ขุนศึกกู้แผ่นดิน(ขลุ่ยเพียงออ) บทนำ (ลงใหม่)
|
 |
เลือดไหลหลั่งชโลมรดผืนแผ่นดิน แม้กายสิ้นวิญญาณจะยังอยู่ คอยปกป้องมิให้พวกศัตรู มาหยามหลู่ซึ่งเกียรติอโยธยา (ขลุ่ยเพียงออ ประพันธ์)
บทนำ ลุศักราช ๘๙๑ ปีฉลู เอกศก ณ วันอาทิตย์ เดือนแปดขึ้น ห้าค่ำ เพลานั้น ขุนวรวงศาธิราชเจ้าผู้ผ่านแผ่นดินกรุงเทพทวารวดีศรีอโยธยาได้คิดการกันกับแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ให้เอาพระยอดฟ้า ไปประหารชีวิตเสีย ณ วัดโคกพระยา แต่พระศรีศิลป์น้องชายพระชนม์ได้เจ็ดพรรษานั้นเลี้ยงไว้ สมเด็จพระยอดฟ้านั้นอยู่ในราชสมบัติได้สองปีกับหกเดือน
ในกาลนั้นแผ่นดินถึงกับระส่ำระสาย เหล่าบรรดาพระราชวงศ์พระร่วง สุพรรณภูมิ แลศรีธรรมโศกราชอันเป็นเสาหลักค้ำบัลลังก์แผ่นดินกรุงศรีอโยธยาล้วนถูกเบียดเบียนบีฑา ซ้ำเหล่าขุนนางทั้งหลายผู้จงรักภักดีต่อวงศ์สุพรรณภูมิ ล้วนต้องราชอาญาจากขุนวรวงศาธิราชเจ้าให้กุมตัวไปจำตรุ บางผู้ถูกนำไปประหารยกโคตร แลสร้างความลำบากได้ยากทั่วทั้งแผ่นดิน
เพลานี้เห็นทีอโยธยาจักเป็นทุรยศเสียแล้ว แม่หยัวศรีสุดาจันทร์คิดคด สำเร็จโทษพระยอดฟ้า ก่อนจะสถาปนาขุนวรวงศาชู้รักขึ้นเป็นผู้ผ่านแผ่นดินอโยธยาศรีรามเทพนครเยี่ยงนี้เสียงจากชายหนุ่มร่างกำยำแลดูเด่นเป็นสง่ากว่าอีกสามคนด้วยเป็นเชื้อพระวงศ์ดังขึ้น ในหมู่ของคนที่สี่คนที่ปรึกษากันอยู่ในที่ลับไร้ผู้คนผ่านไปผ่านมา
ทรงเห็นควรว่าจักทำเยี่ยงไรรึ ขุนพิเรนทรเทพชายหนุ่มอีกคนเอ่ยเสียงดัง ด้วยท่าทีเป็นกังวลไม่แพ้กัน
ออกขุนอินทรเทพ ออเจ้าอย่าได้อึงเสียงดังไปหนา ข้าคิดการไว้แล้ว ขอให้พวกท่านช่วยกันร่วมแรงแต่เพียงเท่านั้นผู้รั้งตำแหน่งขุนพิเรนทรเทพ กล่าวเสียงกระซิบ ก่อนจะปรายตามองรอบข้างอย่างระแวงระไว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในที่ลับร้างไร้ผู้คน แต่ก็อาจมีผู้มาได้ยินก็เป็นได้
ขอประทานอภัยเถิด ขุนพิเรนทรเกล้ากระหม่อมลืมตัวไป
ลืมเยี่ยงนี้ ไม่ดีหนา เผลอไปโดนกุดหัวกันหมดสี่คนประไรขุนพิเรนทรเทพเอ่ยสัพยอกสหายที่มาร่วมคิดการ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะเบาๆลงลูกคอจากทุกคนที่มาร่วมชุมนุม
แล้วจักทรงทำเยี่ยงไรรึออกหลวงศรียศผู้ที่นิ่งเงียบฟังความมานาน เอ่ยขึ้นบ้าง
ใช่แล้ว พระองค์ท่านจักทรงทำเยี่ยงไรรึผู้ที่เคยรั้งตำแหน่งหมื่นราชเสน่หาเอ่ยถามด้วยความสนใจเช่นกัน
ข้าเห็นควรว่า จักไม่ละไว้ดูมิควรดอกหนา กระไรกันเอาชู้รักขึ้นผ่านแผ่นดินศรีอโยธยา ข้าจำจักโค่นราชบัลลังก์ แลกุมตัวอ้ายอีที่ชั่วช้ามาประหารชีวิตเสีย แต่ข้ายังตรองดูว่าจักให้ผู้ใดขึ้นครองอโยธยาสืบต่อนี่สิยังหาคิดได้ไม่ ออเจ้าทั้งหลายคิดเห็นเป็นประการใดรึสิ้นเสียงของผู้มีฐานันดรศักดิ์ถึงเชื้อพระวงศ์ ทั้งหมดสี่คนจึงตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความคิด
ออเจ้าคิดเห็นเป็นประการใดรึคนบ้านลานตากฟ้าขุนอินทรเทพเอ่ยถามสหายผู้มียศสูงกว่าหรือหลวงศรียศอย่างหยอกเย้า ผู้เป็นสหายส่ายหน้าตอบด้วยนึกไม่ออกว่าใครนั้นเหมาะที่จักขึ้นผ่านแผ่นดินสยามในครานี้
ข้าเห็นจะมีแต่พระเฑียรราชาที่บวชอยู่นั้นแล ที่เหมาะที่จักขึ้นครองเศวตฉัตร พวกท่านคิดเห็นเป็นประการใดขุนพิเรนทรเทพที่นิ่งอึ้งอยู่สักครู่ถามเหล่าผู้ร่วมคิดการ
ข้าก็ออกจักเห็นด้วยกับพระองค์ ขุนพิเรนทร อันพระเฑียรราชานั้น ทรงเป็นพระราชอนุชาของพระไชยราชาธิราชเจ้า แลเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร ข้าเห็นสมควรด้วยพระองค์ ขุนพิเรนทรหลวงศรียศเอ่ยสนับสนุนกับผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยตรึกตรองดีแล้ว
ข้าก็เห็นควรด้วยพระองค์ ขุนพิเรนทรเทพอีกสองคนที่เหลือพูดออกมาพร้อมกัน
เช่นนั้น พวกเราควรไปเข้าเฝ้าด้วยพระเฑียรราชาที่วัดราชประดิษฐาน วันพรุ่งเถิดว่าพระองค์จักทรงเห็นเป็นประการใดขุนพิเรนทรเทพสรุปความ แล้วจึงบอกเลิกชุมนุม ทั้งสี่คนจึงต่างแยกย้ายจากที่ลับที่มารวมกันปรึกษาความ กลับเรือนของตนไปทีละคน เพื่อมิให้เกิดพิรุธใดๆขึ้นให้มีผู้สังเกตเห็นได้ หลวงศรียศเหม่อมองเดือนเพ็ญดวงใหญ่ขณะพายเรือกลับเรือน พระจันทร์ดวงโตทอแสงอย่างอ่อนแรง สรรพสำเนียงของเหล่านกหากินกลางคืนแลพระพายที่โชยพัดโบกไหวคล้ายเสียงรำพันพิลาปร่ำไห้ให้กับแผ่นดินที่ตอนนี้กลับนองด้วยโลหิตของชนชาติเดียวกันเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ กี่ปีมาแล้วหนอที่ผืนแผ่นดินอโยธยาอันเป็นมาตุภูมิแห่งเขาที่เคยสงบสุขได้จางหายไปทีละน้อย
จากคุณ |
:
อโยธยานารี
|
เขียนเมื่อ |
:
วันวิสาขบูชา 54 09:17:26
|
|
|
|