ฟอร์เซ็ตติยืนมองแม่น้ำริเวอร์ด้วยสีหน้าและแววตาที่ยากแก่การอ่าน โดยมีโซลย์ยืนอยู่ด้านข้าง เขากระชับบรุนนาลาซึ่งเปล่งประกายสีแดงจัดเอาไว้ในมือ โมไดและแนชท์ซึ่งเพิ่งตื่นเดินตรงไปหาคนทั้งสองพร้อมกับมองดูทุ่งดอกบิออร์ซึ่งแห้งกรอบเป็นทางยาวไปจนถึงฝั่งแม่น้ำราวกับถูกไฟเผา เด็กหนุ่มจึงพูดขึ้น
พวกเจ้าจัดการเจ้าดอกไม้พิษนั่นแล้วหรือ
ก็อย่างที่เห็น แม่ทัพแห่งมอร์เซลตอบเสียงห้าว เขากวัดแกว่งดาบเพลิงสองสามครั้งก่อนเก็บมันลงไปในฝัก เราต้องเปิดทางเดินไปที่แม่น้ำ
แล้วเจ้าหาวิธีข้ามไปได้แล้วเรอะ เจ้าจอมเวท
โมไดหันไปถามฟอร์เซ็ตติ เขาทำเพียงแค่ชำเลืองสายตามองเด็กหนุ่มแต่ไม่ได้ตอบอะไร โซลย์จึงพูดแทน
พวกข้ากำลังปรึกษากันอยู่
โธ่เอ๊ย! โมไดร้องออกมา ข้าคิดว่าพวกเจ้าหาทางข้ามน้ำนี่ได้แล้วเสียอีก นี่ขนาดใช้เวลาคิดกันทั้งคืนเลยนะ
แล้วเจ้าล่ะ คิดออกได้สักวิธีแล้วหรือ แนชท์หันหน้ามาตวาดถาม เด็กหนุ่มไหวไหล่น้อยๆ
นั่นเป็นหน้าที่ของพวกผู้ใหญ่ต่างหาก ข้าเป็นเพียงผู้ทำตามเท่านั้น
สรุปง่ายๆคือคิดอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เด็กสาวพูดเสียงเยาะและรีบก้าวเท้าเดินตามหลัง ฟอร์เซ็ตติไปทันที โซลย์หันมายิ้มให้กับโมได
เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้าจำนนต่อวาจาของคนอื่น
ข้าไม่อยากเอาชนะกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี่ต่างหาก เด็กหนุ่มพูดงึมงัมและรีบเดินตาม ทั้งหมดยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซึ่งไหลเชี่ยวกราก สายธารที่เคยใสสะอาดบริสุทธิ์แปรเปลี่ยนไปเป็นสีดำสนิทจนแทบจะรู้สึกว่าอาจถูกกลืนหายหากพลาดพลั้งลื่นไหลตกลงไปในสายน้ำ โซลย์เขม้นสายตามองอย่างครุ่นคิดในขณะที่โมไดโน้มตัวลงไปมอง
แม่น้ำนี่น่ากลัวพิลึก
เขาก้มตัวลงไปหยิบก้อนหินขนาดเขื่องและโยนลงไปด้วยความสนุก ฟอร์เซ็ตติหันขวับไปห้ามทันที
อย่า!โมได!
เด็กหนุ่มชะงักมือที่กำลังเงื้อหินก้อนต่อไปค้างและทำท่าจะย้อนถาม เสียงดังลั่นครืนสะท้อนขึ้นมาจากก้นแม่น้ำ คนทั้งสี่ถอยหลังออกไปสองสามก้าวโดยที่สายตายังคงจับจ้องมองตรงไปยังกลางแม่น้ำที่บังเกิดพรายฟองจำนวนมากผุดขึ้นมาจนดูเหมือนมันกำลังเดือดพล่าน กระแสน้ำเริ่มปั่นป่วนหมุนวน แสงสีเขียวเรืองรองสองดวงปรากฏขึ้นตรงใจกลางพรายฟองและกำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสวาดไม้เท้าในมือและสร้างม่านอาคมอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสีดำลื่นเป็นมันโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำและพุ่งเข้าโจมตีพวกเขาทันที เสียงร้องคำรามอย่างโกรธแค้นดังลั่นเมื่อเขี้ยวคมกริบสัมผัสกับโล่พลังจนบังเกิดประกายไฟ เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดอ้าปากกว้าง น้ำลายเหนียวไหลยืดย้อยออกมาเป็นสายขณะที่มันยืดร่างให้สูงขึ้น โมไดแหงนมองตาม
นี่มันตัวอะไรกันอีกล่ะ
นิตฮอกก์ อสูรที่ชอบฉีกร่างเหยื่อทั้งเป็นก่อนจะกลืนลงไปในท้อง สัตว์ร้ายจากทะเลแห่งความตาย
แล้วมันมาอยู่ในแม่น้ำของมาร์วัลลัสได้ยังไงกัน เด็กหนุ่มถามอย่างตระหนก มือเลื่อนไปสัมผัสกับรันนิ่งโดยไม่รู้ตัว ฟอร์เซ็ตติขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ
พลังมืดของจอมมารเรียกมันขึ้นมา สีหน้าของจอมเวทหนุ่มเริ่มฉายแวววิตกออกมาเมื่ออสุรสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายปลาไหลกำลังโจมตีม่านพลังของเขาอย่างรุนแรง ที่แย่คือข้าไม่รู้จักวิธีทำลายมัน
ดูเหมือนเจ้านี่กำลังจะทำลายม่านอาคมของเจ้านะ โซลย์พูดขึ้นเมื่อเห็นรอยปริแยกปรากฏขึ้นบนโล่พลัง เขาดึงดาบเพลิงออกมาในขณะที่แนชท์ดึงซาเบลลอทที่เหน็บไว้กับเข็มขัดมาถือไว้ในมือ
เจ้านี่ดุร้ายกว่าไฮดร้าหลายเท่า ซ้ำยังเคลื่อนไหวได้ทั้งในน้ำและบนบก ข้าไม่แน่ใจว่าเวทเพลิงจะเอามันอยู่หรือไม่
ฟอร์เซ็ตติพูดด้วยสีหน้าหนักใจ ส่วนโซลย์เริ่มมองหาที่กำบังเมื่อเห็นว่าม่านอาคมที่กำลังป้องกันพวกเขาอยู่เริ่มสั่นไหวราวกับคลื่น เขาสบถออกมาสองสามคำเมื่อพบว่าพื้นที่โดยรอบเป็นที่โล่ง ไม่มีแม้แต่พุ่มไม้เตี้ยสักต้น เสียงแนชท์ร้องขึ้น
ระวัง!
แม่ทัพแห่งมอร์เซลหันขวับไปตามเสียง เขาเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นเจ้า นิตฮอกก์พองเกล็ดบริเวณกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างของมันออกและสะบัด เกล็ดที่มีลักษณะคล้ายเข็มขนาดใหญ่หลุดออกมาและพุ่งผ่านทะลุกำแพงเวทเฉี่ยวร่างของฟอร์เซ็ตติไปปักติดแน่นบนพื้น ม่านอาคมอันทรงพลังแตกสลายอย่างฉับพลัน แนชท์หมุนซาเบลลอทในมือและพุ่งมันออกไปทันที อาวุธรูปร่างประหลาดวิ่งแฉลบผ่านผิวที่มีเมือกลื่นและเลื่อนไหลข้ามตัวของนิตฮอกก์ไปอีกด้าน เด็กสาวพลิกมือของตนพร้อมกับร่ายเวทเสียงดัง ซาเบลลอทหมุนตัวลอยกลับมาหานาง
หนังของเจ้าอสูรกายตัวนี้หนากว่าหนังของหมูป่าเสียอีก อาวุธของเจ้าไม่ระคายผิวของมันหรอก แนชท์
ฟอร์เซ็ตติพูด เขารั้งร่างเล็กบางของแนชท์ให้ถอยห่างออกจากรัศมีการโจมตีของสัตว์ร้าย โมไดเหวี่ยงรันนิ่งในมือของเขาออกไปบ้าง อาวุธบินของเขาไถลไปตามร่างของอสูรน้ำโดยไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนใดๆให้เกิดขึ้น เด็กหนุ่มยกมือขึ้นรับรันนิ่งของเขาพร้อมกับร้อง
รันนิ่งของข้าทำอะไรมันไม่ได้เลย
รีบถอยออกมาให้พ้นจากแม่น้ำก่อน โมได จอมเวทหนุ่มร้องบอก เขาเรียกลูกไฟออกมาและระเบิดใส่หน้านิตฮอกก์ มันร้องคำรามอย่างรำคาญขณะที่เลื่อนตัวขึ้นมาบนบกอย่างรวดเร็ว
มันกำลังตามพวกเรามาแล้ว
โมไดพูดเสียงดัง โซลย์หมุนดาบเพลิงในมือของเขาและเหวี่ยงไปในอากาศเต็มแรง
อัซซ์บรุนน์
เปลวเพลิงรูปจันทร์เสี้ยวหมุนคว้างออกจากปลายดาบพุ่งขนานไปตามพื้น เสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อพลังไฟจากบรุนนาลาปะทะกับร่างของนิตฮอกก์ มันส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดระคนโกรธแค้น ร่างลื่นเป็นมันซึ่งกำลังขยับขึ้นมาจากแม่น้ำหยุดชะงักไปชั่วขณะ โซลย์รีบถือโอกาสนี้ร้องเร่งเพื่อนของเขา
รีบวิ่งเร็ว!
โมไดหันไปคว้าข้อมือของแนชท์และพาวิ่งออกไปโดยเร็ว ตามด้วยฟอร์เซ็ตติและโซลย์ นิตฮอกก์อ้าปากร้องเสียงดังเมื่อรู้ว่าเหยื่อทั้งสี่กำลังจะหนี มันขยับเคลื่อนร่างที่เปียกลื่นเหมือนปลาไหลตามอย่างรวดเร็ว
พวกเราหนีมันไม่พ้นแน่แบบนี้ โซลย์พูดขึ้นเมื่อเขาหันหน้ากลับไปมองทางด้านหลังและพบว่าอสูรน้ำกำลังพุ่งตามมาติดๆ ฟอร์เซ็ตติเหลือบสายตามองตาม
มันเคลื่อนที่บนบกได้ก็จริง แต่ต้องเหลือส่วนหางแช่เอาไว้ในสายน้ำ มิฉะนั้นผิวของมันจะแห้งและตายในที่สุด
เยี่ยม! งั้นพวกเราก็รีบย้อนกลับไปยกหางมันให้พ้นน้ำกันเลยดีกว่า โมไดพูดประชดจนจอมเวทนึกอยากจะใช้ไม้เท้าของเขาฟาดไปบนหัวเด็กหนุ่มสักครั้ง
แล้วนี่พวกเราต้องหนีห่างจากมันเท่าไหร่จึงจะปลอดภัยกัน
ตัวของเจ้าปลาไหลยักษ์นี่ยาวราวๆร้อยเมตร
ร้อยเมตร! เสียงโมไดร้องดังลั่น นี่ข้าต้องวิ่งหนีเจ้าปลานั่นตั้งร้อยเมตรเชียวหรือ
ถ้าเจ้าสามารถวิ่งทันนะ
ฟอร์เซ็ตติตอบ ทั้งหมดหยุดการโต้เถียงกันทันทีเมื่อเกล็ดรูปเข็มขนาดใหญ่ของปลาไหลปิศาจพุ่งตามหลังมาเป็นชุด โซลย์หยุดวิ่งและหันกลับไปประจันหน้ากับมันอย่างไม่หวาดเกรง บรุนนาลาในมือถูกเงื้อง่าขึ้น มันเปล่งประกายสุกสว่าง แม่ทัพหนุ่มตวัดมันไปมาเพื่อทำลายเกล็ดเข็มพิษของนิตฮอกก์
โซลย์
ฟอร์เซ็ตติร้องเรียกแม่ทัพแห่งมอร์เซลด้วยความเป็นห่วง เขาชะงักฝีเท้าและหมุนตัวกลับไปเพื่อช่วยโซลย์ แนชท์ซึ่งหันหน้าไปดูฝืนกายขัดขืนแรงดึงของโมไดทันที
ข้าจะกลับไปช่วยท่านจอมเวท
ได้เลย
เด็กหนุ่มตอบ เขาปล่อยมือของแนชท์และวิ่งนำหน้านาง มือกระชับรันนิ่งในลักษณะเตรียมพร้อมในขณะที่แนชท์ดึงซาเบลลอทคู่ของนางออกมา
พวกเจ้ามาทำไม รีบหนีกันไปก่อน
โซลย์ร้องถามด้วยสีหน้าดุดัน แต่โมไดกลับยิ้ม
ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสนุกอยู่คนเดียวหรอก
ไอ้เด็กบ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ แม่ทัพแห่งมอร์เซลพูดเสียงห้าว เขาหมุนดาบเพลิงปัดเข็มพิษออกไปโดยมีรันนิ่งของโมไดวิ่งฉวัดเฉวียนรอบตัว
รันนิ่งของข้าอาจจะเชือดผิวเจ้านั่นไม่เข้า แต่สำหรับเข็มพิษกระจอกนี่ แค่บินผ่านมันก็ขาดสองท่อนแล้ว เจ้าหาทางโจมตีเจ้าปลาไหลผีนั่น ส่วนข้าจะคอยป้องกันเข็มพิษพวกนั้นให้
ข้าจะคอยหลอกล่อเจ้านั่นเอง แนชท์พูดขึ้น นางควงอาวุธอย่างคล่องแคล่วและวิ่งออกไปทันที เจ้าปลาไหลปิศาจเอี้ยวตัวไล่งับอย่างรวดเร็ว แต่เด็กสาวกลับหลบหลีกไปได้อย่างว่องไว อาศัยจังหวะที่นิตฮอกก์หมุนหัวของมันไปด้านหลัง โซลย์ก็สะบัดคมดาบฟาดฟันลงไปตรงแถวช่วงท้องของมันเต็มแรง เจ้าปลาไหลปิศาจร้องลั่นและหันหัวกลับมาฉกร่างของแม่ทัพหนุ่มเต็มที่ แสงสีฟ้าวิ่งผ่านระหว่างคมเขี้ยวของนิตฮอกก์และโซลย์ เจ้าปิศาจปลาไหลชะงัก มันบิดตัวหันไปโจมตีฟอร์เซ็ตติแทน
จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสกระโดดหลบพร้อมกับหมุนไม้เท้าในมือและฟาดลงไปที่กลางแสกหน้าของเจ้าปลาไหลยักษ์เต็มแรง มันคำรามด้วยความโกรธจัด เข็มพิษที่อยู่ตรงกระพุ้งแก้มกางออก สะบัดใส่ร่างในชุดขาวซึ่งกำลังก้าวถอยไปข้างหลังและไม่ทันได้ระวังตัว
เจ้าจอมเวท!
โมไดร้องเสียงดัง รันนิ่งหมุนร่อนตัดเข็มพิษจนขาดกระจุย นิตฮอกก์พ่นของเหลวเหนียวๆใส่อาวุธบินของเด็กหนุ่มก่อนหันไปโจมตีจอมเวทอีกครั้ง มันตวัดหนวดสองเส้นเล็กที่งอกออกมาจากส่วนบนของปากเข้าใส่ฟอร์เซ็ตติ เขาเหวี่ยงไม้เท้าปัดออกแต่ต้องเสียหลักล้มลงเมื่อนิตฮอกก์พุ่งส่วนหัวเข้าชนเต็มแรง อสูรร้ายร้องคำรามอย่างยินดีพร้อมกับยืดตัวสูงขึ้นและอ้าปากกว้าง มันสะบัดเข็มพิษเข้าใส่ร่างที่นอนอยู่บนพื้น โมไดชักดาบของเขาออกมาและกระโดดเข้าไปยืนขวางทันที
ข้าไม่ยอมให้แกมาทำร้ายเพื่อนของข้าเป็นอันขาด!
เด็กหนุ่มตะโกนก้อง ดาบในมือตวัดไปมาปัดเข็มพิษที่พรั่งพรูลงมาราวกับสายฝน แม้จะว่องไวแต่ด้วยจำนวนที่มีมากจนเกินกว่าสายตาของเขาจะมองทัน เข็มพิษอันหนึ่งพุ่งเข้าไปปักบนอกด้านซ้ายของเขาจนทะลุออกไปด้านหลัง ดวงตาของโมไดเบิกกว้างด้วยความตระหนก ดาบในมือหลุดร่วง ร่างของเด็กหนุ่มทรุดฮวบลงกองกับพื้นทันที
โมได!
ฟอร์เซ็ตติร้องขึ้นด้วยความตกใจอย่างที่สุด เขายกไม้เท้าขึ้นชูออกไปข้างหน้าพร้อมกับร่ายเวทอย่างเร็ว แสงเพลิงสีแดงสดระเบิดออกจากคริสตัลพุ่งเข้าใส่หน้าของนิตฮอกก์เต็มที่ มันกรีดร้องเสียงแหลมเล็กและถดถอยร่างกลับลงไปในน้ำ โซลย์และแนชท์รีบวิ่งเข้าไปหาโมไดที่นอนแน่นิ่งอยู่ เขาร้องครางออกมาเบาๆเมื่อจอมเวทหนุ่มนั่งลงประคอง
เจ้าเด็กบ้า ทำอะไรไม่รู้จักคิด
ฟอร์เซ็ตติตำหนิเขาด้วยสีหน้าที่แสดงความวิตก และรีบเลื่อนมือสำรวจบาดแผลของเด็กชาย โซลย์ใจหายเมื่อเห็นความกังวลฉายอยู่ในแววตาสีฟ้า
อาการหนักมากใช่ไหม
เข็มพิษเฉียดหัวใจเขาไปนิดเดียวเท่านั้น จอมเวทตอบ แต่หากเราขืนไปขยับหรือดึงมันออก หนามเล็กๆที่ติดอยู่ตรงส่วนปลายของมันอาจจะเลื่อนไปถูกได้
คงต้องตัดปลายออกก่อนแล้วค่อยดึงมันออกมา
ทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ฟอร์เซ็ตติร้องห้าม โซลย์ชะงักมือทันทีและมองหน้าเขา
พิษของนิตฮอกก์ไม่ได้อยู่ที่เมือกหรือติดบนพื้นผิวของเข็ม แต่มันแทรกอยู่ระหว่างเงี่ยงส่วนปลาย หากเราตัดมันออกเมื่อใด กระเปาะพิษที่อยู่ในนั้นจะแตกออกทันที
แล้วเราจะทำยังไงกันดี โซลย์พูดด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มใจอย่างที่สุด ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้เจ้าหนูนี่ก็ต้องเสียเลือดจนตายแน่
ข้า...ไม่เป็น...อะ...ไร
โมไดฝืนกัดฟันพูดออกมา ฟอร์เซ็ตติมองดูใบหน้าอันซีดเซียวของเขาก่อนหันไปมองทิวป่าซึ่งมองเห็นได้อย่างรางๆทางด้านหลัง
มีคนที่สามารถรักษาแผลนี่ได้
เขาพูดขึ้น โซลย์มองตามสายตาของจอมเวทหนุ่มพร้อมกับกล่าวถาม
เจ้าหมายถึง.......
ผู้ที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งมนตรา ฟอร์เซ็ตติตอบและหันหน้ากลับมาทางแม่ทัพหนุ่ม
แต่เราต้องเดินย้อนกลับไปทางเก่าก่อนพอเข้าสู่เขตป่าจึงเปลี่ยนเป็นมุ่งขึ้นไปทางเหนือ เจ้าแบกเขาไปโดยไม่หยุดพักเลยได้ไหม ท่านแม่ทัพ
ต่อให้ต้องแบกเจ้าหนูนี่ข้ามเขาไปสิบลูก ข้าก็ยินดี
โซลย์ตอบพร้อมกับสอดมือเข้าไปช้อนร่างของเด็กหนุ่มและลุกขึ้น
นำทางไปได้เลย ท่านจอมเวท
ฟอร์เซ็ตติหันไปมองแนชท์ซึ่งถือรันนิ่งของโมไดเอาไว้ในมือ นางผงกศีรษะให้กับเขา ดวงตาเหลือบไปมองดูเพื่อนซึ่งสิ้นสติไปแล้วด้วยความเป็นห่วง จอมเวทหนุ่มจึงเดินนำหน้าพวกเขาย้อนกลับเข้าสู่ป่าที่เพิ่งจากมาอย่างรวดเร็ว ทั้งสี่เดินทางติดต่อกันทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีการหยุดพักเพื่อมุ่งสู่ป่าทึบทางด้านเหนือใกล้กับภูเขา เมื่อสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านยอดไม้ ฟอร์เซ็ตติจึงหยุดและมองดูป่าสีเขียวเบื้องหน้า ดวงตาทอประกายแปลกๆออกมาวูบหนึ่งก่อนหันมาทางโซลย์
ป่าแห่งมนตรา ที่อาศัยของเหล่าอมตชน เขามองไปยังแนชท์ที่ดูเหมือนจะมีสีหน้าเข้มขึ้น ศัตรูตลอดกาลของเผ่านักรบเวท
ข้าจะรออยู่ที่นี่ แนชท์พูดเสียงห้วนแต่ฟอร์เซ็ตติกลับส่ายหน้า
เจ้าจะเข้าไปในนั้นพร้อมกับข้าและโซลย์ ในฐานะแขกคนสำคัญ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครกล้าเข้ามาทำร้ายเจ้า ตราบใดที่มีข้าอยู่ด้วย
โดยไม่รอฟังคำตอบจากคนทั้งสอง จอมเวทหนุ่มเดินนำหน้าพวกเขามุ่งตรงไปยังป่าแห่งมนตราซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าทันที
*-*-*-*
หลังจากคั่นด้วยเรื่องสั้นเกี่ยวกับอดีตของฟอร์เซ็ตติแล้วเราก็กลับมาที่เรื่องราวการเดินทางของสามหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาล่วงเข้าสู่แผ่นดินของชาวจอมเวทแล้วซึ่งก็ได้รับการต้อนรับแบบสยดสยองไม่แพ้ทุกที่ที่ผ่านมา ไม่สิ มันน่ากลัวกว่านั้นอีกเพราะครั้งนี้สมาชิกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส
มาตอบคำถาม พูดดุยกันดีกว่านะคะ
กว่าจะจัดการ คอร์ฟ ได้ คงต้องตายกันอีกมาก มองเห็นความรุนแรงของเหตุการณ์ได้ชัดเจนเลยครับ ระดับล้างโลกเลยทีเดียว จากคุณ : zoi - เรียกว่าตายกันแบบยกแผ่นดินเลยก็ว่าได้ ประมาณล้างโลกจริงๆ อีกอย่างฉากที่ให้ฟอร์เซ็ตติใช้เวทล้างเมืองก็เพื่อจะบอกให้รู้ว่าเขาเป็นจอมเวทที่มีพลังมากที่สุด
ในกลุ่มเริ่มคุยกันดีขึ้น พักหลังงานคุณมูนนี่ออกแนวทำลายล้างโหดขึ้นกว่ายุคก่อนนะครับ^^ ภาพฟอร์เซ็ตติอะไรจะหวานขนาดนั้น^^ ช่วยกันอ่าน(ตรวจ) เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองดูจอมเวทหนุ่มที่กำลังลืมตาและจ้องนางด้วยแววที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปราณี.....ปรานี จากคุณ : Psycho man - มิตรภาพกับความไว้วางใจที่มีให้ต่อกันสร้างสัมพันธ์ให้คนทั้งสามค่ะ ความจริงนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนนะคะ แต่เพราะเน้นการเดินทาง ผลญภัยประมาณ แอ็ตชั่น แฟนตาซี แอดเวนเจอร์ เลยมีฉากโหดค่อนข้างแยะ
เอ....แต่งานส่วนใหญ่ก็จะออกมาแนวนี้นี่นา หรือมูนนี่โรคจิต = ="
เศร้ามากๆ เลย :( จากคุณ : scottie - ดีใจจังที่คุณสก็อตตี้รู้สึกร่วมไปกับตัวละครในนิยาย T.T
นี้ไม่ผิดลิขสิทธิหรอถึงจะเขียนเองก็เถอะ จากคุณ : หยงกี้ - หมดสัญญาไปเกือบสองปีแล้วค่ะ
วันนี้ปิดท้ายด้วยภาพของจอมมารคอร์ฟคาร์คาสฝีมือน้อง Mari นะคะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามงานของมูนนี่ค่ะ
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
18 พ.ค. 54 08:20:03
|
|
|
|