Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกรียนเทพ ตอน มะพร้าว กับ เกรียนเทพแห่งความรัก ..... ติดต่อทีมงาน

""                                                                                                                                                                                          ""
                                                                                           
   



           นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา เกือบตีหนึ่งแล้ว ลูกค้าในร้านเหลืออยู่เพียงสองโต๊ะ  พี่แท็ก เดินไปเปิดไฟในร้านเพื่อเตรียมจะเก็บร้าน ฉันและ

เพื่อนในวงกำลังทยอยเก็บเครื่องดนตรีลงกล่อง  เสียงเพลง  “ love  hurth ” ที่บรรเลงโดยวงดนตรีวงโปรดของฉัน incubus ดังขึ้นแทบจะเป็น

เวลาเดียวกันกับที่แสงไฟสว่างขึ้น เหมือนมีใครบางคนตั้งเวลาไว้  ฉันหยุดมือจากสิ่งที่กำลังทำ อนุญาตให้ความคิดหนึ่งเข้าครอบครองทุกส่วนของร่าง

กาย จนเหมือนมันล่องลอยไปแสนไกล  


         “ ได้เจ็บปวดบ้างมันก็ดี เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ได้รู้ว่าเรายังหายใจอยู่  ได้เสียใจเพราะความรักบ้างก็ดี เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ได้รู้

ว่าเรายังสามารถที่จะรักใครได้อยู่ แต่การต้องมาเจ็บปวดเสียใจกับเรื่องราวความทุกข์ทรมานในใจของคนอื่น ที่เขาไม่สามารถรักใครได้เลยนั้น มันไม่ดี

เลย ”   นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังครุ่นคำนึงอยู่ภายในใจในตอนนี้


             ผ่านไปครู่หนึ่ง ไม่นานเท่าไร บทเพลงช้ำรักนั้นจบลงแล้ว แต่ฉันยังคงล่องลอยอยู่ในความคิดนั้นของตัวเอง จนกระทั่ง เสียงพูดหนึ่งของหญิง

สาวที่ดังขึ้นในร้าน ปลุกฉันตื่นจากภวังค์ เพราะน้ำเสียงนั้นดังกว่าการพูดคุยธรรมดา ฉันมองตามเสียงนั้นไปเห็นหญิงสาวในเสื้อยืดสีขาว ผมยาวสลวย

เธอกำลังยืนจ้องหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงโต๊ะมุมร้าน กับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่คืนนี้เขาพากันมานั่งดื่ม และฟังเพลงตลอดคืน  


             “ พร้าว ทำไมเลวได้ถึงขนาดนี้ ทำไมต้องทำอย่างนี้กับปราย  ” ไม่รู้หญิงสาวในเสื้อยืดสีขาวผมยาวสลวย คนนี้เธอเข้ามาในร้านตั้งแต่เมื่อ

ไร แต่ดูจากถ้อยคำ น้ำเสียง และท่าทางที่เธอกระทำ เธอคงกำลังเจ็บปวดและเสียใจจากการกระทำของชายหนุ่มที่ชื่อพร้าวนั้นอย่างแน่นอน  


              “  เพรี้ยะ... ”  เสียงฝ่ามือของเธอกระทบแก้มชายหนุ่ม เต็มแรงจนหน้าหัน


              หยดน้ำตาของเธอที่รินไหล อาบใบหน้าอันงดงามนั้น เมื่อเธอหันหลังให้เขาพอดีมา สบตากับฉันที่ยืนนิ่งอยู่บนเวที บอกทุกเรื่องราวความเจ็บ

ปวดภายในใจ ของเธอในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี  บรรยากาศในร้านช่างเงียบงัน เหมือนถูกหยุดเวลาไว้ ไม่นาน ก็ได้ยินคำพูดดังๆออกจากปากของชาย

หนุ่มที่โดนตบหน้าตอบกับมา ขณะที่เธอกำลังจะก้าวเดินออกจากร้านไป


             “ ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยบอกปรายนะ ว่าเรารักปราย ตลอดเวลาที่เราคบกัน เราก็แสดงออกเต็มที่แล้วว่าเราแค่ต้องการใครสักคนเพื่อคลาย

เหงา เท่านั้นเองและจนถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่เคยคิดจะรักใครจริงๆ ซักที ... ”


         “ เพรี้ยะ ... ” เสียงฝ่ามือกระทบแก้มอีกข้างหนึ่งของเขา ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ


               แต่ครั้งนี้มาจากหญิงสาว ที่นั่งอยู่กับเขา เธอลุกขึ้นยืนจ้องเขา ก่อนเอ่ยคำด่าแรงๆ ใส่หน้าชายหนุ่ม ที่หน้าหันไปตามแรงตบนั้น


              “ ไอ้เลว ไอ้ผู้ชายเฮงซวย  มรึงมันไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลย ”


         เธอยกแก้ว ค็อกเท็ล ที่เหลืออยู่สาดไปที่ใบหน้าของเขา ก่อนหยิบกระเป๋าถือ เดินผ่านหน้าหญิงสาวที่ยืนร้องไห้อยู่ และหันกลับมามองไป โดย

ไม่มองหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตานั้น ออกจากร้านไป ทำให้บรรยากาศภายในร้านเงียบงันขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าปราย จะกล่าวคำพูด

หนึ่งที่ฉันไม่มีวันลืม


               “  ถ้าหากที่ผ่านมามันเป็นอย่างที่พร้าวพูด จริงๆ ปรายก็คงจะโง่ไปเองที่ไปรักคนที่ไม่เคยคิดจะรักใคร และถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ปรายก็

ขอให้คนที่พูดอย่างนั้น  ชาตินี้ขอให้เขาอย่าได้มีความรักเลย ”

                       
          แม้เธอจะหยุดร้องไห้แล้ว แต่คราบน้ำตายังคงแปดเปื้อนบนใบหน้า แต่อย่างไรก็ตามมันย่อมมีวันเหือดหายไป เหมือนความเศร้าเสียใจในตอน

นี้ ที่มันแปดเปื้อนใจ เมื่อถึงเวลาหนึ่งมันย่อมสลายไปเช่นกัน ฉันรู้ดีว่ามันจะเป็นเช่นนั้น เธอจะไม่เป็นอะไร เมื่อเวลาผ่านไปเธอจะหายดี แต่ความ

ทรมาน ของคนที่ไม่สามารถรักใครได้นั้น ฉันรู้ดีว่ามันคงไม่ง่ายที่จะหาทางรักษา

         

          เมื่อพูดจบเธอก็หันหลังเดินออกจากร้านไป ตีหนึ่งกับสิบห้านาทีแล้ว อากาศเย็นๆ ได้กลิ่นเมฆฝนอบอวลอยู่ในอากาศรอบๆตัว เธอสูดลม

หายใจเข้าแรงๆ แล้วปล่อยมันทิ้งออกมา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พอดีไปสบตากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเล่นกีต้าร์ อยู่บนขอบหน้าต่างในห้องชั้น

สามของหอพักฝั่งตรงข้าม  ที่กำลังมองลงมาเช่นกัน  ไม่รู้ในนาทีนั้นดวงตาทั้งสองคู่ที่สบกันกล่าวคำพูดใดต่อกัน หรือไม่ แต่ตอนนี้หยดฝนพร่างพรมลง

มาแล้ว เธอขึ้นรถขับออกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มบนห้องชั้นสามยังนั่งเล่นกีต้าร์เบาๆ ฮัมเพลงในลำคอ ต่อไป เป็นบทเพลงแห่งความสูญเสีย  ที่ไม่มีวันจบสิ้น



                  ..................................................


                ลูกค้ากลุ่มสุดท้าย อีกโต๊ะหนึ่งที่เหลืออยู่เช็คบิล ออกจากร้านไปแล้ว พี่แท็กปิดไฟป้ายร้านและไฟหน้าร้านบางดวงแล้ว และออกไปยืนสูบ

บุหรี่มองหยดฝนที่กำลังโปรยปราย อยู่หน้าร้าน พวกเราเก็บเครื่องดนตรีเสร็จหมดแล้ว เพื่อนนักดนตรีในวงของฉันขอตัวแยกย้ายกันกลับไปผักผ่อน

หมดแล้ว พนักงานในร้านตอนนี้กำลังทำความสะอาดห้องครัวกันอยู่ ดังนั้นตอนนี้ในร้านจึงเหลือเพียงฉันที่นั่งกอดเข่า อยู่บนบาร์ มอง ชายหนุ่มที่ชื่อ

พร้าว ที่กำลังยกขวด แจ็ค แดเนียลส์ ขึ้นกระดกแบบเพียวๆ เหมือนหวังให้รสขมหวานแรงๆนั้น เข้าไปล้างความเจ็บปวดในใจ ให้มันเลือนหายไป


              หลายครั้งแล้ว ในตอนที่ฉันยืนร้องเพลงอยู่บนเวที  ฉันมักจะมองเห็นเขาพาหญิงสาวที่ไม่ช้ำหน้ากัน เข้ามานั่งดื่ม ฟังเพลงและพุดคุยกัน

เหมือนคู่รักที่หวานชื่น แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของเขา ที่รักใครไม่เป็น ฉันได้แต่หวังว่าจะช่วยให้เขาสามารถมีความรักที่งดงามได้สักครั้ง แต่

ตอนนั้นฉันก็ทำได้เพียงยืนมอง และร่ำร้องบทเพลงแห่งความรักที่เขา อาจไม่เคยเข้าใจ


              ผ่านไปไม่นาน แจ็ค แดเนียลส์ ในมือก็ลงไปผสมอยู่ในร่างเขาจนหมดสิ้น แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ร่างโงนเงนของเขาที่

ลุกขึ้นมาและกำลังจะเดินออกจากร้านไป ก็พอดีกับที่ พี่แท็ก เดินสวนกลับเข้ามาในร้านพอดี


              “ เดี๋ยวน้อง เมาอย่างนี้แล้วจะกลับยังไง พี่ไม่ให้ขับรถกลับไปหรอกน่ะ จอดไว้ข้างร้านอย่างนั้นแหละ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา แล้วนั่งแท็กซี่

กลับ เดี๋ยวพี่ให้เด็กออกไปเรียกรถให้  นั่งรอตรงนี้ก่อน ” พี่แท็กจับแขนชายหนุ่มที่กำลังเดินสวนออกไปให้หยุดลง และพูดด้วยความเป็นห่วง


               “ ขอบคุณ ครับพี่ ” เขามองหน้าพี่แท็ก ก่อนรับคำเลือนๆ และทรุดตัวนั่งลงเหมือนรู้สภาพตัวเองที่กำลังจะหมดแรงเดิน


                “ เดี๋ยวหนูออกไปเรียกให้เองก็ได้ค่ะพี่แท็ก  ” ฉันกระโดดลงจากบาร์ และพูดขึ้น เมื่อเห็นเขายอมทรุดตัวนั่งลงแต่โดยดี


                 “ ถ้างั้น พี่ฝากดา ด้วยก็แล้วกัน  เดี๋ยวพี่เข้าไปดูน้องๆ เก็บครัวก่อน ” พี่แท็ก ยิ้มให้ฉันแบบเหนื่อยๆ ก่อนพูดขึ้น แล้วเดินหายเข้าครัวไป


                  ฉันยืนมองตามหลังจนพี่แท็ก เดินเข้าครัวไปแล้ว จึงเดินไปหยิบร่มที่แขวนอยู่ข้างประตู แล้วเดินออกไปเรียกรถ ที่ริมถนนใหญ่ หน้า

ปากซอย ทางเข้าร้านที่อยู่ไม่ไกลกันนั้น


                  เสียงหยดฝนที่กำลังโปรยปรายในตอนนี้ ช่างเหมือนเสียงเพลงแห่งความปวดร้าวของท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไร้จันทร์ ฉันไม่อยากให้ท้อง

ฟ้าต้องร้องไห้เลย ฉันไม่อยากฟังบทเพลงแห่งความเศร้านี้เลย



                   รถแท็กซี่คันหนึ่ง วิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาจอด เมื่อเห็นฉันกวักมือเรียก ขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูเพื่อขึ้นไปบนรถ ฉันหันกลับไป เห็นพร้าวกำลังเดินฝ่าสายฝนมาตามถนนหน้าร้านสายแคบๆ  นั้น เหมือนร่างที่ไร้

วิญญาณ ฉันปล่อยมือจากที่เปิดประตูรถ ทิ้งร่มในมืออีกข้างหนึ่ง เดินเร็วๆ กลับไปตามถนนสายแคบๆนั้น เดินตรงไปหาเขา โดยไม่สนใจร่างกายที่

กำลังเปียกปอนจากหยดฝนที่สาดเข้ามา ยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปคว้าจับคอเสื้อของเขา กระชากใบหน้าที่เลื่อนลอยนั้นให้โน้มลงมาจนเกือบแนบชิดกับ

ใบหน้าของฉัน ก่อนประทับริมฝีปากของฉันกับริมฝีปากของเขา ด้วยจุมพิตหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่พร่างพรายในรัตติกาลนี้ ฉันไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร

ในตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะสัมผัสถึงความรักที่งดงามเช่นนั้นได้หรือไม่ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะสามารถมีความรักในหัวใจได้สักครั้งหรือไม่  



                   แต่ตอนนี้ในหัวใจของฉันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ที่งดงามเหมือนดั่งดอกไม้ หลากสีสัน นานาพันธ์ที่ผลิบานอยู่ในสวนอันกว้างไกลสุดสายตา



           ......................................................................



                  ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เหมือนพริบตา อันยาวนาน  



                  หยดฝนหยุดสนิทสิ้นละอองแล้ว ท้องฟ้าเปิดให้ดวงจันทราทอแสงทาบลงมาย้อมท้องถนนจนเป็นสีทอง  เด็กชายในร่างเปลือยเปล่า ยืน

ยิ้มให้ฉันอยู่ท่ามกลางแสงสีทองของดวงจันทร์  ใบหน้าน้อยๆนั้นช่างงดงามนักท่ามกลางแสงจันทร์ เสียงกระซิบหนึ่งล่องลอยอยู่ในความงดงามของลำ

แสงสีทอง พร้อมเสียงหัวเราะสดใส




                   “ ยินดีต้อนรับสู่ เกรียนเทพครับ ๆๆๆๆๆๆ ”




          ..................................................................



                เทื่ยงคืนกว่าแล้ว ฉันยืนร่ำร้องบทเพลงอยู่บนเวที เป็นบทเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ มองลงไปเห็นพี่แท็ก ที่อยู่ในชุดพนักงานผูกผ้ากันเปื้อน

สีเข้ม กำลังเดินเข้ามาหา  พร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอันคุ้นเคย ในมือมีกุหลาบขาวช่อหนึ่งยื่นส่งมาให้ฉัน พร้อมการ์ดสีชมพูใบหนึ่งที่แนบมาด้วยกันมีข้อ

ความสั้นๆเขียนอยู่บนนั้นว่า


                    “ ตอนนี้ผมรู้แล้วครับ ว่าความสุขจากการที่ได้รักใครสักคนนั้น มันงดงามเพียงใด ”  ลงชื่อ  “ มะพร้าว ”

              ฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้พี่แท็ก เป็นเชิงขอบคุณ ก่อนยืนร้องเพลงต่อไป


                       เป็นบทเพลงแห่งความรัก อันหวานซึ้ง


               .................................................................




๐ จบตอนแค่นี้ ก่อนครับ

๐ ขอบคุณทุกท่าน .... ที่แว่ะเข้ามาอ่านน่ะครับ

๐ สุข สวัสดิ์ ... ในวันสบายๆๆๆๆ ครับ


   .............................................


เกรียนเทพ ตอน หูกวาง กับ เกรียนเทพแห่งความสูญเสีย ครับ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10555982/W10555982.html


   ........................

จากคุณ : moonpeace
เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 03:51:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com