ส่งท้ายบทเมืองคนใบ้
1
เอาน่า แล้วข้าจะมาเยี่ยมเจ้า
เด็กหญิงพูดพร้อมส่งยิ้มยิงฟันให้ มือเล็กเอื้อมไปลูบหัวศีรษะเด็กชายเหมือนอย่างที่เลียนแบบมาจากใครอีกคน แต่กลับกลายเป็นการเรียกเสียงสะอื้นหนักขึ้นไปอีก น่ากลัวว่าหากร้องดังยิ่งกว่านี้คนในบ้านของคินโรจะได้รู้กันหมดว่านางแอบมาหาเด็กชายถึงบ้าน
เป็นผู้ชายจะมาร้องไห้สะอึกสะอื้นได้อย่างไร! โถ่เอ๊ย...เจ้ากำลังจะทำให้ข้าร้องไห้ตาม
สิ้นเสียง เด็กชายโผเข้ามากอดนางอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สุดท้ายแล้วหยาดน้ำใสก็ไหลซึมออกมาจากหางตาของนางจนได้ เด็กหญิงรีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้ง ไม่ต้องการให้คินโรเห็นว่านางกำลังอ่อนแอ ไม่เช่นนั้นแล้วนางคงใจอ่อนไม่กล้าจากไปไหน อีกทั้งคำพูดว่าจะกลับมาเยี่ยมก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำให้เป็นจริงได้หรือไม่
กลัวแต่ว่าการจากลาครั้งนี้จะเป็นการจากลาอย่างถาวร
สัญญานะว่าเจ้าจะกลับมาหาข้า!
คินโรผละออกมาจากร่างของเด็กหญิงพร้อมเอ่ยท้วงคำสัญญาด้วยท่าทางเอาเรื่อง ทั้งที่น้ำตายังไม่เหือดแห้งเลยแท้ๆ
เราจะต้องได้เจอกันอีก คินโร
ราวกับเป็นการพูดย้ำกับตัวเอง ใช่ ไม่ว่าอย่างไรนางจะต้องได้กลับมาพบเพื่อนคนแรกที่ไม่เคยทอดทิ้งนางไม่ว่ายามใด เพื่อนคนเดียวที่อยู่ข้างนางเสมอ
ข้าชอบเจ้ามากเลยแคลร์ ข้าอยากไปด้วย ข้าไปด้วยไม่ได้หรือ
เด็กหญิงแย้มรอยยิ้มอ่อนเศร้า ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
เจ้ามีครอบครัวนะคินโร จะมาเป็นคนเร่ร่อนได้อย่างไร
แต่เจ้าเองก็เป็นครอบครัวของข้า
ทั้งสีหน้าและแววตาของเด็กชายนั้นซื่อตรงต่อความรู้สึกที่แท้จริงอย่างไม่มีบิดเบือน และความรู้สึกอันซื่อตรงนี้ก็ทำให้นางซาบซึ้งยิ่งกว่าครั้งใด น่าตลกที่การจากลากลับทำให้นางค้นพบว่าตนเองนั้นไม่ได้อยู่เพียงตัวคนเดียว แม้ว่าเด็กชายอาจจะไม่มีวันเข้าใจนางอย่างแท้จริง แต่คินโรก็ยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่มองเห็นนางดุจดั่งคนในครอบครัวเดียวกัน
ความจริงในใจของเด็กชายที่เพิ่งจะได้รู้ในยามนี้เกือบจะเปลี่ยนความตั้งใจทั้งหมด แล้วตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อไป
ข้าต้องรีบไปแล้ว นางตัดใจแกะมือของเด็กชายที่เหนี่ยวรั้งตัวนางออกไป เจ้ายังส่งจดหมายมาหาข้าได้นี่ ตราบใดที่บ้านของเจ้ายังร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน
พูดไปแล้วบางครั้งก็เหมือนดั่งตอกย้ำจิตใจตัวเองให้หมองเศร้า ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงเรื่องที่นางเป็นคนไร้บ้าน ไร้ญาติ ในขณะที่คินโรเติบโตมาในครอบครัวที่แสนจะเพียบพร้อม และรังเกียจนางเหลือเกิน
ขอบคุณที่เจ้าเห็นข้าเป็นครอบครัวของเจ้า นั่นทำให้ข้าซาบซึ้งจริงๆ
ข้าไม่มีวันโกหกเจ้า
ข้าเชื่อ
แม้ว่าในความคิดของนางแล้ว คำว่าครอบครัวจากปากคินโรนั้นช่างเป็นหลักลอยที่จับต้องไม่ได้ แต่ความรู้สึกยินดีและซาบซึ้งนั้นยังคงโอบล้อมหัวใจไว้ พยายามเชื่อมั่นในสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
คินโร! นี่ลูกอยู่ไหน
แว่วเสียงตะโกณเรียกดังลอดออกมา เด็กชายหันกลับไปมองภายในบ้านอย่างลุกลี้ลุกลน แม่ของเด็กชายจะต้องไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่งหากเห็นว่าแคลร์ลอบมาพบเขาที่หน้าบ้านเช่นนี้ ช่วงเวลาสุดท้ายของการได้พบเห็นหน้าเพื่อนหญิงตัวน้อยนั้นช่างสั้นเหลือเกิน
ลาก่อนคินโร
นางกระซิบเสียงเบา ให้นี่เป็นคำพูดสุดสุดท้ายของนางในความทรงจำของเด็กชาย และลาจากกันด้วยรอยยิ้มคงเป็นภาพที่งดงามที่สุด
ลาก่อนแคลร์ ข้ารักเจ้า
ลาก่อน...เพื่อนที่ดีที่สุด
2
เสียงหอบน้อยๆ ดังแว่วเข้ามากระทบใบหู ปลุกให้ตัวตลกลืมตาขึ้นอย่างเนิบชา
ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งกระหืบกระหอบเข้ามาหาชายหนุ่ม เหมือนดั่งหวาดกลัวว่าเขาจะไม่ยอมรอนางแล้วจากไปโดยไม่รักษาวาจา
พร้อมแล้วหรือ
ชายหนุ่มขยับกายลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน มือหนายกขึ้นขยับหน้ากากสีขาวที่ยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำจากผลส้มและมะเขือเทศเนื่องจากยังไม่มีโอกาสล้าง เรือนผมสีดำยาวถักเป็นเปียเลื่อนลงจากบ่าทิ้งตัวยาวตามแรงโน้มถ่วงของโลก
เช่นนั้นก็ไปกันเถิด
เขากล่าวพลางก้าวนำเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงพยักหน้าตอบรับแล้ว และแววตายังคงมุ่งมั่นอยู่
ขอบคุณท่าน อาจารย์
ตัวตลกปรายตามองรอยยิ้มกว้างของเด็กหญิง ช่างเป็นภาพที่ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย เมื่อรอยยิ้มของนางในยามนี้เป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์เหมือนดั่งคนที่ได้ลบทิ้งซึ่งความลังเลทั้งปวงออกไปแล้ว และรอยยิ้มนี้ก็ได้ตอกย้ำคำตอบบางอย่างของเขา
บางที...บางที นี่อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
จากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าจังจา แปลความหมายคือเด็กน้อย เหมือนดั่งที่คนเรียกข้าว่าตัวตลก เมื่อเห็นว่านางเอียงคอเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ เขาจึงอธิบายเพิ่ม เป็นเพียงชื่อเรียกในการเป็นตัวตลก แต่ไม่ใช่ชื่อจริง
จังจาเป็นภาษาที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แล้วชื่อจริงของท่านเล่า
นั่นไม่สำคัญ เขาตอบห้วนสั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ข้าเองก็เคยมีอาจารย์ นามของข้านางเป็นคนตั้งให้ และข้าก็ได้ทิ้งมันไปแล้วเมื่อท่านสิ้นใจ
ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับเหม่อมองทอดไปไกล คล้ายจะเป็นการรำพึงกับตัวเองมากกว่าพูดให้ใครได้ฟัง
เช่นนั้นท่านก็ตั้งชื่อข้าให้ใหม่ด้วยสิ
น้ำเสียงของนางปนด้วยความเอาแต่ใจเล็กๆ และความอยากรู้อยากเห็น นั่นจึงทำให้เขาชัดเจนแก่ในแล้วว่าแท้จริงแล้วนางเอกก็เป็นเพียงเด็กน้อยธรรมดา เมื่อความเศร้าและความไม่สนิทใจเหือดหายไปก็เผยให้เห็นเนื้อแท้อันเป็นตัวตนแท้จริง
นามไม่ได้สำคัญกับตัวตลกนักหรอก
ตัวตลกแสร้งพูดเสียงขรึม ก่อนจะยิ้มกว้างเห็นฟันขาว
แต่นามนั้น...
นางตั้งท่าจะโต้แย้ง แต่สุดท้ายแล้วก็กลืนคำพูดลงคอ
พูดมาเถิด
คำเรียกว่าแคลร์นั้นข้าไม่รู้ว่าได้มาจากใคร มันจึงไม่สำคัญและข้าก็อยากจะลืมเรื่องราวของที่นี่ไปเสีย แต่ยกเว้นคินโรนะ ข้าจะไม่ลืมเขา แล้วที่ข้าอยากให้ท่านตั้งชื่อให้ใหม่นั่นก็... เด็กหญิงหลุบตาลงเล็กน้อย ท่าทีอึกอัก ข้าแค่อยากได้ชื่อใหม่ มิผิดไม่ใช่หรือ!
นันนา ทัวลีนา
ตัวตลกเปรยเหมือนดั่งพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ราวกับชื่อนี้ลอยขึ้นมาเหมือนปุยเมฆขาวบนพื้นนภาว่างเปล่า ท่ามกลางความรู้สึกที่เลือนราง เพียงคิดว่าชื่อที่หลุดออกมาจากปากของตนโดยปราศจากความตั้งใจนั้นอาจไพเราะสมตัวนางในวันหนึ่ง
มันมีความหมายว่าอย่างไร เป็นชื่อที่แปลกประหลาดยิ่ง
เมื่อมีนามแล้วก็จงอย่าบอกนามให้ใครรู้โดยง่าย
เขากลับว่าไปอีกเรื่อง เร่งก้าวเดินให้เร็วขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าตนนั้นเอื่อยเฉื่อยมากไปแล้ว ก่อนจะเหลียวมองเด็กหญิงที่เร่งฝีเท้าตามมา รู้สึกไม่คุ้นเคยกลับการมีใครร่วมทาง ทว่าน่าแปลกนักที่เรื่องนี้กลับไม่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลอีกต่อไป มีเพียงรอยยิ้มอ่อนจางซึ่งปรากฏขึ้นมาที่มุมปากอย่างเงียบงัน...
เด็กน้อย...ข้าขอให้เจ้าเติบโตอย่างงดงามดุจดั่งนามที่ข้ามอบให้
เด็กน้อย...อรุณใหม่จะเริ่มต้นแก่เจ้า