คือที่มา นับเนื่อง เรื่องหลากหลาย
|
 |
คือที่มา นับเนื่อง เรื่องหลากหลาย
08 เมษายน 2554
นำเรื่อง
นี่เอง ที่นับเนื่อง เรื่องหลาก เรื่องหลาย
แรกเลยนั้นผมไม่ได้คิดจะบอกเล่าสารพัดสารพันเรื่องราวที่แวดล้อมตัวผมที่ได้มาอยู่ในย่านลาดพร้าวนี้นัก
เป็นเพราะงานที่ทำช่วงแรกที่มาอยู่ย่านนี้คือสานต่องานเก่าที่ค้างไว้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง หง เรื่องหมอจิตา เรื่องชุดผีเสื้อราตรี ผมทบทวนดูงานเหล่านั้นแล้วยังไม่พอใจนัก
ไหนๆก็ไหนในเมื่องานเก่ายังไม่ลงตัวผมเลยเห็นว่าน่าจะบันทึกเรื่องใกล้ตัวในปัจจุบันดีที่สุด
เรื่องชุดเรื่องแรกนั้น เริ่มเขียนไว้ตอนปลายเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว เรื่องนี้ จะออกมาในระยะเวลาอันใกล้ ถ้าไม่เหนื่อยเกินไปหรือขี้เกียจไปซะก่อน เรื่องต่อมาคือเรื่องของสาวๆหลายๆคนที่อยู่ใกล้ the milla บางคนก็อยู่ตึกเดียวกัน เรื่องราวจะออกมาในแนวปู่มองวิถีชีวิตของพวกเธอ อย่าเข้าใจเป็นอื่น อาจมีแนวปิ๊งบ้าง แต่มีบางคนที่ประทับใจในตัวเธอถึงขั้นเก็บไปฝันเป็นวรรคเป็นเวร ที่ฝันถึงนี่ มีอยู่สองคน คนหนึ่งนั้นไม่ได้อยู่ในตัวตึก อีกคนอยู่ห่างตึกไปไม่ไกล
ส่วนเรื่องแรกที่ออกมานี้ คือเรื่องที่เรื่องราวมีมากที่สุด มีตัวละครที่ผมใกล้ชิดเสมือนพี่น้องอยู่บ้านเดียวกันก็อยู่บ้านเดียวกันจริงๆเพราะวลีเรื่องอาศัยในบ้านที่ผมกับเขาอยู่ที่ the millaนี้ออกมาจากปากเขาคนนั้นจริงๆ
อีกหนึ่งเหตุผลที่ออกเรื่องนี้มาเป็นอันดับแรกเพราะเราสองคนเจอหน้าตากันทุกวัน สำหรับทุกวันของผมนั้นคือ 7 วัน ต่อสัปดาห์ แต่เขาหยุดงาน 1 วันต่อสัปดาห์ อย่างนี้จะให้เรียกว่าเห็นกันทุกวันได้อย่างไร ผมไม่บอกว่าเห็นกันอยู่หลัดๆก็ถือวาดีมากแล้ว เรื่องที่ว่าคือเรื่อง ชาย taa
กับอีกเรืองที่อยากบอกเล่าเก้าสิบเป็นเรื่องชุดไม่สั้นไม่ยาว คือเรื่อง เฮียข้าวแกง
นอกจากนั้นยังมีอีกเป็นพะเรอเกวียน อีกเรื่องที่อยากเล่ามากเหมือนกันคือเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับสาวแหร่มแจ่มแจ๋วใน the milla
เรื่องทั้งหมดที่ว่ามานี้ ผมจะแยกเป็นเรื่องใครเรื่องมัน ชุดใครชุดมันแล้วแต่สมอง อารมณ์ในแต่ละวันที่จะขับออกมาได้
ต่อไปเชิญทัศนาตัวหนังสือ คือที่มา ที่ทำให้แต่ละเรื่องเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้
จากคุณ : นับ-พา เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 54 08:02:05
ความคิดเห็นที่ 1
เมษายน 2554
ตึกเก่าที่ผมอยู่นั้นบรรยากาศภายในตัวอาคารเหมือนกับฉากในหนังสยองมาก ทั้งภายในห้องพัก ส่วนต่างๆไม่ว่า ช่องบันได โถงทางเดิน บางคืนตอนผมจิตตกเคยอยู่ในสภาวะอย่างนั้นมาแล้ว แต่พอนึกขึ้นมาได้ที่แท้หลอนตัวเอง นี่ถ้าสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนคงไม่เป็นแบบนั้นแน่
ผมไม่อยากกล่าวโทษตึกเก่าที่เคยพักมาก่อนหน้านี้เลยแต่วันนั้นเหลืออดจริงๆ
22 เดือนพฤษาคม ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมพักอยู่ในซอยปรีดีพนมยงค์ 46 ที่พักต่างกันกับที่ผมอยู่ทุกวันนี้ ต่าง ต่างกันมาก ตรงที่ว่าที่พักในซอยเดิมนั้น สร้างมายี่สิบปีแล้ว ส่วนที่นี่เพิ่งห้าปี
เกือบห้าทุ่ม ของคืนเดียวกันผมหลับไปแล้ว
และในคืนนั้นนั่นเอง มีเรื่องที่เป็นเหตุให้หาที่อยู่ใหม่ จนได้มาอยู่ the milla
เหตุการณ์ที่ต้องหาบ้านช่องห้องหับใหม่คือ เรื่องเสียง เสียงๆๆๆๆๆ
ผมเอี้ยวตัวไปทางซ้ายที่มีนาฬิกาปลุกอยู่เพื่อดูเวลา อะไรกันเพิ่งเลยเที่ยงคืนมาสองชั่วโมงทั้งๆที่หลับไปไม่นานนี้เอง คนจะหลับจะนอนไม่ได้เป็นอันนอนกันผมบ่นกับตัวเอง หลังจากไม่เต็มใจตื่นขึ้นมา
เสียงนั้นไม่ใช่เสียงที่ได้ยินแล้วรื่นหูเพราะต้นเสียงคือเสียงผู้ชาย 3 4 คน เหมือนคนเมาคุยกัน เสียงคนพวกนั้นดังมากลอยลงมาจากชั้นห้า ที่อยู่เหนือผมขึ้นไปหนึ่งชั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าถ้าเป็นเสียงผู้หญิงแล้วจะน่าฟังจนไม่อยากนอนนะครับ ลองถ้ามาโหวกเหวกโวยวายใกล้ๆทำให้หูผมต้องรับเสียงพวกเธอผมก็ต้องหาทางจัดการเหมือนกัน ใช่ว่าที่ the millaนี้ไม่มี ผมก็บอก ผู้จัดการตึกไปเหมือนกัน
พอรู้สึกตัวมากขึ้นความคิดแรกคืออยากโทร.ไปแจ้งตำรวจให้มาบอกพวกนั้นว่านอนกันได้แล้วจะอยู่คุยกันข้ามวันข้ามคืนเลยรึไง ถ้าจะคุยกัน เชิญไปเลยหนุ่มๆ สวนหลวงร.9 แต่ต้องรอเวลาให้ที่นั่นเปิดตอนใกลๆสว่าง รอไหวมั้ยล่ะ ถ้าไม่อยากออกไปรอก็นอนกันได้แล้ว
ด้วยความที่ตั้งแต่อยู่ที่อพาร์ทเม้นนั้นมา เรื่องการรบกวนนี้มีผลกับผมอย่างมาก โดยเฉพาะตอนกลางดึกซึ่งมีบ่อยๆ คุณที่เคยอยู่อพาร์ทเม้นท์มาหรือตอนนี้ก็ยังอยู่คงทราบเรื่องนี้ดีส่วนจะรับได้หรือไม่ก็แล้วแต่ละคนนะครับ ถ้าใครรักสงบ แล้วเจออย่างผมคงทนไม่ไหว หรือถ้ามีเหตุให้ต้องอยู่คุณก็ทนๆ ไป แต่ถ้าหาที่ทางใหม่ได้ก็ลองหาดูเพราะทุกวันนี้อพาร์ทเม้นท์ในกรุงเทพฯมีล้นเหลือและบางที่ถ้ามีเสียงเอะอะรบกวนจากห้องข้างเคียงก็แจ้งผู้ที่ดูแลให้จัดการให้ เหมือนที่ผมอยู่ทุกวันนี้ ส่วนคนที่อยู่แล้วชอบเสียงอึกทึกครึกโครมก็เชิญอยู่ต่อไปนะครับในที่ที่ท่านชอบ ผมไม่เอาด้วยคนนึงละ
เพราะความที่ผมไม่อยากทนต่อไป ตอนสายๆของวันนั้นเอง ผมลงไปโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะ มีถือมีครับแต่ไม่อยากใช้ เราควรใช้โทรศัพท์สาธารณะกันบ้างเป็นการลดการใช้โทร.มือถืออย่างฟุ่มเฟือยแม้แต่ละบริษัทจะกระหน่ำโปรโมชั่นกันก็เถอะ อีกย่างเป็นการลดภาวะโลกร้อนด้วยทางหนึ่ง
ในตู้โทรศัพท์ทีโอทีนั้นเอง ผมยกหูโทรศัพท์แนบหูซ้าย แล้วหยอดเหรียญลงไปสองบาท กดรหัส 1234 ตามด้วยเลข 081 --- ---- ไม่นานนัก เสียงจากผู้รับสัญญาณมือถือตอบกลับมาในสาย ถามว่าผมเป็นใคร นับ พา ชื่อนี้เองที่ผมเลือกบอกไปเพราะคนในสายคงนึกขึ้นมาได้ว่าผมเป็นใคร
ชื่อนี้ทำเอาคนรับสาย งง ใครครับชื่ออย่างนี้มีด้วยหรือ เขาถามอีก ก็ นับ พา เพื่อนเก่าที่เรียนกันมาตั้งแต่ ป.1จนจบ ม.ศ. 5 ห้องเดียวกัน แล้วตอนเด็กๆยังนั่งนับเลขด้วยกันจำได้มั้ย อ๋อ นายเอง คราวนี้คนในสายใช้สรรพนามเรียกผมแบบคุ้นเคยขึ้นมา ตะกี้มีถามใครครับ แต่ดีแล้วที่เพื่อนเรียกผมอย่างที่เรียกจะได้เย็นใจได้ว่าคงหาที่อยู่ใหม่ได้แล้ว 12 ปีเชียวนะครับที่ผมกับเพื่อนเรียนร่วมโรงเรียนเดียวกันมา
ความจริงเรื่องความสนิทสนมกับเพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรใกล้ชิดกันเป็นพิเศษมากนัก ตอนที่อยู่โรงเรียน ผมกับเพื่อนต่างมีกลุ่มของตัวเอง เพื่อนนั้นมีกลุ่มอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนผมมีเพื่อนอยู่ต่างห้อง สงสัยมาจากนิสัยส่วนตัวที่ไม่มีเพื่อนในห้องคบ แต่มันก็แปลกนะที่มีเพื่อนคนหนึ่งในห้องเดียวกันที่ทุกวันนี้มาสนิทกันมาก และที่สำคัญเพื่อนได้พาให้ผมไปรู้จักโรงแรม เรด อินน์ ที่ทำให้ได้เรื่องราวงานชุดอื่นๆเพิ่มขึ้นมาอีก
เราทักทายกันพอหอมปากหอมคอจากนั้นเพื่อนเริ่มเข้าสู่บทสนทนา ซึ่งผมน่าจะเป็นฝ่ายเริ่มมากกว่า อ้าว ก็ผมเป็นฝ่ายโทร.หาควรจะเป็นฝ่ายเริ่มหรือเปล่า แต่เป็นเพราะเพื่อนคงไม่อยากร่ำรี้ร่ำไรไปมากกว่านั้น
ว่าไง เพื่อนไม่ได้ฉุนหรอกนะครับ เพื่อนถามถึงว่าผมมีอะไรถึงได้โทร.หา เพื่อน อาจจะคิดอย่างนั้น เพราะทั้งปีทั้งชาติ ผมไม่เคยยกหูพูดคุยกับเพื่อนคนนี้เลย
เราจะไปอยู่กับนายแล้วเพื่อน เสียงผมอ่อนละโหยมาก เพราะร่างกายผมอ่อนล้าเต็มทีจากการไม่ได้นอนในคืนนั้น แต่ผมต้องทำตัวและเสียงให้เข้มแข็งเข้าไว้เป็นลูกผู้ชายต้องมีความอดทน มีเพลงๆหนึ่งเคยร้องบอกไว้
น้ำเสียงนั้นถ้าเพื่อนมีเรดาร์จับ อุปกรณ์ชิ้นนั้นคงบอกว่าผมจะมาขออาศัยที่ตึกของเพื่อน ซึ่งก็เป็นความจริง
มาดิ๊ๆเสียงเพื่อนลอยจากมือถือเข้ามาในกระบอกโทรศัพท์ที่ผมถืออยู่ ว่าแต่ตึก ของนายอยู่แถวไหน ลาดพร้าว 100 กว่า ลาดพร้าว 100 กว่า กว่าแค่ไหนเพื่อน กว่านี่ฟังแล้วมันเยอะนะ เท่าที่รู้กับจำได้ถึงแม้จะได้ไม่ดีนักเพราะตอนนี้เราจัดอยู่อยู่ในจำพวกปลาทองบวกอัลไซเมอร์นิดๆ ลาดพร้าวมีเกิน 100 ไปหลายสิบซอยไม่ใช่หรือเพื่อน
เอางี้ ถ้านั่งรถมาจากเดอะมอลล์จะไปห้าแยกลาดพร้าว ปากซอยมีโชว์รูมรถยุโรปอยู่ เดอะมอลล์ไหนเพื่อนเอ๋ยเสียงผมแก่เอาการตามหัวที่ขาวเกือบหมดแล้ว ผมแทรกการบอกทางของเพื่อน โธ่ เดอะมอลล์บางกะปิ รู้จักมั้ยครับ คุณนับ พา เพื่อนผมคงไม่อยากใช้วาจารุนแรงไปกว่านี้ แต่คงอดไม่ได้ที่พูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม ก็ผมจะไปรู้ได้ไง เดอะมอลล์มีตั้งหลายสาขา ที่ผมคุ้นล่ะก็นู่น งามวงศ์วานเพราะสาขานั้น ผมผ่านเมื่อสิบปีที่แล้วบ่อยๆ
จะว่าไปเดอะมอลล์ที่เพื่อนพูดถึงนี้ผมก็คุ้นไม่น้อย เพราะตอนห้างฯนี้เปิดใหม่ๆผมพักอยู่ ถนนสุขาฯ 3 นี่เอง
ถึงแม้ผมจะตอบเพื่อนไปตามความคิดเท่าที่เห็นภาพในหัวของถนนตอนนั้น ภาพของย่านนั้นยังไม่ชัดอยู่ดีว่าถนนลาดพร้าวกับเดอะมอลล์สาขาที่เพื่อนพูดถึงเกี่ยวโยงกันแบบไหน เลยถามเพื่อนไปว่าถึงปากซอยแล้วให้เข้าซอยเลยหรือให้ทำเงอะๆเงิ่นๆไปถามทางกับคนแถวนั้นว่าตึกของเพื่อนอยู่ไหน แต่ผมว่าพวกคนที่ผมเข้าไปถามคงให้ความช่วยเหลือดีไม่น้อย เพราะวันที่ผมเข้ามาที่ เดอะ มิลล่า สภาพผมไม่เหมือนคนเลย เสื้อผ้าเยินมาก ดวงตาอิดโรย ฯลฯ
ไม่ก็พวกเขาอาจเดินหนีก็ได้วา นาย นับ พา นี่คนบ้าหรือคนดี เพราะเห็นสภาพผมแล้วคงไม่อยากพูดด้วยก็เป็นได้
จากคุณ : นับ-พา เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 54 07:10:25
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 54 12:24:59
จากคุณ |
:
นับ-พา
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ค. 54 11:28:49
|
|
|
|