยักยิ้ม “ต่อไปเจ้าก็จะชินไปเอง”

“เราเจอเรื่องราวพิสดารเหนือความคาดหมายมาเยอะแล้ว เจ้าจะเป็นหนึ่งในนั้นหรือ”

“คงจะใช่ ข้าคือหนึ่งในเรื่องมหัศจรรย์ที่เจ้าพบ...แต่สิ่งที่เจ้าเห็นน้ำตาของเทวรูปน่ะมันคือภาพลวงตา”

“ภาพลวงตาอะไร” เขาแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด น้ำตาจากเทวีน้ำค้างที่สัมผัสหลังมืออุ่นวาบ

“เจ้าตาฝาด เพราะเจ้าคิดถึงพี่ชายของเจ้ามากเกินไปน่ะ พี่ชายที่...ไม่เคยคิดถึงเจ้า” ประโยคหลังเป็นคำพูดที่ดูจะกลั่นออกมายากเย็น แต่เงานั้นก็ใคร่อยากจะเอ่ยตอกย้ำ

“ไม่จริง!! เราไม่อยากฟังเจ้าใส่ร้ายเจ้าพี่!” คีรีจักรเดือดดาล ใจที่กำลังอ่อนแอไขว้เขว น้ำเสียงของโมรากาฬยังคงโอนอ่อนราวกับปรานี

“คีรีจักร เจ้าตามืดบอดเพราะหลงเชื่อพี่ชายเจ้า จนมองไม่เห็นหรือว่าใครที่จริงใจและคิดถึงความรู้สึกของเจ้าจริงๆ...ข้าเกิดมาจากความรู้สึกนึกคิดของเจ้า แต่...เจ้าก็หาว่าข้าใส่ร้ายพี่ชายของเจ้า คำพูดของข้ามันคือสิ่งที่เจ้าคิดอยู่ในใจ
ตลอดเวลานั่นแหละ”

คีรีจักรสัมผัสได้ถึงความเสียใจของโมรากาฬที่ถ่ายทอดออกมาครอบคลุมจิตใจ...มันทำให้เขารู้สึกผิด!

“เรา...ขอโทษ เราแค่ไม่อยากให้เจ้าพูดถึงเจ้าพี่แบบนั้น”

“ทั้งที่มันคือความจริงนะหรือคีรีจักร ความจริงที่พี่ชายเจ้าไม่เคยคิดถึงเจ้าแม้แต่น้อย…พี่ชายที่เห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ตัวเอง เขาทำความเดือดร้อนใหญ่หลวงแต่กลับกลายเป็นเจ้าที่ต้องมารับเคราะห์แทน”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ โมรากาฬ! เราไม่อยากฟัง! แล้วถ้าเราต่อว่าเจ้าอีก มันก็เพราะตัวเจ้าเองนั่นแหละ!” คีรีจักรหันหน้าหนี ในใจยิ่งสับสน เมื่อภาพที่ถูกพระบิดาลงทัณฑ์ผุดขึ้นมาในความทรงจำ

“ทั้งหมดที่ข้าพูด ข้าเพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าต้องเจ็บอย่างนี้ไปตลอด...อันที่จริง จะโทษแต่พี่ชายเจ้าก็คงไม่ได้ เพราะสาเหตุทั้งหมดมันก็เริ่มมาตั้งแต่ตอนที่เจ้าและพี่ชายถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว”

“เจ้าหมายความว่ายังไง” แม้จะไม่อยากฟังสิ่งที่โมรากาฬพูด แต่ความใคร่รู้ก็ทำให้อยากได้คำตอบ

“ข้าคิดว่าเจ้าไม่อยากรู้หรอก เพราะเรื่องนี้มันรวมไปถึงบิดาของเจ้าด้วย” คำพูดที่แฝงความนัยนั้น ยิ่งทำให้คีรีจักรสนใจ

“เราอยากรู้...เจ้าพูดออกมาขนาดนี้แล้วก็พูดให้หมดสิ”

ภายในความอ่อนแอนั้นยังคงแฝงความกล้าแข็งที่โมรากาฬต้องฝ่าฟัน



แต่นั่นแหละ...ยิ่งเจ้ากล้าแข็ง มันก็ยิ่งเป็นไปตามแผน…



“คีรีจักร เจ้าเป็นคนที่คู่ควรที่จะเป็นรัชทายาทแห่งคีรีรัตน์นครทุกอย่าง แต่ตำแหน่งนี้กลับเป็นของพี่ชายที่ไม่เอาไหนของเจ้า เพราะความลำเอียงที่...บิดาของเจ้ารักลูกไม่เท่ากัน” เป็นคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจคีรีจักรราวกับถูกคม
ศาสตราวุธนับพันกรีดแทง

“อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้...” คีรีจักรปลอบใจตัวเอง “เจ้าพี่ธีรวงศ์ทรงเป็นรัชทายาท ย่อมเป็นความหวังของเสด็จพ่อ ส่วนเรา...ถึงเสด็จพ่อจะไม่ค่อยทรงโปรด...แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะไม่รักเรานี่”

แม้จะพูดราวเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง แต่โมรากาฬก็จับได้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ

“แล้วรู้มั้ยล่ะ ว่าเพราะอะไรถึงเป็นอย่างนั้น”

“แล้วเจ้ารู้หรือ ว่าทำไม”  

“มันเป็นเพราะคำทำนายของโหราธิบดีก่อนที่พวกเจ้าจะเกิดมา โอรสฝาแฝด...องค์หนึ่งเกิดมาเพื่อปกปักรักษา...

อีกองค์เกิดมาเพื่อทำลายล้าง...แล้วคำทำนายก็ออกมาว่าเจ้าเป็นผู้ทำลายล้าง…เป็นกาลกิณีของบ้านเมือง”

“กาลกิณี! เราน่ะหรือ” ผู้ที่กำเนิดมาเพื่อทำลายล้าง...เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกรังเกียจตนเองเหลือเกิน

“ไม่ใช่หรอก เจ้าไม่ใช่กาลกิณี...คนที่เป็นกาลกิณีและเกิดมาเพื่อทำลายล้างคือพี่ชายเจ้าต่างหาก ตลอดเวลาเขาสร้างเรื่องเดือดร้อนเพราะความอยากรู้อยากเห็นจนก่อให้เกิดหายนะใหญ่หลวง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคีรีรัตน์นครในเวลานี้ก็เกิด
มาจากน้ำมือเขาไม่ใช่หรือ”

“แต่ว่าคำทำนายนั่นมันอาจจะไม่เป็นจริงเลยก็ได้”  

“ใช่ คำทำนายนั่นอาจจะไม่เป็นจริง แต่เรื่องของอนาคตในเวลานี้มันไม่สำคัญเท่าอดีตที่ผ่านมาหรอก...บิดาของเจ้าเชื่อคำทำนายนั่นและเกือบจะ...ฆ่าเจ้าด้วยมือของตัวเอง”

“ไม่จริง!!” คีรีจักรปฏิเสธลั่น

“เวลานั้นเจ้ายังเป็นเพียงแค่ทารกไร้เดียงสาเท่านั้น เพิ่งจะแรกเกิดเสียด้วยซ้ำ”  

“เราไม่เชื่อเจ้า!! ถึงแม้เสด็จพ่อจะไม่รักเรา แต่ก็คงไม่...” ความสับสนในจิตใจรุมเร้า “เจ้าโกหก ทำไมเจ้าต้องปั้นเรื่องพวกนี้มาหลอกเราด้วย พ่อที่ไหนจะฆ่าลูกได้!”

“ข้าไม่ได้โกหก ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็จงดูด้วยตาของตัวเอง!” โมรากาฬยืนยันจริงจัง และกำไลปิลันธโมราที่สวมอยู่บนข้อมือคีรีจักรก็กระเด็นหลุดออกมาราวกับถูกคลื่นพลังกระชาก ลอยคว้างอยู่ต่อหน้าและค่อยๆ ขยายใหญ่เป็นวงกว้างขึ้น
หมุนวน

ภายในวงกำไลปรากฏภาพจากอดีต เสียงกรรแสงจ้าของทารกแรกเกิดสลับกับพระสุรเสียงคร่ำครวญของพระมเหสีมณีกานต์ ภาพองค์ราชาศักรินทร์ที่กำลังเงื้อดาบเตรียมประหัตประหารทารกน้อยผู้มีปานรูปกงจักรสีดำประทับอยู่เหนืออุระ

...นั่น...คือตนเอง!...


คีรีจักรมองภาพอันโหดร้ายเหล่านั้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับหทัยจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาแดงก่ำอัสสุชลไหลอาบ  

“เสด็จพ่อ...” มือน้อยๆพยายามเอื้อมไปข้างหน้าราวกับปรารถนาจะจับต้องเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า หากสัมผัสนั้นกลับคว้าได้แต่เพียงอากาศที่ว่างเปล่า มือที่ยื่นออกไปทะลุผ่านภาพซึ่งปรากฎในวงกำไลนั้นราวกับเป็นมายา

“ไม่จริง...ไม่จริง...เสด็จพ่อ!!” ภาพนั้นยังคงวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เพื่อจะตอกย้ำความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของคีรีจักรอย่างโหดร้าย และไม่ว่าภาพที่เห็นจะเป็นจริงหรือไม่...แต่มันก็สามารถทำร้ายจิตใจของเขาอย่างแสนสาหัส



...ลูกทำอะไรผิดหรือพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อถึงพระทัยร้ายขนาดจะฆ่าลูกได้ลงคอ...



“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกนะ เพราะบิดาเจ้าหลงเชื่อคำยุยงของพวกเสนาอำมาตย์พวกนั้น”

“เจ้าคิดว่าเราจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าทำให้เราเห็นงั้นหรือ” คีรีจักรโต้แย้งทั้งที่ขาอ่อนแรงจนทรุดลงอย่างไม่อาจทรงตัวได้ ปล่อยน้ำตาให้ไหลริน

“แล้วเจ้าเจ็บปวดแค่ไหนล่ะ ที่ได้เห็น...คีรีจักร ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเศร้าเสียใจอย่างนี้ ข้าอยากให้เจ้าลุกขึ้นสู้...เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้บิดาเจ้าเห็นว่าเจ้าเกิดมาเพื่อรักษา มิใช่ทำลาย พิสูจน์ให้พวกขุนนางยำเกรงและนับถือเจ้า”

“ถ้าเสด็จพ่อทรงคิดเช่นนั้นจริงๆ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ใครเห็น” คีรีจักรกล่าวอย่างท้อแท้

“มีสิ! เจ้ามีความสามารถ แสดงให้ทุกคนเห็นสิว่าเจ้าเก่งกล้าพอที่จะปกครองคีรีรัตน์นครได้ไม่แพ้พี่ชายของเจ้า”

“ไม่มีทางหรอก เสด็จพ่อไม่ให้เราแตะต้องอาวุธใดๆเลย ถ้าหากเราแสดงให้พระองค์เห็น จะต้องทรงทราบแน่ๆว่าเราแอบเรียนศาสตราวุธ”

โมรากาฬเพียงแค่เผยยิ้มออกมา ก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์...ปิลันธโมราที่ลอยคว้างอยู่บนอากาศค่อยๆหมุนวนแปรเปลี่ยนเป็นกงจักรสีดำแวววาม

“กงจักร! เจ้าจะทำอะไรน่ะ” กงจักรหมุนคว้างก่อนจะลอยเข้ามาหาคีรีจักรที่ยังคงตกตะลึง

“มันเป็นของเจ้าแล้ว รับไปสิคีรีจักร...ไม่มีศาสตราวุธใดคู่ควรกับเจ้าเท่ากงจักรที่ทรงอานุภาพอีกแล้ว” คีรีจักรยื่นมือรองรับกงจักรที่ลอยมาอย่างไม่แน่ใจ

“นี่ล่ะคืออาวุธที่บิดาของเจ้าไม่มีทางรู้ได้แน่นอน แต่จะว่าไป...เขาก็ไม่เคยใส่ใจเจ้าอยู่แล้วนี่”

คีรีจักรเหลือบมองอีกฝ่ายที่เอ่ยตอกย้ำปมด้อยของตนเอง เหนื่อยที่จะโต้แย้ง ต่อให้โมรากาฬพูดอีกเป็นร้อยครั้งก็คงไม่สามารถทำให้เขาเจ็บปวดไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“กงจักรไม่ใช่อาวุธธรรมดา มันจะปรากฏก็ต่อเมื่อเจ้าต้องการเท่านั้น แต่อาวุธที่ทรงพลานุภาพที่สุดในพิภพคือสัญลักษณ์ที่อยู่ภายในตัวเจ้าต่างหาก”

โมรากาฬชี้ไปที่อุระด้านซ้ายของอีกฝ่าย

“เมื่อมันได้รวมเป็นหนึ่งกับโลหิตจากผู้ครอบครองดวงจิตแห่งแก้วนพเก้า เมื่อนั้นก็จะไม่มีใครพิชิตเจ้าได้ ไม่มี...”

“เจ้าหมายความว่ายังไง เราไม่เห็นจะเข้าใจเลย สัญลักษณ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดกับโลหิตผู้ครอบครองดวงจิตแห่งแก้วนพเก้า?”

คีรีจักรเริ่มหวาดหวั่นกับคำพูดของโมรากาฬ ดูเหมือนเรื่องราวต่างๆ มันจะเริ่มยุ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ว่าต่อไปภายภาคหน้าจะต้องพบเจอสิ่งใด

“เจ้ายังไม่ต้องเข้าใจอะไรตอนนี้ก็ได้ มันยังไม่ถึงเวลา เวลานี้แค่เจ้าทำให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถของเจ้าก็พอแล้ว...ลองดูสิ ว่าเจ้าจะใช้กงจักรในมือของเจ้าได้ตามปรารถนายังไง”

“เจ้าเอากลับคืนไปเถอะ เรายังไม่มีอารมณ์จะลองเล่นอะไรตอนนี้หรอก”

คีรีจักรตัดบท ปล่อยให้กงจักรสีดำหมุนวนอยู่กลางอากาศ ตนเองขึ้นไปนอนเงียบๆ บนบรรจถรณ์ หันหลังให้ เสียงโมรากาฬหัวเราะกวนอารมณ์

“ถึงเจ้าจะไม่มีอารมณ์เล่น แต่เวลานี้ถ้าเจ้าควบคุมมันไม่ได้...คงลำบากแน่!”

คำพูดของโมรากาฬทำให้โอรสน้อยต้องพลิกกายกลับมามอง ก่อนจะผวาลุกขึ้นทันที กงจักรสีดำหมุนผันราวพายุ ลอยเคว้งคว้างไร้ทิศทางไปรอบตำหนัก ฉวัดเฉวียนปัดสิ่งของต่างๆ ตกลงมา!

“โมรากาฬ! หยุดมันสิ เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก”

“มันเป็นของเจ้าแล้ว เราบังคับไม่ได้” อีกฝ่ายปัดความรับผิดชอบ

“แล้วจะให้เราทำยังไง!”

“บังคับมันสิ คีรีจักร ให้มันกลับมาหาเจ้า!” เสียงของโมรากาฬก็ดูจะมีความตื่นเต้นไม่ต่างกัน ยิ่งเมื่อกงจักรที่หมุนวนอยู่ภายในตำหนักพุ่งผ่านบัญชรออกไปนอกตำหนัก

“แย่แล้ว!!”

“รีบตามมันไปสิคีรีจักร!”

คีรีจักรกระโจนออกทางบัญชรวิ่งตามจักรที่ลอยคว้างออกไปไกลให้ทัน นับว่าโชคดีเหลือเกินที่เหล่านางกำนัลทั้งหลายกลับออกไปหมดแล้ว

นัยน์ตาสีฟ้าส่องประกายเรืองรองเมื่อมองตามร่างของโอรสน้อยที่วิ่งออกไปยังอุทยาน ก่อนที่จะสลายตัวจากตรงนั้นตามลงไป

“โมรากาฬทำไงดีล่ะ กงจักรมันไม่ยอมหยุดนิ่งเลย” คีรีจักรพยายามวิ่งไล่ตามจักรที่โฉบผ่านทุกสิ่งที่ขวางหน้า ก่อนจะโฉบผ่านหน้าคีรีจักรพุ่งตรงไปยังโมรากาฬที่ยืนอยู่ไม่ไกล โมรากาฬก้มหลบได้ทันควันก่อนที่จักรนั้นจะผันมาตัดศีรษะ
เมื่อพลาดจากครั้งแรกมันก็เลี้ยววกกลับมาอีกครั้ง

แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 54 12:04:58

จากคุณ : บทเพลงปีศาจ
เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 12:02:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com